"สรภัญญะ" ไม่ใช่ร้องเพลง
"สรภัญญะ" อ่านว่า สะ-ระ-พัน-ยะ ก็ได้ สอ-ระ-พัน-ยะ ก็ได้ (ตามพจนานุกรมฯ) ประกอบด้วยคำว่า สร + ภัญญะ
@@@@@@@
(๑) “สร” บาลีอ่านว่า สะ-ระ รากศัพท์มาจาก –
(1) สรฺ (ธาตุ = แล่นไป) + อ (อะ) ปัจจัย : สรฺ + อ = สร แปลตามศัพท์ว่า “เสียงที่แล่นไปสู่ผู้ฟัง”
(2) สรฺ (ธาตุ = ออกเสียง) + อ (อะ) ปัจจัย : สรฺ + อ = สร แปลตามศัพท์ว่า “เสียงอันเขาเปล่งออกไป”
“สร” (ปุงลิงค์) ในที่นี้ หมายถึง เสียง, เสียงสูงต่ำ, สำเนียง, การออกเสียง (sound, voice, intonation, accent)
ขยายความ
“สร” ตามที่แสดงรากศัพท์นี้เป็น “สร” ที่ประสงค์ในที่นี้ คือที่หมายถึง “เสียง” แต่ “สร” ในบาลียังมีความหมายอย่างอื่นอีก กล่าวคือ
๑. สร = สระ (ที่คู่กับพยัญชนะ) แปลตามศัพท์ว่า “อักษรที่เป็นไปเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยอักษรอื่น” หรือ “อักษรเป็นเครื่องเป็นไปได้แห่งอักษรอื่นๆ” (มีสระ พยัญชนะจึงออกเสียงได้)
๒. สร = ลูกศร แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งเป็นเครื่องเบียดเบียนสัตว์” หรือ “สิ่งอันเขายิงไป” (ฝรั่งว่า “สร” เป็นชื่อของไม้อ้อ [the reed, saccharum] อาวุธชนิดนี้แต่เดิมทำด้วยไม้อ้อ จึงได้ชื่อว่า “สร”)
๓. สร = สระน้ำ, บึง, หนองน้ำธรรมชาติ แปลตามศัพท์ว่า “แหล่งน้ำที่เป็นไปตามปกติ”
๔. นอกจากนี้ “สร” ยังแปลว่า ระลึกถึง, ไป, เคลื่อนไหว, ตามไป, ของเหลว, การไหล
“สร” เป็นคำ “พ้องรูป” ในภาษาบาลี คือเขียนเหมือนกัน แต่ความหมายต่างกัน
@@@@@@@
(๒) “ภัญญะ” เขียนแบบบาลีเป็น “ภญฺญ” อ่านว่า พัน-ยะ รากศัพท์มาจาก ภณฺ (ธาตุ = กล่าว, ส่งเสียง) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺ, แปลง ณ ที่สุดธาตุกับ ย (ที่เหลือจาก ณฺย ลบ ณฺ) เป็น ญฺญ : ภณฺ + ณฺย = ภณณฺย > ภณฺย > ภญฺญ แปลตามศัพท์ว่า “การกล่าว” “การสวด” หมายถึง การท่อง, การสวด (reciting, preaching)
สร + ภญฺญ = สรภญฺญ (สะ-ระ-พัน-ยะ) แปลว่า “การสวดด้วยเสียง” หมายถึง การสวดทำนอง, การสวดสรภัญญะ (intoning, a particular mode of reciting)
“สรภญฺญ” ภาษาไทยใช้ทับศัพท์เป็น “สรภัญญะ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า
“สรภัญญะ : (คำนาม) ทํานองสําหรับสวดคําที่เป็นฉันท์, ทํานองขับร้องทํานองหนึ่ง, เช่น สวดสรภัญญะ ทำนองสรภัญญะ. (ป.).”
@@@@@@@
ขยายความ
ในพระวินัยปิฎก มีเรื่องพระฉัพพัคคีย์สวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ ชาวบ้านติเตียน พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติห้ามไว้ว่า
"น ภิกฺขเว อายตเกน คีตสฺสเรน ธมฺโม คายิตพฺโพ โย คาเยยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ."
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ._____________________________________________
ที่มา : ขุททกวัตถุขันธกะ จุลวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 7 ข้อ 20
@@@@@@@
เนื่องจากทรงห้ามการสวด “คีตสฺสร = ทำนองยาวคล้ายเพลงขับ” ซึ่งหมายถึง สวดเหมือนร้องเพลง ภิกษุทั้งหลายจึงไม่กล้าสวดแบบ “สรภัญญะ” แต่ปรากฏว่าทรงอนุญาตให้สวดเป็น “สรภัญญะ” ได้ ดังความในพระวินัยปิฎกว่า
"เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู สรภญฺเญ กุกฺกุจฺจายนฺติ ฯ อถโข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ ฯ อนุชานามิ ภิกฺขเว สรภญฺญนฺติ."
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายรังเกียจในการสวดสรภัญญะ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สวดเป็นทำนองสรภัญญะได้_____________________________________________
ที่มา : ขุททกวัตถุขันธกะ จุลวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 7 ข้อ 21
@@@@@@@
อรรถกถาขยายความว่า “สรภัญญะ” มีระเบียบวิธีสวดที่เรียกว่า “วัตร” ถึง 32 แบบ ให้ชื่อไว้เป็นตัวอย่าง 3 แบบ คือ
- ตรังควัตร ทำนองดังคลื่น
- โทหกวัตร ทำนองดังรีดนมโค
- คลิวัตร ทำนองดังของเลื่อน
คำแปลชื่อ “วัตร” หรือแบบแผนการสวด “สรภัญญะ” นี้ เป็นของท่านผู้แปลคัมภีร์อรรถกถา คือ คัมภีร์สมันตปาสาทิกา ภาค 3 หน้า 336 ฉบับแปล คือ จตุตถสมันตปาสาทิกา
อรรถกถาพระวินัย จุลวรรควรรณา หน้า 496 ปักป้ายบอกทางไว้ เพื่อให้นักเรียนบาลีช่วยกันตามไปศึกษาว่า ทำนอง “สรภัญญะ” ทั้ง 32 แบบนั้น มีอะไรบ้าง และชื่อทำนองตามตัวอย่างที่ท่านแปลไว้
“ตรังควัตร ทำนองดังคลื่น -โทหกวัตร ทำนองดังรีดนมโค – คลิวัตร ทำนองดังของเลื่อน”
นั้น คือ สวดแบบไหน.?
อย่างไรก็ตาม อรรถกถาก็ย้ำว่า ไม่ว่าจะสวดด้วยทำนองแบบไหน หลักสำคัญคือ ต้องไม่ทำให้ตัวบทเกิดความคลาดเคลื่อน และที่สำคัญต้องเหมาะแก่สมณสารูป
ดูก่อนภราดา.! เพลงประกอบด้วยธรรม ควร., ธรรมประกอบด้วยเพลง ไม่ควรขอบคุณ :
dhamma.serichon.us/2021/10/08/สรภัญญะ-ไม่ใช่ร้องเพลง/ ผู้เขียน : ทองย้อย แสงสินชัย
8 ตุลาคม 2021 ,By admin.