ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ประเพณีฉุดสาว วัฒนธรรมบนน้ำตาของสาวชาวม้ง  (อ่าน 285 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ประเพณีฉุดสาว วัฒนธรรมบนน้ำตาของสาวชาวม้ง

จากกรณีที่มีชายหนุ่มรายหนึ่งใช้ติ๊กตอก โพสต์คลิปวิดีโอเล่าเหตุการณ์ว่า แฟนสาวชาวม้งที่คบกันมา 2 ปี ถูกคนมาลักพาตัวไปข่มขืนตามประเพณี แม้สิ้นสุดดราม่านี้จะไม่ใช่เรื่องจริงตามคำที่ฝ่ายหญิงออกมาเล่า แต่ก็ใช่ว่า ประเพณีฉุดสาว ของชาวม้งจะไม่เคยมีอยู่จริง วันนี้ชวนทำความรู้จักกับหยดน้ำตาของผู้หญิงกับวัฒนธรรมต่างถิ่นกัน

@@@@@@@

รู้จักกับที่มาของ ‘การฉุดสาว’

ประเพณีฉุดสาว เป็นธรรมเนียมของชาวม้งอีกอย่างหนึ่ง ที่อนุญาตให้ผู้ชายสามารถฉุดผู้หญิงที่ยังไม่เคยต้องชายใดมาก่อน กลับเข้าบ้านและอยู่กินได้แบบไม่ผิดผี โดยประเพณีนี้จากการศึกษาของ พิสิษฐ์ โรจน์คณรัชต์ ได้อธิบายขั้นตอนดังนี้ว่า

การฉุดสาวเป็นการทำกันโดยกลุ่มผู้ชายทั้งวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน ผู้ฉุดจะทำการส่งเสียงเรียกฝ่ายหญิงหรือแม้กระทั่งดักรอผู้หญิงออกมาจากนอกบ้านเพียงลำพัง ก่อนจะใช้กำลังฉุดขึ้นรถกระบะกลับไปอยู่ที่บ้านประมาณ 1-3 คืน เมื่อเสร็จสมก็จะส่งตัวแทนจากบ้านตัวเองไปหาพ่อ-แม่ฝ่ายหญิงต่อรองสู่ขอกันตามธรรมเนียม

ขั้นตอนการสู่ขอพ่อแม่ฝ่ายหญิง แม้มีสิทธิในการปฏิเสธความรักที่เกิดจากฉุดครั้งนี้ แต่ความเป็นจริงกลับเป็นเรื่องยากที่จะเรียกร้องให้ส่งคืนลูกสาวตัวเองคืนมา เนื่องจากสภาพความเชื่อที่ไม่ต้องการเห็นลูกตัวเองเป็นแม่หม้ายหรือหญิงที่ผ่านสามีมาก่อนนั่นเอง

นักศึกษาวิถีชีวิตชาวม้งนี้ได้ให้เหตุผลที่มาของประเพณีสร้างน้ำตาอย่างชอบธรรมว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากมิติด้านสภาพแวดล้อม โดยในอดีตชาวม้งเป็นกลุ่มคนจีนอพยพจากภัยความรุนแรงมายังบริเวณตอนเหนือของไทย และกระจายไปตามเทือกเขาต่างๆ

บวกเข้ากับมิติวัฒนธรรมที่นิยมอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่เพื่อช่วยเหลือกัน การแต่งงานจึงมักเกิดจากการคลุมถุงชนระหว่างผู้หญิงม้งอีกเขาลูกหนึ่ง กับ ผู้ชายม้งอีกเขาลูกหนึ่ง แบบที่ทั้งคู่ไม่ได้รักกัน ต่อมาชาวม้งจึงเริ่มอาศัยวิธีหนีไปกับผู้ชายที่ตัวเองรัก ประเพณีการฉุดสาว จึงเกิดขึ้นมาเพื่อปิดช่องโหว่ดังกล่าวสำหรับครอบครัวคลุมถุงชนฝ่ายชายนั่นเอง

@@@@@@@

กระแสม้งฉุดสาวในสมัยนี้

เมื่อโลกพัฒนาไปอีกก้าว ประเพณีฉุดสาว จึงกลายสภาพจากธรรมเนียมโบราณเป็นการตีตราพิธีกรรมที่ลิดรอนคุณค่าผู้หญิงแบบถึงที่สุด ทั้งการมองเป็นวัตถุที่แบกขึ้นกระบะไปไหนมาไหนก็ได้ รวมถึงการมองความสำคัญผู้หญิงเพียงแค่การหลับนอนกับผู้ชายแค่ครั้งเดียวในสายตาของพ่อแม่จนต้องยอมยกลูกสาวให้กับผู้ชายที่พรากไป

แน่นอนว่าปัจจุบันการฉุดสาวแบบขืนใจได้ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับอดีต มีการเรียกร้องให้เลิกประเพณีการฉุดหญิงสาวมาเป็นภรรยา เพราะประเพณีนี้มักตามมาด้วยปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวจึงเป็นเหตุให้ ปี 2559 ชมรมม้งแห่งประเทศไทยและชาวม้งที่กระจายอยู่ทั่วโลกเลยต่างออกมายืนยัน การฉุดสาวมาเป็นภรรยาไม่ใช่ประเพณีของชาวม้งอีกต่อไป รวมถึงนับให้เป็นความผิดทางกฎหมายต่อไป

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การให้คุณค่ากับวัฒนธรรมก็เปลี่ยนไปเหมือนกันทั้งประเพณี สิ่งของ ความคิด รวมถึงไปคุณค่าของผู้หญิง ชาย รวมไปถึงเพศหลากหลายที่แต่เดิมเป็นเพียงคนชายขอบให้กลับมาเสมอเท่ากันอย่างแท้จริง ติดตามความรู้เพื่อความเข้าใจในความหลากหลายได้ที่ iNN Lifestyle





ขอบคุณข้อมูลจาก :-
ZIJ POJ NIAM : ประเพณีฉุดสาวม้งในกระแสการเปลี่ยนแปลง, พิสิษฐ์  โรจน์คณรัชต์
‘ชาวม้ง’ รวมตัวต้านประเพณี ‘ฉุดสาว’ เป็นเมีย ย้ำละเมิดสิทธิสตรี, ไทยรัฐออนไลน์
URL : https://www.innnews.co.th/lifestyle/news_280036/
27 มกราคม 2022 - 08:30
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ