ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนน่านฮือ.! ยื่นคำขาด "ห้ามสร้างมัสยิด" แฉคนมีสี-การเมืองปั่นกระแสต้านทหารต่อ  (อ่าน 1770 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ตามนัด! คนน่านฮือยื่นคำขาดห้ามสร้างมัสยิด แฉคนมีสี-การเมืองปั่นกระแสต้านทหารต่อ

น่าน - ชาวพุทธเมืองน่านมาตามนัด รวมตัววัดพระธาตุแช่แห้งนับพัน ก่อนเดินขบวนถือป้ายต่อต้านการก่อสร้างมัสยิด ยื่นคำขาดผู้ว่าฯ สั่งหยุดก่อสร้าง หวั่นกระทบพุทธศาสนาเอกลักษณ์เมืองน่าน ขู่ไม่ฟังมีประท้วงหนักขึ้นอีกแน่ สะพัดคนมีสีเอี่ยว แถมมีกลุ่มการเมืองจ้องปั่นกระแสต้านทหารต่อ
           
       สายวันนี้ (1 มี.ค.) นายไกรศักดิ์ กันทะ นายประดิษฐ์ เพชรแสนอนันต์ และพระมหาณรงค์ศักดิ์ หรือพระมหาอ็อต วัดพญาวัด ต.ดู่ใต้ อ.เมือง จ.น่าน พร้อมชาวบ้านจาก อ.ภูเพียง และ อ.เมือง ประมาณ 1,000 คน รวมตัวกันที่วัดพระธาตุแช่แห้ง ก่อนเดินถือป้ายเขียนข้อความต่อต้านการสร้างมัสยิดของชาวมุสลิมใน ต.น้ำแก่น อ.ภูเพียง ไปตามถนน ข้ามสะพานแม่น้ำน่าน เข้าสู่ข่วงกลางเมืองหน้าวัดภูมินทร์ เพื่อเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ออกมารับทราบปัญหา และรับหนังสือข้อเรียกร้องให้หยุดการอนุญาตสร้างมัสยิดดังกล่าว

       

       โดยระบุว่า จุดที่จะมีการก่อสร้างมัสยิด อยู่ห่างจากวัดพระธาตุแช่แห้งเพียง 2 กม. และอยู่ใกล้ชุมชนชาวพุทธ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ถ้ามีการเปิดใช้มัสยิด จึงเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ระงับการก่อสร้างสถานเดียว
       
       กลุ่มผู้คัดค้านย้ำด้วยว่า การคัดค้านก่อสร้างมัสยิดไม่ได้เกิดจากการกีดกันทางศาสนา แต่การก่อสร้างมัสยิดครั้งนี้เป็นไปอย่างเร่งรีบ ไม่เปิดเผย ไม่มีการประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็น และสร้างความเข้าใจอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดความกังวลในหลายประเด็น
       
       หลังจากการเรียกร้องผ่านไป 30 นาที นายชัยรัตน์ ธาราสันติสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัด และนายคณาธิป แสนแย้ง นายอำเภอภูเพียง ได้เดินทางข่วงกลางเมือง เพื่อรับหนังสือร้องเรียนจากชาว อ.ภูเพียง และผู้ที่ต่อต้านการสร้างมัสยิด โดยมีพระมหาณรงค์ศักดิ์ เป็นตัวแทนชาวบ้านยื่นหนังสือให้ระงับการสร้างโดยเด็ดขาด

       


       นายไกรศักดิ์ กันทะ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 4 ต.น้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน กล่าวว่า ชาวน่านไม่ได้ขัดแย้งต่อผู้นับถือศาสนาอิสลาม แต่การออกมาประท้วงครั้งนี้เป็นเรื่องของศรัทธาชาวพุทธที่ไม่พอใจทางราชการอนุญาตให้สร้างมัสยิดในบริเวณที่มีชาวพุทธอยู่ และห่างจากวัดพระธาตุแช่แห้ง เพียง 2 กม.เท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วควรมีการทำประชาพิจารณ์ก่อนที่จะสร้าง เพราะมัสยิดดังกล่าวจะสร้างผลกระทบให้แก่ชุมชนชาวพุทธอย่างแน่นอน
       
       “ถ้าจังหวัดยังดึงดันทำต่อไป ชาวน่านจะรวมตัวกันมากขึ้น เพื่อต่อต้านกันอีกรอบ”
       
       นายชัยรัตน์ กล่าวว่า จะเร่งนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัดทันที ซึ่งจะต้องฟังเสียงของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก

       


       ขณะที่ นายคณาธิป กล่าวว่า การขออนุญาตสร้างมัสยิดไม่ใช่อำนาจของทางจังหวัด แต่อยู่ที่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ส่วนการประท้วงของชาวน่านครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นเหตุผลหนึ่งในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่ ซึ่งแนวโน้มก็คงไม่มีการอนุญาตใดๆ เนื่องจากชุมชนเดิมไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม จะนำข้อเรียกร้องเสนอไปยังกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยโดยเร็ว ถ้าได้ผลอย่างไรจะแจ้งให้ประชาชนทราบโดยเร็วเช่นกัน
       
       ข่าวแจ้งว่า หลังยื่นหนังสือแล้วมวลชนทั้งหมดได้แยกย้ายกันกลับในเวลา 12.00 น.

       

       ทั้งนี้ มีรายงานว่าการชุมนุมเป็นเจตนาบริสุทธิ์ของประชาชน ซึ่งมีการต่อต้านการก่อสร้างมัสยิดมาอย่างต่อเนื่อง แต่กระแสข่าวที่บานปลายออกไปเกิดจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองฉวยโอกาสสร้างกระแส จนเสี่ยงที่จะกลายเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่าง 2 ศาสนา ทั้งนี้ ยังมีคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำให้เกิดการสร้างมัสยิด และมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มพยายามใช้การชุมนุมดังกล่าวปลุกกระแสต่อต้านรัฐบาลทหารด้วย
       
       ส่วนชุมชนมุสลิมใน จ.น่าน เป็นประชาชนที่เข้ามาทำงานแล้วรวมตัวกันราว 60 คน เพราะต้องการแก้ปัญหาการประกอบศาสนากิจที่จำเป็นต้องมีมัสยิดไว้ ซึ่งปัจจุบันต้องเดินทางไปที่มัสยิดใน อ.เด่นชัย จ.แพร่ ไกลจากที่พักไปกว่า 130 กม.


ชมคลิปข่าวได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=6udS2OClgE4

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024454
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ส่อยุ่ง! นัดรวมตัว “วัดพระธาตุแช่แห้ง” ปลุกกระแสต้านมุสลิมตั้งมัสยิด “น่าน”

แพร่/น่าน - กระแสต่อต้านมุสลิมสร้างมัสยิดที่เมืองน่านส่อบานปลาย ล่าสุด มีคนเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจนัดรวมตัว “วัดพระธาตุแช่แห้ง” พรุ่งนี้ (1 มี.ค.) แสดงพลัง “คนน่าน บ่อเอา มัสยิด” กลัวก่อการร้ายเหมือนชายแดนใต้ แถมโยงแผนอิสลามโดดเดี่ยวอเมริกา-ยุโรป/ยึดไทยผ่านการเมืองภาคใต้ อ้างเฉยหนุนเงินผ่านอิสลามแบงก์ ใช้เอเอสทีวีปลุกปั่นคนไทย
       
       วันนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอดมินเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คนน่าน บ่เอา มัสยิด” ที่เพิ่งออนไลน์กันช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีผู้มีติดตามแล้วกว่า 2 พันราย ได้ประกาศบนหน้าเพจว่า “พุทธศาสนาถูกรังแกมามากพอแล้ว ที่มั่นสุดท้ายของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยคือ นครน่าน แผ่นดินธรรมของพ่อเฒ่าแม่หม่อนได้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาไว้ดีแล้ว ลูกหลานชาวน่านจะต้องรักษาไว้บ่หื้อไผมาย่ำยี 1 มีนาคม 2558 พบกันที่วัดพระธาตุแช่แห้ง เพื่อแสดงพลังว่า คนน่านบ่เอามัสยิด”
       
       เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นหลังชาวมุสลิมในจังหวัดน่าน ที่มีอยู่ราว 60 คน ได้พยายามที่จะตั้งมัสยิดเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาขึ้นในจังหวัดน่าน เพราะทุกวันนี้ชาวมุสลิมจังหวัดน่านต้องเดินทางไปละหมาด ทำพิธีกันที่มัสยิด อ.เด่นชัย จ.แพร่ ที่มีระยะทางไกลถึง 130 กม.

       

       ช่วงแรกมีแนวทางที่จะสร้างมัสยิดที่ริมฝั่งน้ำน่านตรงข้ามโรงพยาบาลน่าน เขตบ้านบุพผาราม ต.ฝายแก้ว อ.เมืองน่าน แต่ปรากฏว่า ชาวบ้านไม่ยอมขายที่ดินให้ เพราะเกรงจะเกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นมา หรือจะเป็นจุดเริ่มของการก่อเหตุไม่สงบเหมือนภาคใต้ ทำให้ชาวมุสลิมน่าน หาที่ดินแปลงใหม่ ล่าสุด แผนก่อสร้างขึ้นที่ ต.น้ำแก่น อ.ภูเพียง จ.น่าน แต่ก็เกิดกระแสต่อต้านที่รุนแรงหนักขึ้น
       
       โดยมีการอ้างว่า ชาวมุสลิมกลุ่มนี้จะสร้างศาสนสถานแข่งกับพระธาตุแช่แห้ง และพระธาตุเขาน้อย จนกลายเป็นกระแสของคนน่านต้านมุสลิมบานปลายออกไปแล้ว ภายใต้สโลแกนว่า “คนเมืองน่าน เมืองพุทธ เมืองสงบ”

       

       นอกจากนี้ ยังมีข้อความเน้นไปที่การก่อการร้ายสากล และการรุกครอบครองพื้นที่ของชาวมุสลิม เผยแพร่ไปในหมู่ชาวพุทธจังหวัดน่าน ทำนองว่า “อย่ามัวแต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว อ่านหน่อยเถอะแล้วแชร์ ยุโรปอยู่ไม่ได้แล้วหลายประเทศ แผนการยึดครองแผ่นดินไทย ภายใน 10 ปี ของผู้ก่อการ ขจก. ย้ำ ขจก. เอามาเตือนให้คิดกันอีกครั้งว่า มันเกิดขึ้นไปกี่ข้อแล้ว และในต่างประเทศมีกลุ่มหัวรุนแรงเพิ่มขึ้นแล้วเท่าไหร่ ร่วมกันผลักดันกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงให้พ้นไปจากประเทศไทย
       
       แผนการต้องการโดดเดี่ยวสหรัฐอเมริกา และยุโรป ด้วยการเอาเอเชีย (ไทย ลาว เขมร เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย) ร่วมเป็นรัฐอิสลาม หรือเป็นเครือข่ายผนวกอินโนนีเซียเป็นฐานต่อสู้อเมริกา และยุโรป โดยใช้มาเลเซียเป็นรัฐบาลกลาง โดยมุสลิมโลก นำมุสลิมจากซีเรีย ลิเบีย และอัฟกานิสถาน เข้ามาฝึกอาวุธ และการสื่อสารให้มุสลิมในภูมิภาคเอเชียรวมถึงอินโดนิเซีย (ซึ่งมีคนจนมาก) เชื่อมโยงกับฟิลิปปินส์ (ซึ่งมีคริสต์มาก) และมาเลเซียอิสลามแข็งแรงโดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะมีพุทธมาก ซึ่งในปัจจุบันให้ ดร.มหาเธร์ แห่งมาเลเซีย เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย แผนการระยะยาวได้เริ่มปฏิบัติการมาราว 40 ปี”

       

       ทั้งยังมีการผูกโยงว่า “ปี 2545 พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม เกิดขึ้นด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินมากกว่า 1,000 ล้านบาท การดำเนินงานขาดทุนทุกปี จนในที่สุดต้องยุบเลิกธนาคารชาริอะห์ ของธนาคารกรุงไทย ที่มีกำไร เพราะธนาคารกรุงไทย ดูแลอย่างใกล้ชิด และใช้งบประมาณสนับสนุนจำนวนมาก เพื่อมาควบรวมกับธนาคารอิสลามเหลือเพียงธนาคารอิสลามฯ เพียงแห่งเดียวในปัจจุบัน
       
       และอ้างอีกว่า “Time” หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลก เปิดโปงแผน Dream State ที่อิสลามหวังยึดครองประเทศไทย โดยรุกทางการเมืองจากภาคใต้ ขยายผลให้มีการเลือกพรรคของตนใน กทม. และภาคตะวันออก โดยสนับสนุนการเงินผ่านธนาคารอิสลาม แล้วใช้ ASTV ปลุกปั่นคนไทยให้ฆ่ากันเอง ได้ผลดีกว่าที่คาด
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสดังกล่าวกำลังลุกลามมากขึ้น โดยที่ยังไม่มีใครไปสร้างความเข้าใจ และดูเหมือนจะสุ่มเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบรุนแรงในอนาคตได้เช่นกัน


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024212
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตอนนี้เป็นช่วงพระสงฆ์ พุทธศาสนา เป็นข่าว วันต่อวัน เลยนะครับ ช่วงนี้
เนื่องด้วย พระสงฆ์ ปัจจุบัน เป็นนักศึกษา ที่มีแนวความคิดในด้านโลก มากกว่าธรรม ในปัจจุบัน

ในด้านการภาวนา เท่าที่ พบมาไม่ผ่านสักองค์ สำหรับผม ...

 การเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษา ของ สงฆ์ ตอนนี้ มันหลุดออกจากหลักธรรม มุ่งไปทางโลก
ทางการเชิดชูเกรียติบัตร เอาภาวะทางโลก เป็นใหญ่ ไม่ได้ใช้ทางธรรม

  การยกย่องของสงฆ์ ในปัจจุบัน ยกย่องที่ ปริญญาบัตร และตำแหน่ง ยศ
 ไม่ได้ยกย่องกัน ด้วยธรรม หรือ คุณธรรม ในด้านการภาวนา

 สงฆ์พยายามทำความทันสมัย .... ในแง่ โลก มองก็เป็นเรื่อง ดี อยู่ แต่ ในแง่ ธรรม นี่การปฏิรูป ไปเรียบร้อยแล้ว ผมคุยกับพระสงฆ์ ที่เรียน มจร. มมร. เป็นร้อย ๆ รูป แต่ไม่มีรูปใด คุยเรื่องการภาวนา ทุกรูป จะคุยกันแต่เรื่อง ความรู้ ประวัติศาสตร์ วิทยาการสมัยใหม่ บางรูป ไปคุยเรื่องบอล รายการทีวี หนังละครไป บางรูปก็คุยแต่เรื่อง ก่อสร้าง  เป็นต้น

   สิ่งเหล่านี้ ผมมองว่าเป็นการปฏิรูปของสงฆ์ที่ผ่านมาในช่วง 15 ปีนี้

   เมื่อก่อน ผมบวช หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านไม่อนุญาต ภิกษุ สามเณร ไปเรียนทางโลก สักรูป

   แต่ปัจจุบันผมกลับไปที่วัด เห็น พระสงฆ์ สามเณร ทั้งหลาย มุ่งไปเรียนทางโลก ทั้งหมด

   ในขณะเดียวกัน วิชาว่า ด้วย บาลี เปรียญ ก็มีคนสอบได้น้อยลง เมื่อก่อนที่วัดนี้ สอบกันได้ไม่ต่ำกว่า 20 รูป ปัจจุบัน สอบได้แค่ 3 รูป สูงสุด นับว่า น้อยลงอย่างน่าตระหนก ทั้ง ๆ ที่ คณะสงฆ์ ก็มีการลดหย่อน ให้มีการสอบซ่อม เพิ่มขึ้นเพื่อเปิดโอกาสแล้ว แต่ มันก็มีเท่านี้กันจริง ๆ นะครับ

  ยุคสมัยเปลี่ยน พระสงฆ์ เริ่มจุ้นจ้าน ทางโลก มาก
  เรียกร้องเสรีิภาพ ทางกฏหมาย มากขึ้น ในขณะที่ความเป็นจริงของสงฆ์ ควรจะ อยู่ อย่างสันโดษ ไม่ยุ่งเรื่องทางโลก


   สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อนุโมทนา แด่ท่านผู้ปิดทองหลังพระ ในวัน มาฆะบูชา

  :49:
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา