ยกตัวอย่าง
กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ตั้งแต่ห้องหนึ่ง ก็ใช้ทั้งสมถะและวิปัสนาอยู่แล้ว เรียนทั้งสองส่วน
แต่เริ่มเรียนที่พระลักษณะก่อน แล้วจึงเรียนพระรัศมี
คือเรียนทั้งรูปและนาม ทั้งสองส่วน
การเรียนกรรมฐานก็เพื่อรู้ทันขันธ์ห้า
เพราะขันธ์ห้าคือรูปและนาม
เพราะรูปนาม คือสมถะวิปัสนา
สมถะวิปัสนาอยู่ในตัวเรานี้ อย่าได้ไปมองหาที่อื่น
ที่กายที่ใจนี้เอง กายใจรูปนาม กายใจสมถะวิปัสสนา
กายใจคือขันธ์ห้า
กรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับ เรียนทั้งสองอย่าง แต่เริ่มทีละอย่าง
ได้เรียนทั้งหมด ได้รู้ทั้งหมด
ไปตามลําดับ
การไม่อยากกลับมาเกิด ก็นับว่าตั้งปณิธานไว้ดีแล้ว
ศิล สมาธิ ศรัทธา ปณิธานมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือกําลังพุทธานุสติ
อธิศิล อธิจิต อธิปัญญา.......อย่างน้อยต้องได้พระอนาคามี จึงจะไม่ต้องมาเกิดที่โลกมนุษย์
เราก็มีปณิธานเช่นเดียวกับท่าน
ควรไปขึ้นกรรมฐานว่ากันเป็นการงานดีกว่ามั๊ง
ชักช้า ครูบาอาจารย์ ว่าจะเสียกาล ยากมันจะนาน เพราะยังไม่ได้ประเดิม เริ่มพระกรรมฐาน
กรรมฐานแปลว่า การสร้างฐานของกรรมดี
เชิญที่ คณะห้า วัดราชสิทธาราม พระอาจารย์กรรมฐานใจดี เปิดกุฏิทุกวัน
จะช้าจะไว หรือจะไปเที่ยวนี้
ก็ขึ้นอยู่ที่ใจของท่าน
มรรคผลนิพพานสําเร็จที่ใจ