สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะวันนี้ "อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด"

    ความคิด หรือ สังขาร การปรุงแต่ง นั้นมีความสำคัญมากสำหรับปุถุชน เพราะทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง มาจากความไม่รู้ มี ความคิด ( สังขาร ) เป็นตัวดำเนินการ ดังนั้น นักปฏิบัติภาวนาที่ยังต้องภาวนาอยู่ ต้องหันมาระวัง สังขาร ให้มากการระวังสังขาร นั้นเป็นแนวทางของการเจริญสติ เพราะ สติ ( ความระลึกได้ ) เป็นเหตุเกิด สัมปชัญญะ ( ความรู้ตัว ) จึงคอยเบรก สังขาร ไว้ดังนั้น หากท่านทั้งหลายกำลังอยู่ผู้เดียวแล้ว พึงต้องตั้งสติ ระวัง สังขาร ตัวนี้ให้ดี เพราะถ้าปรุงแต่งเป็นกุศล ก็ทุกข์แบบกุศล ถ้าปรุงแต่งแบบ อกุศล ก็เป็นทุกข์แบบอกุศล ดังนั้น พระโยคาวจร ผู้ฉลาดจึง พัฒนาสติเพื่อยับยั้ง สังขาร อันนี้ไว้ แต่การระวังอย่างนี้ยังเป็นแนวทางตั้งรับอยู่ ดังนั้น พระโยคาวจร พึงตั้งสมาธิให้พร้อม เพื่อเข้าไปรู้เห็นตามความเป็นจริง เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริง ก็ เปลี่ยนจาก อวิชชา เป็น วัชชา เพราะความพรั่งพร้อมด้วย ยถาภูตญาณทัศนะ นั้นมีความสำคัญ วิธีนี้ไม่ใช่การตั้งรับ แต่เป็นการถอนราก ถอนโคน

    แต่อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติภาวนา ก็ต้องใช้ทั้งสองแบบ คือตั้งรับ และ ถอนราก ถอนโคน ต้นตอของความทุกข์ ดังนั้น ผู้ภาวนาก็จะฉลาดในการ ใช้ สติ และ ใช้ สมาธิ

   เมื่อใด อริยมรรค ทั้งแปดหมุนพร้อมกัน เมื่อนั้นความสิ้นสุดแห่ง สังสารวัฏ ก็จักมีได้

   ดังนั้น ธรรมะวันนี้ "อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด"

   จึงขอให้ท่่านทั้งหลาย มีความฉลาดในการใช้ สติ และ สมาธิ ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เรียนธรรมแล้ว รู้จักธรรมแล้ว เอาไปแก้ไขปัญหา ( ทุกข์ ) นั้นไม่ได้

   เจริญธรรม

    ;)

(http://www.madchima.net/images/183_193126kumkom6.jpg)

อนุโมทนา กับพระอาจารย์ ที่มอบธรรมประจำวันนี้ครับ
ถึงจะสั้นไปนิด แต่ก็ได้ใจความครับ

  สาธุ สาธุ สาธุ

  :25: :25: :25:

สาธุ สาธุ คะ

 ถึงจะสั้น ๆ แต่ก็ได้ใจความ ในตัวแล้ว คะ

  :c017: :25: :25: :25:

เรื่องนี้ถ้าพิจารณา จากที่พระอาจารย์ ได้แนะนำไว้ ว่ามีการปฏิบัิติ 2 แบบ

   คือ 1. แบบสติ เพื่อ ตั้งรับกับ ความคิด โดยตรง

       2. แบบสมาธิ เพื่อ ถอนราก ถอนโคน ความคิด โดยตรง

  ใช่หรือไม่ครับ

    :c017: :13: :welcome:

อนุโมทนา สาธุ  ครับ ผมว่าถ้าพระอาจารย์ เขียนบทความโพสต์ ลงทุกวัน อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง ผมว่าดีมากนะครับ น่าจะมีสาระที่เกี่ยวกับการปฏิบัิติชี้แนะ พวกผมที่ยังไม่สันถัด การภาวนาในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะครับ

 ไม่ทราบว่า เสนอมากไปหรือไม่ครับ

 กราบขอขมาตรงนี้ เลยนะครับ

 ควรมิควรแล้วแต่พระอาจารย์ จะพิจารณา ครับ

  :25: :25: :25:

โดนใจ กับหัวข้อธรรม ครับ เป็นธรรมที่ควรตระหนักจริง ๆ ครับ คือการปรุงแต่ง ภาษาความเข้าใจส่วนตัวผมเรียกว่า ความฟุ้งซ่าน ซึ่งมักจะหาหนทางให้กับกิเลสมากกว่าความสงบ

   ทำไม บ้านจึงร้อน ที่ทำงาน ร้อน ก็เพราะความฟุ้งซ่าน ทางจิตอกุศล นี่แหละครับ เป็นตัวปัญหาใหญ่

  อนุโมทนาครับ ถึงแม้จะสั้น แต่ก็ยังติดตามเรื่องที่พระอาจารย์โพสต์อยู่นะครับ

  :25: :25: :25:

(http://www.buddhapoem.com/images/wbques_1239806343/__JitonBuaban27k(1).jpg)

จะพยายาม หาเวลามาใส่ให้นะ

 เจริญพร

  ;)

ก็ได้อ่านและ พิจารณามาสองวันแล้ว นะคะ ในส่วนนี้น่าจะเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท ใช่หรือไม่ คะ

  อวิชชา เป็น เหตุ ให้เกิด สังขาร การปรุงแต่ง

  สำหรับผู้ภาวนากำหนด สติ ให้ทันเพื่อดักการปรุงแต่ง
 
  สำหรับผู้ที่สิ้นสุดแล้ว ก็คือ ดับอวิชชา คือไม่ต้องดักสิ้นสุดการปรุงแต่ง
 
  ถ้าอ่านและพิจารณามา ก็น่าจะเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่คะ

    :s_hi: :s_hi: :25: :25: 

พยายาม อ่านซ้ำไปซ้ำมา หลายวันแล้วครับ เพราะคิดว่า พระัอาจารย์ดูเหมือนจะัเริ่มให้แนวทางการปฏิบัติบุคคลแล้วนะครับ เพราะกระทู้ที่ออกมาต่อเนื่องนั้น ดูเหมือนจะเป็นทั้งคำเตือน และ ปูทางการภาวนา โดยเฉพาะแนวทางการภาวนา กรรมฐาน มุ่งไปสู่นิพพาน เป็นหลัก

  :s_hi: :25:

ขอให้ ซ้ำไปซ้ำไปมา มาก ๆ พระธรรมอย่าอ่าน อย่าฟัง เพียงแค่ครั้งเดียว สำหรับเรายุคนี้ ครั้งเดียวไม่ได้นะจีะต้องฟังกลับไป กลับมา ไตร่ตรองพิจารณา ให้ดี ให้ได้ใจความ ให้ได้สาระกับการภาวนาที่เกี่ยวข้องกับเรา

 อันที่จริง ก็มาแนะนำไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเว็บมาก็พิเศษทุกครั้ง เพียงแต่ว่า เวลา ของอาตมา จะหมดแล้ว พอจะถ่ายทอดอะไรได้ก็ ทำในสิ่งนั้น เพียงเท่านี้คือสิ่งที่ฝากได้ ก่อนที่ฉีันไป จากท่านทั้งหลาย

เจริญธรรม
  ;)