ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเชื่อผิดๆ ที่ควรเปลี่ยนความคิดกันได้แล้ว  (อ่าน 492 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ภาพจาก unsplash.com


ความเชื่อผิดๆ ที่ควรเปลี่ยนความคิดกันได้แล้ว

บางครั้งบางที ประสบการณ์ชีวิตก็ไม่สามารถเป็นตัวกำหนดความเป็นหรือไม่เป็นสิ่งใดได้ ยิ่งตอนนี้ที่ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป บาง ผู้คนมีความหลากหลายทางความคิดและการดำรงชีวิตมากยิ่งขึ้น การจำกัดกรอบสิ่งที่เชื่อว่าเป็นจากสิ่งที่เคยเห็นจึงน่าจะเป็นความคิดที่ล้าสมัยไปแล้ว ดังเช่น 7 เซ็ตความคิดที่ได้รวบรวมมาในวันนี้ ใครที่ยังคิดแบบนี้อยู่ คุณตามคนรุ่นใหม่ไม่ทันแล้วนะ!

ระวังวัยรุ่นเสียตัว ช่วงเทศกาล

เรามักได้เห็นความเป็นห่วงเป็นใยในการดำรงไว้ซึ่งจริยธรรมอันดีงามในช่วงเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลอยกระทงที่ผ่านมา และปีหน้าก็คงเป็นช่วงปีใหม่ วาเลนไทน์ วนกันไปอยู่อย่างนี้ จริงอยู่ที่เทศกาลต่างมักเป็นช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้เราทั้งหลายชายหญิงจะมาพบปะเจอกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเกิดเรื่องแต่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น อย่าลืมว่ามนุษย์ไม่ได้มีช่วงฤดูขยายพันธุ์อย่างสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น การระแวดระวังเป็นพิเศษอาจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

กินข้าวก่อนนอน = อ้วน

ในข้าว 1 ทัพพี ให้พลังงานประมาณ 80กิโลแคลอรี่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ปริมาณพลังงานที่ได้ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลง หากแต่การรับประทานอาหารแล้วใช้พลังงานไม่เท่ากับปริมาณที่รับเข้าไปร่างกายจะสะสมกลายเป็นส่วนเกินตามจุดต่างๆ การที่กินข้าวก่อนนอนอาจทำให้อ้วน นั่นเพราะกินเสร็จก็เข้านอน ร่างกายไม่ได้ใช้พลังงาน

เด็กเสียนิสัยเพราะเลียนแบบเพื่อน

เคยเจอปัญหานี้กันบ้างไหม เมื่อเราเห็นเด็กทำความผิดอะไร ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ มักถูกเข้าใจว่าทำ ‘ตามเพื่อน’ ซึ่งจริงอยู่ว่าวัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่มีเพื่อนเป็นกลุ่มรักใครปรองดอง แต่โลกภายนอกสมัยนี้ไม่ได้มีเพียง ‘เพื่อน’ ที่จะเปิดโลกกว้างให้แก่กัน บางทีต้องสอบถามกันดี ๆ ว่าไปเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีนั้นมาจากไหน หรือใครกันแน่ที่เป็นเจ้าไอเดีย

กินหวานเยอะ จะเป็นเบาหวาน

เวลากินของหวานในปริมาณที่มากจนคนรอบข้างกลัว มักถูกเตือนให้รัะวังเป็นเบาหวาน แต่อันที่จริงแล้วเบาหวานเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือการที่ตับอ่อนทำงานผิดปกติ ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้มากพอจนเกิดโรคเบาหวาน รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ๆก็เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้เช่นกัน ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน หรือน้ำตาลมาก ๆไม่ได้แปลว่าจะเป็นเบาหวานเสมอไป หากรับประทานแล้วมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ(ข้อมูลจากsiphhospital.com)

ออกกำลังกายเสร็จแล้วนั่งทำให้บั้นท้ายโต

เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ส่งต่อกันตั้งแต่เรียนวิชาพละก็ว่าได้ เมื่อเล่นกีฬาอะไรจนเหนื่อยหอบและนั่งลงพัก มักมีคนทักให้ระวังก้นใหญ่ ซึ่งอันที่จริงแล้ว การที่ก้นจะใหญ่ขึ้นได้นั้น เกิดจากมวลกล้ามเนื้อที่มากขึ้น และอาจเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ได้ออกกำลังกายมากพอกับปริมาณอาหารที่ทานเข้าไปนั่งนานๆ บ่อยๆ ไม่ได้ขยับร่างกาย ซึ่งทำให้เซลล์ไขมันสะสมมากขึ้น หากแต่เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วนั่งทันทีไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้ก้นใหญ่ขึ้น แต่จะทำให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจทางเส้นเลือดดำได้ช้า กล้ามเนื้อหดเกร็ง เป็นตะคริว อัตราการเต้นหัวใจตกเร็ว ความดันเลือดตกเสี่ยงต่อการเป็นลมได้ ดังนั้นจึงควรมีการ cool down ก่อนทุกครั้งหลังออกกำลังกายเสร็จ ออกกำลังกายเสร็จจึงอย่าเพิ่งนั่งลงทันทีนะ (ข้อมูลจากvichaiyut.com)

เลิกงานกลับบ้านช้าแปลว่าเป็นคนขยัน

ขอบอกว่าเชยมากกับความคิดนี้ ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าทำงานล่วงเวลาเป็นสิ่งที่ผิดแต่อย่างใด หากแต่ไม่ควรตั้งแง่กับคนที่กลับบ้านไวในเมื่อเขารับผิดชอบงานในหน้าที่เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยดีแล้ว การที่สามารถจบงานได้ภายในเวลางานนั่นอาจสะท้อนถึงการรู้จักบริหารจัดการเวลาได้อย่างถูกต้อง ในทางกลับกัน ก็ยังมีคนกะล่อนรอให้ผ่านไปเกือบค่อนวันค่อยเริ่มทำงาน เนียนเหมือนเป็นคนขยัน อันนี้ก็ต้องดูกันที่ความรับผิดชอบ

เมื่อไม่ = ใช่ / เปล่า ไม่มีอะไร = มี

ความเชื่อนี้ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป และส่วนใหญ่จะผิดเสียด้วย ที่ว่าส่วนใหญ่ของผู้หญิงมักปากไม่ตรงกับใจ ปากบอก “ไม่” คือ “ใช่” หรือบอกว่า “ไม่มีอะไร” แปลว่า “มี” บางทีก็ต้องศึกษาทำความรู้จักนิสัยใจคอกันเอง มิเช่นนั้นการง้อแบบไม่ดูให้ดีจะกลายเป็นคนน่ารำคาญได้ บางครั้งเวลาที่คุณเธอบอกว่า “ไม่เป็นไร” อาจจะหมายความว่าไม่เป็นไรตามที่เธอพูดก็ได้นะ

ใส่แว่น = เรียนเก่ง

คนใส่แว่น คือคนที่มีสายตาสั้น สายตาเอียง หรือสายตายาว ไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง หรือเนิ้ดแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะแต่ก่อน สิ่งที่ให้ความเพลิดเพลินจนทำให้สายตามีปัญหามักเป็นการอ่านหนังสือ คนที่ชอบอ่านหนังสือจึงใช้สายตาเพ่งจนกลายเป็นคนใส่แว่น และคงแก่เรียนเพราะรักการอ่าน แต่สมัยนี้ที่มีทั้งจอมือถือ จอคอมพิวเตอร์ และอีกมากมายที่ทำร้ายสายตา การที่คิดว่าคนนี้ใส่แว่นต้องเรียนเก่งแน่ ๆ ถือว่าเชยแล้วนะ





ขอบคุณ : https://today.line.me/th/v2/article/1DmnqXz?view=topic&referral=linetodayexclusive
LINE TODAY ORIGINAL, เผยแพร่ 21 พ.ย. ,เวลา 00.00 น. • pp.p
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ