ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธศาสนาเถรวาท ที่พึ่งอันแท้จริงของพุทธบริษัท  (อ่าน 1176 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระพุทธศาสนาเถรวาท ที่พึ่งอันแท้จริงของพุทธบริษัท

สัปดาห์นี้มาดูความเปราะบางของสังคมไทย พระพุทธศาสนาที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ จะคลี่คลายอย่างไร “พระพุทธศาสนาเถรวาท” จะเป็นที่พึ่งอันแท้จริงของพุทธบริษัทหรือไม่

การนำเสนอบทความเรื่อง “พระพุทธศาสนาตกอยู่ในภาวะวิกฤติ” ตอนที่ 1-18 ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค. 61 เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน 4 เดือน ผ่านคอลัมน์ “ว่ายทวนน้ำ” เพราะด้วยความได้ตระหนักในความเป็นส่วนหนึ่งของพุทธบริษัทที่อยู่ในเพศคฤหัสถ์ ซึ่งมีหน้าที่ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อดำรงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป จึงได้นำเสนอบทความด้วยกุศลจิตและกุศลเจตนาของชาวพุทธผู้หนึ่ง ที่มีโอกาสศึกษาพระธรรมวินัยจากพระไตรปิฎกมาบ้าง โดยการอ่านและการฟังธรรมตามกาล

มีจุดประสงค์เพื่อนำพระธรรมวินัยมาเผยแผ่ในบทความให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ชาวพุทธ และนำข้อเท็จจริงในทุกมิติมาสะท้อนให้ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีผลกระทบต่อความเจริญมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา

@@@@

จุดอ่อนสำคัญประการหนึ่งที่มีความเปราะบางยิ่งของสังคมไทยนับตั่งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ คนไทยเป็นคนเชื่อง่าย ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง มักทำอะไรตามๆ กันอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่คนไทยส่วนใหญ่ในประเทศนับถือพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้น้อมนำหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มาประพฤติปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว ชีวิตการศึกษา ชีวิตการทำงาน ชีวิตในสังคม

ตลอดจนการทำหน้าที่ของพลเมืองอย่างถูกต้อง จึงเป็นผู้ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน ชีวิตไม่สามารถดำเนินไปอย่างเป็นปกติสุขตามอัตภาพของแต่ละบุคคล มีความทะเยอทะยานและรุ่มร้อนไปด้วยไฟกิเลสที่แผดเผาอยู่ตลอดเวลา ชีวิตจึงมีแต่ความทุกข์ร้อนไม่สิ้นสุด



รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ได้บัญญัติว่า “พระพุทธศาสนาเถรวาท” ซึ่งปรากฏอยู่ในหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 67 ดังนี้ รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย

ฝ่ายอาณาจักรซึ่งประกอบด้วยอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ อำนาจฝ่ายบริหาร อำนาจฝ่ายตุลาการ จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับ “พระพุทธศาสนาเถรวาท” ตามรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศซึ่งเป็นแม่บทของกฎหมายทั้งปวง กฎหมายลำดับชั้นที่รองลงมาจะต้องมีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้องสมบูรณ์ ส่วนฝ่ายพุทธจักรซึ่งมีมหาเถรสมาคมเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ จะต้องบริหารจัดการคณะสงฆ์ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย ใน “พระพุทธศาสนาเถรวาท” อย่างเคร่งครัด

สถานการณ์อันเลวร้ายที่มีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา ก็จะได้รับการแก้ไขและคลี่คลายไปในแนวทางที่ถูกต้องอย่างถูกวิธี “พระพุทธศาสนาเถรวาท” จึงจะมีความเจริญมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองสืบไป ในขณะที่พุทธบริษัททั้งหลายไม่ว่าจะเป็นภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ก็จะได้มี “พระพุทธศาสนาเถรวาท” เป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง.



คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/664404
พฤหัสบดีที่ 6 กันยายน 2561 เวลา 14.00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

หมิว

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 398
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เบื่อ เรื่อง ศาสนา ตอนนี้ แต่ก็ยังชอบ ภาวนา อยู่
 :49: st12
บันทึกการเข้า
ใจดี น่ารัก และ ไม่ชอบคนที่กวน...ใจ
แสงพระธรรม นำทาง นำสู่ใจ ได้รับแสงสว่าง
แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี