สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2011, 08:04:54 pm



หัวข้อ: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2011, 08:04:54 pm
 :s_hi:

เป็นอันตรายอะไรไหมคะฝึกอานาปานสติ อยู่ๆก็รู้สึกว่าไม่หายใจ
ไม่ได้กลั่นใจนะคะ แต่อยู่ๆมันเบา ๆ ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกว่าไม่หายใจอีกเลย

แรกๆพยายามกลับมาหายใจอีกครั้ง สักพักก็หายไปอีกแล้ว เป็นแบบนี้อยู่ 3 วันได้แล้วค่ะ
ก็พยายามตามรู้นะคะว่าก่อนรู้สึกว่าไม่หายใจ มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็รู้ครบดีอยู่ สติดีครบอยู่
แต่ลมหายใจหาย แต่ไม่ยักกะตายแหะ แปลกดีเหมือนกัน

พอไม่ไปใส่ใจมันไปสักพัก มันก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับมันเพราะผ่านมาวันที่สามแล้วก็ไม่ยักกะตาย

ที่กังวลคือ ทำผิดวิธีผิดขั้นตอนหรือเปล่า แล้วมันจะเป็นอันตราย ต่อระบบทางเดินหายใจไหมคะถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ

เพิ่งเริ่มฝึกจริงจัง แนะนำด้วยค่ะ


 :25:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poepun ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2011, 09:52:36 pm
ไม่เป็นอันตราย ครับ ยิ่งฝึกได้อย่างนี้แสดงว่า ลมหายใจ ปกติแล้วครับ
แต่ที่นี้ต้องพิจารณาตามขั้นตอน นะครับ

เพราะของคุณอยู่ ขั้นที่ 4 ระงับกายสังขารหายใจเข้า หายใจออก การกำหนดรู้ลมหายใจเปลี่ยนแล้วนะครับ

ต่อไปต้องกำหนดปีติ หายใจเข้า และ หายใจออก ปีติ คือ ความยินดีที่ระงัึบกายสังขารได้ นะครับ

ถ้าไม่มีก็แสดงว่า คุณกำลังเข้าสู่ อทุกขมสุขเวทนา คือวางอารมณ์เป็นกลางเฉย ๆเท่านั้นอันนี้มีประโยชน์ในการ
พักผ่อนครับ แต่ไม่มีประโยชน์ในการดับกิเลสครับ

อนุโมทนาด้วยครับ
 :25:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poepun ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2011, 09:56:56 pm
อ่านตั้งแต่ข้อที่สี่เลยนะครับ ผมนำเสนอไว้แล้วบางส่วนครับ

เรื่องรวม ๆ เกี่ยวกับสมาธิ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2889.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2889.0)

ถ้าจะให้แน่น ก็ขอรับหนังสือจากพระอาจารย์สนธยา เล่มล่าสุดครับ เล่มนี้มีประโยชน์ในการฝึก
อานาปานสติ มาก ๆ ครับ

หรือไม่ก็ไปอ่านที่นี่ก่อนนะครับ

อานาปานสติ ปฏิสัมภิทามรรค เพื่อการภาวนา
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=811.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=811.0)


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2011, 11:47:17 am
ขอบคุณค่ะแล้วจะ ปฎิบัติตาม

 :25:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: suchin_tum ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2011, 05:57:05 pm
ไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องไปสนใจ ควรเอาจิตรจดจ่ออยู่กับการงาน พระกรรมฐานก็จะก้าวหน้าไปเอง


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2011, 06:58:52 pm
ไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องไปสนใจ ควรเอาจิตรจดจ่ออยู่กับการงาน พระกรรมฐานก็จะก้าวหน้าไปเอง

ควรเอาจิตรจดจ่ออยู่กับการงาน พระกรรมฐานก็จะก้าวหน้าไปเอง
ไม่เข้าใจคำนี้คะ ช่วยขยายความใ้ห้หน่อย


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2011, 07:22:36 pm
มีไฟล์แนบสมัยที่พระอาจารย์ฝึก สมาธิใหม่ ๆ

 แบบเริ่มต้น พอจะเป็นแนวทางได้บ้าง

คำแนะนำในการสร้างสมาธิ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=78.msg4163#msg4163 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=78.msg4163#msg4163)


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 04:20:16 am
ฝึกแล้วไม่หายใจ ก็ต้องตายสิคะ
ทำไมไม่ตาย แสดงว่ายังหายใจอยู่ ใช่หรือไม่คะ

 :s_hi:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 05:38:19 am
ฝึกแล้วไม่หายใจ ก็ต้องตายสิคะ
ทำไมไม่ตาย แสดงว่ายังหายใจอยู่ ใช่หรือไม่คะ

 :s_hi:

รบกวนท่านผู้รู้ท่านนี้ อรรถาธิบาย ให้ฟังหน่อยค่ะเมื่อปฎิบัติจนถึงขั้นที่จับลมหายใจไม่ได้แล้ว ทำยังไงต่อ


 :96:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: samapol ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 05:54:52 am
ระงับกายสังขาร ก็คือ หยุดนิ่งการปรุงแต่งทางกาย

 กาย ก็ได้แ่ก่ ลมหายใจเข้า หายใจออก

  ลมหายใจหมด ก็ไม่ใช่ เพราะ ลมหายใจ เป็นสิ่งที่เรียกว่า กาย

  ที่จริงแล้วลำดับ น่าจะเกิดปีติ ต่อ แต่เป็นเพราะไม่มีนิมิตเกิด ปีติ ก็ยังไม่เกิด สุข ก็ยังไม่เกิด

 ผมว่าที่สำคัญอยู่ที่นิมิต คือ ลมหายใจเข้า หายใจออก จะมีนิมิตอยู่ประมาณ 9 - 10 อย่าง

  เช่น เกิดดังเมฆหมอก เกิดเห็นดังสำลี เกิดดังธารน้ำ เป็นต้น

  นิมิตควรจะมี ก็ตั้งแต่ อุคคหนิมิต ถ้านิมิตไม่เกิด ลมหายใจมีความรู้สึกว่าดับ ขั้นนี้กล่าวว่าเป็น ฌาน 4 เชียวนะ

แต่การจะได้ ฌาน 4 โดยไม่เกิด ปีติ และ สุข เป็นไปไม่ได้

 เพราะ ปฐมฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข ก่อนจะ เอกัคคตา

 ส่วน ฌาน 4 ที่กล่าวว่า ลมหายใจหยุด คือ ไม่มีลมนั้น เป็น เอกัคคตา

 การปฏิบัติ ฌาน 4 โดยไม่ผ่าน ฌานอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้ เพราะสภาวะ เกิดตามลำดับ จะเร็ว จะช้า ก็ต้องเกิด

อนุโมทนาด้วยครับ ขอให้ตั้งใจฝึกต่อไปครับ
 :13:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: สถาพร ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 06:18:58 am
แท้ที่จริง คือการเข้าถึง กาย คือ ลมหายใจเข้า ออก

                     เวทนา คือ ลมหายใจเข้า ออก
 
                      จิต  คือ ลมหายใจเข้า ออก

                      ธรรม คือ ลมหายใจเเย้า ออก

                     นิพพาน คือ พ้นจากลมหาย ใจ เข้า ออก

 :25:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:10:39 am
ระงับกายสังขาร ก็คือ หยุดนิ่งการปรุงแต่งทางกาย

 กาย ก็ได้แ่ก่ ลมหายใจเข้า หายใจออก

  ลมหายใจหมด ก็ไม่ใช่ เพราะ ลมหายใจ เป็นสิ่งที่เรียกว่า กาย

  ที่จริงแล้วลำดับ น่าจะเกิดปีติ ต่อ แต่เป็นเพราะไม่มีนิมิตเกิด ปีติ ก็ยังไม่เกิด สุข ก็ยังไม่เกิด

 ผมว่าที่สำคัญอยู่ที่นิมิต คือ ลมหายใจเข้า หายใจออก จะมีนิมิตอยู่ประมาณ 9 - 10 อย่าง

  เช่น เกิดดังเมฆหมอก เกิดเห็นดังสำลี เกิดดังธารน้ำ เป็นต้น

  นิมิตควรจะมี ก็ตั้งแต่ อุคคหนิมิต ถ้านิมิตไม่เกิด ลมหายใจมีความรู้สึกว่าดับ ขั้นนี้กล่าวว่าเป็น ฌาน 4 เชียวนะ

แต่การจะได้ ฌาน 4 โดยไม่เกิด ปีติ และ สุข เป็นไปไม่ได้

 เพราะ ปฐมฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข ก่อนจะ เอกัคคตา

 ส่วน ฌาน 4 ที่กล่าวว่า ลมหายใจหยุด คือ ไม่มีลมนั้น เป็น เอกัคคตา

 การปฏิบัติ ฌาน 4 โดยไม่ผ่าน ฌานอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้ เพราะสภาวะ เกิดตามลำดับ จะเร็ว จะช้า ก็ต้องเกิด

อนุโมทนาด้วยครับ ขอให้ตั้งใจฝึกต่อไปครับ
 :13:

ขอบคุณท่านผู้รู้ที่อนุเคราะห์ค่ะ
ตามที่ได้อ่านของท่านที่กล่้าวมา ด้วยความที่ขาพเจ้าเป็นผู้ใหม่ในด้านนี้อาจไม่เข้าใจ ศัพบางคำ
จริงของไล่เรียงเลยนะคะ

ข้าพเจ้าได้เริ่มปฎิบัิติด้วยวิูีธี ดูลมหายใจ ไม่ได้ใช้คำบริกรรมใดใด

เริ่มตั้งใจมั่นว่าจะดูลม ได้กระทำตามความตั้งใจดูลม   
เกิดอาการตัวพองยืด เมื่อตัวพองยืดหมดไป รู้สึก happyแบบเย็นๆ สบาย บอกไม่ถูก หลังจากนั้นรู้สึกว่าเสียงหลานข้างบ้านที่ร้องก็ไม่รบกวนอารมเราแล้ว คงหมายถึงได้ยินเสียงแต่เสียงไม่มีผลต่ออารมณ์มั้งคะ รู้สึกเป็นสมาธิแล้วไม่ฟุ้งซ่านเหมือน ตอนทำแรกๆ

หลังจากนั้นไม่ต้องตั้งใจดูลมแล้วมันดูของมันเองโดยอัตโนมัติ เกิดอาการตัวพองอีกแต่เบาบาง
และผ่านอาการนี้เร็วมาก  happy มาอีกแล้วแต่รู้สึก สบายกว่าคราวแรกก่อน  แล้วรู้สึกทรงในอารมสงบได้ดีกว่า ตอนช่วงแรก

สักพักรู้สึก Happy ลั้นลา หนักกว่าเดิมอีก มันประมาณว่ามันสุขเยือกเย็น มีแต่ความสบาย ๆ ลมหายใจเบาลงมาก
หูที่เหมือนไม่ได้ยินเสียงภายนอก ถึงเสียงหลานร้องดังมาก ๆ เราได้ยินเหมือนกันแต่เบามาก  มีการทรงตัวแบบแน่นสนิท

ต่อมาซักระยะเหมือนมัน happy จนเต็มอิ่มแล้วมันก็ไม่อยากจะ happy พอเราจะพยายามกลับไป Happy อีกมันก็เหมือนเลี่ยน ไม่เอาแล้ว เหมืือนกินของอร่อยมากๆแล้วมันอิ่้มเลี่ยนกินต่อไม่ได้ ตอนนี้ละที่รู้สึกว่า ไม่มีลมหายใจมันไม่มีตั้งแต่ตอนไหน ก็ไม่รู้มารู้อีกทีตอนไม่อยาก happy แล้วละ ทีีนี้ไม่รู้จะรู้อะไรมันก็เลย เฉยๆไม่ใส่ใจกับใดๆ อันนี้น่าจะเป็นอุเบกขา

ประมาณนี้ค่ะ
ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่มี นางฟ้า เทวดาโพล่มาซักองค์ แม่แต่แสงวุบวาบที่เคยอ่านเจอก็ไม่มีเลย
เอ..หรือเราบุญน้อยเลยไม่เห็น

รบกวนท่านผู้รู้ชีแนะด้วยค่ะ ข้าพเจ้ามือใหม่


 :)







หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:16:25 am
เรียนมาจากใคร น่าสนใจคะ มีวิธีการดูลมอย่างไรคะ ตอนที่ทำใช้เวลาประมาณเท่าใดคะ หลัีงจากออกจากการดู
ลมแล้ว ที่เรียกว่า อุเบกขา แล้วออกมาดำเนินกิจกรรมอะไรต่อคะ เคยดูลมติดต่อ ถึง 24 ชม.หรือยังคะ

 :25:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:24:08 am
อ้างถึง
สักพักรู้สึก Happy ลั้นลา หนักกว่าเดิมอีก มันประมาณว่ามันสุขเยือกเย็น มีแต่ความสบาย ๆ ลมหายใจเบาลงมาก

happy ลั้นลา ที่เป็นสุขเยือกเย็น นี้ กำหนดอย่างไรคะ ในลมหายใจคะ
อ้างถึง
happy พอเราจะพยายามกลับไป Happy อีกมันก็เหมือนเลี่ยน ไม่เอาแล้ว เหมืือนกินของอร่อยมากๆแล้วมันอิ่้มเลี่ยนกินต่อไม่ได้ ตอนนี้ละที่รู้สึกว่า ไม่มีลมหายใจมันไม่มีตั้งแต่ตอนไหน ก็ไม่รู้มารู้อีกทีตอนไม่อยาก happy แล้วละ ทีีนี้ไม่รู้จะรู้อะไรมันก็เลย เฉยๆไม่ใส่ใจกับใดๆ อันนี้เป็นอุเบกขา

ปกติเมื่อจิตเข้าสู่สถานะ ความสุขสมาธิ จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว ด้วยเรื่องเดียว
ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ จัดเป็นสุขสมาธิ ซึ่งมีวิธีการกำหนดเรื่องสุข ๆ ไม่ใช่เรืื่องที่เลี่ยน หรือ เบื่อได้
ง่ายถ้าไม่เจริญธรรมลงไป จะให้อิ่มเหมือนอาหารนั้นไม่ได้ เพราะอาหารหล่อเลี้ยงกาย ๆ มีขอบเขต ส่วนจิตนั้น
ไม่มีขอบเขต ไม่มีความกว้าง หรือ มาตรฐาน เหมือนกายดังนั้นสุข ไม่สามารถที่จะเลี่ยนได้เหมือนอาหาร คือจะ
เกิดความเบื่อหน่ายต่อสุข ได้นั้นไม่ใช่ิวิสัยของบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้กำหนด วิปัสสนา ไปในกาย

แต่น่าสนใจ เล่าต่ออีกสิคะ ว่าหลังจากเข้าอุเบกขา แล้วเป็นยังไงต่อในสามวันนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะคะ

สาธุ
 :25:




หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: สมภพ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:29:27 am
และตั้งใจ จะทำอะไร ต่อไปครับ หลังจากได้อุเบกขาครับ

 ความเข้าใจในชีิวิต มีว่าอย่างไรครับ

 คืออยากทราบว่า ปณิธาน ความรู้สึกในการภาวนา อันเป็นผล ภาวนา นี้ตั้งใจจะทำอะไรต่อไปในการภาวนา

ครับ ?
 :smiley_confused1:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: สาวิตรี ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:31:20 am
อยากทราบวิธีการฝึกนี้ เรียนมาจากไหน ครับบอกได้หรือไม่คะ ?
วิธีขั้นตอน ตอนที่กำหนดลมหายใจ เข้า ออก ในระหว่างที่ไม่มีบริกรรมนั้น ทำอย่างไรบ้างคะ ?

สนใจคะ

 :smiley_confused1:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:41:08 am
เรียนมาจากใคร น่าสนใจคะ มีวิธีการดูลมอย่างไรคะ ตอนที่ทำใช้เวลาประมาณเท่าใดคะ หลัีงจากออกจากการดู
ลมแล้ว ที่เรียกว่า อุเบกขา แล้วออกมาดำเนินกิจกรรมอะไรต่อคะ เคยดูลมติดต่อ ถึง 24 ชม.หรือยังคะ

 :25:

ขอตอบเป็นข้อๆนะคะ

1.เรียนมาจากใคร
- ฝึกตามพระพี่ชายค่ะ แต่ตอนนี้ท่านไม่ได้ติดต่อมาเลยรู้ครั้งสุดท้ายไปอยู่วัดแถวภาคอิสาน

2.มีวิธีการดูลมอย่างไรคะ
- พระพี่ชายท่านสอนให้ดูลมเฉยๆเลย รู้ว่าเข้า รู้ว่าออก ไม่ต้องใช้คำบริกรรมท่านบอกว่า พุทธเจ้าไม่ได้สอนบริกรรมขณะดูลม ถ้าฟู้งก็ดึงเข้ามาดูลมใหม่ ดูให้รู้ว่าอะไรเกิดอะไรดับ

ถ้าเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ ก็ให้รู้อารมณ์ รู้ทันความคิด รู้เย็นร้อนอ่อนแข็ง
และจับความรู้สึกร่างกาย รู้ให้ทันว่าเกิดดับอะไรตอนไหน ท่านบอกว่านี่ละเดินจงกรม

ถ้าเวลาไม่รู้จะรู้อะไรก็ให้รู้ลม อย่าหลงลืมลม
หน้าทีของเรามีแค่นี้ ไม่ต้องไปโกรธตัวเองถ้าทำไม่ได้มันเป็นธรรมชาติของจิต
ทำไปเรื่่อยๆ ไม่ต้องสงสัยถึงเวลาจะรู้เอง
แล้วท่านก็จากไปไม่ติดต่อกลับมาเลย

3.ตอนที่ทำใช้เวลาประมาณเท่าใดคะ
-ทำมาเรื่อยๆค่ะ 3-4 ปีละแต่ไม่ได้จริงจังอะไรทำมั่งลืมมั่ง เพิ่งมาจริงจังตอนคุณลุงเสียเมื่อ 3-4เดือนก่อน

4.หลัีงจากออกจากการดู ลมแล้ว ที่เรียกว่า อุเบกขา แล้วออกมาดำเนินกิจกรรมอะไรต่อคะ
-หลังจากเลิกทำก็ ใช้ชีวิตปกติค่ะ แต่มันไม่ค่อยอยากคุยกับใคร
จะต้องทิ้งเวลาซักพักใหญ่ๆ ถึงจะเม้าซี้ได้ปกติค่ะ

5.เคยดูลมติดต่อ ถึง 24 ชม.หรือยังคะ
-ใช้เวลานานสุดได้แค่ ประมาณ 14 ชม. 5โมงเย็น ถึง 7โมงเช้า ต้องไปทำงานเลยยาวไม่ได้ค่ะ
แต่ถ้านับดูลมอย่างเดียว ไม่เกินครึ่ง ชม. ก็ไม่ีมีลมให้ดูแล้วค่ะ แล้วแต่วันบางวันก็ 15 นาที

หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการอื่นๆ ดังที่เขียนข้างต้น

 ;)
 


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:43:13 am
และตั้งใจ จะทำอะไร ต่อไปครับ หลังจากได้อุเบกขาครับ

 ความเข้าใจในชีิวิต มีว่าอย่างไรครับ

 คืออยากทราบว่า ปณิธาน ความรู้สึกในการภาวนา อันเป็นผล ภาวนา นี้ตั้งใจจะทำอะไรต่อไปในการภาวนา

ครับ ?
 :smiley_confused1:

เมื่อก่อนทำเพราะอยากสงบ อยากมีสมาธิทำงาน ต่อมาทำเพราะอยากนิพานหรือ ใดๆก็ว่าไป

แต่ ณ. ปัจจุบัน นิพานก็ไม่เห็นจะอยากได้ แต่ยังไม่บรรลุแน่นอนค่ะเพิ่งเริ่มเอง แต่ไม่อยากได้อะไรเลย


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:58:49 am
happy ลั้นลา ที่เป็นสุขเยือกเย็น นี้ กำหนดอย่างไรคะ ในลมหายใจคะ


ไม่ได้กำหนดอะไรเลยค่ะ แค่ก็ดูลมเข้าออก ไปเฉยๆจนไม่มีลมให้ดู หลังจากนั้นก็ดูอะไรเกิดอะไรดับแค่นั้นเองค่ะ

เรื่องสุขจนอื่ม เลี่ยน เบื่อ นั่นเปรียบเปรยให้ฟังไม่รู้จะเปรียบยังไงดีค่ะ

แล้วเป็นยังไงต่อในสามวันนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะคะ


ที่ว่า 3 วันหมายความว่า ลมเริ่มหายเมื่อ วันที่ 8 กพ ตั้งกระทู้วันที่ 11 กพ.
ไม่ได้หมายเอาเพิ่งทำมา 3 วันค่ะ

ทำมาหลายปีแล้วค่ะ แต่เพิ่งจริงจังตอนคุณลุงเีสีย เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: SAWWALUK ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 08:14:34 am
อนุโมทนาด้วย คะ

 โดยปกติ บุคคลที่ฝึกดูลมหายใจเข้า ออก โดยวิธีการเฝ้าติดตามลมหายใจเข้า และออก โดยไม่มีบริกรรมนั้น
นั้นไม่มีการกำหนดเงื่อนไข ครบ 3 ประการ คือ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก และ ก็นิิมิต ส่วนใหญ่ จะตกข้าง
ฝ่ายความฟุ้งซ่าน หรือ ไม่ก็ขี้เกียจ เพราะวิธีการติดตามตามลมหายใจเข้า ออก ทุกสภาวะนั้น เป็นการฝึกจากสติ
จนพัฒนาเป็นสมาธิ

ก็อนุโทนาด้วย คะ จากใจจริง เพราะที่จริงก็อยากทำได้เหมือนกัน

เมื่อฝึกสติ เป็น สมาธิ ปัญญามองเห็นตามความเป็นจริง นั้นควรจะเห็นความเกิดขึ้น ดับไป ในลมหายใจ เข้า ออก
 :s_good:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 08:25:39 am
อนุโมทนาด้วย คะ
 โดยปกติ บุคคลที่ฝึกดูลมหายใจเข้า ออก โดยวิธีการเฝ้าติดตามลมหายใจเข้า และออก โดยไม่มีบริกรรมนั้น
นั้นไม่มีการกำหนดเงื่อนไข ครบ 3 ประการ คือ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก และ ก็นิิมิต ส่วนใหญ่ จะตกข้าง
ฝ่ายความฟุ้งซ่าน หรือ ไม่ก็ขี้เกียจ เพราะวิธีการติดตามตามลมหายใจเข้า ออก ทุกสภาวะนั้น เป็นการฝึกจากสติ
จนพัฒนาเป็นสมาธิ

ก็อนุโทนาด้วย คะ จากใจจริง เพราะที่จริงก็อยากทำได้เหมือนกัน

เมื่อฝึกสติ เป็น สมาธิ ปัญญามองเห็นตามความเป็นจริง นั้นควรจะเห็นความเกิดขึ้น ดับไป ในลมหายใจ เข้า ออก
 :s_good:

ขอบคุณค่ะ

โดยส่วนตัวไม่เคยเจอนิมิต อะไรเลย แสงก็ไม่เจอค่ะ
พระพี่ชายปลูกฝังให้ทำตาม พุทธพจน์ก่อนค่ะ เลยไม่เคยรู้วิธีอื่นๆ อาจมีวิธีที่ไวกว่านี้มั้งค่ะ
เรื่องฟุ้งซ่าน พระพี่ชายสอนว่าเป็นธรรมดาของจิต เรามีหน้าที่ดึงเข้ามารู้ลม และในขณะที่ดึงเราต้องรู้ให้ทันว่าอะไรเกิดอะไรดับ เช่น ฟุ้งเรื่องงาน แ้ล้วเราดึงกลับมารู้ลม

ฟู้งเรื่องงาน=จิตไปจับ ความจำ+ปรุงแต่ง
ดึงมารู้ลม= ปรุงแต่งดับ จิดดวงใหม่จับลมเกิด


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jeeb ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 08:53:17 am
วิธีขั้นตอน ตอนที่กำหนดลมหายใจ เข้า ออก ในระหว่างที่ไม่มีบริกรรมนั้น ทำอย่างไรบ้างคะ ?
 :smiley_confused1:

ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าตอบตรงคำถามหรือปล่าวนะคะ

ข้าพเจ้าแค่ รู้ลมเข้าออก
พอหายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า ยาวสั้นไปถึงไหน
พอหายใจออกก็ตามรู้ว่าออกยาวหรือสั้น ไม่ต้องไปกะเกนว่าเข้ายาวเท่าไรต้องออกยาวเท่านั้น เอาเราสบายที่สุด
มันจะมีช่วงรอยต่อ ระหว่างลมเข้ากับลมออก นิดหน่อยค่ะ ตรงนั้นดูว่าจิตจับกับอะไร อะไรเกิดดับ

ถ้าฟู้งเราก็แค่ดึงกลับมารู้ลม  แล้วถ้าปัญญารู้ทันเราก็เห็นว่า จิตจับฟุ้งดับไป จิตจับลมเกิด แค่นี้ค่ะ

ไม่ได้มีพิธีรีตรองอะไรมาก


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ประสิทธิ์ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 07:55:26 pm
อ้างถึง
5.เคยดูลมติดต่อ ถึง 24 ชม.หรือยังคะ
-ใช้เวลานานสุดได้แค่ ประมาณ 14 ชม. 5โมงเย็น ถึง 7โมงเช้า ต้องไปทำงานเลยยาวไม่ได้ค่ะ
แต่ถ้านับดูลมอย่างเดียว ไม่เกินครึ่ง ชม. ก็ไม่ีมีลมให้ดูแล้วค่ะ แล้วแต่วันบางวันก็ 15 นาที

หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการอื่นๆ ดังที่เขียนข้างต้น


อยากให้เล่าประสบการณ์ 14 ชม.ให้ฟังบ้าง ว่าขณะนั้น กาย จิต เป็นอย่างไรบ้างครับ

 :25:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: fasai ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2011, 10:46:30 pm
อ้างถึง
5.เคยดูลมติดต่อ ถึง 24 ชม.หรือยังคะ
-ใช้เวลานานสุดได้แค่ ประมาณ 14 ชม. 5โมงเย็น ถึง 7โมงเช้า ต้องไปทำงานเลยยาวไม่ได้ค่ะ
แต่ถ้านับดูลมอย่างเดียว ไม่เกินครึ่ง ชม. ก็ไม่ีมีลมให้ดูแล้วค่ะ แล้วแต่วันบางวันก็ 15 นาที

หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการอื่นๆ ดังที่เขียนข้างต้น


อยากให้เล่าประสบการณ์ 14 ชม.ให้ฟังบ้าง ว่าขณะนั้น กาย จิต เป็นอย่างไรบ้างครับ

 :25:

น่าสนใจนะคะ ประสบการณ์ 14 ชม. นี้ถ่ายทอดเป็นอักขระ หรือ เสียงได้หรือไม่คะ
 :c017:


หัวข้อ: Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ก้านตอง ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2011, 03:41:20 am
"อนึ่งธรรม ๓ ประการ คือลมออก ๑ ลมเข้า ๑ นิมิต ๑

จะได้เป็นอารมณ์แห่งจิตอันเดียวกันหามิได้

ลมออกก็เป็นอารมณ์แห่งจิตอัน ๑

ลมเข้าก็เป็นอารมณ์แห่งจิตอัน ๑ ต่างกันดังนี้

ก็แลพระโยคาพจรพระองค์ใดบ่มิได้รู้ซึ่งธรรมทั้ง ๓ คือลมออกมิได้ปรากฏแจ้ง ลมเข้าก็มิได้ปรากฏแจ้ง นิมิตก็มิได้ปรากฏแจ้ง มิได้รู้ซึ่งธรรมทั้ง ๓ ประการนี้แล้ว

พระกรรมฐานแห่งพระโยคาพจรพระองค์นั้นก็มิได้สำเร็จซึ่งอุปจารแลอัปปนา ต่อเมื่อใดธรรมทั้ง ๓ นี้ ปรากฏแจ้งพระกรรมฐานแห่งพระโยคาพจรนั้นจึงจะสำเร็จถึงซึ่งอุปจารฌานแลอัปปนา ฌานในกาลนั้น เมื่อนิมิตบังเกิดดังนี้แล้ว

   ให้พระโยคาพจรไปยังสำนักอาจารย์พึงถามดูว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า อาการดังนี้ปรากฏแก่ข้าพเจ้าพระมหาเถรสันทัดในคัมภีร์ทีฆนิกายนั้น ถ้าศิษย์มาถามดังนั้น

   อาจารย์อย่าพึงบอกว่านั่นแลคืออุคคหนิมิตแลปฏิภาคนิมิต และจะว่าใช่นิมิตก็อย่าพึงว่า พึงบอกว่าดูกรอาวุโส ดังนั้นแลท่านจงมนสิการไปให้เนือง ๆ เถิด ครั้นอาจารย์บอกว่าเป็นอุคคหปฏิภาคแล้ว สตินั้นก็จะคลายความเพียรเสียมิได้จำเริญพระกรรมฐานสืบไป ถ้าบอกว่าดังนั้นมิใช่นิมิต จิตพระโยคาพจรก็จะถึงซึ่งนิราศสิ้นรักใคร่ยินดีในพระกรรมฐาน เหตุดังนั้นอย่าได้บอกทั้ง ๒ ประการ พึงเตือนแต่อุตสาหะมนสิการไปอย่าได้ละวาง ฝ่ายพระมหาเถระผู้กล่าวคัมภีร์ มัชฌิมนิกายว่า ให้อาจารย์พึงบอกดูกรอาวุโส สิ่งนี้คืออุคคหนิมิตสิ่งนี้คือปฏิภาคนิมิตบังเกิดแล้ว ท่านผู้เป็นสัตบุรุษจงอุตสาหะมนสิการพระกรรมฐานไปจงเนือง ๆ เถิด และพระโยคาพจรเป็นศิษย์พึงตั้งซึ่งภาวนาจิตไว้ในปฏิภาคนิมิตนั้น จำเดิมแต่ปฏิภาคนิมิตบังเกิดแล้วอันว่านิวรณธรรมทั้ง ๕ มีกามฉันทะเป็นต้นก็สงบลง บรรดากิเลสธรรมทั้งหลายมีโลภะ โทสะ เป็นต้นก็รำงับไป จิตแห่งพระโยคาพจรก็จะตั้งมั่นลงด้วยอุปจารสมาธิ แลพระโยคาพจรนั้น อย่าพึงมนสิการซึ่งนิมิต โดยวรรณมีสีดังปุยนุ่นเป็นต้น อย่าพึงพิจารณาโดยสีอันหยาบ แลลักษณะมีความไม่เที่ยงเป็นต้น พึงเว้นเสียซึ่งสิ่งอันมิได้เป็นที่สบาย ๗ ประการ มีอาวาสมิได้เป็นสบายเป็นต้น พึงเสพซึ่งสบาย ๗ ประการ มีอาวาสสบายเป็นต้น แล้วพึงรักษานิมิตนั้นไว้ ให้สถาพรเป็นอันดี ประดุจนางขัตติยราชมเหสีอันรักษาไว้ซึ่งครรภ์ อันประสูติออกมาได้เป็นบรมจักรพรรดิราชนั้น เมื่อรักษาไว้ได้ดังนี้แล้ว พระกรรมฐานก็จำเริญแพร่หลายแลพระโยคาพจรพึงตกแต่งซึ่งอัปปนาโกศล ๑๐ ประการ ประกอบความเพียรให้เสมอพยายามสืบไป อันว่าจตุกฌานปัญญจกฌานก็จะบังเกิดในมิตนั้น โดยลำดับดังกล่าวมาแล้วในปฐวีกสิณ เมื่อจตุกฌานปัญจกฌานบังเกิดแล้ว ถ้าพระโยคาพจรมีความปรารถนาจะจำเริญซึ่งพระกรรมฐานด้วยสามารถสัลลักขณาวิธี แลวัฏฏนาวิธี จะให้ถึงซึ่งอริยผลนั้น ให้กระทำฌานอันตนได้นั้นให้ชำนาญคงแก่วสี ๕ ประการแล้ว จึงกำหนดซึ่งนามรูป คือจิตแลเจตสิกกับรูป ๒๘ ปลงลงสู่วิปัสสนาปัญญาพิจารณาด้วยสามารถสัมมัสสนญาณเป็นต้นก็สำเร็จแก่พระ อริยมรรคอริยผล มีพระโสดาบันเป็นต้น เป็นลำดับตราบเท่าพระอรหัตตผลเป็นปริโยสาน ด้วยอำนาจจำเริญซึ่งพระอานาปาสติกรรมฐานนี้ เหตุดังนั้นพระโยคาพจรกุลบุตรผู้เป็นบัณฑิตชาติอย่าพึงประมาท จงหมั่นประกอบเนือง ๆ ซึ่งพระอานาปาสติสมาธิอันกอปรด้วยอานิสงส์เป็นอันมากดังกล่าวมานี้ ฯ "


จำมาอีกทีคะ