ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “วัดไชยมงคล” ศิลปะพม่าที่เก่าแก่ กลางเมืองลำปาง  (อ่าน 2767 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


“วัดไชยมงคล” ศิลปะพม่าที่เก่าแก่ กลางเมืองลำปาง
 
วัดไชยมงคลเป็นวัดอยู่ในตัวเมืองจังหวัดลำปาง มีศิลปกรรมแบบพม่า ตั้งอยู่ริมถนนสนามบิน ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง เยื้องกับวัดป่าฝาง มีอีกชื่อหนึ่งว่าวัดจองคา มีเนื้อที่กว่า 9 ไร่ มีพระจำพรรษา 2 รูป คือพระอธิการสมศักดิ์ กิตฺติธโร เจ้าอาวาส และพระฤทธี วงศ์มหา พระลูกวัด ซึ่งความเป็นมาของวัด พระฤทธีได้เล่าประวัติของวัดไชยมงคล (จองคา) ว่า เมื่อสามร้อยกว่าปีบริเวณนี้เป็นที่ดินรกร้างมีหญ้าคาและต้นไม้ใหญ่ยืนต้นจำนวนมาก ใช้เป็นที่ประหารนักโทษเป็นที่รวมพลนักรบไทยโบราณและนักรบพื้นเมืองของคนลานนา (ในสมัยเจ้าพ่อหนานทิพย์ช้าง) ต่อมาที่ดินบริเวณนี้ได้อยู่ในความดูแลของพระชายาองค์หนึ่งของเจ้าหลวงนรนันทชัย เจ้าเมืองลำปาง มีเนื้อที่ 31 ไร่
 
ปลายสมัยเจ้าหลวงนรนันทชัยมีพ่อค้าไม้ชาวไทยและชาวพม่าหลายสิบคนขอซื้อที่ดินแปลงนี้เพื่อสร้างสำนักสงฆ์ในปี พ.ศ.2420 พระชายาเจ้าหลวงนรนันทชัยได้ยกที่ดินแปลงนี้ให้สร้างเป็นสำนักสงฆ์จำนวน 9 ไร่ ที่เหลืออีก 22 ไร่ ซึ่งอยู่โดยรอบทั้งสามด้านให้เป็นที่ทำนาและเพาะปลูกพืชผลเพื่อเลี้ยงวัด อาณาเขตของวัดโดยรอบคือทิศเหนือติดคลอง-ทิศใต้ติดทุ่งนา (ปัจจุบันติดถนนซูเปอร์ไฮเวย์)-ทิศตะวันออกติดสนามบิน-ทิศตะวันตกติดที่วัด พ่อค้าที่มารวมตัวกันหลายสิบคนนั้น มีทั้งชาวไทยและชาวพม่าที่ปรากฏมีพ่อเลี้ยงอ้าย เรืองยศ พ่อเลี้ยงอูโง่ยชิ่น สุวรรณอัตถ์ พ่อเลี้ยงยาดิ๋บ พ่อเลี้ยงหม่องเมี้ยด ฯลฯ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากพระชายาเจ้าเมือง ตลอดจนประชาชนชาวพุทธ ได้สร้างสำนักสงฆ์กุฏิมุงด้วยหญ้าคาเป็นจำนวนมาก สำนักสงฆ์นี้จึงได้ชื่อว่าจองคา (จองคาแปลว่าวัด/คา หมายถึง หญ้าคา)

 


ต่อมาในปี พ.ศ.2440-2450 คณะพ่อค้าคหบดีและประชาชนได้รวมตัวกันสร้างวิหารหลังหนึ่ง ก่ออิฐถือปูนด้วยศิลปะแบบพม่าผสมลานนา ตัววิหารสูง 15 เมตร เป็นวิหาร 2 ชั้น บันไดหันไปทางทิศเหนือ เสาวิหารสมัยนั้นประดับ เพชรพลอย ทับทิม นิล มรกต บุษราคำ และไพลิน สวยงามมาก ชั้นบนประดิษฐ์ฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ ทรงเครื่องเป็นพระพุทธรูปทองสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 1 เมตรเศษ พระพุทธรูปองค์นี้นำมาจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าเมื่อ พ.ศ.2450

โดยอัญเชิญมาทางเรือผ่านมาทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แล้วนำขึ้นบนหลังช้างมาประดิษฐานที่วิหารแห่งนี้ชื่อว่าพระพุทธไชยมงคล ส่วนชั้นล่างของวิหารเป็นที่เรียนหนังสือบาลี มคธ และภาษาพื้นเมือง และได้รับการเปลี่ยนชื่อจากสำนักสงฆ์จองคาเป็นวัดไชยมงคล โดยเจ้าหลวงบุญวาทย์วงศ์มานิตย์ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองนครลำปางในสมัยนั้น

 



ต่อมาตึกวิหารของวัดทรุดโทรม ปรักหักพัง เสาวิหารที่สวยงามแต่ละต้นที่มีเทพบุตรและเทพธิดาถูกหักเศียรทุบทำลายพัง (หลักฐานยังคงมีอยู่เดิมที่เสาบันไดวิหาร) จวบจน พ.ศ.2460 เศรษฐีเชื้อสายพม่าชาวลำปางและชาวเชียงใหม่ โดยการนำของขุนอุปโยดิบ ได้ร่วมกันสร้างพระบรมธาตุเกศาไชยมงคลขึ้นทางทิศใต้ ฐานกว้างสี่เหลี่ยม มณฑลกว้าง 9x9 เมตร สูง 18 เมตร ความสูงเป็น 3 ระดับ ลดหลั่นกัน แต่ละมุมของฐานชุกชีชั้นแรก มีเจดีย์ย่อ 4 มุม ทั้ง 4 ด้าน และฐานชั้นที่ 2 มีรูปนรสิงห์ทั้ง 4 ด้าน ฐานที่ 3 เป็นเจดีย์ทรงคว่ำ สูงขึ้นไปเป็นยอดเงิน-ทอง เจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ ประดับด้วยอัญมณีต่างๆ และภายในบรรจุพระบรมเกศาธาตุของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 3 เส้น ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่า
 
เมื่อ พ.ศ.2494 พระอาจารย์อูอาจิณณะเจ้าอาวาสได้มรณภาพลง วัดไชยมงคลขาดพระเณรดูแลจึงถูกปล่อยทิ้งรกร้าง จนถึง พ.ศ.2504 พระณรงค์ เขมินโท ได้รับการแต่งตั้งจากพระอูปันนะวะเจ้าอาวาสวัดจองคำ ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไชยมงคล (จองคา) แทนพระอาจารย์อูอาจิณณะเจ้าอาวาสที่มรณภาพลง ซึ่งพระณรงค์ได้ทำการพัฒนาบูรณะวัดไชยมงคล (จองคา) จนสะอาดสะอ้านสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้เป็นอย่างดี

 

ปัจจุบันวัดไชยมงคลหรือวัดจองคามีอาคารสวยงามโดดเด่นเป็นตึกสีขาว หลังคาเครื่องไม้แบบพม่า ประดับกระจกดูแวววาวแม้เป็นการประดับด้วยกระจกเป็นรูปเทวดา เสาประดับด้วยลวดลายโลหะสีทองขดเป็นลวดเครือเถาประดับกระจกสีต่างๆ งดงามมาก ระเบียงโดยรอบกุฏิฉลุไม้อย่างประณีต เพดานทาสีชาด ใช้กระจกประดับเป็นรูปวงกลม วงแรกประดับฉับด้วยกระจกสีเขียว ส่วนต้นไม้ดอกไม้ประดับที่ชูช่อดูอ่อนไหวใช้กระจกสีเหลืองทอง รูปกระต่ายลอยเด่นชัดเจนประดับด้วยกระจกสีขาว วงกลมถัดไปประดับพื้นด้วยกระจกสีขาว ช่วยทำให้เห็นภาพยูงรำแพนสวยงามมากยิ่งขึ้น

เราสามารถมองผ่านม่านซึ่งทำด้วยแผ่นไม้ฉลุด้วยฝีมือชั้นเยี่ยม เหนือม่านแกะสลักเป็นภาพพระพุทธองค์ปางเห็นอุคหนิมิตร เกิด แก่ เจ็บ ตาย ออกผนวช และตรัสรู้ มีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ซึ่งมีลักษณะงดงามสร้างจากเมืองมัณฑะเลย์ประดิษฐอยู่ กล่าวกันว่าองค์พระพุทธรูปถอดเป็นชิ้นๆ ได้ ฉากด้านหลังองค์พระพุทธรูปประดับพื้นด้วยกระจกสีมุก ส่วนเทวาที่ล่องลอยอยู่ประดิษฐ์จากกระจกสีแดง น้ำเงิน เขียว พระเจดีย์องค์ใหญ่สีขาวยอดฉัตรสีทองมีหมู่เจดีย์องค์เล็กประจำอยู่สี่ทิศ นรสิงห์ตัวเล็กๆ อยู่เคียงข้าง

ในส่วนตัวอาคารสีขาว วิหารโบราณ นอกจากเป็นที่ประดิษฐานของพระรูปปางสมาธิทรงเครื่อง ยังมีเทพทันใจ (นัตโบโบจี) เทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชค ทำจากก้อนหยกขาวมีน้ำหนักมาก ตามความเชื่อหากใครจะสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบจี) เพื่อขอสิ่งใด ก็ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆ มาสักการะ เอาธนบัตรม้วนใส่ไปที่มือเทพทันใจสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึงกลับมา 1 ใบ เก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของเทพทันใจ เท่านี้ก็จะได้สิ่งที่ขอไว้

 


“วัดไชยมงคลหรือวัดจองคาทุกวันนี้ยังมีพระภิกษุสงฆ์สามเณรจำพรรษาน้อยมาก ทั้งๆ จัดเป็นวัดที่โดดเด่นตั้งอยู่ริมถนนใหญ่มีรถราสัญจรมากมายและเชื่อมติดต่อกับถนนซูเปอร์ไฮเวย์สายลำปาง-งาว บริเวณสี่แยกสนามบิน พระอธิการ สมศักดิ์ กิตติธโร เจ้าอาวาส บอกว่า ในเวลานี้เป็นช่วงเข้าพรรษา ทางวัดจัดให้มีการสวดมนต์ภาวนาทุกวัน และโดยเฉพาะทุกวันพระเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ก็ขอเชิญชวนสาธุชน สวมชุดขาว และเข้ามารักษาศีล ภาวนาธรรม สวดมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดไชยมงคลหรือวัดจองคาแห่งนี้ มีศิลปกรรมพม่า และประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมากมาย

หากสาธุชนนักท่องเที่ยวที่สนใจก็เชิญมาเยี่ยมชมวัดได้ทุกวัน ซึ่งการเดินทางมาเที่ยวชมก็สะดวกสบาย มาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถสองแถว หรือหากนั่งรถม้าชมเมืองแล้วมาเที่ยววัดต่อก็ได้ เพราะวัดตั้งอยู่ริมถนนกลางเมืองลำปาง ห่างจากตลาดสดเทศบาล และพิพิธภัณฑ์ลำปางไม่ถึง 1 กิโลเมตร” พระอธิการ สมศักดิ์ กิตติธโร เจ้าอาวาสวัดไชยมงคลหรือวัดจองคา กล่าวเชิญชวน

 
พจน์ วิจารณกรณ/ลำปาง


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.banmuang.co.th/news/region/25139
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ