ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - P63
หน้า: [1] 2
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เปลี่ยนความคิดถึงของท่าน มาร่วมสวดคาถา พญาไก่เถื่อน กันเถอะ 3 มี.ค.55 เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 08:37:35 pm
ไม่ใช่ ศิษย์กรรมฐาน แต่ก็อยากสวดด้วยครับ สวดได้หรือไม่ครับ หรือต้องไปขึ้นกรรมฐานกันก่อนครับ

 :25: :c017:

พระคาถาพญาไก่เถื่อน ใครๆก็สวดได้ ไม่มีข้อจำกัดอะไร ไม่จำเป็นต้องขึ้นกรรมฐานก่อนครับ
84000 จบ  สวดทุกวัน เช้า 1 รอบประคำ(108) และเย็น 1 รอบประคำ(108) ใช้เวลา 389 วันพอดี 
2  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เสียงบรรยยาย กรรมฐานที่พระอาจารย์ แสดงในช่วงเวลาุทุ่ม .... เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 11:41:14 pm
อย่างนี้ ก็หมายความว่า ไม่ใช่ ศิษย์กรรมฐาน ก็หมดสิทธิ์ ใช่หรือไม่ครับ

แล้วต้องไปขึ้นกรรมฐาน ที่ไหนครับ

  :25: :25: :25:

ช่วยตอบตามที่เข้าใจนะครับ
พระอาจารย์กล่าวแล้วว่า ให้เฉพาะศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐาน เพราะมีการสื่อสารกันเบื้องต้นมาแล้วจาการที่มาขึ้นกรรมฐาน ยอมรับการเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน  มีพื้นฐานและความเข้าใจในกรรมฐานที่ท่านสอนแล้ว  ซึ่งเป็นการบรรยายในเชิงปฏิบัติ (มิใช่ปริยัติ)  รวมถึงระดับที่สูงขึ้นไปซึ่งต้องการความเข้าใจที่ต่อเนื่อง
หากคนที่ไม่ได้ขึ้นกรรมฐานนำไปฟังเฉยๆ คงได้ประโยชน์น้อย กอปรกับถ้าฟังแล้วรู้สึกไม่เชื่อ ไม่เห็นด้วย
ก็อาจเกิดการปรามาสได้ เป็นบาปกรรมเปล่าๆ

ส่วนการขึ้นกรรมฐาน ที่กรุงเทพก็ที่หลวงพ่อจิ๋ว คณะ5 วัดราชสิทธาราม 
ส่วนสระบุรี ก็ขึ้นกับพระอาจารย์ว่าจะสะดวกเมื่อไหร่ ซึ่งคงแจ้งเป็นครั้งคราวไป 

หากผมอธิบายผิดในส่วนใด  พระอาจารย์โปรดแก้ไขด้วยนะครับ

3  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ประกาศเรื่องการ อ่าน ถาม ตอบทาง email เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2012, 08:01:55 pm
ผมคิดว่า ต้องเลือกตอบเฉพาะของบางท่านที่ติดบางอย่างในกรรมฐาน
ส่วนเรื่องถามว่าอันนี้หมายความว่างัย ไม่ต้องตอบ เสียเวลา ไปหาความรู้เองบ้าง
มันจะได้แตกฉาน แต่ถ้าไม่ตอบเลย ก็ต้องลบกระทู้นี้ออกไป
แต่ถ้าจะให้คนอื่นตอบแทน  ผมไม่เห็นมีใครเข้ามาช่วยตอบสักเท่าไรเลย
เกร็งกันหมด กลัวผิด

    ผมสนับสนุนแนวความคิดนี้ครับ ตอบเฉพาะในส่วนกรรมฐานภาคปฏิบัติ เฉพาะการตอบลูกศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐานแล้วรวมกับผู้ที่ต้องการปฏิบัติในแนวกรรมฐานนี้แต่ยังไม่ได้ขึ้นกรรมฐานก็ไม่ทันแล้ว การพิมพ์ตอบนั้นใช้เวลามากกว่าการพูดตอบหลายเท่าตัว
   
    คำถามที่มีมาเกินครึ่งผมเชื่อว่า search หาในอินเตอร์เน็ตก็เจอมากมาย เพียงแต่จะลงแรงค้นเองหรือไม่เท่านั้น  การขวนขวายด้วยตนเองก่อนนั้นเป็นสิ่งที่พึงกระทำกันทุกคน
   
    ส่วนข้อคำถามหรือข้อสงสัยประเภทที่เปรียบเทียบแนวปฏิบัติกรรมฐานมัชฌิมากับกรรมฐานแบบอื่นนั้น ก็ขอให้ลองค้นจากกระทู้ปักหมุดที่อยู่ด้านบนก่อน หลายข้อมีคำตอบอยู่ในนั้นแล้ว   
   
    ผมเชื่อว่าการศึกษาค้นคว้าเรื่องต่างๆด้วยตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจลึกซึ้งมากกว่า  (ในอินเตอร์เน็ตมีเกือบทุกเรื่อง) เพราะเราจะพบข้อมูลหลากหลาย มีเวลาย่อยข้อมูล วิเคราะห์ เปรียบเทียบ เกิดปัญญามากขึ้น
   
    อย่างไรก็ตาม  ผมขอกราบเรียนเสนอพระอาจารย์บางประการ เช่น ตอบคำถามบางข้อที่น่าสนใจโดยการบันทึกลงไฟล์เสียง โพสต์ลงในเว็ปเป็นข้อๆไป ช่วยประหยัดเวลาได้มาก

   กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

4  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ข้อดีของการไม่กินเนื้อสัตว์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2012, 08:46:28 pm
ถ้าเป็นฆราวาส หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ได้ ก็ขอสนับสนุนและอนุโมทนา
แต่สำหรับพระภิกษุ พระพุทธองค์สอนให้พระภิกษุเป็นผู้กินง่าย อยู่ง่าย มิใช่หรือ
ลองดูคำตอบดีๆ จากหลวงพ่อพุธ ฐานิธย วัดป่าสาลวัน
http://www24.brinkster.com/thaniyo/answer13.html

หมายเหตุ เว็ปที่อ้างอิงมาในตอนต้นกระทู้ เป็นคัมภีร์ของฝ่ายมหายานที่เน้นความเชื่อเรื่องการกินเจ

ดูกระทู้ที่เกี่ยวข้อง
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6398.0
5  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมเราถึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2012, 08:05:13 pm
ตามไปอ่านที่เว็ปที่อ้างอิงมา ปรากฎว่าเป็นคัมภีร์ของฝ่ายมหายานที่เน้นความเชื่อเรื่องการกินเจ

แต่พุทธศาสนาประจำชาติไทยเป็นฝ่ายหินยาน นิกายเถรวาท ซึ่งได้รับความเชื่อถือว่ามีการสืบทอดกันมาอย่างดีและมีความผิดเพี้ยนจากสมัยพุทธกาลน้อยที่สุด มิได้มีพระสูตรเช่นนี้ คงมีแต่บัญญัติห้ามพระภิกษุฉันเนื้อสิบชนิด กับเรื่องที่พระเทวทัตทูลขอพระพุทธเจ้าขอให้ห้ามพระภิกษุฉันเนื้อสัตว์ พร้อมกับข้อเสนออื่นอีก 4 ข้อ แต่พระองค์มิได้ทรงอนุญาต

http://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=7&A=3770&Z=3863
http://www.danpranipparn.com/web/anser/anser226.html
6  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ทุกข์ใจ เพราะลูกติดยาเสพติดคะ เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 11:09:23 pm
มาให้กำลังใจครับ เคยผ่านเจอเรื่องเหล่านี้มาบ้าง ผู้ปกครองต้องเข้มแข็ง
ขอให้ตั้งสติดีๆ ปัญหาทุกปัญหามีทางแก้ไข แม้บางครั้งอาจต้องใช้เวลาและต้องแลกด้วยบางอย่าง
อยากให้แก้ปัญหาแบบพุทธแท้ โดยมองไปที่เหตุ มากกว่าจะคิดถึงว่าเป็นกรรมมาจากอะไร จะไปแก้กรรมอย่างไร

แก้ที่สาเหตุดีกว่าครับ  เช่น สภาพแวดล้อมของบ้าน ของโรงเรียน เพื่อนของลูกเป็นอย่างไร
วิธีคิดของเขา เวลาที่เรามีให้เขาในการพูดคุยกัน ฯลฯ แล้วมาดูซิว่า เราปรับอะไรได้บ้าง
บางกรณีอาจต้องหนีออกจากสิ่งเหล่านั้น เช่น ในชุมชนหรือโรงเรียนที่มีการค้ายา เด็กติดยา
 
ถ้าจะสวดมนต์ภาวนา ก็ขอให้เกิดกำลังใจ และมีสติในการเผชิญกับสถานะการณ์ที่เป็นอยู่

7  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นั่งสมาธิ แล้วเสียงดัง ผมคิดว่า ...... เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 10:37:38 pm
ไม่แน่ใจในคำถามครับ
หมายถึง เสียงดังจากสภาพแวดล้อมภายนอก  เช่น บ้านข้างๆ กำลังก่อสร้าง ทำนองนี้ใช่หรือไม่ ?

ถ้าใช่ อยากจะบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เป็นตัววัดผลของความสงบระงับในการทำสมาธิ ก็คือ เสียงที่เราได้ยิน
เมื่อจิตเริ่มสงบลงไปเรื่อยๆ  เสียงที่ดังอยู่ภายนอกก็จะดูเหมือนอยู่ห่างไกลออกไป ไม่รู้สึกว่ารบกวน

มีบางคนที่ฝึกสมาธิในสภาวะรอบตัวไม่สงบเช่นนั้น ก็ทำได้ หากจิตใจจดจ่ออยู่กับคำภาวนาและฐานจิตจริงๆ
แต่สำหรับผู้ฝึกใหม่ อาจต้องการความสงัดมากกว่านั้น ถ้าเลือกสถานที่ไม่ได้ แนะนำว่า ให้หาเวลาที่รอบข้างไม่มีเสียง เช่น ดึกสงัด หรือเช้ามืด จะดีกว่า

การใช้ Headphone มาครอบหูนั้น จะเกิดความรู้สึกกดทับหู น่าจะไม่สบายตัวและเกิดความหงุดหงิดรำคาญได้มากกว่า ในอนาคตถ้าไม่ได้ใช้ จะกลายเป็นว่าทนเสียงภายนอกไม่ได้มากขึ้นไปอีก

เป็นเพียงความคิดเห็นนะครับ คนเราถนัดไม่เหมือนกัน
8  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.luangpordu.com (หลวงพ่อดู่ / หลวงปู่ดู่ วัดสะแก) เมื่อ: มิถุนายน 24, 2011, 08:54:19 pm
แนะนำเว็ปไซต์เรื่องราวของ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่ลูกศิษย์รุ่นที่ทันเรียนกรรมฐานกับหลวงปู่ได้จัดทำขึ้น ซึ่งมีเจตนาในการรักษาคำสอน และแนวปฏิบัติกรรมฐานดั้งเดิมของหลวงปู่มิให้ผิดเพี้ยนไป รวมทั้งเล่าถึงปฏิปทาที่น่าเคารพศรัทธาของท่านได้อย่างซาบซึ้ง  อ่านแล้วจินตนาการเห็นภาพของท่านจริงๆ




http://www.luangpordu.com

9  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถ้าเราภาวนากรรมฐาน โดยไม่ต้องสนใจ เรื่อง อุปจาระฌาน และ อัปปนาฌาน เมื่อ: เมษายน 08, 2011, 09:07:57 pm
เรื่องการวางอารมณ์กรรมฐาน น่าจะเป็นกระทู้นี้ครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2987.msg10564#msg10564
10  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: สิ่งปิดบัง พระไตรลักษณ์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 09:40:35 pm
อธิบายเท่าที่พอเข้าใจนะครับ

1. สันตติ แปลว่า ความสืบต่อหรือความสืบเนื่อง เป็นตัวบดบัง อนิจจัง เอาไว้
    ตัวอย่าง เรามองที่กายของเราในขณะนี้ เหมือนจะไม่เห็นความเปลี้่ยนแปลงอะไร แต่จริงๆแล้ว เซลล์ต่างๆในร่างกายเราตายไปนาทีละ 3,000 ล้านเซลล์ และร่างกายก็มีการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น ผิวหนังมีการผลัดเปลี่ยน ผิวหนังเก่าก็หลุดลอกกลายเป็นขี้ไคลที่เราขัดออกอยู่ทุกวัน
เมื่อมันมีความสืบเนื่องเช่นนี้ เราจึงมองไม่เห็นอนิจจัง คือความไม่เที่ยงของร่างกายนี้ ทั้งๆที่มันมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
   มีบางท่านอธิบายเปรียบเทียบกับแสงจากหลอดไฟที่เรามองเหมือนกับมันสว่างจ้าอยู่ตลอด แต่จริงๆแล้วมันกระพริบต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว โดยที่เรามองไม่เห็นความต่อเนื่องของมัน จึงคิดว่าแสงนั้นสว่างอยู่ตลอดเวลา

2. อิริยาบถ เป็นตัวบดบัง ทุกขัง เอาไว้
    อิริยาบถ คือ การปรับเปลี่ยนร่างกายในลักษณะต่างๆ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน คู้ เหยียด เป็นต้น
    ลองคิดดูว่า ถ้าเรายืนอย่างเดียว โดยไม่นั่งเป็นวันเป็นเดือน หรือนั่งอย่างเดียวเป็นเดือน ร่างกายหรือสังขารขันธ์เราจะเกิดความทุกข์ขนาดไหน แต่การปรับเปลี่ยนลักษณะร่างกายไปเรื่อยๆ จึงทำให้เรามองไม่เห็น
    จริงๆแล้ว ร่างกายหรือขันธ์ห้าของเรานั้นถูกบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา คือมันทนอยู่ในลักษณะนั้นๆไม่ได้ เช่น หายใจเข้าอย่างเดียวโดยไม่หายใจออกก็ไม่ได้ ไม่กินก็ไม่ได้ กินแล้วจะไม่ถ่ายก็ไม่ได้ เป็นต้น

3. ความเป็นก้อน หรือ ฆนะ เป็นตัวปิดบัง  อนัตตา  เอาไว้  (อนัตตา  คือไม่ใช่ตัวตน)
    ลองเปรียบกับร่างกายของเราที่เห็นเป็นเนื้อหนังอยู่นี้ ที่จริงคือการประกอบกันของธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลมไฟ
    ถ้าเราลองแยก ดิน ออกไปสักธาตุหนึ่ง  ผม ขน เล็บ ฟัน หนังก็จะไม่มีให้เห็น  ธาตุที่เหลือก็อยู่ด้วยไม่ได้ ก็จะมองไม่เห็นเป็นรูปร่างหรือเป็นก้อนเช่นนี้ ก็จะไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน หรือบุคคลเราเขาแล้ว
   
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: พุทโธ ใครก็ได้ช่วยผมที เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 11:57:39 pm
???  ดีครับทุกท่านกระผมพึ่งเข้่ามาใหม่ และมีความส่งสัยบางอย่างในการทำกรรมฐานอย่างมากช่วยผมที่
  เวลาเราเดินจงกรมโดยพุทโธ  เราควรเอาพุทโะไว้ที่ไหนดีครับ  การเดิน พุงยุบพอง  หรือลมหายใจ  เวลานั่งเอาไว้ที่ลมหายใจ แต่เวลาเดินนี้สิครับเอาไว้ที่ไหนดี  เคยได้ยินคนบอกว่าไม่ควรเอาพุทโธไว้ที่การเดิน แต่เวลาผมฟังหลวงตาบัวท่านเทสท่านก็ให้พุทโธ  แล้วเวลาท่านเดินท่านก็ไม่ได้บอกง่ะครับ 

ช่วยกระผมทีนะขอรับ  สาธุกับทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือกระผมแล้วจะมีคำถามอีกขอบคุณ ;)ครับ

อ่านคำถามแล้วยังไม่ทราบว่า คุณ Notebook123 กำลังปฎิบัติกรรมฐานในแนวทางไหนครับ ?
ถ้าเป็นพุทโธ ก็อาจจะใช้แนวสายวัดป่า หลวงปู่มั่น
ถ้าเป็นพองยุบ ก็อาจจะใช้แนวสติปัฎฐาน 4  เช่น วัดมหาธาตุ หรือหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
ถ้าเป็นกรรมฐานมัชฌิมา ก็จะเป็นอีกแนวหนึ่ง ตามห้องกรรมฐานที่ปฎิบัติอยู่
ขอให้เลือกสักแนวทางหนึ่งก่อน แล้วปฏิบัติไปตามที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำ อย่าเอามาปนกัน เช่น การนั่งสมาธิใช้แนวทางหนึ่ง การเดินจงกรมใช้อีกแนวทางหนึ่ง จะสับสนและไม่ก้าวหน้า

ขออธิบายแบบคร่าวๆ เท่าที่เคยฝึกมา
สายพุทโธ   
 นั่งสมาธิ ให้ภาวนาพุทโธอยู่ในใจ อาจกำหนดจิตไว้ที่กลางหน้าอก หรือภาวนาพุทโธ กำกับลมหายใจเข้า-ออก
 เดินจงกรม ให้ภาวนาพุทโธอยู่ในใจ แล้วเดินไปโดยไม่ต้องกำหนดที่เท้า เพียงแต่มีสติระลึกรู้
             บางพระอาจารย์ก็ให้กำหนดพุท ย่างเท้าซ้าย โธย่างเท้าขวา ก็มี  เช่น หลวงพ่อทูล

สายวัดอัมพวัน หลวงพ่อจรัญ
  นั่งสมาธิ ให้รู้อาการที่ท้องพอง  กำหนดพองหนอ และท้องยุบ กำหนดยุบหนอ
  เดินจงกรม มี 1 -6 ระยะ ให้สติระลึกรู้อยู่ที่เท้า เริ่มจาก 1 ระยะ ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ
              ถ้า 4 ระยะ คือ  ยกซ่นหนอ - ยกหนอ - ย่างหนอ - เหยียบหนอ  เป็นต้น
               ทั้งนี้ ยังมี ยืนหนอ(5 ครั้ง) กลับหนอ ฯลฯ ซึ่งมีรายละเอียดอีกหลายอย่าง

สายกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ มีผู้อธิบายไปแล้ว

ลองศึกษาเปรียบเทียบตามนี้ครับ
http://www.samathi.com/content/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1
http://larndharma.org/index.php?/topic/1017-%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%98/
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_tool/lp-tool_2-2.htm
http://www.softach.com/working.php
12  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อคุณยายข้างบ้าน มาขอคำปรึกษาเรื่องลูกชาย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 09:30:09 pm
ถ้าแม่ไม่มีญาติพี่น้องอื่นดูแล เหลืออยู่ตัวคนเดียวกับลูก ลูกที่จะบวช น่าจะเกิดความกังวลมากกว่าความสบายใจ

การที่แม่มีบำนาญเลี้ยงตัว ก็เป็นเพียงเลี้ยงกาย แต่การดูแลจิตใจ และถ้าเจ็บไข้ได้ป่วย ใครจะดูแล
ยกเว้นว่าแม่มีศรัทธาในพระศาสนา เต็มใจไปอยู่วัดด้วย เช่น ถือศีลเป็นชีปะขาว

ถ้าไม่สามารถบวชได้จริงๆ ถึงตัวจะไม่เป็นพระ แต่ใจเป็นพระก็ได้นี่ครับ ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรมจริงๆ
แม้จะต้องอึดสักหน่อยเพราะภาระทางโลก


13  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระสงฆ์ในอุดมคติ ของ ชาวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นอย่างไรคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2011, 11:17:37 pm
ข้อ 1-4, 8, 9,  ไม่จำเป็น

มีเพียง ข้อ 5,6,7 ก็พอแล้ว และหาได้ไม่ยากหรอก
ถ้าท่านมั่นคงต่อพระธรรมวินัย ข้อสุดท้ายก็ตามมาเอง
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ความหมายในพระสังฆคุณ น่าจะไม่เกี่ยวกับสตรี ใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2011, 10:23:05 pm
ขอแสดงความเห็นแบบที่ไม่แน่ใจในคำแปลที่แม่นยำนะครับ

แต่ที่แน่ใจ คือ คำว่าสงฆ์ ที่หมายถึง อริยสงฆ์ นั้น ไม่ได้จำกัดแต่บุรุษแน่นอน
พระโสดาบัน ไปจนถึงพระอรหันต์ ที่เป็นสตรีก็มีหลายองค์
การบรรลุธรรมนั้นไม่ได้จำกัดเพศหรือภาวะ จะเป็นฆราวาสหรือนักบวชก็ได้
ลองค้นดูครับว่า ในพระสูตรบทหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านยังเรียกฆราวาสที่บรรลุธรรมแล้วแต่ยังมิได้บวชว่าอย่างไร
เช่น สันตติอำมาตย์

ดังนั้น บทสวดพระสังฆคุณที่กล่าวถึงผู้ที่เดินอยู่ในมรรคในผล คือ บุคคล 8 จำพวกนั้น ย่อมมิน่าจำกัดเพศ
แต่เป็นการกล่าวระลึกถึงคุณธรรมของท่านมากกว่า
 

15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การวางอารมณ์ในกรรมฐาน มีขั้นตอนอย่างไรครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2011, 08:49:40 pm
อนุโมทนาในคำตอบของคุณ utapati ที่มีรายละเอียดชัดเจนมากครับ :25:

เพิ่มเติมให้อีกวิธีนะครับซึ่งมีประโยชน์มากจริงๆ คือ ขอให้ฟัง RDN station (วิทยุทางเน็ต ที่ถ่ายทอดอยู่ในเว็ปนี้) ตำแหน่งวางอยู่ที่หน้าแรก ใต้ปฏิทินกิจกรรม และอีกที่เป็นแบนเนอร์อยู่ที่ "ข่าว" หน้าเว็ปบอร์ด)
ซึ่งมีการถ่ายทอดเสียงการสอนกรรมฐานของพระอาจารย์ด้วย
ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ (20.30 น.) กำลังฟังการสอนกรรมฐานสำหรับผู้เริ่มต้นอย่างละเอียด มีเรื่องการวางอารมณ์ด้วย
ถ้าสะดวก นั่งสมาธิปฏิบัติตามขั้นตอนที่ท่านสอนได้เลย แล้วคราวถัดไปก็นำไปปฏิบัติต่อได้เอง

16  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การวางอารมณ์ในกรรมฐาน มีขั้นตอนอย่างไรครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 12:01:52 am
ไม่แน่ใจในความหมายของคำถาม แต่ขอให้ลองค้นจากกระทู้ด้านล่างนี้ก่อน และกระทู้ที่เชื่อมโยงไปด้วยนะครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2859.msg10058#msg10058

ขอตอบคร่าวๆ เท่าที่ประเมินจากคำถามก่อนนะครับ
1. การภาวนาเริ่มจากพุทธานุสติกรรมฐานก่อน โดยวางจิตไว้ตามจุดที่กำหนดเป็นขั้นๆไป
   ซึ่งจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในนั้นอีก เป็นห้องๆของการภาวนา
2. หลังจากนั้น จึงมาภาวนาด้วยอานาปานสติกรรมฐาน ตามแนวทางที่กำหนด
3. ขั้นสูงกว่านี้ มีรายละเอียดอีกมาก ควรจะค่อยๆศึกษา   

หมายเหตุ คำที่อธิบายในนั้น ศัพท์บางอย่างคุณอาจจะไม่เข้าใจถ้าไม่เคยขึ้นกรรมฐานสายนี้
           ขอให้อ่านเพิ่มเติมในกระทู้ปักหมุดก่อนแล้วมาถามเพิ่มเติมนะครับ จะช่วยประหยัดเวลาได้
17  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นอนไม่หลับ เวลาใจสับสน กำหนดกรรมฐาน อย่างไรคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 06:39:57 pm
ถึงแม้เมื่อคืนจะผ่านไปแล้ว แต่ขอเพิ่มเติมในคืนอื่นๆ หากนอนไม่หลับอีก

ถ้านอนไม่หลับ จิตใจฟุ้งซ่านไม่อยู่กับคำภาวนาในการนั่งสมาธิ
แนะนำให้เดินจงกรมครับ เพราะมีการเคลื่อนไหว จิตจะอยู่กับคำภาวนาและกายที่เคลื่อนไหวได้ง่ายกว่า
เพราะหากขาดสติก็จะประคองกายไม่ได้ดี

หากเดินจงกรมไม่สะดวก แนะนำว่าให้สวดมนต์แบบออกเสียงเบาๆ หรือสวดในใจดังๆ ก็ได้
เช่น สวดบทบทพุทธคุณไปเรื่อยๆ (หลังจากสวดพาหุงมหากาฯ) หรือสวด 108 จบ
การจดจ่ออยู่กับบทสวด จะดึงจิตให้ตั้งมั่นได้ง่ายกว่า อาจได้สมาธิด้วย
ในกรณีที่จิตตกภวังค์ ก็จะทำให้หลับได้
แต่กรณีที่สวดมนต์ให้หลับนี้อย่าทำบ่อย เดี๋ยวจะติด
18  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สอบถามวิธีป้องกันรองเท้าไม่ให้หาย ขณะเข้าไปทำบุญที่วัด เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 10:04:45 pm
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าสามารถทำได้
1. อย่าใส่รองเท้าราคาแพงไปวัด
2. อย่าใส่รองเท้าใหม่นักไปวัด
3. วางรองเท้าไว้ในบริเวณที่เราเหลือบสายตามาเห็นได้ง่าย เช่นด้านบนสุดของบันไดหรือชั้นวาง เท่าที่เขาอนุญาต  เพราะนอกจากกันคนแล้ว บางแห่งยังต้องกันสุนัขด้วย
4. ในกรณีที่ขับรถยนต์ส่่วนตัว มีรองเท้าแตะลำลองที่ดูดีพอควรไว้ในรถสักคู่เอาไว้เปลี่ยนใส่เข้าวัด (หรือที่ที่มีคนหมู่มาก)

หมายเหตุ จากประสบการณ์ของแวดวงคนใกล้ตัว รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนังราคาแพง แม้แต่รองเท้าแตะยี่ห้อดัง ก็หายมาแล้วทั้งนั้น
19  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ไปเข้างานไม่ทัน เลยให้เจ้านายเซ็นชื่อให้ จัดเป็นมุสา หรือป่าว เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 12:44:33 am
อ่านข้อความที่เขียนเองหลายๆรอบ แล้วคิดเทียบเคียงกับ ศีลข้อ 4
ก็น่าจะได้คำตอบอยู่กับตัวเองแล้วนะครับ

อ่านคำอธิบายเพิ่มเติมทั้ง 2 นี้ เข้าใจง่ายดีครับ
http://www.oknation.net/blog/monsikan/2009/08/03/entry-1
http://www.budmgt.com/lifeways/lw02/train-a-mental-virat.html
20  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่ เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 12:25:28 am
ไม่เหมือนกันครับ
นิโรธสมาบัตินั้น เป็นความสามารถพิเศษในการเข้ารูปฌาน 4 และอรูปฌาน4 หรือที่เรียกว่า สมาบัติ 8 ที่พระอริยเจ้าระดับพระอนาคามีขึ้นไปเท่านั้นจึงจะทำได้ โดยมีระยะประมาณ 7- 15 วัน
และมีความเชื่อว่า ผู้ที่ถวายทานให้กับพระอริยเจ้าที่ออกจากนิโรธสมาบัตินั้น จะได้อานิสงส์สูงมากชนิดร่ำรวยกันทันตาเห็นในชาติปัจจุบันนี้เลย
(จริงๆแล้ว ความเชื่อเดิมหมายถึง ผู้ที่ถวายทานคนเดียว(แก้ไข) คงเป็นเพราะท่านเพิ่งออกจากสมาบัติ การได้รับภัตตาหารมื้อแรกที่ทำให้ท่านมีความแช่มชื่นขึ้น คงเป็นบุญกุศลอย่างสูง - อันนี้เป็นความคิดของผม)

ส่วนนิโรธกรรม เป็นประเพณีที่พระทางภาคเหนือมาปฏิบัติกันในภายหลัง โดยการอดอาหาร ฉันแต่น้ำ เป็นระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งไม่ทราบว่ามีที่มาอย่างไร
แต่มีคนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือตั้งใจเอามาใช้ให้สับสนกัน อาจเพื่อเป็นการโปรโมทอะไรบางอย่าง หรืออาจเพื่อได้รับการทำบุญจากผู้คนมากมายตามความเชื่อที่เอามาปนกันจากการทำบุญกับพระอริยเจ้าแบบที่กล่าวข้างต้น

ดูเรื่องนิโรธสมาบัติที่นี่ครับ
http://www.abhidhamonline.org/aphi/p4/057.htm
21  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อยากทราบขั้นตอนการเรียน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 12:05:06 am
อ่านจากกระทู้นี้นะครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2646.msg9338#msg9338
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2681.0

ขอให้อ่านเพิ่มจากกระทู้ปักหมุดที่อยู่ด้านบนก่อนครับ
เริ่มต้นเรียนด้วยตนเองก็พอได้ แต่จะดีกว่าและพัฒนาเร็วกว่า หากได้ขึ้นกรรมฐานกับพระอาจารย์
ถ้าอยู่กรุงเทพ ก็ไปที่วัดราชสิทธาราม

อนุโมทนา
22  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถ้าเราทำกรรมไม่ดีมา แล้วเรามานั่งภาวนากรรมฐานนี้จะทำหมดกรรมได้หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 12:08:05 am
ช่วยพระอาจารย์ตอบเท่าที่เข้าใจคำถามนะครับ เพราะเห็นว่าส่วนใหญ่พระอาจารย์ตอบอยู่คนเดียว จะตามดูไม่ทัน  หากมีสิ่งใดไม่ถูกต้องพระอาจารย์โปรดแก้ไขให้ด้วย

[คัดลอกมา
กุศลกรรมบถ 10 ประการ
โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) จากหนังสือ "หนีนรก" หน้า 10 - 11

กรรมบถ 10 ประการ มีดังนี้

1. กายกรรม ทำทางกาย 3 ประการ

    1. ไม่ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ไม่ยุให้คนอื่นฆ่า และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นฆ่าสัตว์แล้ว
    2. ไม่ถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่น โดยที่เจ้าของไม่อนุญาตด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้คนอื่นถือเอา และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นถือเอาของเขาแล้ว
    3. ไม่ละเมิดกามารมณ์ในบุตร ภรรยา สามี ของผู้อื่น ไม่ยุให้คนอื่นละเมิด และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นละเมิดแล้ว

ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นการปฏิบัติทางกาย ให้ละเว้นโดยเด็ดขาด

2. วจีกรรม กล่าวทางวาจา 4 ประการ

    1. ไม่พูดจาที่ไม่มีความจริง
    2. ไม่พูดวาจาหยาบ ให้เป็นที่สะเทือนใจของผู้รับฟัง
    3. ไม่พูดวาจาส่อเสียด ยุยงให้ผู้อื่นแตกร้าวกัน หรือไม่นินทาคนอื่น
    4. ไม่พูดวาจาที่ไม่มีประโยชน์ คือวาจาใดที่พูดไปไร้ประโยชน์จะไม่พูดวาจานั้น

ทั้ง 4 ประการนี้ จะไม่พูดเองด้วย ไม่ยุยงให้คนอื่นพูดด้วย และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นพูดแล้วด้วย

3. มโนกรรม คือ การคิดทางใจ 3 ประการ

   1. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่น โดยที่เจ้าของไม่อนุญาตให้ด้วยความเต็มใจ คือ ไม่คิดลักขโมย ยื้อแย่ง คดโกง เป็นต้น
   2. ไม่คิดจองล้าง จองผลาญ จองเวร จองกรรม ผู้ใด คือ ไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่นในทุกๆ กรณีนั่นเอง
   3. มีความเห็นตรงต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีอารมณ์คัดค้านคำสอนของพระองค์ และปฏิบัติตามจนมีผลตามที่ต้องการ

ความรู้สึกนึกคิดทางใจ 3 ประการนี้ ไม่คิดเองด้วย ไม่ยุให้ผู้อื่นคิดด้วย และไม่ยินดีเมื่อมีผู้อื่นคิดแล้ว  ]
-------------------------------------------------------------------------------

     การที่พระอาจารย์กล่าวว่ากุศลกรรมบถ 10 ตัดกรรมนั้น เพราะว่าการที่เรางดเว้นการเบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา และใจนั้น ก็คือการไม่สร้างกรรมไม่ดีกับผู้อื่น จึงเป็นการตัดกรรมไม่ดีที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับตัวเราอยู่แล้ว ซึ่งกุศลกรรมบถ 10 นี้ โดยภาพรวมแล้วคือ ศีล 5 ที่เพิ่มสัมมาวาจาอีก 3 อย่าง และมโนกรรม 3 อย่าง คืออบรมใจ ให้ปราณีตยิ่งขึ้นเรื่อยๆไปนั่นเอง

     ในขณะที่เราฝึกสมาธินั้น โดยกายภาพเราก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนผู้ใด โดยวาจาเราก็ไม่ได้พูด มีแต่บริกรรมอยู่ในใจ โดยใจนั้น ถ้าจิตเราจดจ่ออยู่กับคำภาวนา ฐานจิต และการวางอารมณ์อยู่ในปัจจุบัน (ตามแนวมัชฌิมากรรมฐาน) ก็เท่ากับเรามีกุศลกรรมบถ 10 ครบถ้วนแล้วในขณะนั้น คือไม่สร้างอกุศลกรรม ในขณะเดียวกันก็กำลังสร้างกุศลกรรมที่มีอานิสงส์มาก

      ในการเจริญสมถกรรมฐาน (สมาธิ) หากศีลบกพร่องแล้ว มักจะได้ผลไม่ค่อยดีนัก ในแบบแผนการปฏิบัติจึงมักให้ตั้งใจสมาทานศีล 5 ก่อน

     ศาสนาพุทธนั้นไม่มีการล้างบาป แต่อาจสามารถบรรเทาผลกรรมหรือวิบากที่จะเกิดขึ้นได้ จากหนักอาจจะเป็นเบา โดยทำกุศลกรรมมากๆ ทั้ง ทาน ศีล และที่สุดคือภาวนา จนถึงที่สุด คือ พระอรหันต์ ซึ่งกรรมหลังจากบรรลุอรหันต์แล้วก็จะไม่ส่งผลอีก  สำหรับบุคคลทั่วไป อกุศลกรรมอาจไม่ส่งผลก็ได้หากมีการอโหสิกรรมให้

ดูเรื่องการอโหสิกรรม
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=560.0
23  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นำไตเติ้ล ตัวอย่าง วีดีโอ กรรมฐาน ชุดพิเศษ จะจัดทำเดือน ก.พ. หรือ มี.ค. เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 10:46:52 pm
Title เฉียบจริงๆครับ
ถ้าเนื้อหาเป็นกลางๆ ที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย แม้ไม่รู้จักพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ
ขอเสนอว่า ให้ load ดีกว่าครับ จะได้นำไปเผยแผ่ต่อได้ (แล้วแต่พระอาจารย์จะพิจารณาเห็นสมควร)
24  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เห็นเพืื่อน ขโมยของ และเราก็ไปเห็นตอนที่เขาทำ ควรทำอย่างไรดีคะ เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 06:49:43 pm
ช่วยตอบโดยไม่ทราบว่าคุณมีอายุ หรือประสบการณ์ชีวิตแค่ไหนนะครับ เพราะเรื่องอย่างนี้ต้องคิดและมองอะไรกว้างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม (สมมุติว่าเป็นผู้ใหญ่ก็แล้วกัน)

"เอาใจเขามาใส่ใจเรา"
ถามตัวคุณเองว่า ถ้าคุณเป็นผู้สูญเสียทรัพย์นั้น แล้วคุณรู้สึกอย่างไร ?

เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคุณสนิทกับเพื่อนคุณมากแค่ไหน ? โดยส่วนตัวคุณมีความกล้าหรือแคร์ใครแค่ไหน ?
คุณและเพื่อนคุณต้องเจอ ต้องอาศัย หรือจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันในอนาคตหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร ?
นิสัยและพฤติกรรมโดยรวมที่ผ่านมาเขาเป็นอย่างไร ? สมควรได้รับมาตรการอะไรในการสั่งสอน ?
มีกี่คนที่เห็นเขาขโมยของ ?
และเขาทราบหรือไม่ว่าใครเห็นบ้าง ?

ทางเลือกที่ 1
ถ้าคุณพิจารณาเพื่อนคุณแล้วว่า เขายังมีส่วนดีอยู่บ้าง สามารถตักเตือนได้และเขาคงพอจะเชื่อเราบ้าง ก็บอกให้เขาเอาของไปคืนแบบเงียบๆ  เรื่องกฎหมายก็อาจบรรเทาเบาบางไปได้ 
จากนั้น ถามตัวเองต่ออีกว่า เพื่อนของคุณที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ เป็นคนที่ยังควรคบอยู่อีกหรือไม่ หรือรักษาระยะห่างในการคบอย่างไร

ข้อนี้ต้องพิจารณาดีๆ เพราะถ้าเขาไม่คืน คุณกับเขาก็คงมีปัญหากันต่อแน่
และคุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้แค่ไหน

ทางเลือกที่ 2  (ถ้าต้องการให้เจ้าของได้รับของคืนจริงๆ )
ถ้ารู้แน่นอนว่า บอกเขาไปเขาก็คงไม่คืน และเขาควรได้รับมาตรการการสั่งสอน ก็อาจหาวิธีแจ้งทางอ้อมให้เจ้าทุกข์ได้ทราบโดยเขาไม่รู้ว่าผู้แจ้งคือใคร ทั้งนี้ ควรเป็นกรณีที่ว่า เพื่อนคุณก็ไม่ทราบว่าคุณรู้เรื่องนี้ มิฉะนั้น ปัญหาก็จะตามมาที่คุณด้วย  กรณีนี้ต้องพิจารณาตัวเองว่ามีความกล้าและแกร่งแค่ไหน รวมทั้งวิธีการแจ้งเจ้าทุกข์ด้วย  ถ้าคิดว่าความสามารถไม่ถึงก็อย่าทำ

ทางเลือกที่ 3
เขาทราบว่าคุณเป็นผู้รู้เห็นเรื่องนี้อยู่คนเดียว และคุณพิจารณาว่าตัวเองอาจไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์หรือปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับคุณต่อไปได้ในกรณีที่คุณบอกเจ้าทุกข์ คุณก็ทำได้เพียงห่างออกจากตัวเขาโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ต้องคิดว่า เพื่อนของคุณที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ เป็นคนที่ยังควรคบอยู่อีกหรือไม่ หรือรักษาระยะห่างในการคบอย่างไร

ในโลกของความจริง กว่าที่คุณจะมาถาม และได้รับคำตอบนี้ ทรัพย์ที่ขโมยนั้น คงถูกแปรรูปหรือนำไปไหนต่อไหนแล้ว
25  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นามผู้สร้างหนังสือพระกรรมฐานห้อง ๔ เมื่อ: ธันวาคม 16, 2010, 10:56:35 pm
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
ผมเพิ่งจะส่งธนาณัติไปร่วมสมทบทุนเมื่อวาน หวังว่าคงทันได้รับหนังสือด้วยนะครับ

ขอบพระคุณครับ
26  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: เส้นทาง ธรรมสัญจร กรุงเทพมหานคร เมื่อ: ตุลาคม 20, 2010, 08:46:03 pm
สอบถามกันมาว่า พระอาจารย์จะจัดธรรมสัญจร ไหว้พระเถระ ที่ล่วงลับไปแล้วและทิ้งสังขาร
ไว้ ไม่เน่าเปื่อย มีอาการแตกต่างกันไป

1.หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ( คณะเคยไปมาแล้วอาจจะตัดได้ )
2.หลวงปู่นพ ภูวริ วัดมหาพฤฒาราม บางรัก กรุงเทพฯ
3.พระอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน กรุงเทพฯ ถนนสาธุประดิษฐ์ ซอย19 (ซอยวัดโพธิ์แมน) เขตยานนาวา จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120 โทร. 02-2112363
4.หลวงพ่อวงศ์ วัดปริวาส กรุงเทพฯ พระราม3 ซอย30 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา  กทม.
5.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. ( คณะเคยไปมาแล้วอาจจะตัดได้  )
6.หลวงพ่อผล วัดเซิงหวาย เตาปูน กทม.
7.หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง วงศ์สว่าง กทม.
8.หลวงปู่แสวง วัดสว่างภพ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
9หลวงปู่สาย วัดบางรักใหญ่ บางกรวย-ไทรน้อย (บางรักใหญ่) บางรักใหญ่ บางบัวทอง นนทบุรี
10.หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน นนทบุรี สามวาตะวันออก คลองสามวา กรุงเทพฯ
11.หลวงปู่ชื่น อคิชาคโล วัดเขาหัวนา อ.บ้านนา จ.นครนายก

แต่เส้นทาง โดดข้ามไปมา ทำให้พระอาจารย์ กำหนดเส้นทางให้ครบในรอบเดียวไม่ได้
ใครชำนาญเส้นทาง ลองช่วยกำหนดให้หน่อยว่าจะเริ่มไปอย่างไร จึงจะครบในวันเดียว

ที่พระอาจารย์ กำหนดไว้ คือ

11 => 8 => 10 => 9 => 6 => 7 => 4 => 3 => 2

ใครชำนาญเส้นทางก็ช่วยกำหนดด้วย
คิดว่าถ้าเป็นไปได้ ค่ารถก็จะไม่เกิน คนละ 400 บาท รถตู้

ขอเสนอเส้นทางครับ
11 => 10 => 8 = > 9 => 6 =>  7 =(ขึ้นทางด่วน) > 4 => 3 => 2

เริ่มจากสระบุรี ไปวัดแรก(#11) อ. บ้านนา  จากนั้นมาทางถนนรังสิต-นครนายก
ไปวัดลำกระดาน (#10) ซึ่งอยู่แยกออกจากถนนลำลูกกาคลอง 7 ไปทางถนนนิมิตรใหม่
แล้วค่อยวกกลับมา วัดสว่างภพ (#8) คลอง4 คลองหลวง ซึ่งค่อนข้างไกลสักนิด  แล้วใช้เส้นทางคลองหลวง ต่อไปทางถนนวงแหวนรอบนอกหรือถนนราชพฤกษ์ ไปที่ถนนรัตนาธิเบศร์ วัดบางรักใหญ่ (#9)
จากนั้นมาที่ถนนกรุงเทพ-นนท์ วัดเซิงหวาย เตาปูนก่อน (#6)
แล้วค่อยมาที่วัดเลียบราษฎร์บำรุง (#7) เพื่อต่อไปขึ้นทางด่วน เป็นการประหยัดเวลา
ไปลงที่สาธุประดิษฐ์ วัดปริวาส (#4) แล้วต่อมาที่วัดโพธิ์แมน (#3)
แล้วมาที่สุดท้าย วัดมหาพฤฒาราม (#2) บางรัก
จากนั้นขึ้นทางด่วนที่ หัวลำโพง มาลงที่ ธรรมศาสตร์ คลองหลวง กลับไปสระบุรี

ต้องออกเช้าหน่อย และใช้ทางด่วนครับ มิเช่นนั้น ไปไม่หมดแน่
27  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ชาวพุทธแท้ทั้งหลายอย่านิ่งเฉย เมื่อมีกระทู้ป่วนจากคนศาสนาอื่น หรือมั่วหลักการ เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 10:38:30 pm
คุณ tuenum กลับมายืนยันเรื่องการนับถือศาสนาที่ผมถามหน่อย
ลูกผู้ชาย กล้าทำต้องกล้ารับซิ  :85:

หรือจะทำตัวเหมือนตอนที่อยู่เว็ปอื่น ไม่กล้าตอบ แล้วชิ่งไปเปิดกระทู้ใหม่เรื่อยๆ
ถ้าเป็นอย่างนี้ ถือว่าแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์นะครับ
28  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ชาวพุทธแท้ทั้งหลายอย่านิ่งเฉย เมื่อมีกระทู้ป่วนจากคนศาสนาอื่น หรือมั่วหลักการ เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 09:12:59 am
อย่างแรก กรุณายืนยันศาสนาตัวเองก่อนนะ
ถ้าคุณเป็นพุทธศาสนิกชน เป็นพุทธมามกะจริง กรุณากล่าวโดยพิมพ์ถ้อยคำคามนี้
พุทธัง สรนัง คัจฉามิ   ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
ธัมมัง สรนัง คัจฉามิ   ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
สังฆัง สรนัง คัจฉามิ   ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆ์เจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
สรณะอื่นไม่มีสำหรับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ามิได้ยอมรับพระเจ้า และพระเยซูเจ้า หรือพระเจ้าในศาสนาอื่นใดเป็นสรณะของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่มีสรณะอื่นใดเป็นที่พึ่ง ที่อาศัยนอกจากพระรัตนตรัย

ถ้าคุณเป็นชาวพุทธจริงๆ คนอื่นก็จะได้รู้ว่าคุณเข้าใจศาสนาพุทธแบบไหน และคุณจะได้เจอผลกรรมอะไรบ้าง
ถ้าไม่ได้เป็นพุทธศาสนิกชน บอกมาชัดๆด้วยว่าตนเองนับถือศาสนาอะไร หรือเป็นคนไม่มีศาสนาก็บอกมา

ถ้าไม่กล้าแม้แต่แสดงศาสนาของตัวเอง ก็อย่ามาแสดงความคิดเห็นอะไรเลย

"โดนไล่ออกจากเว็บศาสนาต่างๆไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม มาแล้วทั้งนั้น  แม้แต่เว็บธรรมกาย เขาก็ยังไล่ผมออก"
   แสดงว่า ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ?

ถ้าไม่รู้จะนับถือศาสนาอะไรดี สับสนในตัวเองอย่างนี้ ก็ลองไปปรึกษาจิตแพทย์ดูบ้างนะ เผื่อจะช่วยได้ อ้อ หวังว่าจิตแพทย์คงไม่โดนมารคุมด้วยหรอกนะ
29  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ชาวพุทธแท้ทั้งหลายอย่านิ่งเฉย เมื่อมีกระทู้ป่วนจากคนศาสนาอื่น หรือมั่วหลักการ เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 08:53:04 pm
ตามเหตุผลที่ผมโพสต์ไว้ข้างต้น ถ้าลูกศิษย์พระอาจารย์สนธยา หรือผู้อ่านชาวพุทธท่านอื่นๆ รู้สึกในทำนองเดียวกัน ก็ไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่านกระทู้เหล่านี้ หรือถ้าเข้าไปอ่านแล้ว ก็ไม่ต้องตอบใดๆ เป็นการต่อความยาวสาวความยืด
แต่กรุณากดแจ้งลบกระทู้เหล่านี้ไปให้ผู้ดูแลเว็ปทราบ อย่างน้อยเพื่อเป็นการแสดงออก
30  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ชาวพุทธแท้ทั้งหลายอย่านิ่งเฉย เมื่อมีกระทู้ป่วนจากคนศาสนาอื่น หรือมั่วหลักการ เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 04:34:03 pm
ตามดูอยู่หลายวันแล้วครับ พวกกระทู้ป่วนข้างล่างทั้งหลายนี้
คิดว่าหลายคนคงพอทราบ แต่ไม่ทราบว่าแต่ละท่านได้ดำเนินการไปอย่างบ้าง
ส่วนตัวผมเองได้แจ้งทางผู้ดูแลไปแล้ว และกำลังรอคอยมาตรการอยู่

สังเกตุได้ว่าครั้งแรกก็เข้ามาแบบเนียนๆ แต่กระทู้หรือข้อความหลังๆ ก็ชัดแจ้งในเจตนาในการลากให้ศาสนาพุทธไปปนเปในหลักการกับศาสนาอื่น ลดระดับหลักการสูงสุดของศาสนาพุทธเพื่อให้เทียบเคียงกันได้ บางทีก็ทำให้ต่ำกว่าเสียด้วย ตบท้ายด้วยการชักจูงให้คล้อยตาม คนที่ศึกษาศาสนามายังไม่มาก หรืออ่านเพลินๆ ก็อาจเห็นด้วยหรือคล้อยตามในข้อความทำนองนี้

ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า หลายๆ username ที่เห็นก็เป็นคนๆเดียวกัน หรือมิฉะนั้นก็เป็นทีมเดียวกัน
มีการชงเรื่องและทำทีเป็นสอบถามให้มันต่อเนื่องกัน
ถ้าเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยถูกไล่ออกมาจากเว็ปศาสนาอื่น ก็เพราะพฤติกรรมน่ารังเกียจเช่นนี้ ซึ่งไม่ยอมรับเสียด้วยว่าตนนับถือศาสนาอื่น เช่นถูกท้าทายให้กล่าวว่า
พุทธัง สรนัง คัจฉามิ   ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
ธัมมัง สรนัง คัจฉามิ   ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
สังฆัง สรนัง คัจฉามิ   ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆ์เจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ
สรณะอื่นไม่มีสำหรับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ามิได้ยอมรับพระเจ้า และพระเยซูเจ้า เป็นสรณะของข้าพเจ้า

เมื่อถูกท้าทายโดยตรงเช่นนี้ ก็มิกล้ากล่าว แต่กลับเฉไฉไปเรื่องอื่น

ศาสนาทุกศาสนานั้นดี แต่ไม่ได้มีหลักการสูงสุดที่เหมือนกัน ศาสดาของแต่ละศาสนานั้นก็ดีเป็นที่น่าเคารพทั้งนั้น  แต่ก็ยังมีศาสนิกที่เลว พยายามใช้วิธีการสกปรกในการบิดเบือนหลักการของศาสนาอื่น เพื่อชักจูงคนเข้าศาสนาของตน ผมเชื่อว่าศาสดาของเขาหรือพระเจ้าของเขา ก็คงไม่เห็นด้วยกับเขาในการการกระทำเช่นนี้

ชาวพุทธนั้นโดยปกติอยู่อย่างสันติ แต่มิได้หมายความว่าจะยอมให้ใครมาละเมิดหรือปรามาสพระรัตนตรัยได้
ผมเชื่อว่าท่านอื่นคงมีแนวความคิดไม่ต่างกันนัก ดังนั้น การแสดงออกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาเห็นว่าเรามิได้เพิกเฉยหรือเห็นด้วยในพฤติกรรมทำนองนี้  ตัวอย่างกรณีถูกคนต่างชาติต่างศาสนาลบหลู่ในเรื่องพระพุทธรูป เป็นต้น

เว็ปนี้เกิดขึ้นมาโดยพระอาจารย์สนธยา เพื่อเผยแผ่พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับในพระพุทธศาสนา
ถึงจะเปิดกว้างในหลายเรื่อง แต่มิควรจะมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้

สำหรับเรื่องนี้ ไม่วางอุเบกขาแน่ครับ

 



31  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถ้าเราปฏิบัติ พระกรรมฐาน โดยไม่อธิษฐาน กรรมฐาน ได้หรือป่าวคะ เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 09:17:08 pm
ไม่ค่อยได้ติดตามเข้าเว็ป จึงเพิ่งจะได้อ่านกระทู้นี้

ขออนุโมทนาในคำตอบของคุณ ISSARAPAP และคุณ Komol ด้วยครับ
สมกับเป็นลูกศิษย์พระกรรมฐานของพระอาจารย์  :25:

และได้อ่านข้อความจากพระอาจารย์แล้ว รู้สึกสะอึก
ไม่ทราบว่าในช่วงที่ผ่านมา เกิดปัญหาอะไรบ้าง
แต่เห็นด้วยกับพระอาจารย์ครับว่า บางครั้งลูกศิษย์อาจวางอุเบกขาเกินไป
เรื่องบางเรื่องไม่ชี้แจงก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องบางเรื่องต้องชี้แจง มิฉะนั้นก็จะไม่เข้าใจ
และก็อาจเข้าใจผิดไปตลอดก็ได้

ขอกราบเรียนพระอาจารย์ ณ ตรงนี้ ในบางปัญหาหากพระอาจารย์ไม่สะดวกในการกล่าวด้วยตนเอง ขอให้บอกลูกศิษย์ที่ได้รับมอบหมายช่วยเป็นผู้แจ้งแทนก็ได้ครับ เช่น เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น
การบอกบุญก็เป็นกุศลอย่างหนึ่ง หากเรานำปัจจัยต่างๆ ไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ก็ไม่น่าจะกังวลอะไร
ทำให้เห็นชัดเจนจะดีกว่าครับ จะได้รู้กันถ้วนทั่ว และสนับสนุนได้ตามอัตภาพ

เท่าที่เคยสนทนากับพระอาจารย์โดยตรงเรื่องที่มาของการเผยแผ่พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับแล้ว
ตลอดจนได้เห็นหลักฐานบางประการ จึงเชื่อมั่นในความตั้งใจของพระอาจารย์ในการสืบทอดและเผยแผ่พระกรรมฐานนี้  ถึงแม้พระอาจารย์จะพอทราบแต่แรกแล้วว่าจะต้องพบกับอุปสรรคและปัญหาไม่น้อย  แต่หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ  คงมิก้าวหน้าไปถึงไหนแน่ เพราะกรรมฐานแนวนี้มิใช่ง่ายนัก การได้พบเจอครูบาอาจารย์โดยตรงและได้ปรึกษาคงดีกว่าในหลายๆด้าน

อย่างไรก็ตาม กราบขอขมาพระอาจารย์มา ณ ที่นี้ หากมีคำกล่าวใดๆ ที่ไม่ตรงประเด็นและไม่เหมาะสมในกระทู้นี้ 
32  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ประเทศไทย มีพระกรรมฐาน ที่เก่ง ๆ หรือป่าวครับ ? เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 07:46:48 pm
ขออนุโมทนาในสิ่งที่พระอาจารย์แสดงครับ
คิดว่าเมื่อพระอาจารย์ภาวนาจนเบากายเบาใจแล้ว คงมาออกมาช่วยลูกศิษย์อีก
33  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขออนุโมทนา กับการได้รับปริญญาดุษฏิบัณฑิต ของ พระครูสิทธิสังวร เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2010, 11:03:33 pm
ขอร่วมถวายมุทิตาจิตกับหลวงพ่อจิ๋วด้วยครับ
34  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอเชิญอนุโมทนา การอบรมพระกรรมฐานมัชฌิมาฯ ที่วัดราชสิทธารามฯ เมื่อ: มีนาคม 05, 2010, 11:39:52 pm
สาธุ อนุโมทนามิ
35  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: การตัดสินใจ เมื่อ: มีนาคม 05, 2010, 11:18:06 pm
ติดตามเรื่องจริงผ่านจอ(LCD) อยู่นะครับ
คิดว่าภาคต่อ ตอนจบคงออกมาดี
36  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มืดมาแล้ว อยากสว่างไป เมื่อ: มีนาคม 02, 2010, 09:37:21 pm
อนุโมทนาครับ
มรณานุสติ ทำให้คลายโลภ โกรธ หลงได้เยอะ
ที่มีปัญหากันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะขาดอนุสติตัวนี้แหละ

ที่นี่มีกัลยาณมิตรมากมายครับ
ขอให้เจริญในธรรม
37  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เดินทางขึ้นเหนือ แล้วจ้า เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2010, 10:02:27 pm
กราบนมัสการเรียนถามพระอาจารย์ครับ ว่าจะกลับมาที่วัดประมาณเมื่อไหร่
และในระหว่างนี้ จะสอบถามปัญหา หรือรายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติ
หรือการจะเปลี่ยนฐานจิต (ถ้าก้าวหน้าขึ้น) จะทำอย่างไรครับ  เพราะไม่ได้พบพระอาจารย์โดยตรง

ขอบพระคุณครับ
38  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ฝึกลูกอย่างไร ให้ดีครับ มีแบบแผนไหมครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2010, 09:50:51 pm
เด็กที่ได้รับการปลูกฝังทางธรรมก็เป็นสิ่งที่ดีและสมควรแน่นนอน
เขาอาจจะยังไม่เข้าใจนักในตอนนี้ แต่อย่างน้อยการอยู่ใกล้วัด ใกล้พระดีๆ
เวลาเขามีปัญหา สำนึกด้านดีน่าจะช่วยเขาได้ในระดับหนึ่ง

วิธีที่มักใช้ในการโน้มน้าวเด็กในการทำสมาธิ คือ
การช่วยด้านความจำ และสติปัญญา ผลการเรียนที่ดีขึ้น และรางวัลจากผลการเรียนที่ดีเป็นการจูงใจ

วิธีที่ผมใช้ก็ให้เขาอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ เรื่องพญานาค เรื่องผลของกรรมที่แปลกๆ ฯลฯ
เขาก็รู้สึกสนใจในความเป็นมา  หลังจากนั้น เราก็คุยเรื่องเหล่านี้กันอย่างสนุกสนาน สอบถามความเห็นเขาว่าคิดอย่างไร และผมก็สอดแทรกเรื่องธรรมะและวิธีปฏิบัติเข้าไป เขาก็สนใจมากขึ้นในการทำสมาธิ
แต่ก็ต้องย้ำเตือนไม่ให้อยากเห็นในสิ่งต่างๆ และต้องระมัดระวังให้ดีเรื่องเหตุผลและความงมงายด้วย  ตรงนี้ให้ใช้เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปก็จะเข้าใจในธรรมะจริงๆมากขึ้น

อีกอย่าง ในบางคน เรื่องของวาสนาในการเข้าถึงธรรมอาจยังมาไม่ถึงก็ได้
เช่นเพื่อนผมคนหนึ่ง ยายก็พาไปวัดตั้งแต่เล็ก บวชพระก็เคยบวช แต่ไม่ได้อะไรติดตัวมาสักอย่าง
จนกระทั่งอายุเกินเลขสี่ เจอวิบากกรรมหนักๆเข้า  จึงทราบซึ้งถึงโลกธรรม ตอนนี้เริ่มเข้าวัด
กำลังจะเริ่มหัดภาวนา

การจะให้ให้เด็กเข้าวัดไหน ต้องเลือกและระมัดระวังมากๆนะครับ

สถานที่สำหรับเด็กมีหลายที่ครับ เช่น
ที่ยุวพุทธิกสมาคม ก็มีคอร์สสำหรับนักเรียน แต่มักต้องจองล่วงหน้ากันหน่อย (สติปัฏฐานสี่)
วัดปัญญานันทาราม รังสิต คลองหก  (สอนให้เด็กมีวินัย เข้าใจเหตุผลเกี่ยวกับศาสนา และสอนสมาธิ)
วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 (หลักสูตรการปฏิบัติสมาธิ)
หรือมัชฌิมากรรมฐานแบบลำดับ ที่มีหลักปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอน
ก็ไปได้ที่ทั้งวัดราชสิทธาราม และวัดแก่งขนุน



39  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ประสพปัญหากับพระอาจารย์ที่ผมนับถือ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2010, 08:51:42 pm
ขอตอบในอีกด้านนึงนะครับ
ครูบาอาจารย์ท่านมักจะบอกว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ต้องเดินสายกลางเช่นเดียวกัน
ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี ต้องดูกาละเทศะด้วย
ควรประพฤติตนแบบ "โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่ขุ่น"

ลองดูเรื่องที่ยกมานี้ครับ
http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php?topic=498.0

http://74.125.153.132/search?q=cache:MS_h38Da0EMJ:www.healthcorners.com/new_read_news.php%3Fid%3D6673+%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1+%2B+%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2&cd=5&hl=th&ct=clnk&gl=th

40  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: หลักปฏิบัติ ในพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2010, 06:24:13 pm
มีการวัดผลการปฏิบัติ อย่างไรหรือครับ ที่ว่าปฏิบัติ ได้ หรือ ไม่ได้ :13:

สำหรับ
อ้างถึง
ท่านสอนแบบประกบตัวต่อตัวในขณะที่ขึ้นกรรมฐาน สอนวิธีการเดินจิต

มีขั้นตอนอย่างไรครับ เพราะโดยปกติกรรมฐานก็สอนกันเฉพาะศิษย์อยู่แล้ว วิีธีการเดินจิตก็เป็นวิธีการปฏิบัติ
จะมีความแตกต่างกันอย่างไรครับ

ขอชี้แจงในคำถามที่ 2 นะครับ  และต้องกราบขออภัยพระอาจารย์ด้วย หากกล่าวเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะสม

ก่อนจะไปที่วัด ผมได้โทรกราบเรียนถามท่าน 2-3 ครั้ง ซึ่งบางเรื่องท่านแจ้งว่าตอบไม่ได้ถ้าไม่ได้เป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน แต่ท่านก็แนะนำให้ไปที่วัดราชสิทธารามก่อน ไปดูหลักฐานต่างๆ จะได้เกิดศรัทธาในองค์บูรพาจารย์และสายวิชชา สำหรับการจะขึ้นกรรมฐาน ท่านบอกว่า ถ้าอยู่ในกรุงเทพ ก็ให้ไปที่วัดพลับ   ผมจึงได้ไปขึ้นกรรมฐานกับหลวงพ่อจิ๋วก่อน  และหลวงพ่อจิ๋วท่านก็เมตตาและเป็นกันเองมาก แต่ผมอาจเป็นศิษย์ใหม่มากๆ ก็ได้ ในความเห็นของท่าน จึงยังไม่จำเป็นต้องชี้แนะอะไรมาก ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆก่อน ตามแนวที่แจ้งตอนแรก

อันที่จริงแล้ว บ้านผมอยู่ชานเมืองด้านทิศเหนือ การเดินทางไปที่วัดแก่งขนุนจะสะดวกและรวดเร็วกว่า

ในวันที่ผมไปขึ้นกรรมฐานที่วัดแก่งขนุนนั้น โชคดีที่มีผมอยู่คนเดียว การสอนจึงเฉพาะตัวจริงๆ  แต่ท่านก็เล่าว่า ถึงจะสอนเป็นกลุ่ม ท่านก็ช่วยชี้สภาวะแต่ละบุคคลในขณะนั้นให้ โดยคนนั้นต้องมีสติสังเกตุตัวเองก็จะทราบได้เช่นกัน ในวันนั้น ยังได้คุยเรื่องที่น่าแปลกใจอีกหลายเรื่อง แต่ไม่สามารถบอกได้

ในด้านการสอนภาวนานั้น ผมเองผ่านการปฏิบัติมาหลายแนวหลายที่ ทราบดีถึงความแตกต่างในสไตล์ของแต่ละพระอาจารย์ เช่น สายหลวงปู่มั่น ท่านก็ไม่อธิบายมาก เน้นให้ภาวนามากๆ  เมื่อเจอสภาวะใดๆจริงแล้วจึงจะไปถาม
ส่วนบุคคลนั้นจะชอบหรือถูกจริตกับแนวการสอนพระอาจารย์ท่านไหนแล้ว ก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล (และบางทีก็อาจเป็นเรื่องของวาสนา และกรรมสัมพันธ์)

ในส่วนวิธีสอนการเดินจิตนั้น  จากประสบการณ์ตรงของผม พิจารณาว่าโดยวัย(ที่ยังไม่มาก)ประกอบกับสไตล์การสอนของพระอาจารย์สนธยาท่าน  ในเบื้องต้นท่านช่วยเหลืออย่างมาก เหมือนเป็นโค้ชที่ประกบใกล้ชิด และอาจเป็นเพราะท่านเมตตาผมด้วยก็เป็นได้    ผมกล่าวได้ว่ามีความต่างในวิธีการครับ เช่น ผมมีจุดภาวนาที่เคยปฏิบัติอยู่ ท่านก็ให้ดึงนำมาใช้  การชี้ถึงอารมณ์ในขณะนั้น เป็นต้น พูดมากไปกว่านี้เดี๋ยวจะเป็นการละเมิดครูบาอาจารย์  แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็คงเหมือนกัน คือ ทุกคนต้องพยายามด้วยตนเอง จึงจะสำเร็จได้

ยิ่งกว่านั้น ท่านกล่าวอยู่ตลอดว่า ศูนย์กรรมฐานฯที่วัดแก่งขนุนนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อเผยแผ่กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป และสนับสนุนศูนย์กลางที่วัดพลับและหลวงพ่อจิ๋วท่าน  ซึ่งในอนาคตก็จะมีความเข้าใจในที่มาที่ไปของศูนย์กรรมฐานฯนี้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเคารพทุกแนวทางที่ปฏิบัติตรง ครูบาอาจารย์ทุกท่านตามที่ผมเคยไปปฏิบัติมา และยังแวะเวียนไปกราบท่านอยู่เสมอ รวมทั้งขอคำสอนคำชี้แนะและเอามาประยุกต์ใช้ด้วย
เช่น คำสอนของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่ว่า "คนดี เขาไม่ตีใคร"

ขออภัย ถ้าคำตอบยังไม่กระจ่าง กรุณาสอบถามพระอาจารย์สนธยาต่อนะครับ
หน้า: [1] 2