ผมเอง เป็นนักภาวนามาหลายปีครับ ตั้งแต่เรียนอยู่ มหาลัย อยู่ชมรมพุทธศาสน์ และก็แสวงหาอาจารย์ผู้
สอนแนะนำกรรมฐาน วิปัสสนา มาตลอด จนรู้จักครูอาจารย์ ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ขนาดบีบนวด ให้เลยครับก็
หลายรูปหลายองค์ ปัจจุบันอายุผมก็ใกล้เกษียณงานแล้วครับ ไม่เกิน 2 - 3 ปีนี้
แต่มีอยู่วันหนึ่ง ผมได้ฟังธรรมะ และ ปฏิบัติกรรมฐานตาม พระรูปหนึ่ง ที่ท่านก็ตั้งใจสอนแล้ว ผม
ก็ภาวนาตามที่ท่านสอน ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า ปกติผมไม่เคยนั่งกรรมฐานได้ถึง 3 ชั่วโมง แต่วันนั้นผมสามารถ
นั่งกรรมฐานได้ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ โดยที่มีความรู้สึกเหมือน นั่งแค่ 30 นาทีจริง ๆ ซึ่งในใจ ก็ดีใจลึก ๆ และเก็บ
ความศรัทธา ท่านไว้ในใจ แต่ก็แสดงออกแบบรักษาฟอร์มว่าเราก็มีอาจารย์ที่เด็ดกว่า ทำได้ดีกว่า ทั้ง ๆ ที่ในชีวิต
ผมนั้นยังไม่เคยทำได้แบบในครั้งนี้ ( นี่กิเลสมันบอกให้หลอกตัวเอง ) จนกระทั่งวันนี้ ผมก็คิดถึง ครูอาจารย์รูป
นี้และก็ตามหาท่าน ผมอยากจะบอกว่า ผมผิดไปแล้ว ที่ประมาทไม่สนใจในขณะนั้นทั้ง ๆ ที่ทำได้ปฏิบัติได้เพราะ
ความที่เรียนมาก และเชื่อยาก จนวันนี้ผมยังไม่พบท่านเลย ที่จริงจะบอกเพื่อน ๆ ทั้งหลายก็คือ พวกเราประมาท
มัวแสวง ครูอาจารย์ กันมาก มัวตามหาสิ่งที่อยู่ภายนอก ไม่ได้มองแก่นธรรมในหัวใจตนเอง ว่าเราต้องการอะไร
มองไปตามสังคมว่า ผู้ที่จะสอนเราต้องมีชื่อเสียง ต้องเป็นคณาจารย์ใหญ่ ต้องเป็นผู้ที่มีคนนับถือมาก ๆ ต้องเป็น
ผู้มีวัยวุฒิมากกว่าเรา เราแสวงกันไปเรื่อยเฉื่อยจนเป็นนิสัย และก็ลืม "หัวใจ" ตนเองว่า ต้องการอะไรกับการ
ภาวนาธรรม เพราะมัวแต่เรียนตามสังคมว่า จึงมองข้ามพระที่เป็นเนื้อนาบุญกันจริง ๆ ทุกวันนี้เราสนับสนุนอะไร
พระที่เป็นเนื้อนาบุญจริง ๆ เราเพียงแต่เอาตามสังคมว่า และเราก็จะไม่สามารถเข้าถึงหลักธรรมในใจของตนได้
และวันนี้เราไม่ก็ยังประมาท ด้วยการไม่เรียนธรรมกับท่านที่อยู่ใกล้ ไม่ภาวนาตามที่ท่านสั่ง และยังเที่ยวแสวงหา
ต่อไป สมกับคำพังเพยสุภาษิตไทยที่ว่า ใกล้เกลือ กินด่าง