"ฉันทะ" อิทธิบาทข้อ 1. ใจรักฉันทะ อ่านว่า ฉัน-ทะ “ฉันทะ” เขียนแบบบาลีเป็น “ฉนฺท” อ่านว่า ฉัน-ทะ รากศัพท์มาจาก
(1) ฉนฺทฺ (ธาตุ = ปรารถนา) + อ (อะ) ปัจจัย : ฉนฺทฺ + อ = ฉนฺท (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ความปรารถนา”
(2) ฉทฺ (ธาตุ = ปิด, บัง, ระวัง) + อ (อะ) ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุแล้วแปลงเป็น นฺ (ฉท > ฉํท > ฉนฺท) : ฉทฺ + อ = ฉท > ฉํท > ฉนฺท (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “บทประพันธ์ที่ปกปิดโทษคือความไม่ไพเราะ”
“ฉนฺท” ในบาลีใช้ในความหมาย 3 อย่าง คือ
(1) สิ่งกระตุ้นใจ, แรงดลใจ, ความตื่นเต้น; ความตั้งใจ, การตกลงใจ, ความปรารถนา ; ความอยาก, ความประสงค์, ความพอใจ (impulse, excitement; intention, resolution, will; desire for, wish for, delight in)
(2) ความยินยอม, ความยอมให้ที่ประชุมทำกิจนั้นๆ ในเมื่อตนมิได้ร่วมอยู่ด้วย (consent, declaration of consent to an official act by an absentee) ความหมายนี้คือที่เราพูดว่า “มอบฉันทะ”
(3) ฉันทลักษณ์, กฎเกณฑ์ว่าด้วยการแต่งฉันท์, ตำราฉันท์ ; บทร้อยกรอง (metre, metrics, prosody; poetry) ความหมายนี้คือ ที่ภาษาไทยพูดว่า “กาพย์กลอนโคลงฉันท์” บาลีไม่ได้เรียกแยกชนิดเหมือนไทย คงเรียกรวมทุกอย่างว่า “ฉนฺท-ฉันท์” แต่มีชื่อเฉพาะสำหรับฉันท์แต่ละชนิด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “คาถา”
ในที่นี้ “ฉนฺท” ใช้ในความหมายตามข้อ (1)
@@@@@@@
ขยายความ
“ฉันทะ” เป็นคุณธรรมข้อที่ 1 ในอิทธิบาท-คุณเครื่องทำสิ่งที่ปรารถนาให้สำเร็จ 4 ข้อ
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [213] “อิทธิบาท 4” แสดงความหมายของ “ฉันทะ” ไว้ดังนี้
1. ฉันทะ (ความพอใจ คือ ความต้องการที่จะทำ ใฝ่ใจรักจะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ และปรารถนาจะทำให้ได้ผลดียิ่งๆ ขึ้นไป — Chanda: will; zeal; aspiration)
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายความหมายของคำว่า “ฉันทะ” ไว้ดังนี้
ฉันทะ ๑ :-
1. ความพอใจ, ความชอบใจ, ความยินดี, ความต้องการ, ความรักใคร่ใฝ่ปรารถนาในสิ่งนั้นๆ (เป็นกลางๆ เป็นอกุศลก็ได้ เป็นกุศลก็ได้, เป็นอัญญสมานาเจตสิกข้อ ๑๓ (ปกิณณกเจตสิกข้อ ๖), ที่เป็นอกุศล เช่นในคำว่า กามฉันทะ ที่เป็นกุศล เช่น ในคำว่า อวิหิงสาฉันทะ)
2. ฉันทะ ที่ใช้เป็นคำเฉพาะ มาเดี่ยวๆ โดยทั่วไปหมายถึง กุศลฉันทะ หรือธรรมฉันทะ ได้แก่ กัตตุกัมยตาฉันทะ คือ ความต้องการที่จะทำหรือความอยากทำ (ให้ดี) เช่น ฉันทะที่เป็นข้อ ๑ ใน อิทธิบาท ๔ ; ตรงข้ามกับ ตัณหาฉันทะ ซึ่งเป็นความอยากเสพ อยากได้ อยากเอาเพื่อตัว ที่เป็นฝ่ายอกุศล เรียกสั้นๆ คำเดียวว่า ตัณหา
ฉันทะพึงแยกความหมายให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ฉันทะ เป็นความอยากเพื่อสภาวะ คือ อยากเพื่อความดีงาม เพื่อความเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ของสิ่งนั้นๆ คนนั้นๆ สภาพนั้นๆ เอง เช่นเห็นต้นไม้ ก็อยากให้มันเจริญงอกงาม มีดอกใบสะพรั่งสีสันงดงาม ทำให้ถิ่นสถานรื่นรมย์เกื้อกูลแก่ชีวิตจิตใจ และเมื่อมันดีงามสมบูรณ์ ก็ชื่นชมยินดี อยากให้มันงอกงามสมบูรณ์สืบต่อไป,
ส่วน ตัณหา เป็นความอยากเพื่อตัวตน คืออยากได้ อยากเอามาให้ตัวได้เสพ เป็นต้น เช่นเห็นต้นไม้งามสมบูรณ์ที่ไหน ก็อยากตัดเอาไปขายให้ตัวได้เงิน ดังนี้เป็นต้น
@@@@@@@
ข้อคิด
สำหรับคนที่มีนิสัยใจคอพอใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นความดีงามเป็นพื้นเดิมอยู่แล้ว ฉันทะย่อมเกิดได้ง่าย ส่งเสริมให้เพิ่มพูนขึ้นได้ง่าย ส่วนคนที่ไม่มีพื้นแบบนั้นมาก่อนก็ยากหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็สามารถปลูกฝังหรือปลุกหรือพัฒนาให้มีขึ้นได้
อุปมาเหมือนกินอาหาร ของอะไรที่ชอบกินก็กินอร่อย กินได้ง่าย กินได้มาก ส่วนของที่ไม่ชอบก็ไม่อยากกิน แต่ถึงกระนั้น ถ้าคิดถึงประโยชน์ของอาหารชนิดนั้น เช่นกินแล้วบำรุงสายตา บำรุงประสาท กินแล้วแก้โรคชนิดนั้นๆ ได้ กินแล้วป้องกันโรคชนิดนั้นๆ ได้ เมื่อรู้อย่างนี้ แม้ไม่ชอบกินก็อาจฝืนกินได้บ้าง ฉันใด การฝึกให้มีฉันทะก็ฉันนั้น เมื่อฝึกตรึกตรองจนเห็นคุณประโยชน์ของการทำสิ่งที่ดีงาม แม้ไม่มีนิสัยใฝ่ทำเช่นนั้นมาก่อนก็อาจปลูกฉันทะให้เกิดมีขึ้นได้เช่นกัน
ดูก่อนภราดา.! ปลูกความรักที่จะทำดีให้มีขึ้นในดวงจิต ดีกว่ารอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลใจขอบคุณ :
dhamma.serichon.us/2021/09/30/ฉันทะ-อิทธิบาทข้อ-1-ใจรัก/ ผู้เขียน : ทองย้อย แสงสินชัย
30 กันยายน 2021 , By admin.