สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 31, 2011, 11:36:34 am



หัวข้อ: สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 31, 2011, 11:36:34 am

(http://multiply.com/mu/arunphotography/image/8/photos/35/600x600/4/JUN2909.jpg?et=%2B3KldXdiDM5z7XhpFzwzTA&nmid=321788446)

สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"

สุ.       ประโยชน์ของข้อความที่ว่า  สติปัฏฐานเกิดแม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู  หรือไก่ปรบ

ปีก หรืองูแลบลิ้น ที่กล่าวอุปมาไว้เปรียบเทียบแสดงไว้ว่า  เร็วแค่ไหน ก็มีประโยชน์มาก

เพราะเหตุว่าถ้าไม่เคยเกิดเลย ก็ยังเกิดได้ แม้สั้นมาก เร็วมาก  ๑ ขณะ หรือน้ำหยดหนึ่ง

ที่จะลงตุ่มจนกว่าจะเต็ม ทีละ ๑ หยด นานๆ ครั้งหนึ่ง  ก็ยังเต็มได้  เพราะฉะนั้นแม้เพียง

ขณะสั้นๆ  ต่อไปเราก็จะคุ้นเคย จะค่อยๆ รู้ว่า  นี่คือขณะที่กำลังเริ่มรู้ลักษณะแท้จริงของ

สภาพธรรมที่เราเรียนมา  ฟังมา นานแสนนาน  แต่ประโยชน์ก็อยู่ตรงที่ระลึกลักษณะนั้น

เพื่อที่จะรู้จริงๆ ว่าความจริงเป็นไปตามที่ได้เรียนมา ประโยชน์สูงสุดอยู่ตรงนี้


พระศุภกร     ข้ออุปมาอันนี้จะเอาไปใช้กับการเจริญสมถภาวนาได้ไหม อย่างที่พระ

พุทธเจ้าอุปมาว่า แม้จะเร็วเหมือนกับงูแลบลิ้น ไก่ปรบปีก ที่เรากล่าวนี้เป็นกุศลเรื่องการ

เจริญสติปัฏฐาน แต่อุปมาอันนี้ที่มีคนเอาไปเปรียบกับการเจริญสมาธิ จะสมควรไหม


สุ.       จริงๆแล้ว เรื่องของสมาธิ     หรือเรื่องของสมถภาวนา    เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก

เพราะเหตุว่าถ้าไม่เข้าใจจริงๆ  แล้วเป็นอกุศล   หรือมิจฉาสมาธิ   เพราะฉะนั้นอุปมาทั้ง

หลายก็ต้องทราบว่า มุ่งหมายเพื่ออย่างไร  ถ้าการที่เราจะมีความเพียร  นานแสนนานจะ

เกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง แต่ปัญญาก็ยังเห็นคุณค่าว่า  เพียงครั้งหนึ่งก็มีประโยชน์มาก  เพราะ

เหตุว่าถ้าพูดถึงสมถะ  ก็หมายความถึงสงบจากโลภะ โทสะ โมหะ  เพราะฉะนั้นกุศลทุก

ประเภทต้องเป็นสมถะ เพราะเหตุว่าขณะนั้นไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ แม้แต่มรรคมีองค์ ๘

ก็มีทั้งสมถะและวิปัสสนา ส่วนสมถะที่ไม่ใช่สติปัฏฐาน  ไม่มีวิปัสสนาด้วย  เป็นแต่เพียง

ความสงบของจิต ซึ่งกุศลทุกชนิดสงบ แต่สงบสั้น

          เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่ากุศลน้อยมาก แค่นิดเดียว แล้วอกุศลก็เยอะแยะ ผู้ที่มีปัญญา

ก็อบรมโดยการ  ที่แม้ขณะนั้นไม่มีวัตถุที่จะให้ทาน  หรือที่จะวิรัติทุจริต   แต่ก็ยังมีการให้

กุศลจิตเกิดบ่อยๆ เนืองๆ จนกระทั่งสงบขึ้น  อันนั้นก็ยังไม่เป็นผู้รู้หนทาง   แต่ถ้าเป็นผู้รู้

หนทางแล้ว ก็จะเห็นว่าต่างกัน เพราะว่าแม้สติปัฏฐานจะเกิดน้อย  แต่ก็ยังเป็นหนทางที่

ทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้


พระศุภกร     ความสำคัญก็คือ  ขอให้เป็นสัมมามรรค   จะน้อยจะมากอย่างไรไม่สำคัญ

เท่ากับเป็นสัมมามรรคหรือเปล่า


สุ.       ถ้ารู้อย่างนี้  จะไปทำอย่างอื่นไหมคะ  ต้องไปไหนหรือเปล่า  ต้องไปทำอะไรหรือ

เปล่า  แต่ไม่ใช่ไปทำอะไรเพื่อจะรู้สภาพธรรม ใช่ไหมคะ


วรศักดิ์         ครับผม ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะทำอะไรก็ไม่ได้เลย


สุ.       ต้องเข้าใจจริงๆ ถึงจะเป็นความเห็นถูก



(http://statics.atcloud.com/files/entries/1/16812/images/1_display.jpg)

อ้างอิง
คำบรรยายของ อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=8260 (http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=8260)
ขอบคุณภาพจากhttp://multiply.com,http://statics.atcloud.com


หัวข้อ: Re: สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกคิด ที่ กันยายน 01, 2011, 08:38:50 am
อ้างถึง
สติปัฏฐานเกิดแม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู  หรือไก่ปรบ

ปีก หรืองูแลบลิ้น

 สติปัฏฐาน จัดเป็นสมาธิ หรือ สติ ครับ

  :smiley_confused1:


หัวข้อ: Re: สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
เริ่มหัวข้อโดย: drift-999 ที่ กันยายน 01, 2011, 11:03:12 am
  :bedtime2:
อ้างถึง
สติปัฏฐานเกิดแม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู  หรือไก่ปรบ

ปีก หรืองูแลบลิ้น

 สติปัฏฐาน จัดเป็นสมาธิ หรือ สติ ครับ

  :smiley_confused1:


สติปัฏฐาน จัดเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา นะครับ เป็นทั้ง สติ และ สมาธิ ครับ

อย่าลืมว่า เส้นทางสายกลางนี้ต้องประกอบ ด้วย องค์ 8 ประการนะครับ

 


หัวข้อ: Re: สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 01, 2011, 11:03:48 am
อ้างถึง
สติปัฏฐานเกิดแม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู  หรือไก่ปรบ

ปีก หรืองูแลบลิ้น

 สติปัฏฐาน จัดเป็นสมาธิ หรือ สติ ครับ

  :smiley_confused1:

อธิจิตตสิกขา(สมาธิสิกขา)ประกอบด้วย
           - สัมมาวายามะ เพียรชอบ
           - สัมมาสติ ระลึกชอบ
           - สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ
 ขอให้สังเกตให้ดีๆในขณะที่เราปฏิบัติธรรมอยู่ จะเห็นว่า "มรรคทั้งสามองค์ต้องเดินไปด้วยกัน"

 สมาธิเป็นบาทฐานของวิปัสสนา และสติปัฏฐานก็เป็นวิปัสสนา


หัวข้อ: Re: สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
เริ่มหัวข้อโดย: meditation ที่ กันยายน 01, 2011, 06:45:24 pm
การปฏิบัติ ก็ต้องเริ่ม จากเล็กไปหาใหญ่ คะ

จาก ขณิกสมาธิ ไปสู่ อุปจาระสมาธิ ไปสู่ อัปปนาสมาธิ

ดังนั้น สมาธิ ที่เป็นพื้นฐาน สำหรับนักภาวนา ก็มีทุกท่าน คะ

   (http://www.madchima.net/images/770_he.jpg)


หัวข้อ: Re: สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
เริ่มหัวข้อโดย: ดรุณี ที่ กันยายน 02, 2011, 09:29:48 am
แสดงว่า ถ้าเราปฏิบัติ สมาธิ แม้เพียงเล็กน้อย ก็ได้อานิสงค์ ผลบุญแล้ว
ถ้าเราทำมาก ๆ ขึ้น อานิสงค์ ก็ต้องมากขึ้นด้วยใช่หรือไม่คะ

  :25:


หัวข้อ: Re: สมาธิชั่ว "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"
เริ่มหัวข้อโดย: Mahajaroon ที่ ตุลาคม 30, 2011, 08:47:06 pm
แสดงว่า ถ้าเราปฏิบัติ สมาธิ แม้เพียงเล็กน้อย ก็ได้อานิสงค์ ผลบุญแล้ว
ถ้าเราทำมาก ๆ ขึ้น อานิสงค์ ก็ต้องมากขึ้นด้วยใช่หรือไม่คะ

  :25:

ตามคำพูดข้างบนหมายถึงระยะเวลาของการปฏิบัติ
แต่คำว่าชั่วช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เป็นเรื่องของจิตที่สงบ
เราจะใช้เวลามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติว่าอยู่ระดับไหน
หากเขาคนนั้นไม่เคยฝึกจิตเลยจะนำคำที่ว่านี้มาพูดว่านั่งไปเถอะไม่ต้องนานใช้ไม่ได้ผลหรอก
เพราะสมาธิเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องฝึกให้ชำนาญมั่นคง ฉนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยวันละ ๓๐ นาที
ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา ๓  ปีเป็นอย่างน้อย ถึงจะคล่องแคล่วในการเข้าการออกจากสมาธิ

จงทบทวนบทความด้านล่างได้กล่าวไว้ชัดเจน...เจริญพร

>>>>ประโยชน์ของข้อความที่ว่า  สติปัฏฐานเกิดแม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู  หรือไก่ปรบ

ปีก หรืองูแลบลิ้น ที่กล่าวอุปมาไว้เปรียบเทียบแสดงไว้ว่า  เร็วแค่ไหน ก็มีประโยชน์มาก

เพราะเหตุว่าถ้าไม่เคยเกิดเลย ก็ยังเกิดได้ แม้สั้นมาก เร็วมาก  ๑ ขณะ หรือน้ำหยดหนึ่ง

ที่จะลงตุ่มจนกว่าจะเต็ม ทีละ ๑ หยด นานๆ ครั้งหนึ่ง  ก็ยังเต็มได้  เพราะฉะนั้นแม้เพียง

ขณะสั้นๆ  ต่อไปเราก็จะคุ้นเคย จะค่อยๆ รู้ว่า  นี่คือขณะที่กำลังเริ่มรู้ลักษณะแท้จริงของ

สภาพธรรมที่เราเรียนมา  ฟังมา นานแสนนาน  แต่ประโยชน์ก็อยู่ตรงที่ระลึกรู้ลักษณะนั้น

เพื่อที่จะรู้จริงๆ ว่าความจริงเป็นไปตามที่ได้เรียนมา ประโยชน์สูงสุดอยู่ตรงนี้<<<<<<

สภาพธรรมที่แท้จริง คือ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา ของสัพพะสิ่ง
                                                                                                :s_laugh: