เหตุไร.? "พระพุทธพจน์" จึงต้องใช้ "ภาษาบาลี" รักษาดำรงไว้.?1. เป็นสภาวภาษา เพราะเกิดจากรากศัพท์(ธาตุ) และปัจจัย(ส่วนเติมแต่ง) ทำให้กำหนดสภาวธรรมได้ชัดเจน รัดกุม ตรงเป้าหมาย เช่น คำว่า ”ขันธ์“ ก็เกิดจาก ข(ขปุพโพ)=ว่างเปล่า + ธา(ธาตุ)=ทรงไว้+อ ปัจจัย สำเร็จเป็น ขนฺธ โดยสภาวธรรม(ปรมัตถ์) ก็คือ ธรรมที่ทรงความว่างเปล่าจากอัตตาตัวตนไว้ โดยศัพท์(บัญญัติ) ก็คือ สิ่งมีลักษณะ เป็น หมวด, หมู่, พวก, กอง, คณะ, ส่วน, ตอน เป็นต้น จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ภาษาศัพท์บอกข้อกำหนดนิยาม” (ภาษาศัพท์เท็คนิค ที่คนไทยเรียกว่าศัพท์วิชาการนั่นแหละ)
2. เป็นภาษาที่มีระเบียบแบบแผน(ตันติภาษา) พอเห็นองค์ประกอบของคำศัพท์(ราก+ปัจจัย) ก็จะรู้ประเภทของคำ มี คำนาม, คำกิริยา, คำวิเสสนะ เป็นต้น และเข้าใจสถานภาพของคำที่บ่งบอก กาล, บท(หน้าที่), วจนะ, บุรุษ, การกะ, อายตนนิบาต และแม้อรรถพื้นผิว(อรรถทั่วไป), อรรถเชิงลึก(อรรถที่ซ่อนอยู่) ความเป็นระเบียบแบบแผนก็บ่งบอกได้ จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ”ภาษาศัพท์อมความ“
3. เป็นภาษามูล ที่ใช้กันตั้งแต่ยุกต้นกัป (พึงศึกษารายละเอียดเรื่องกัป 4 ประเภท มี อายุกัป 1 ,อันตรกัป 1 ,อสงไขยกัป 1 ,มหากัป 1 ในอรรถกถาฎีกา) จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ”ภาษายุกต้นก้ป“
4. เป็นภาษาที่มีคุณสมบัติดังได้กล่าวมาแล้ว ทำให้กระชับ รัดกุม ตรงเป้าหมาย เหมาะกับการรักษาพระพุทธพจน์ จึงมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ”ภาษาบาลี” แปลว่า ภาษาที่รักษา คือ ทรงพระพุทธพจน์ไว้ แม้ภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกัน พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงอนุญาต ปรับอาบัติเอาเสียด้วยซ้ำ แล้วไฉนเลยเหตุผลอื่น จะเหนือไปกว่าพุทธบัญญัติผู้เป็นพระสัพพัญญูเล่า.?
@@@@@@@
ถาม : ในไวยากรณ์ ท่านจะเห็นเหตุอันเป็นที่มาของการได้ชื่อทั้ง 4 ประการ จากส่วนไหนในไวยากรณ์.?
ตอบ : จากสาธนะทั้ง 7 ประเภท ดังนิยาม(วจนัตถะ) ที่มีรูปวิเคราะห์ว่า ”สาธียติ นิปฺผาทียติ กฺริยา เตนาติ สาขธนํ” (สาธ+เณ+ยุ) แปลว่า ” กิริยานุเคราะห์อันเป็นอรรถภายนอก(พาหิยัตถะ=อรรถของปัจจัย)นั้่นแหละ ที่ช่วยให้กิริยาอาการของธาตุอันเป็นอรรถภายใน(อันตัตถะ=อรรถของธาตุ) สำเร็จเป็นสาธนะ(ศัพท์รูปแบบปรกติที่ยังไม่ได้จำแนกวิภยัติที่เรียกว่าลิงค์=เพศ, นาม=ชื่อเรียก, ปาฏิีปทลิกะ=คำเจาะจงถึง, นั่นเอง)
ถามว่า : ศัพท์สำเร็จรูปที่มีอาการทั้ง 4 ประเภท(สาธนะ)ย่อมมีอรรถสุขุมลุ่มลึก เช่น กัตตุสาธนะ มีคำว่า ”พุทธะ” ที่แปลว่า ”ผู้ตรัสรู้อริยสัจ 4” มี 3 ประเภท คือ
สัมมาสัมพุทธะ 1
ปัจเจกพุทธะ 1
สาวกพุทธะ 1
ไม่ใช่ในความหมายว่า พระพุทธเจ้าเฉยๆ หรือพระศาสดาเฉยๆ โปราณาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้น มีพระอรรถกถาจารย์, พระฏีกาจารย์ และ พระนิสสยาจารย์ พวกท่านรักษาอรรถที่สุขุมลุ่มลึกดังกล่าว ไว้ได้อย่างไร.?
ตอบว่า : ด้วยการตั้งรูปวิเคราะห์ศัพท์ ที่เรียกว่า สัททัตถะ และ ด้วยการอธิบาย ที่เรียกว่า อธิปปายัตถะ นั่นเอง ดังนั้นเพื่อการจรรโลงพระศาสนาไว้มิให้เลอะเลือนเสื่อมหายไป ชาวพุทธบริษัทพึงให้ความสำคัญรูปวิเคราะห์ศัพท์ และอธิปปายัตถะ จากคัมภีร์ สังวัณณานิยาม(คัมภีร์กฏเกณฑ์พิจารณารูปวิเคราะห์ศัพท์เพื่อการอรรถาธิบายที่ถูกต้อง) และ คัมภีร์ สังวัณณาวิจาร(คัมภีร์ตรวจสอบรูปวิเคราะห์ศัพท์เพื่อการอรรถาธิบายที่ถูกต้อง)เถิด.
ขอขอบคุณ :-
คอลัมน์ : ถามตอบปัญหา และ สนทนาธรรมตามกาล โดย สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ
web :
dhamma.serichon.us/2021/11/20/เหตุไรพระพุทธพจน์จึงต้/ Posted date : 20 พฤศจิกายน 2021 ,By admin.