ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “พิพิธภัณฑ์สักทอง” หนึ่งเดียวในไทย ชวนไปไหว้พระสังฆราช 19 พระองค์  (อ่าน 1752 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อาคาร “พิพิธภัณฑ์สักทอง” งดงามอย่างมีเอกลักษณ์
       
“พิพิธภัณฑ์สักทอง” หนึ่งเดียวในไทย ชวนไปไหว้พระสังฆราช 19 พระองค์
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
 

       “พิพิธภัณฑ์สักทอง” เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ฉันอยากจะมาชมด้วยตาตัวเองสักครั้ง เพราะได้ยินมาว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ในบรรยากาศเรือนทรงปั้นหยาหลังงามที่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง อีกทั้งยังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์ ของประเทศไทยให้ได้ชม

ประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณหล่อด้วยสัมฤทธิ์

        เมื่อฉันเดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์สักทอง ที่ตั้งอยู่ภายใน “วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร” บริเวณถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือบ้านทรงปั้นหยาแบบประยุคต์สองชั้นสวยงามอลังการ ที่ด้านหน้าทางเข้าเป็นที่ประดิษฐาน “ประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณหล่อด้วยสัมฤทธิ์” ให้ได้แวะสักการะขอพรก่อนเข้าชม

จำนวนวงปีไม้สัก “พิพิธภัณฑ์สักทอง”

        หลังจากฉันก็ได้ก้าวเท้าเข้าสู่ภายในพิพิธภัณฑ์สักทอง ที่มีบรรยากาศโออ่าทุกสัดส่วนถูกตกแต่งด้วยไม้สัก แต่ที่โดดเด่นสะดุดตาฉันเป็นที่สุดก็คงจะเป็นเสาบ้านไม้สักทองขนาดสองคนโอบ ที่มีลวดลายไม้สีเหลืองตระการตา ฉันได้รู้มาว่าบ้านหลังนี้มีเสาไม้สักทองดังกล่าวถึง 59 ต้น และไม้สักที่ใช้ในการสร้างบ้านหลังนี้มีอายุถึง 479 ปี จากการนับจำนวนวงปีร่วมกับการวิเคราะห์ค่าอายุโดยใช้สัดส่วนของคาร์บอนไอโซโทป

บรรยากาศห้องนิทรรศการภายใน “พิพิธภัณฑ์สักทอง”

        และฉันได้พบกับทางเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ และได้รับคำแนะนำในการเดินชมส่วนต่างๆ ในส่วนแรกบริเวณประตูเข้ามาจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งแต่เดิมนั้นอาคารพิพิธภัณฑ์อันงดงามหลังนี้ มีชื่อว่า “บ้านแก้ว” ถูกสร้างขึ้นที่จังหวัดแพร่ โดยลักษณะเป็นทรงปั้นหยาประยุกต์สองชั้น สร้างขึ้นด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ซึ่งทางเจ้าของบ้านได้เข้ามาทำงานอยู่ที่กรุงเทพ จึงไม่มีเวลาดูแลและมีความคิดที่จะขายบ้านหลังนี้ แต่ก็กลัวว่าไม้ที่มีค่าจะถูกแปรรูปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและหมดค่าไปในที่สุด จึงได้ขอร้องให้ทางโครงการ นาวิน ปาร์ค รับซื้อไว้เพราะเชื่อว่าจะยังคงรักษาสภาพบ้านแก้วไว้อย่างดี หลังจากนั้นบ้านหลังนี้จึงย้ายมาอยู่ที่ นาวิน ปาร์ค รังสิต จังหวัดปทุมธานี

ห้องโถงชั้นสองจัดแสดง “พระพุทธรูปโบราณ”

        ต่อมา ศ.ดร.อุกฤษ และ คุณมณฑินี มงคลนาวิน ได้ทำหารซื้อบ้านหลังดังกล่าว และได้มอบให้กับทางวัดเทวราชกุญชร สร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง เพื่อให้เป็นศูยน์เผยแพร่ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนา และแหล่งการเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์ อีกทั้งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมงคลวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในมงคลวโรกาสที่ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 75 พรรษา ปี พ.ศ. 2550

ห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์

        ในส่วนที่ 2 จะเป็นห้องขนาดใหญ่ใกล้ๆ บันไดทางขึ้นชั้นสอง ที่ภายในจัดแสดงประวัติของ ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา 5 สมัย ผู้ที่มอบบ้านหลังนี้ให้กับทางวัดเพื่อแหล่งศึกษาเรียนรู้ และภายในห้องนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระสยามเทวาธิราช” องค์จำลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไทยให้ได้สักการะ

บรรยากาศห้องจัดแสงหุ่นขี้ผึ้งพระมหาเถระรูปสำคัญ และแท่นประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

        เสร็จจากสักการะองค์พระสยามเทวาธิราชแล้ว ฉันก็เดินไปยังห้องจัดแสดงอีกห้องหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ภายในห้องนี้จัดแสดงประวัติของวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ที่ได้กล่าวไว้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่เดิมมีชื่อว่า “วัดสมอแครง” คำว่า "สมอแครง" นั้น น่าจะมาจากคำว่าถมอแครง เป็นภาษาเขมร แปลว่าหินแกร่ง แต่เรียกเพี้ยนกันต่อมาเป็นวัดสมอแครง

หุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพุฒาจารย์โต

        จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพระองค์ทรงรับวัดสมอแครงนี้เป็นพระอารามหลวง และพระราชทานชื่อวัดให้ใหม่ว่า "วัดเทวราชกุญชร" โดยนำชื่อมาจากพระนามเดิมของกรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ต้นสกุล กุญชร ณ อยุธยา พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ผู้ที่ทรงเป็นคนบูรณปฏิสังขรณ์วัดเทวราชกุญชรฯ อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สักทองแห่งนี้ในปัจุบัน และที่ห้องก็ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระคลังมหาสมบัติ” องค์จำลอง ให้ได้ชมความสวยงามและสักการะองค์เทพารักษ์ผู้ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน

แท่นประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ"

        หลังจากชมนิทรรศการในชั้นล่างเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เดินขึ้นสู่ชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ และได้พบกับห้องโถงขนาดใหญ่ที่จัดแสดงพระพุทธรูปโบราณสมัยอยุธยา และทางด้านซ้าย-ขวาของห้องโถงนี้มีห้องขนาดใหญ่อยู่สองห้อง ห้องแรกนั้นเป็นห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง 19 พระองค์ พร้อมประวัติในด้านคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติของทุกๆ ท่าน ตั้งแต่สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรก จนถึง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ที่ได้สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

“พระสยามเทวาธิราช” องค์จำลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไทย

        ในห้องถัดมาเป็นห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งพระมหาเถระรูปสำคัญและเกจิอาจารย์ชื่อดังของไทยหลายๆ ท่าน อาทิ สมเด็จพุฒาจารย์โต , หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต , พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) พร้อมกับประวัติของแต่ละท่านให้ได้ชมและศึกษา และภายในห้องนี้ก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้ได้กราบสักการะขอพรกันอีกด้วย

เทพารักษ์ผู้ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน

        ปิดท้ายการตะลอนเที่ยวในสัปดาห์นี้ ฉันก็อยากจะบอกว่าพิพิธภัณฑ์สักทอง เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะได้ชมความสวยงามของเรือนไม้สักทองหลังงามที่หาดูได้ยากในปัจจุบันแล้ว ก็ยังจะได้ชมพระพักตร์ของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง 19 พระองค์ และหุ่นขี้ผึ้งพระมหาเถระรูปสำคัญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุญตาจริงๆ หากใครมีโอกาสแล้วเยี่ยมชมด้วยประการทั้งปวง
             
       พิพิธภัณฑ์สักทอง ตั้งอยู่ภายในวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ถนนศรีอยุธยา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ผู้สูงอายุ (อายุเกิน 60 ปี) เข้าชมฟรี
       การเดินทาง : รถโดยสารประจำทางสาย 9,524,64,3,30,33 หรือใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเทเวศร์ แล้วเดินไปยังไปยังวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

       
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000125837
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ