ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วัดที่น่าจะมีตำนาน เกี่ยวกับพระกรรมฐาน และ พระแก้วมรกต ในสระบุรี  (อ่าน 4235 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
วัดศรีบุรีรตนาราม

วัดศรีบุรีรัตนาราม มีลักษณะเด่นที่ตัวฐานของพระอุโบสถ ซึ่งมีรูปแบบคล้ายเรือสำเภาซึ่งมีความสวยงามมาก ลวดลายต่างๆ รอบอุโบสถก็งดงามเช่นกัน มีความอ่อนช้อยเป็นลวดลายที่วิจิตร บริเวณรอบๆ วัดมีบรรยากาศร่มรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พุทธศาสนิกชน มักจะมาสักการะบูชา พระแก้วมรกตพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร "พระแก้วมรกต" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืององค์สำคัญที่สุดของชาติไทย เดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงราย ต่อมาย้ายมาอยู่ที่เมืองลำปางและเชียงใหม่ ต่อมาพระไชยเชษฐา (เจ้าลาว) ได้มาอัญเชิญไปประดิษฐานเพื่อเป็นที่สักการะยังเมืองลาวเป็นการชั่วคราวแล้ว ไม่ยอมคืนไทย

ในปี พ.ศ. 2320 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช รัชกาลที่ 1) เป็นแม่ทัพ ยกไปตีเมืองเวียงจันทน์ได้ จึงได้อัญเชิญ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระแก้วมรกต กลับคืนมาประดิษฐานไว้ในราชอาณาจักรไทยดังเดิม

ในคราวสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ยาตราทัพกลับประเทศไทย เมือเดินทัพมาถึงจังหวัดสระบุรี ได้หยุดพำนักที่วัดศรีบุรีรตนาราม (วัดปากเพรียว) พร้อมกับอัญเชิญ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระแก้วมรกต ประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเตรียมการรับเสด็จและเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่มโหฬาร ณ กรุงธนบุรี

ต่อมาสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ พระมหาอุปราช เสด็จขึ้นมารับและอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระแก้วมรกต โดยขบวนแห่พยุหยาตราทางชลมารค อย่างมโหฬารเป็นประวัติการณ์ เมื่อเดือนยี่ ข้างแรม ปีกุน พ.ศ. 2322 ขบวนแห่พยุหยาตราได้ล่องมาถึงกรุงธนบุรี เมื่อวันอังคาร ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 4 ปี พ.ศ. 2322



ใบลาน คัมภีร์เก่าในวัด ที่ยังหลงเหลืออยู่



เหรียญเจ้าคุณหนู ถือว่าเป็นที่นิยมในหมู่เซียนพระเครื่อง

ไหว้พระเก้าวัด
www.madchima.org/forum/index.php?topic=378.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 29, 2010, 08:11:34 pm โดย patra »
บันทึกการเข้า

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


" หลวงพ่อพุทโธ" เป็นพระพุทธรูป สร้างในสมัยพระครูวัตตโสภณ (สิน) เป็นทั้งเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอาวาสวัดปากเพรียว พ.ศ.2473 (บ้างก็ว่า สร้างในสมัย สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7)ชาวปากเพรียว ได้ขอเศียรพระพุทธรูปองค์นี้มาจากหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อปาน เป็นพระทรงอภิญญา ท่านสร้างเฉพาะเศียรพระ ส่วนชาวสระบุรีได้ร่วมกันสร้างองค์พระประธานขึ้นรับพระเศียร เป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวในวัดปากเพรียว



ชาวสระบุรี นิยมมากราบไหว้บนบานศาลกล่าว หลวงพ่อพุทโธ ด้วยพวงมาลัย 3 พวง หรือ 9 พวง พร้อมด้วย มะพร้าวหอมอ่อน ส่วนใหญ่จะบนด้วยพวงมาลัย 9 พวง มะพร้าว 1 ลูก อธิษฐานในใจขอในสิ่งที่เป็นไปได้จากหลวงพ่อพุทโธ ประสบผลสำเร็จไปหลายราย

พ.ศ.2512 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ใน จ.สระบุรี ครั้งนั้นว่ากันว่าเป็นไฟไหม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ ไทย เพลิงเผาผลาญบ้านเรือนประชาชนไปมาก แม้แต่โรง เรียนวัดปากเพรียว พร้อมวิหารหลวงพ่อพุทโธ ก็ถูกเพลิงเผาไหม้จนหมด แต่ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไฟไม่ได้ทำองค์หลวงพ่อพุทโธ เกิดความชำรุดเสียหายแต่อย่างใด



เหรียญหลวงพ่อพุทโธ

"วัดปากเพรียว"หรือ "วัดศรีบุรีรตนาราม" ตั้งอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นปี พ.ศ.2092

เมื่อครั้งตอนสร้างกรุงเทพ มหานคร พ.ศ.2325 มีการลำเลียงเสาตะเคียน ล่องมาตามลำน้ำป่าสัก เพื่อเอาไปสร้างเป็นเสาหลัก เมือง ได้มาพักที่หน้าวัดปากเพรียว แต่เสาไม้ตะเคียนต้นนี้คด จึงไม่ได้เอาไป ภายหลังไปจมอยู่ที่เมืองใหม่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี

ต่อมาได้อัญเชิญขึ้นไปเก็บไว้ที่วัดสูง อ.เสาไห้ เรียกกันว่า เสาร้องไห้แม่นางตะเคียน

เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 1 ยังดำรงตำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เข้าตีเวียงจันทน์ ประ เทศลาว ได้อัญเชิญพระแก้วมรกต ล่องเรือมาพักที่วัดปากเพรียว สม เด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มารับที่เมืองสระบุรี มีงานฉลองสม โภชอยู่ 3 วัน แล้วนำลงเรือที่วัดไปยังกรุง ธนบุรี (พงศาวดารกรุงธนบุรี) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวัดปากเพรียวในอดีต

สมัยที่ พระศรีสุทัสสมุนี เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี สมัยนั้นได้มาจำพรรษาอยู่วัดปากเพรียว ได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า "วัดศรีบุรีรตนาราม" ใช้เรียกกันมาตราบทุกวันนี้

วัดปากเพรียว ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อสมัยหลวงพิริกิจเกษม มีการก่อสร้างมากมาย ได้ก่อสร้างเสนาสนะบูรณะซ่องแซม ปูชนียวัตถุสถานที่ต่างๆ มีการสร้างศาลาการเปรียญ สร้างถนนหนทาง รวมทั้งสร้างวิหารหลวงพ่อพุทโธ

" หลวงพ่อพุทโธ" เป็นพระพุทธรูป สร้างในสมัยพระครูวัตตโสภณ (สิน) เป็นทั้งเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอาวาสวัดปากเพรียว พ.ศ.2473 (บ้างก็ว่า สร้างในสมัย สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7)ชาวปากเพรียว ได้ขอเศียรพระพุทธรูปองค์นี้มาจากหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อปาน เป็นพระทรงอภิญญา ท่านสร้างเฉพาะเศียรพระ ส่วนชาวสระบุรีได้ร่วมกันสร้างองค์พระประธานขึ้นรับพระเศียร เป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวในวัดปากเพรียว

"หลวงพ่อพุทโธ" เป็นพระพุทธรูปแบบสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดปากเพรียว ข้างพระอุโบสถวัดปากเพรียว มีหน้าตักกว้าง 2 เมตร 30 เซนติเมตร สูง 3 เมตร 50 เซนติ เมตร เมื่อนำเศียรมาประกอบเข้า ด้วยกันแล้ว มีลักษณะงดงาม พระพักตร์อิ่มเอิบ ยิ้มแย้ม มีเมตตา

ชาวสระบุรี นิยมมากราบไหว้บนบานศาลกล่าว หลวงพ่อพุทโธ ด้วยพวงมาลัย 3 พวง หรือ 9 พวง พร้อมด้วย มะพร้าวหอมอ่อน ส่วนใหญ่จะบนด้วยพวงมาลัย 9 พวง มะพร้าว 1 ลูก อธิษฐานในใจขอในสิ่งที่เป็นไปได้จากหลวงพ่อพุทโธ ประสบผลสำเร็จไปหลายราย พ.ศ.2512 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ใน จ.สระบุรี ครั้งนั้นว่ากันว่าเป็นไฟไหม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ ไทย เพลิงเผาผลาญบ้านเรือนประชาชนไปมาก แม้แต่โรง เรียนวัดปากเพรียว พร้อมวิหารหลวงพ่อพุทโธ ก็ถูกเพลิงเผาไหม้จนหมด แต่ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไฟไม่ได้ทำองค์หลวงพ่อพุทโธ เกิดความชำรุดเสียหายแต่อย่างใด
บันทึกการเข้า

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณธรรมธวัช น่าจะถ่ายรูป หลวงพ่อพุทโธ มาลงให้ใหม่นะคะ

เห็นพระอาจารย์ บอกว่า เป็นศิษย์ วัดนี้ไม่ใช่ หรือ คะ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถึงว่า ผมอ่านชื่อวัด ใกล้เคียงกันเลย   วัดศรีบุรีรตนาราม ( วัดปากเพรียว )

                                    กับ วัดศรีรตนศาสาดาราม ( วัดพระแก้ว )


ที่แท้ พระแก้วมรกต สถิตย์ประดิษฐานที่วัดนี้ ให้ชาวสระบุรี ได้กราบไหว้กันเป็นเวลา ถึง 1 เดือน

  มีประวัติและตำนาน เกี่ยวข้อง กับ ร.1 และ ร. 2 ด้วย แสดงว่าช่วง 1 เดือน ต้องมีการประพาสเสด็จ

ชมบริเวณรอบ ๆ โดยแน่แท้

   สระบุรี จึงได้เป็นเมือง ในปัจจุบัน ส่วนยุคนั้น คือเมืือง เสาไห้  ( ด้วยบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี่เอง )

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า