สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: axe ที่ กันยายน 18, 2010, 08:37:42 am



หัวข้อ: ให้ความสำคัญ กับ สิ่งที่ไม่สำคัญ
เริ่มหัวข้อโดย: axe ที่ กันยายน 18, 2010, 08:37:42 am
ผมก็เป็นอีกคนที่เหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไป ?เรียน เที่ยว นอน กิน? ตกดึกๆ โทรคุยกับแฟน? ทั้งหมดเหล่านี้ มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม และผมก็เชื่อว่าวัยรุ่นสมัยนี้เค้าก็ทำแบบนี้กัน

"จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวหรือยัง"
"กินกับอะไร ตอนกินข้าวตัวเองคิดถึงเค้ามั้ย"
"ตัวเองรู้ไหม ถ้าเค้าเป็นผีเค้าอยากเป็นกระสือ ตัวเองจะได้เห็นใจเค้าไง"
"ตัวเองวางก่อนดิ"

นี่ คือประโยคต่างๆ คำพูดที่ผมได้คิดและคัดสรรเตรียมพร้อมมาต่างๆ ก่อนโทรหาแฟนในตอนดึกของทุกๆ วัน ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการคุยโทรศัพท์ แต่ผมกลับรู้สึกว่าระยะเวลาที่ใช้ไปนั้นไม่นานเลย รู้สึกอีกที มันกลับผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว และผมก็ไม่ชอบหากใครจะมาว่าผมไร้สาระ เพราะคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกันทั้งนั้น กิจวัตรของผมอีกหนึ่งสิ่งคือ แม่ชอบโทรหาผมทุกวัน
       
"ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง"
"เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย"
"วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง"
"อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ"
       
คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบต้องตอบไปในแบบเดิมๆ แต่แม่ก็ยังไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ โชคดี . . . ที่ผมพยายามตัดบทคุยเสียก่อน
จนกระทั่งวันนั้น . . .
       
"ตัวเองตอบเค้าหรือยัง ว่ารักเค้ามั้ย"
"เร็วๆ สิ เค้ายังอุตส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ"
"แล้วยังจะใจร้าย ไม่บอกรักเค้าอีกเหรอ"
       
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่า มีสายซ้อน ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'
"โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี้ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย"
       
ผม ไม่สลับสาย ยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป เพราะผมรู้ว่า สิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆและนั่นเป็นการตัดสินใจ . . . ที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของผม
หลังจากนั้นไม่นาน ทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืนและได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง แม่เสียชีวิตทันที เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ญาติของผมเล่าอีกว่า ตอนพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอ ไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหาผม
       
สิ่ง สุดท้ายในชีวิต ที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม พูดอะไรไม่ออก มือและตัวสั่น
วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม
       
ผู้หญิง คนเดียวในโลกที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่ ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ คนเดียวในโลกที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ คนเดียวในโลกที่ไม่ว่า โทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม และคนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิตในบางครั้งประโยคที่ว่า "ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว"มันก็ไม่เป็นความจริง "เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว"อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม
       
หลังจากนั้นไม่นาน แฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆ ชั่วโมงก็ทิ้งผมไป
(http://widget.sanook.com/static_content/full/diy_1/0163/480163/604488706ee02ef7fc04a43cb98357a2_1250498423.gif)
       
วันนี้ ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง

"เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป"
       
ทุก วันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว ในเมื่อเรามีความรัก อันเต็มเปี่ยมจากครอบครัว แล้วทำไมต้องไปขอเศษเสี้ยวจากใคร

ที่มา จากเวบผู้จัดการครับ