สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เวลาปฏิบัติกรรมฐาน กับนั่งสวดมนต์
ผมมาที่วัดแก่งขนุน ในช่วงตอน 18:00 น
ก็มีคณะญาติโยม ชวนผมเข้าไปสวดมนต์ในอุโบสถ
ผมเข้าไปสวด ก็เลิกออกมา 19:30 น.

ก็เห็นคณะญาติโยมที่มาสวดมนต์ ต่างก็เดินทางกลับ
ไม่เห็นมีการนั่งกรรมฐานต่อ หรือพบอาจารย์เลย

ผมถามพระหนุ่มชื่อ อะไรไม่ได้ถามท่าน ท่านบอกว่า
สวดมนต์เสร็จแล้ว กลับบ้านได้
ผมถามชื่อพระอาจารย์สนธยา ท่านบอกไม่รู้จัก ไม่มีพระอาจารย์สนธยาที่วัดนี้

ตกลงวันนั้นผมอุตส่าห์ขับรถมาจากอยุธยา เลยไม่ได้สนทนาธรรม กับพระอาจารย์
แต่เช้านี้ผมผ่านไปทำบุญ ผมเห็นพระอาจารย์นั่งพูดอยู่หน้าหอระฆัง

แต่ก็ยังไม่ได้สนทนากับพระอาจารย์เนื่องจาก พระอาจารย์กำลังพูดอยู่ ผมก็ต้องไปทำงาน

คำถามครับ
คือที่ัวัดไม่มีการนั่งกรรมฐานใช่หรือป่าวครับช่วงนี้ เพียงสวดมนต์แล้วนั่งกรรมฐานประมาณ 30 นาที

เจริญพร โยม axe
   ที่วัดมีการนั่งกรรมฐาน ฝึกภาวนา ทุกวัน ช่วงนี้ อาตมาก็อยู่ที่วัด มีตั้งแต่ 9:00 จนถึง 21:00 เลย
ส่วนการทำวัตรสวดมนต์เย็น อาตมาจะไม่ได้ไปร่วมด้วยนะ เพราะต้องสอนกรรมฐาน อยูี่ี่ที่ศาลา เพราะมี
คณะญาติโยม มานั่งกรรมฐาน หมุนเวียนเปลี่ยนไป ตลอดวันหนึ่งก็อยู่ประมาณ 50 ถึง 100 คน ทุกวัน


สำหร้ับที่อุโบสถนั้น จะมีการทำวัตร สวดมนต์เย็นตั้งแต่ 18:00 ถึง 19:30 มีการนั่งกรรมฐานด้วย แต่เป็นการนั่งกรรมฐาน ตามแบบที่ตนเองชอบ คือตามอัธยาศัยตามการปฏิบัติ

ครั้งต่อไป ให้มาที่ศาลา 1 ชั้น 2 เลยนะ เจออาตมาแน่ ถ้าอยู่ นะ

ไม่แน่ใจ ก็โทรมาถามก่อน ก็ได้ แต่อาตมาไม่ค่อยจะพกโทรศัพท์ นะ

( ถ้าเป็นไปได้ก็ให้มาในช่วงที่ ไม่ต้องทำวัตรสวดมนต์นะ เว้นเวลา 18:00 ถึง 19:30 )

พูดตรง อาจะไม่ถูกใจ ท่านทั้งหลาย

การสวดมนต์ กับ การนั่งกรรมฐาน และ การเจริญภาวนากรรมฐาน นั้น มีผลต่างกัน ด้วยการภาวนา

 การสวดมนต์ สาธยายมนต์ เป็นเหตุให้จิตละความฟุ้งซ่าน ได้ แต่เมื่อหยุดสวด จิตก็จักฟุ้งซ่านเหมือนเดิม
 การสวดมนต์ สาธยายมนต์ เป็นเหตุให้คลายจากความกลัว ได้ แต่เมื่อหยุดสวด ความกลัวก็จักกลับมาเหมือนเดิม

และอีก ๆ หลายๆ ประการ มีพระสวดมนต์ ขยันสวด ทุกวัน ทุกคืน ทั้งท่องจำได้มากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะละจากกิเลสได้ นะจ๊ะ แต่การสวดมนต์ ก็ยังมีประโยชน์ ในด้านทำใจให้สงบได้ สำหรับอาตมา มองว่าเป็นการทำสมาธิ แบบหินทับหญ้า ทำ ดี  ดีกว่าไม่ได้ทำ เพราะเป็นกุศล

 เพิ่มมาหน่อย ก็มีการสวดมนต์ และแปลด้วย อาตมา ได้ไปอยู่ที่สวดโมกข รับอิทธิพลเรื่องการสวดมนต์แปล และก็สามารถสวดมนต์แปลได้ ทั้งเล่มปากเปล่าในฉบับสวดโมก ทั้ง 2 เล่ม ตั้งแต่ปี 2527 ที่บวชเป็น สามเณร แต่พูดตรง ๆ ก็ยังไม่สามารถ บรรลุธรรมใด ๆ ได้ จะว่าเข้าใจก็ พอจะเข้าใจ จะว่าไม่เข้าใจ ก็น่าจะได้ เพราะไม่ได้บรรลุอะไร อย่างที่คาดหวังไว้

  ดังนั้นอามตมา ท่านทั้งหลายต้องมีบ้าง ได้สวดมนต์กันทั้งแปล และไม่แปล และท่านก็ตอบตัวท่านเองได้ว่า ท่านบรรลุอะไรจากการสวดมนต์ ต่าง ๆ นั้นได้

  สำหรับการนั่งกรรมฐาน และ การเจริญภาวนากรรมฐาน นั้น เมื่อก่อนอาตมาไม่ค่อยได้ให้ค่ากับการภาวนา ส่วนนี้เพราะคิดว่ามีปัญญาเห็นว่า สมาธิไม่จำเป็นต้องฝึกถึงขึ้นนี้ ก็น่าจะบรรลุธรรมได้ จึงไม่ได้ฝึกฝน สมาธิ อย่างที่จะเป็นเพียงนั่งให้สงบใจ ให้จิตนิ่ง  ๆ ว่าง ๆ เท่านั้น ก็ทำมาอย่างนี้ เกือบ 20 ปี สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าที่เราคิดและคาดหวังไว้ ก็ไม่ได้ทำให้เราสำเร็จในธรรมที่ควรจะได้ ควรจะเป็น ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้ อยู่อีก คิดได้อย่างนี้อายุก็ใกล้ฝั่งเข้าไปครึ่งคนเสียแล้ว ( ดีนะที่ยังไม่ตายก่อน )

   การเจริญภาวนากรรมฐาน เป็นแก่นเดียว ที่เราจะข้ามฝั่ง คือ ห้วงน้ำอันประกอบด้วยความทุกข์ นี้ได้ ดังนั้นท่านทั้งหลายวันนี้เห็นและได้เข้าถึงธรรมที่ควรจะเป็นได้บ้างแล้ว จึงขอบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านที่ต้องการข้ามพ้นจากห้วงน้ำ คือ วัฏฏสงสารแล้ว ต้องมุ่งสู่แ่่ก่นธรรม คือการเจริญภาวนาพระกรรมฐาน เท่านั้น


   ดังนั้นจะสวดมนต์ จะนั่งกรรมฐาน จะเจริญภาวนาพระกรรมฐาน อยู่ที่ท่านเลือกว่าท่านต้องการอะไร และจะเป็นอะไร ถ้าท่านเลือกเป็น ก็จะฉลาดในการกระทำนั้น ๆ จะบอกว่าอะไรดีกว่า หรือ อะไรด้อยกว่าก็คงตอบด้วยใจ ของท่านกันเอง

   "ดูก่อน ภิกษุท่าน ทั้งหลาย เธอจงไปสู่เรือนว่าง โคนไม้ แล้วตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้าให้มั่น ...."
   คำสั่งจาก พระพุทธเจ้า พระองค์สั่งไว้อย่างนี้ นะ อ่านต่อใน อานาปานสติ นะจ๊ะ


   เจริญธรรม

   ;)

ส่วนตัว ก็ยังชอบ สวดมนต์ อยู่คะ

 เพราะรู้สึกว่า ทำให้ใจสงบ ได้ไว คะ

 ส่วนการทำสมาธิ ยังมีความรู้สึกว่าต้อง ข่มใจ ตนเอง มากกว่า การสวดมนต์คะ

  :25: :25: :25: