ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธศาสนา ในพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชฯ  (อ่าน 648 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระพุทธศาสนาใน พระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

ตลอดพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราโชวาทต่อพสกนิกรมากมาย ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อพสกนิกรที่หมู่เหล่า พระองค์ทรงเป็นธรรมราชาพระองค์หนึ่งเลยก็ว่าได้ พระองค์ทรงมี พระราชดำริ ต่อพระพุทธศาสนาซึ่งปรากฏในพระราชดำรัสเพื่อเชิญไปอ่านในการเปิดประชุมใหญ่ ณ สมาคมพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2518 ดังนี้

@@@@@@

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ปฏิบัติเพื่อความสุข

พระพุทธศาสนา ชี้ทางดำเนินชีวิตปราศจากโทษ ช่วยให้เกิดความเจริญร่มเย็นได้อย่างแท้จริง เพราะมีคำสั่งสอนที่มีลักษณะพิเศษ ประเสริฐ ในประการที่อาศัยเหตุผลอันถูกต้องเที่ยงตรงตามความเป็นจริงพื้นฐาน และแสดงคำอธิบายที่ครบถ้วนชัดเจน อันบุคคลสามารถใช้ปัญญาไตร่ตรองตาม และหยิบยกขึ้นปฏิบัติเพื่อความสุขความเจริญและความบริสุทธิ์ ได้ตามความสามารถและอัธยาศัยของตน จึงเป็นศาสนาที่เข้ากับหลักวิทยาศาสตร์ และเป็นประโยชน์ได้แท้จริงแก่ทุกคนที่จะพอใจหันเข้ามาศึกษาเลือกสรรหัวข้อธรรมที่เหมาะสมไปปฏิบัติ



พระพุทธศาสนาคือสิ่งที่สร้างเสริมศีลธรรม และจริยธรรม

การที่ท่านทั้งหลายจะทะนุบำรุงส่งเสริมเผยแผ่ให้แพร่หลาย มั่นคงควรจะได้ยึดเหตุผลเป็นหลักการ เลือกเฟ้นนำข้อธรรมะที่เหมาะแก่เหตุการณ์แก่บริษัท และแก่บุคคล มาชี้แจงให้ถูกต้องตรงตามเนื้อแท้ของธรรมะนั้น ๆ พร้อมทั้งแสดงการกระทำที่มีเหตุผล และมีความบริสุทธ์ให้เป็นตัวอย่างด้วยตนเองให้ครบถ้วน การบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดจนการสร้างเสริมศีลธรรม จริยธรรมทั้งในผู้ใหญ่ ผู้เยาว์ของท่าน จึงจะบรรลุผลที่น่าพึงพอใจได้

@@@@@@

พระพุทธศาสนาสอนเรื่องเหตุและผล

พระพุทธศาสนา ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะมีหลายนิกาย แต่ก็ยึดหลักธรรมอันเป็นแก่นแท้อย่างเดียวกัน คือถือว่าธรรมทั้งหลายทั้งสิ้นเกิดแต่เหตุ เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผล ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือเหตุและผล นอกจากนั้นยังถือว่าการแผ่เมตตา สงเคราะห์เกื้อหนุนกัน เป็นกรณียกิจสำคัญในการจรรโลงความสงบสุขของชาวโลก

พระพุทธศาสนา ชี้ทางดำเนินชีวิตที่ปราศจากโทษ ช่วยให้เกิดความเจริญร่มเย็นได้อย่างแท้จริง เพราะมีคำสอนที่มีลักษณะพิเศษ ประเสริฐ ในประการที่อาศัยเหตุผลอันถูกต้องเที่ยงตรงตามความเป็นจริง เป็นพื้นฐาน เป็นประโยชน์ที่แท้จริงแก่ทุกคน



พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความจริง

พระพุทธศาสนานั้นมีลักษณะพิเศษ ประเสริฐ ในการที่อาศัยเหตุอันเที่ยงแท้ตามความจริงเป็นพื้นฐาน และหยิบยกขึ้นปฏิบัติเพื่อความสุขความเจริญ และความบริสุทธิ์ได้ตามวิสัยของตน จึงเป็นศาสนาที่เข้ากับหลักวิทยาศาสตร์

พระพุทธศาสนาบริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระและประโยชน์ในทุกระดับ แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดประโยชน์ขึ้นได้

@@@@@@

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเพื่อสังคม

ธรรมะในพระพุทธศาสนา เป็นคำสอนที่แสดงสัจธรรมความแท้จริงของสภาวธรรมทุกสิ่ง ดังนั้นถึงหากสังคมจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็ไม่เกินไปกว่าที่ชาวพุทธจะพิจารณารู้เท่าทันได้ เมื่อได้ปฏิบัติอยู่ในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยถูกต้องมั่นคงแล้ว ความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในสังคมก็ไม่ใช่เหตุที่ควรวิตกอีกต่อไป

ทุกคนที่ถือตัวว่าเป็นชาวพุทธจะต้องสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาตามภูมิปัญญา ความสามารถ และโอกาสที่ตนมีอยู่ เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจที่กระจ่างถูกต้อง พระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงขึ้นได้


 
ที่มา : พ่อของแผ่นดิน โดย ธรรมสภา
ภาพ : นิตยสาร Secret ปีที่ 4 (2554)
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/177933.html
By nintara1991 ,10 October 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ สาธุ สาธุ

วันนี้คล้ายเป็นวัน สวรรคต ของพระองค์

คิดถึง
บันทึกการเข้า