เห็นจริง ( สัมมาทิฏฐิ )
หมายถึง ความเห็นถูกต้อง
ตามความหมายที่พระพุทธเจ้า บัญญัติไว้ คือ เห็นอริยะสัจจะ ทั้ง 4 โดยความเป็นจริง คือ การเห็น สัจจะญาณ
ในเบื้องต้น ความจริงของ ทุกข์ มีสาเหตุ และทุกข์ ดับได้จริง ด้วยมรรค เมื่อทุกข์ดับ ความสุข ก็จักเกิดมี
ภาวนาจริง หมายถึง การกำหนดญาณ กิจจญาณ และ กตญาณ
การกำหนดทุกข์ เป็น สัจจะญาณ
การกำหนดหน้าที่ของทุกข์ และ จำแนกของทุกข์ ออกมาตามความเป็นจริงก็จะมองเห็นได้ว่า ทุกข์ไหน เป็นทุกข์ที่สามารถทำให้ดับได้จริงตามการภาวนา ทุกข์ที่ไม่สามารถทำให้ได้ดับด้วยการภาวนา
การทำให้แจ้งในทุกข์ ด้วยการละจากทุกข์ เป็น กตญาณ คือการละดับกิเลส ที่เป็นสาเหตุให้ทุกข์ เริ่มจากละกิเลสได้ชั่วคราว ชั่วขณะหนึ่ง และละได้อย่างสิ้นเชิง
รู้แจ้งจริง หมายถึง การได้บรรลุ คุณธรรม มรรค 4 ผล 4 และ นิพพาน 1
สำหรับข้อนี้ไม่มีคำอธิบาย เพราะป็นอำนาจที่เกิดแต่การภาวนา ที่เป็นผล เท่านั้น ถึงจะชื่อว่า มรรค แต่ก็จัดเป็นผล เพราะมรรค ไม่เกิดแก่บุคคลที่ไม่ภาวนา
คำตอบก็คือ
ถ้าไม่มี สัมมาทิฏฐิ เห็นอริยสัจจะตามความเป็นจริง ทั้ง 4 ประการ ก้ไม่ชื่อเห็นจริง เรียนถูก ยกตัวอย่าง คนหนึ่งเป็นทุกข์เพราะไม่มีเงินทอง ก็เลยมาปฏิบัติภาวนาเพื่อให้ได้เงิน และทองโชคดีเป็นต้น จะเห็นว่า ความเห็นคือ ทุกข์ เพราะไม่มีเงินทอง มานั้นถูก แต่มาถึงวิธีการภาวนา และเป้าหมายที่เขาคิดไว้นั้น เป็นทางที่ไม่ถูก ดังนั้นยังชื่อ ไม่เห็นจริง ดังนั้นเมื่อภาวนา ถึงได้การภาวนาถูกททาง ตามมรรค แต่ผลที่เขาต้องการคือการได้เงิน และทอง ไม่ใช่ มรรค ผล นิพพาน ดังนั้น เมื่อเห็นผิด ทำถูก ผลก็คือผิด เขาก็ต้องจบด้วยการพูดว่า มาปฏิบัติธรรมไม่ร่ำรวย ไม่ได้เงินทอง เพราะเห็นผิดนั่นเอง
แค่ตัวอย่างสมมติให้เข้าใจง่าย ๆ นะ