ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผ้าเหลือง กับ ของหรู สมณเพศไม่ควรกอดกากซากบุญ!  (อ่าน 1021 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ผ้าเหลือง กับ ของหรู สมณเพศไม่ควรกอดกากซากบุญ!

เป็นอีกครั้งที่วงการพระพุทธศาสนา (ในไทย) เกิดปัญหาความขัดแย้งกับกรณีแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แน่นอนถึงตอนนี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า สมเด็จช่วง หรือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ คือผู้ที่เหมาะสมตามกฎหมาย มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.สงฆ์ อย่างไรก็ดี วัดปากน้ำก็ยังมีเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ กับกรณี "รถหรู" ที่จอดภายในวัด ซึ่งที่มาที่ไปของเรื่องนี้เริ่มต้นจาก...

 :96: :96: :96: :96: :96:

ย้อนที่มา 'รถหรู' ญาติโยมถวาย

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ไล่ย้อนเหตุการณ์ รถหรูภายในวัดปากน้ำ ถูกกล่าวขานครั้งแรก เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2556 ขณะนั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ​ หรือ ดีเอสไอ เดินหน้าตรวจสอบคดี รถจดประกอบ ตอนนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.56 ว่า ขณะนี้มีข้อมูลจากหลายหน่วยงานทั้งกรมขนส่งทางบก กรมสรรพสามิต และ ดีเอสไอ โดยในเบื้องต้น จะเริ่มตรวจสอบรถซุปเปอร์คาร์ ที่มีมูลค่าเกิน 4 ล้านบาทขึ้นไป เพราะประเทศไทยไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถประกอบได้

ส่วนกรณีที่มีรายชื่อของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อยู่ในรายชื่อที่ดีเอสไอตรวจสอบ พบว่า ครอบครองรถจดประกอบยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ ทะเบียน ขม 99

"รถคันดังกล่าวเป็นรถจดประกอบจริง แต่เป็นซากรถเก่าอายุ 80 ปีและไปซื้ออะไหล่มาประกอบขึ้นใหม่ ไม่ใช่รถนำเข้ามาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ยังมอบหมายให้ตนชี้แจงข้อเท็จจริง ได้มีการดำเนินการทุกอย่างถูกต้องมีหลักฐานชัดเจน ที่สำคัญมีการเสียภาษี และนำไปจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้องตามกฎหมายกำหนด" นายวิชาญ รัษฐปานะ ผู้ดูแลรถของสมเด็จช่วง กล่าว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.56

จากนั้น เรื่องนี้ก็ค่อยๆ เงียบหายไป กระทั่ง มีข่าวการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เรื่อง "รถหรู" ของ "สมเด็จช่วง" ก็มีการกล่าวถึงอีกครั้ง...!?


รถโบราณ ภายในวัดปากน้ำ


DSI ลุยตรวจสอบพิพิธภัณฑ์รถ ตามคำเชิญวัดปากน้ำ

เมื่อมีการพูดถึง ก็มีกระแสข่าวต่างๆ นานา เพื่อสยบปัญหา ทางวัดจึงได้เชิญทาง ดีเอสไอ ไปตรวจสอบ พิพิธภัณฑ์ที่ห้องมหาชนคุณารมณ์ ชั้น 1 พระมหาเจดีย์รัชมงคล ในวันที่ 18 ม.ค.59 ซึ่งภายในมีของโบราณนับ 1,000 ชิ้น รวมทั้งรถเบนซ์โบราณ 3 คัน ซึ่งมี 1 คันที่เป็นรถจดประกอบ โดยมี นายดำเกิง จินดาหรา ไวยาวัจกร วัดปากน้ำ และ นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทีมกฎหมายวัดปากน้ำ ให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รวมถึงสื่อมวลชน

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้รับมอบเอกสารสำเนาหนังสือคู่มือการจดทะเบียนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ โบราณ รุ่น s300 สีครีมไข่ไก่ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ขนาดเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี ที่สำแดงว่าเป็นอะไหล่รถยนต์เก่าของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ทั้งนี้ สิ่งที่ดีเอสไอจะตรวจสอบ แบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ
    1.กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต ตรวจสอบการนำเข้าถูกกฎหมายไหม นำเข้ามาอย่างไร และ
    2.กรมการขนส่งทางบก ว่ามีการจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบถูกต้องไหม มีแหล่งที่มาที่ไปจากไหน โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบและคาดว่าจะทราบผลภายใน 1 เดือน


เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

"สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยินดีให้ตรวจสอบทุกกรณี แต่ยอมรับว่า รถโบราณดังกล่าวมีลูกศิษย์วัดนำมาถวายจริง แต่ไม่ทราบว่าลูกศิษย์ท่านไหน ในส่วนอะไหล่บางชิ้นส่วนนั้น ยอมรับว่าทางวัดได้มีการสั่งซื้อและนำเข้ามาจริง เพราะรถโบราณมีอายุประมาณ 60-70 ปี เมื่อรถชำรุดต้องสั่งอะไหล่มาใช้ในการซ่อมแซมรถ ยืนยันว่าเป็นรถลูกศิษย์ที่นำมาถวายในปี 2554 ก่อนทางวัดฯ นำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ช่วงปี 54-55 ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาความเป็นไปในอดีต ซึ่งมีทั้งรถเก่า เรือ มีอายุหลายสิบปี เป็นของในอดีตที่ชาวบ้านมี อีก 20 ปีอาจไม่มีสิ่งของเหล่านี้ ถ้าใครมีของโบราณมาบริจาคก็จะนำมาเก็บโชว์ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทั้งหมด ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ วัดก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เป็นวัดก็ต้องอยู่ในความสงบ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ถูกผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนรถคันอื่นเป็นของพระรูปเก่าแต่มรณภาพไปแล้ว ส่วนกรณีที่พบว่า ทางวัดนำเงินไปซื้อรถคันนี้ อันนี้ไม่ทราบ และที่ทราบมารถคันนี้เป็นรถจดประกอบ มีหลักฐานจากกรมขนส่งทางบกชัดเจน หากผลการตรวจสอบออกมาเช่นใด ทางวัดก็ยินดีจะทำตามกฎหมาย" นายดำเกิง กล่าว

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

สมณเพศ สะสม สิ่งของ...ผิดธรรมวินัยหรือไม่!?

สำหรับในทางโลกนั้น "การสะสม" ของรักชอบนับเป็นเรื่องปกติ แต่พระสงฆ์จะสะสมสิ่งของได้หรือไม่นั้น พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ​ กล่าวว่า ถือว่าไม่ผิดธรรมวินัย เพราะไม่ใช่ของที่ขโมยมา แต่การมาสะสมของที่ญาติโยมถวาย ก็จะกลายเป็นพระงก เหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แบบนี้อาจจะเข้าข่ายโลกติเตียน การมานั่งชมของหรูหราฟู่ฟ่า แทนที่จะมานั่งดูใจตัวเองแต่กลับมาดูรถ

ที่แท้จริงแล้ว เป้าหมายของผู้ที่คิดจะบวช ควรจะบวชเพื่อ "ดับทุกข์" หากตั้งเป้าได้เช่นนี้ สิ่งที่ควรปฏิบัติคือต้อง "ละ" จะแต่งตัวเป็นแฟชั่น แบบนี้ไม่ควร อย่าพลัดหลักแล้วคลำหาฤทธิ์ จะเข้ามาหาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แบบนี้ไม่ควร

พระพยอม กล่าวต่อไปว่า หลักการปฏิบัติตัวของพระที่ดี ต้องมีอิทธิบาทสี่ อันได้แก่ ฉันทะ ปฏิบัติธรรมเพื่อให้ใฝ่รู้ เพื่อการศึกษา ฉันทะ ต่อการเผยแพร่หลักธรรมสู่ประชาชน วิริยะ พากเพียรในการเผยแพร่ ให้สำเร็จประโยชน์ จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ และ วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุในผล ไม่ควรเชื่อเรื่องพิธีกรรม ควรเชื่อเรื่องการกระทำ เมื่อปฏิบัติตรงแล้ว ควรจะปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่ทำอะไรให้คนเขารังเกียจ เช่น เดี๋ยวนี้ มีพระที่ทำอะไรที่ทำแล้วอุตริ ก็มีมาก โดนจับสึกไปแล้วก็มาก


เงินทองของบาดใจ


ญาติโยมถวายของมีค่า พระควรจัดการ...?

พระราชธรรมนิเทศ สาธยายธรรมว่า...อันดับแรก พระไม่ควรคิดว่าทรัพย์สินเหล่านั้นมาถวายที่ตัวเรา แต่ญาติโยมมาถวายต่อพระพุทธเจ้า เราต้องเอามาทำงานให้เป็นประโยชน์กับทางศาสนา เช่น นำเงินเหล่านั้นมาธรรมซีดีพระธรรมแจก ไม่ควรจะนำมาเก็บสะสม อันนี้คือหลักปกติ เมื่อมีการบริจาคเข้ามา ก็จะเอามารวมที่กองกลาง เพราะเป็นของศาสนา อย่างวัดสวนแก้วของอาตมา เมื่อบิณฑบาต ได้เงินได้อะไรมาก็ต้องเอามารวมไว้ในกองกลาง จากนั้น หากจำเป็นต้องใช้ ใช้ไปไหนมาไหน เจ็บป่วยไข้ ก็จะให้กองกลางนำเงินมาใช้ อย่าเป็นห่วงเงิน

"มีคำพูดว่าเงินบริจาคก็เหมือนพิษ เป็นพระอย่า "ยากอดพิษ" เป็นการกอดกากซากบุญ คือมานั่งเก็บสะสม เอามาเป็นชื่อตัวทั้งที่ควรจะนำเงินวัด หรือ มูลนิธิ จะได้ไม่ต้องพะวง ถามว่ามีสิ่งไหนห้ามถวาย เท่าที่ทราบก็จะเป็นพวกอาวุธ เช่น ปืน อะไรที่เราต้องดูแล เลี้ยงก็ห้ามถวาย แต่ก็พบว่าบางวัดก็เลี้ยงเสือ แต่ที่วัดอาตมาก็มีสุนัขเยอะ แต่ที่วัดไม่ได้เลี้ยงแต่เป็นการให้ที่พัก มีอาหารให้กิน แต่ไม่เคยอาบน้ำให้มัน เพียงแต่เรามีเมตตาให้อยู่ให้กิน ไม่อยากให้ถูกทอดทิ้ง"

เมื่อมาถึงตอนนี้จึงมีคำถามว่า "พระสงฆ์" ไม่รับของถวาย ได้หรือไม่...คำตอบคือ "ได้" เพราะของบางอย่างไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่รับ บางคนนำที่ดินมาถวาย หากเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ควรรับ แต่ถ้ามีประโยชน์ก็รับได้แต่อย่าเก็บสะสม แต่ถ้าเป็นรถยนต์ ก็สามารถรับได้ แต่ไม่ควรจะเก็บสะสม จะนำไปทำประโยชน์ต่างๆ เช่น มอบให้กับทางโรงเรียน แบบนี้ได้


 :49: :49: :49: :49: :49:

พิพิธภัณฑ์ในวัด มีได้ แต่ต้องเกี่ยวในทางธรรม

แล้ว พิพิธภัณฑ์ สร้างในวัดได้หรือไม่ พระพยอม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าจะมีก็น่าจะเป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนา ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์เก็บของหรูหราหรือของแพง ถ้ามี ก็อาจจะเกิดจากกรรมการวัด หรือ พระบางรูป มากกว่า

"ที่ผ่านมา อาตมาก็ได้รับบริจาคมาเยอะ แต่อาตมา ก็เอาไปขายบ้าง เอาไปให้โรงเรียนบ้าง หรือให้หน่วยงานที่เป็นการกุศล อันไหนซ่อมแล้วใช้ได้ก็มอบส่งต่อ ตัวพระเอง จะใช้อะไรมากมาย...".

ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/567824
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ผ้าเหลือง กับ ของหรู สมณเพศไม่ควรกอดกากซากบุญ!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 27, 2016, 08:26:22 pm »
0


   เฮ้อ...เห็นแล้วเหนื่อย
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

feel-sad

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ผ้าเหลือง กับ ของหรู สมณเพศไม่ควรกอดกากซากบุญ!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 27, 2016, 11:36:50 pm »
0
พระสงฆ์ ไม่ดี รับเงินญาติโยมแล้ว ไม่พิจารณา ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์

ส่วนพระสงฆ์ แท้ ๆ ไม่มีใคร คิด บริจาค นี่ครับ
เว็บนี้ ไม่เห็น บรรดาคุณปากดี ทั้งหลาย มาช่วยเลยนะครับ เห็นแต่สมาชิกไม่กี่ ท่าน ที่มาช่วย

  ผมเอง Feelsad ก็ยังไม่ได้ช่วย

  ขอ Like ด้วยนะครับ ถ้าเห็นด้วย
บันทึกการเข้า