สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:24:38 am



หัวข้อ: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:24:38 am
 พระสุตตันตปิฎก  มัชฌิมนิกาย  มัชฌิมปัณณาสก์  [๕.  พราหมณวรรค]
                    ๑๐.  สังคารวสูตร
เล่มที่ 13 หน้า 602

    (อาฬารดาบส    กาลามโคตรกล่าวว่า)    ‘ท่านผู้มีอายุ    เป็นลาภของพวกข้าพเจ้าพวกข้าพเจ้าได้ดีแล้วที่ได้พบเพื่อนพรหมจารีเช่นท่าน    เพราะข้าพเจ้าประกาศว่า

    ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่    ท่านทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่’    ท่านทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ข้าพเจ้าก็ประกาศว่า    ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ข้าพเจ้าทราบธรรมใด    ท่านก็ทราบธรรมนั้น    ท่านทราบธรรมใด    ข้าพเจ้าก็ทราบธรรมนั้น    เป็นอันว่าข้าพเจ้าเป็นเช่นใด    ท่านก็เป็นเช่นนั้น    ท่านเป็นเช่นใด    ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นนั้น    มาเถิด    บัดนี้    เราทั้งสองจะอยู่ร่วมกันบริหารคณะนี้’

            ภารทวาชะ    อาฬารดาบส    กาลามโคตร    ทั้งที่เป็นอาจารย์ของเรา    ก็ยกย่องเราผู้เป็นศิษย์ให้เสมอกับตน    และบูชาเราด้วยการบูชาอย่างดี    ด้วยประการอย่างนี้แต่เราคิดว่า    ‘ธรรมนี้ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย    เพื่อคลายกำหนัด    เพื่อดับ    เพื่อสงบระงับ    เพื่อรู้ยิ่ง    เพื่อตรัสรู้    และเพื่อนิพพาน    เป็นไปเพียงเพื่อเข้าถึงอากิญจัญญายตนสมาบัติเท่านั้น’    เราไม่พอใจ    เบื่อหน่ายธรรมนั้น    จึงลาจากไป



พระสุตตันตปิฎก  มัชฌิมนิกาย  มัชฌิมปัณณาสก์  [๕.  พราหมณวรรค]
                    ๑๐.  สังคารวสูตร
เล่มที่ 13 หน้า 604

     (อุทกดาบส    รามบุตรกล่าวว่า)    ‘ท่านผู้มีอายุ    เป็นลาภของพวกข้าพเจ้าพวกข้าพเจ้าได้ดีแล้วที่ได้พบเพื่อนพรหมจารีเช่นท่าน    เพราะ(ข้าพเจ้า)    รามะประกาศว่า    ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่    ท่านก็ทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่    ท่านทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่รามะก็ประกาศว่า    ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่’    รามะทราบธรรมใด    ท่านก็ทราบธรรมนั้น    ท่านทราบธรรมใด    รามะก็ทราบธรรมนั้นเป็นอันว่ารามะเป็นเช่นใด    ท่านก็เป็นเช่นนั้น    ท่านเป็นเช่นใด    รามะก็เป็นเช่นนั้นมาเถิดบัดนี้    ท่านจงบริหารคณะนี้’

            ภารทวาชะ    อุทกดาบส    รามบุตรทั้งที่เป็นเพื่อนพรหมจารีของเรา    ก็ยกย่องเราไว้ในฐานะอาจารย์    และบูชาเราด้วยการบูชาอย่างดีด้วยประการอย่างนี้    แต่เราคิดว่า‘ธรรมนี้ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย    เพื่อคลายกำหนัด    เพื่อดับ    เพื่อสงบระงับ    เพื่อรู้ยิ่งเพื่อตรัสรู้    และเพื่อนิพพาน    เป็นไปเพียงเพื่อเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติเท่านั้น    เราไม่พอใจ    เบื่อหน่ายธรรมนั้น    จึงลาจากไป




     อยากจะบอกพวกท่านทั้งหลาย ว่า เมื่อพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงออกผนวชครั้นยังไม่ได้สำเร็จธรรมเป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ได้เรียน ได้ศึกษาธรรม อย่างมีจุดประสงค์ คือมีเป้าหมาย ดังจะเห็นว่าดำริของพระองค์เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องวัดการภาวนาที่พระองค์ได้ทรงภาวนาและวัดผล และตัดสินพระทัยเพื่อการภาวนาในวิถึทางอื่นเพิ่มเดิม ทันที ดำริส่วนนี้ก็คือพระองค์ตั้งพระทัยในการภาวนาว่า

    : ธรรมนี้ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย    เพื่อคลายกำหนัด    เพื่อดับ    เพื่อสงบระงับ    เพื่อรู้ยิ่งเพื่อตรัสรู้    และเพื่อนิพพาน :


     ดังนั้นพระโพธิสัตว์ จึงอำลาอาจารย์ทั้งสองที่สอน อรูปกรรมฐาน ในขณะนั้นจากมาเพื่อแสวงหา โมกขธรรมต่อไป มิได้หยุดหรือพอใจที่ความเป็นยอด เพียงแค่ อรูปกรรมฐาน ตรงนั้น


(http://www.madchima.net/images/155_card_42.jpg)


หัวข้อ: อุปมา 3 ข้อ ของผู้ภาวนาที่ยังผิดทาง และ ไม่ประสบความสำเร็จในการภาวนา ข้อที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:27:54 am
 พระสุตตันตปิฎก  มัชฌิมนิกาย  มัชฌิมปัณณาสก์  [๕.  พราหมณวรรค]
                    ๑๐.  สังคารวสูตร
 
เล่มที่ 13 หน้า 605
 
           อุปมา ๓ ข้อ

            ภารทวาชะ    ครั้งนั้น    อุปมา    ๓    ข้อ    อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง    ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อน    ได้ปรากฏแก่เรา    คือ

            ๑.    เปรียบเหมือนไม้สดมียางที่แช่อยู่ในน้ำ    บุรุษนำไม้นั้นมาทำไม้สีไฟด้วยหวังว่า    ‘เราจักก่อไฟให้เกิดความร้อนขึ้น’
 

           ภารทวาชะ    ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร    บุรุษนั้นนำไม้สดที่มียางซึ่งแช่อยู่ในน้ำมาทำไม้สีไฟแล้วสีให้เป็นไฟเกิดความร้อนขึ้นได้ไหม”
            “ไม่ได้    พระพุทธเจ้าข้า”
            “ข้อนั้นเพราะเหตุไร”
            “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ    เพราะไม้สดนั้นมียาง    ทั้งยังแช่อยู่ในน้ำ    บุรษนั้นก็มีแต่ความเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า”
            “ภารทวาชะ    อย่างนั้นเหมือนกัน    สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งมีกายและจิตยังไม่หลีกออกจากกาม    ยังมีความพอใจ    ความรักใคร่    ความหลงความกระหายและความกระวนกระวายในกามทั้งหลาย    ยังมิได้ละและมิได้ระงับอย่างเบ็ดเสร็จในภายใน    สมณะหรือพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นแม้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง    หยาบ    เผ็ดร้อน    ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร    ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้การเห็น    และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม    แม้ไม่ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง    หยาบเผ็ดร้อน    ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร    ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้    การเห็น    และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม

            นี้เป็นอุปมาข้อที่    ๑    อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง    ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อน    ได้ปรากฏแก่เรา


(http://www.madchima.net/images/842_card_42.jpg)


หัวข้อ: อุปมา 3 ข้อ ของผู้ภาวนาที่ยังผิดทาง และ ไม่ประสบความสำเร็จในการภาวนา ข้อที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:30:10 am
[๔๗๘]    ๒. เปรียบเหมือนไม้สดมียางที่วางอยู่บนบกห่างจากน้ำ    บุรุษนำไม้นั้นมาทำไม้สีไฟด้วยหวังว่า    ‘เราจักก่อไฟให้เกิดความร้อนขึ้น’
 
           ภารทวาชะ    ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร    บุรุษนั้นนำไม้สดที่มียางซึ่งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำมาทำเป็นไม้สีไฟ    แล้วสีให้เป็นไฟเกิดความร้อนขึ้นได้ไหม”
        “ไม่ได้    พระพุทธเจ้าข้า”
        “ข้อนั้นเพราะเหตุไร”
        “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ    เพราะไม้ยังสดและมียาง    แม้จะวางอยู่บนบกห่างจากน้ำบุรุษนั้นก็มีแต่ความเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า”
 
           “ภารทวาชะ    อย่างนั้นเหมือนกัน    สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งแม้มีกายและจิตหลีกออกจากกามแล้ว    แต่ยังมีความพอใจ    ความรักใคร่    ความหลงความกระหาย    และความกระวนกระวายในกามทั้งหลาย    ยังมิได้ละและมิได้ระงับอย่างเด็ดขาดในภายใน    สมณะหรือพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นแม้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง    หยาบ    เผ็ดร้อน    ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร    ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้การเห็น    และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม    แม้ไม่ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง    หยาบเผ็ดร้อน    ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร    ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้    การเห็น    และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม
 
           นี้เป็นอุปมาข้อที่    ๒    อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง    ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ปรากฏแก่เรา


(http://www.madchima.net/images/662_card_44.jpg)


หัวข้อ: อุปมา 3 ข้อ ของผู้ภาวนาที่ยังผิดทาง และ ไม่ประสบความสำเร็จในการภาวนา ข้อที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:33:05 am
[๔๗๙]    ๓.    เปรียบเหมือนไม้ที่แห้งสนิทซึ่งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำ    บุรุษนำมาทำเป็นไม้สีไฟ    ด้วยหวังว่า    ‘เราจักก่อไฟให้เกิดความร้อนขึ้น’

            ภารทวาชะ    ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร    บุรุษนั้นนำไม้ที่แห้งสนิทซึ่งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำมาทำเป็นไม้สีไฟ    แล้วสีให้เป็นไฟเกิดความร้อนขึ้นได้ไหม”
            “ได้    พระพุทธเจ้าข้า”
            “ข้อนั้นเพราะเหตุไร”
            “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ    เพราะไม้แห้งสนิท    ทั้งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำ”
            “ภารทวาชะ    อย่างนั้นเหมือนกัน    สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง    มีกายและจิตหลีกออกจากกามแล้ว    ทั้งละและระงับความพอใจ    ความรักใคร่    ความหลงความกระหาย    และความกระวนกระวายในกามทั้งหลายได้อย่างเด็ดขาดในภายในแล้วสมณะหรือพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น    แม้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง    หยาบ    เผ็ดร้อนซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร    ก็เป็นผู้ควรแก่การรู้    การเห็น    และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยมแม้ไม่ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง    หยาบ    เผ็ดร้อน    ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียรก็เป็นผู้ควรแก่การรู้    การเห็น    และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม

            นี้เป็นอุปมาข้อที่    ๓    อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง    ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ปรากฏแก่เรา
 
           ภารทวาชะ    นี้คือ    อุปมาทั้ง    ๓    ข้ออันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อนนี้แล    ได้ปรากฏแก่เรา


(http://www.madchima.net/images/495_card_45.jpg)


หัวข้อ: โปรดทบทวน เป้าหมายในการภาวนา ของท่านเอง เพื่อหาตัวท่านเอง
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 08:18:34 am
อุปมา 3 ที่นำมาแสดงให้ท่านอ่านในวันนี้ มีิจุดประสงค์เพื่อให้ท่านรู้สถานะของตนเอง ว่าตอนนี้เราเปรียบเหมือนไม้ชนิดไหน และเป็นคำตอบเบื้องต้นว่า ทำไม เราถึงปฏิบัติ ไม่ได้เสียที ทำไมจึงไม่สำเร็จในธรรมอันที่ควร

  ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด อาตมาอยากให้ทุกท่าน ใคร่ครวญพิจารณาธรรมอันเป็นเหตุให้ท่านทั้งหลายพากเพียรภาวนากันอยู่นี้เพื่ออะไรกันแน่
     
               การภาวนาไม่ใช่แฟชั่น
               การภาวนาไม่ใช่เรื่องที่ควรทำตาม ๆ กัน
               การภาวนาไม่ใช่เรื่องของคนที่ไม่พร้อม และไม่มีเป้าหมาย

    คำตอบนี้ย้อนหลังไป 4 ปี ครั้งที่อาตมาไปเดินขึ้นดอยตุง คนเดียว ตอนนั้นเดินไป ๆ รู้สึก เหงา นะ ตอนนั้นมีความรู้สึก ว่าอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวและ สติ มันถามตนเองขณะเดินอยู่ขณะนั้นว่า บ้าหรือป่าว มาเดินคนเดีิยวทำไม ทำไปเพื่ออะไรกันเนี่ย ทำแล้วจะได้อะไร ?

     เห็นหรือไม่ว่า บางครั้งแม้เราตั้งเป้าหมายไปแล้ว แต่ภาวะที่เราไม่บำเพ็ญเผาผลาญเพื่อเป้าหมายบางครั้งมันก็ดึงสติเราออกไปนอกลู่ นอกทางได้เช่นเดียวกัน ตอนนั้นอาตมายืนสงบสำรวมใจทบทวนเป้าหมายใหม่ และก็ได้คำตอบ จึงเิดินขึ้นถึงพระธาตุดอยตุง

     อยากให้ท่านทั้งหลาย ทบทวนเป้าหมายการภาวนากันให้มาก ว่าท่านมาภาวนากันเพื่ออะไร ?

     ท่านก็จะได้คำตอบและเหตุผลในการภาวนา กันเอง และจะสำเร็จตามที่ปรารถนาและต้องการ

    เจริญธรรม


    ;)

  (http://www.madchima.net/images/267_card_46.jpg)


หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
เริ่มหัวข้อโดย: vichai ที่ มีนาคม 21, 2012, 12:26:00 pm
อ่านแล้วเหมือนตนเองพลาดอะไรไปบางอย่าง
อนุโมทนา สาธุครับ


 :c017: :25: :25:


หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
เริ่มหัวข้อโดย: montra ที่ มีนาคม 21, 2012, 01:42:12 pm
รู้สึกว่า ธรรมสาระวันนี้จะอ่านง่าย นะครับ และพอจะเข้าใจเจตนาของพระอาจารย์ด้วยครับ

อนุโมทนา สาธุ ครับ
 :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มีนาคม 21, 2012, 08:58:03 pm
ขออนุโมทนาสาธุ


หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 22, 2012, 10:00:44 am
(http://www.madchima.net/images/399_card_49.jpg)


หัวข้อ: Re: โปรดทบทวน เป้าหมายในการภาวนา ของท่านเอง เพื่อหาตัวท่านเอง
เริ่มหัวข้อโดย: สถาพร ที่ กันยายน 04, 2012, 01:10:19 am
อุปมา 3 ที่นำมาแสดงให้ท่านอ่านในวันนี้ มีิจุดประสงค์เพื่อให้ท่านรู้สถานะของตนเอง ว่าตอนนี้เราเปรียบเหมือนไม้ชนิดไหน และเป็นคำตอบเบื้องต้นว่า ทำไม เราถึงปฏิบัติ ไม่ได้เสียที ทำไมจึงไม่สำเร็จในธรรมอันที่ควร

  ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด อาตมาอยากให้ทุกท่าน ใคร่ครวญพิจารณาธรรมอันเป็นเหตุให้ท่านทั้งหลายพากเพียรภาวนากันอยู่นี้เพื่ออะไรกันแน่
     
               การภาวนาไม่ใช่แฟชั่น
               การภาวนาไม่ใช่เรื่องที่ควรทำตาม ๆ กัน
               การภาวนาไม่ใช่เรื่องของคนที่ไม่พร้อม และไม่มีเป้าหมาย

    คำตอบนี้ย้อนหลังไป 4 ปี ครั้งที่อาตมาไปเดินขึ้นดอยตุง คนเดียว ตอนนั้นเดินไป ๆ รู้สึก เหงา นะ ตอนนั้นมีความรู้สึก ว่าอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวและ สติ มันถามตนเองขณะเดินอยู่ขณะนั้นว่า บ้าหรือป่าว มาเดินคนเดีิยวทำไม ทำไปเพื่ออะไรกันเนี่ย ทำแล้วจะได้อะไร ?

     เห็นหรือไม่ว่า บางครั้งแม้เราตั้งเป้าหมายไปแล้ว แต่ภาวะที่เราไม่บำเพ็ญเผาผลาญเพื่อเป้าหมายบางครั้งมันก็ดึงสติเราออกไปนอกลู่ นอกทางได้เช่นเดียวกัน ตอนนั้นอาตมายืนสงบสำรวมใจทบทวนเป้าหมายใหม่ และก็ได้คำตอบ จึงเิดินขึ้นถึงพระธาตุดอยตุง

     อยากให้ท่านทั้งหลาย ทบทวนเป้าหมายการภาวนากันให้มาก ว่าท่านมาภาวนากันเพื่ออะไร ?

     ท่านก็จะได้คำตอบและเหตุผลในการภาวนา กันเอง และจะสำเร็จตามที่ปรารถนาและต้องการ

    เจริญธรรม


    ;)

  (http://www.madchima.net/images/267_card_46.jpg)

 อ่านแล้ว ซึ้งครับตรงนี้ มีเนื้อหาที่สำคัญเป็นกำลังใจ ในการภาวนามากขึ้น เลยนะครับ ผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาในการภาวนาครับ เพราะงานของผมส่วนใหญ่ จะเป็นตอนดึก เรียกว่า กะดึกครับ ออกจากงานก็นอนกลายเป็นมนุษย์ค้างคาวไปแล้วนะครับ เมื่อได้อ่านบทความกระทู้นี้แล้วรู้สึก ว่าเราขาดการทบทวนเป้าหมายในการภาวนา อย่างนี้ชีวิตเราจึงภาวนาแบบเคว้งคว้าง เลยนะครับ

 สาธุ เพื่อจะได้ทบทวนเป้าหมายในการภาวนาใหม่นะครับ

 ขอบคุณมากครับ

  :c017:


หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กันยายน 04, 2012, 07:19:16 pm
เจริญธรรม / เจริญพร
อยากให้ท่านทั้งหลาย ทบทวน หัวข้อนี้กัน เพื่อบรรลุเป้าหมายการกำหนดทุกข์ ในพรรษานี้ อาตมาให้ลูกศิษย์ทุกท่าน พยายามกำหนดทุกข์ไให้ได้ก่อน เพราะถ้าท่านกำหนดเป้าหมายไม่ได้ ก็จะทำให้การภาวนาไม่มั่นคง คิดว่าในเทอมนี้ ( พรรษานี้ ) หลายท่านคงจะกำหนด ทุกข์ อันนี้ได้เมื่อมาพบกันในครั้งต่อไป จะได้เป็น โจทย์ไต่ถามท่านทั้งหลายว่า ทุกข์กำหนดได้แล้วหรือยัง ถ้าท่านกำหนดยังไม่ได้ สมุทัยเป็นเรืองที่เข้าใจนะจ๊ะ

  ;)


หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
เริ่มหัวข้อโดย: pinmanee ที่ กันยายน 10, 2012, 12:17:40 pm
อนุโมทนา สาธุ คะ เรื่องนี้อ่านแล้วเข้าใจง่าย คะ
ขอบคุณพระอาจารย์ คะ  น่าเสียดายเวลาอ่านในวันมีน้อยคะ ต้องทำงานด้วยคะ

  :58: :c017: :25: