ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มีวิธีตรวจสอบอย่างไร ว่ากรรมฐาน เราเสื่อมคะ  (อ่าน 4196 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
มีวิธีตรวจสอบอย่างไร ว่ากรรมฐาน เราเสื่อมคะ
 ไปเจอผู้ทัก มาว่า ( เป็นเพื่อนกันคะ ) กรรมฐาน คุณน่าจะเสื่อมแล้ว นะ อย่างนี้

 ก็แปลกใจว่า เขาจะรู้ว่ากรรมฐานเราเสื่อมได้อย่างไร ? ในเมื่อทุกวันนี้ก็ฝึกอยู่ในห้อง พระุยุคลธรรม นั่งกรรมฐานวันละ 1 - 2 ชม.ทุกวัน แล้วกรรมฐานจะเสื่อมได้อย่างไร คะ

  แต่เพื่อความไม่ประมาท มีวิธีการตรวจสอบด้วยตัวเองหรือไม่คะ ว่ากรรมฐาน เราเสื่อมจริงหรือไม่คะ
 
   :c017: :25:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีวิธีตรวจสอบอย่างไร ว่ากรรมฐาน เราเสื่อมคะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2012, 02:48:48 am »
0
ถ้ารู้สึกว่ายังสุขบ้าง-ทุกข์บ้าง ก็นั่นแหละ มันไหล มันฟุ้งไป   เพราะเหตุเหล่านี้ มันคือภพสาม อีกอย่างไม่ทุกข์ไม่สุข เดี๋ยวจะไม่ครบสาม
        จุดมุ่งหมาย ของการภาวนา ก็เพื่อพอกพูนความเป็นอุเบกขา มีสิบ ระดับ อุเบกขาคือความรู้ตัว เพราะรู้ตัว มันปล่อย
       ก็คุมเรื่องความเห็น จะได้ไม่ถูกใครทัก ถ้าเค้าทักแล้วมันเป็นทุกข์ แต่หาเงื่อนไม่เจอ ก็ต้องหยุดคิดหาเงื่อนที่เค้าทัก เดี๋ยวมันจะไม่ปล่อย(อุเบกขา) เพราะว่าเราถือมันอยู่ถูกมั๊ย
           กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ
    ไม่ใช่กรรมฐานพิจราณา เพราะมีอุเบกขาอยู่ตามธรรม เราอยู่ขั้นไหนก็ทําไปตามขั้นของเรา ภาวนาไปอุเบกขาก็พอกพูนขึ้นมาเองตามธรรม เดี๋ยวก็ดีเอง สําหรับผู้ภาวนา
        วิธีตวจสอบ ก็คือหยุดตรวจสอบ ตั้งอยู่ที่รู้ตัวอุเบกขา เมื่อมีอุเบกขาแล้ว มันคงไม่ตรวจต่อ
          ผู้ภาวนาอยู่กรรมฐานไม่เสื่อม มีแต่เพิ่ม มีแต่พูน เพราะเป็นการสร้างความดีที่เป็นมงคล ชีวิต อยู่แล้ว
           แต่เมื่อเราอยู่ในโลกผู้คน ควรคุมความเห็น อารมณ์ เราต้องอยู่กับคนในโลก ในความจริง ความเห็นเราอาจจะไม่ตรงกับ ความเห็นใครเข้า ไม่ถูกใจเขา เขาวกมาป่วนอารมณ์ มาติงธรรมเราเข้าธาตุไฟมันก็เลยกําเริบ ไฟมันลุกมันไม่หยุดคิดหรอก พอไฟมันลุกลมมันก็พัด ถ้ามันไม่เลิกคิด ก็ดึงลมให้ตัวโคลงซักสามคู่ เข้า-ออก เผื่อจะดีกว่าเก่า ถ้ามันไม่หายก็ปล่อยมัน กรรมฐานนี้เข้าตามปีติ ถ้ามันไม่ได้ทุกอะไรมากก็ปล่อยมัน
         เพราะผลประโยชน์ของการเข้าอยู่ตามธาตุ คือมูลฐานของการได้ลม เบื้องสูงกว่านี้โลกสูงขึ้น ธรรมก็สูงขึ้น โลกกับธรรมไปด้วยกันหนุนกัน เพื่อถึงปริสุทธุเปกขา
         ถ้ามันร้อนเหมือนเป็นไข้หลายวัน ควรเข้าพบครูกรรมฐาน เพื่อแจ้งอารมณ์ ตามที่เรารู้สึก
         
         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 08, 2012, 02:57:07 am โดย aaaa »
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีวิธีตรวจสอบอย่างไร ว่ากรรมฐาน เราเสื่อมคะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2012, 08:50:29 pm »
0
- สภาพความเสื่อมไปแห่งกัมมัฏฐานนั้น จิตคุณจะฟุ้งซ่านมากขึ้น มีความปรุงแต่งมากขึ้น เกิดความพอใจยินดี(โสมนัส) และ ความไม่พอใจยินดี(โทมนัส) มากขึ้น เข้าสมาธิยาก้พราะไม่มีจิตนิ่งจดจ่อพอที่จะควรแก่งาน ความสงบ อบอุ่น ผ่องใส ปิติอิ่มเอมแห่งจิตจะหายไป ด้วยเหตุข้างต้นจิตคุณจะยังรั้งอยู่แค่ขนิกสมาธิ คือ สมาธิทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถจะหยั่งเข้าสู่ อารมณ์สมถะ ได้
- ถ้าหากไม่อยากให้เสื่อมคงต้องปาดคอตายเสียกระมังครับ แบบพระเถระท่านนี้ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=3885&Z=3951 แต่ผมไม่แนะนำนะครับ เพราะหากทำไปอย่างเราๆก็คงตายเปล่าแถมบาปอีกต่างหากไม่ได้ทดแทนคุณบุพการีด้วย ตายเพราะตัณหาแค่นั้นกระมังสำหรับเราๆ
- ผมขอถามอย่างหนึ่งนะครับ ผิวคุณเวลามีขี้ไคลหลุดออกมา คุณคิดอะไรไหมครับ ทุกข์ใจไหมครับ หรือ เกิดความเสียดายไหมครับ ทั้งๆที่ขี้ไคลนั้นคือหนังกำพร้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในร่างกาย คุณไม่คิดเสียดายหรือทุกข์ใจอะไรใช่ไหมครับ ที่คุณไม่คิดเสียดายนั่นก็เพราะว่าคุณรู้ว่ามันเป็นหนังกำพร้าที่เสื่อมโทรม มันก็หลุดไป มันก็สร้างหนังใหม่ขึ้นมาใช่ไหมครับ ดังนั้นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป วนเวียนอยู่อย่างนี้สืบไปใช่ไหมครับ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาเราจะล่วงพ้นสิ่งนี้ไปไม่ได้ เราทั้งหลายต้องมีความพรัดพรากจากของรักของจำเริญใจทั้งหลายเป็นที่สุด แล้วนับปะสาอะไรกับสิ่งที่มองไม่เห็นใช่ไหมครับ
- ทีนี้มาดูว่าคุณกัมมัฏฐานเพื่อสิ่งใดครับ
             1. เพื่ออยากมีปิติ ฌาณ ญาณ อภิญญา
             2. เพื่อรู้จักตัวทุกข์ เพื่อรู้เหตุแห่งทุกข์ เพื่อทำให้ทุกข์เบาบางลง จนถึงที่สุดแห่งทองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
หากคุณปฏิบัติตามข้อที่ 1 ผมคงไม่สามารถช่วยคุณได้ เพราะพุทธเจ้าของผมไม่เคยสอนให้ปฏิบัติเพื่อเจตนาเช่นนี้
หากคุณปฏิบัติตามข้อที่ 2 ก็ให้ละความติดข้องใจจากการกล่าวใดๆนั้นทิ้งเสีย เพราะมันไม่เกิดประโยชน์ใดๆแก่คุณ รังแต่จะทำให้เกิดทุกข์ ทีนี้คุณเข้าใจความทุกข์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ไหมครับ ว่าเพราะคุณได้ยินมีคนทักมาเช่นนั้นแล้วเกิดความติดข้องใจส่งต่อไปเกิดเป็นเวทนาเสพย์ความไม่ใคร่พอใจยินดี เกิดหวั่นกลัวเพราะมันเป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องการอยากจะผลักให้ไกลตน แล้วเกิดทุกข์ใช่ไหมครับ ดังนั้นดับที่เหตุของทุกข์นั้นคือความติดข้องใจเสพย์ความไม่พอใจยินดี โดยเข้าใจในสัจธรรมที่ว่า เรานั้นมีความพรัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจเป็นที่ธรรมดา ไม่ได้ตามปารถนาใคร่ได้ไปทุกย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างมันเสื่อมคลายเป็นธรรมดา แล้วเลิกเอาจิตไปติดข้องใจในความรู้สึกและความจำได้จำไว้จากสิ่งที่ได้ยินนั้น คุณจะเกิดเข้าสู่อุเบกขาจิต หากยังมีความขัดข้องฝืนใจอยู่ให้พึงระลึกรู้ว่าขณะนั้นความไม่พอใจยินดีคุณยังมีมากอยู่จึงเกิดเป็น โทสะมูลจิต ให้พิจารณาเช่นๆเป็นเบื้องต้นจนกว่าจะเข้าสู่อุเบกขาจิตได้ วิธ๊คืนการหันหน้าเข้าตรงๆแล้วดับที่เหตุ ไม่ใช่การย้ายจิตไปติดที่ลมหายใจหรือไปสนใจสิ่งอื่นแทน หากดับทุกข์จากความไม่พอใจยินดี(โทมนัส)ในครั้งนี้ได้ สภาพจิตคุณก็จะแกร่งขึ้น จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน มันเป็นทุกข์ มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าติดข้องใจใดๆ เพราะติดข้องใจไปก็เป็นทุกข์ แล้วอุเบกขาจิตจะเกิดกับคุณบ่อยขึ้นด้วยกุศลจิต และ สมาธิคุณก็จะควรแก่การทำงานมากขึ้นเรียกว่า สัมมาสมาธิ
- ดังนั้นคุณควรกัมมัฏฐานต่อไปโดยไม่ต้องสนใจสิ่งใดๆ ไม่เอาสิ่งใดมาตั้งเป็นอารมณ์แล้วปรุงแต่งสมมติจนเสพย์ความรู้สึกใน โสมนัส และ โทมนัส ให้ปารถนาเพียงให้เห็นทางพ้นทุกข์เป็นพอไม่ต้องสนใจสิ่งใดๆ
- คุณลองทบทวนตรึกตรองในสิ่งที่ผมบอกคุณดูแล้วกันครับว่ามันมีค่าสำหรับคุณไหมในตอนนี้ หากมันมีค่าให้คุณรู้ไว้ว่าพระตถาคตสอนผมให้รู้ทางพ้นทุกข์ ไม่ได้สอนให้ติดกับอัตตา อุปาทานในสิ่งใดๆ ธรรมทั้งหลายวิถีทั้งหลายนั้นเป็นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วแสดงสั่งสอนสืบมาจนถึงที่ผมบอกแก่คุณนี้ แม้คุณได้ฌาณ ได้ญาณ ได้อภิญญาไปก็มีเสื่อมและไม่เห็นทางพ้นทุกข์ใดๆถ้าหากไม่ปฏิบัติเพื่อให้เห็นทางพ้นทุกข์
- พระพุทธเจ้าตรัสบอกทุกคนที่เข้ามาเป็นสาวกแห่งพระพุทธศาสนาว่า "เธอจงปฏิบัติเพื่อทำให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นที่เทอญ"  ไม่เคยสอนว่า เธอจงปฏิบัติเพื่อมีฌาณ-ญาณเทอญ เธอจงปฏิบัติเพื่อมีอภิญญาเทอญ ดังนั้นคุณควรกัมมัฏฐานเพื่อความถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้เถอะครับ อย่าไปติดข้องใจกับสิ่งใดๆที่ไม่เกิดประโยชน์แก่ตนเองและคนอื่นด้วยความเป็นกุศลเลย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 08, 2012, 09:16:23 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

nithi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีวิธีตรวจสอบอย่างไร ว่ากรรมฐาน เราเสื่อมคะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2012, 09:01:13 pm »
0
เอาอย่างพระโคธิำกะ ก็ต้องได้ ฌาน เสื่อม ฌาน หลายหน นะครับ

ถ้าจะเอาอย่างต้องมั่นใจจะได้คุณธรรมด้วยนะครับ ถ้าไม่มั่นใจแล้วอาจจะเสียเวลาในนรก อีก

  เรื่อง ของ สมาธิ เสื่อมนี้เป็นไปได้หรือไม่ครับ ผมว่า โอกาสเป็นไปได้ครับถ้าเรายังฝึกสมาธิ ที่เป็นโลกียะ คือ ฝึกเพื่อ ฌาน เป็นหลักคือ เอา ปริสุทธุเบกขา เท่านั้น จะเพื่อฤทธิ์หรือเพื่อจุดประสงค์ที่เป็นไปเพื่อการอยู่ในโลก อย่างนี้โอกาสเสื่อมมีสูงครับ ดังนั้น  สมาธินี้เสือมแล้ว ก็ฝึกใหม่ครับ เคยฝึกได้ ก็ต้องฝึกได้ ต้องเห็นว่าการเสื่อมจากสมาธิเป็นเรื่องปกติ ของผู้ที่ยังจิตประกอบด้วย โลกียวิสัย ครับ

  ดังนั้นมาพูดเรื่องพิสูจน์ ว่า สมาธิ เสื่อมหรือไม่ ? กันดีกว่าหรือไม่ นะครับ

  1.สมาธิ เมื่อเสื่อม จะมีลักษณะ คือ ยินดี ยินร้าย ฟุ้งซ่าน ง่วงนอน สงสัย อยู่อย่างนั้น

   วิธีทดสอบคือ เมื่อเริ่มปฏิบัติสมาธิ สักประมาณ 15 นาีที ก็จะทราบผลแล้วด้วยความรู้สึกในภายใน ตัวเราเองนั้นก็จะูรู้ว่า จิตไม่สามารถรวมลงยัง ฐานจิตได้ครับ

   ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็อธิษฐานขอบารมี พระพุทธเจ้า ปฏิบัติบูชาครับ ปฏิบัติตามขั้นตอนกรรมฐานใหม่ นะครับ

  ดังนั้นถ้าไม่อยากให้กรรมฐาน เสื่อมต้องรักษาปณิธานการภาวนาเพื่อการสิ้นภพชาติ ตัดกิเลสครับ อย่างนี้จะไม่เสื่อมครับ เป็น โลกุตรวิสัย ครับ

  :13: :13: :13:
บันทึกการเข้า
ขุมทรัพย์แห่ง ความหลุดพ้น ปรากฏอยู่ที่พระไตรปิฏก อ่านพระไตรปิฏก มาก ๆ
 ก็จะเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ ของจริงต้องตาม พุทธวัจนะ

magicmo

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 122
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีวิธีตรวจสอบอย่างไร ว่ากรรมฐาน เราเสื่อมคะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 05:04:31 pm »
0
ขอบคุณนะครับ
บันทึกการเข้า
ขายส่งชุดชั้นในราคาไม่แพงเครื่องกรองน้ำ ดื่มสะอาดสนามกีฬา ฟุตบอลหญ้าเทียม เช่าราคาถูก