หัวข้อ: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ" เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:24:38 am พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [๕. พราหมณวรรค]
๑๐. สังคารวสูตร เล่มที่ 13 หน้า 602 (อาฬารดาบส กาลามโคตรกล่าวว่า) ‘ท่านผู้มีอายุ เป็นลาภของพวกข้าพเจ้าพวกข้าพเจ้าได้ดีแล้วที่ได้พบเพื่อนพรหมจารีเช่นท่าน เพราะข้าพเจ้าประกาศว่า ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ ท่านทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่’ ท่านทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ข้าพเจ้าก็ประกาศว่า ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ข้าพเจ้าทราบธรรมใด ท่านก็ทราบธรรมนั้น ท่านทราบธรรมใด ข้าพเจ้าก็ทราบธรรมนั้น เป็นอันว่าข้าพเจ้าเป็นเช่นใด ท่านก็เป็นเช่นนั้น ท่านเป็นเช่นใด ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นนั้น มาเถิด บัดนี้ เราทั้งสองจะอยู่ร่วมกันบริหารคณะนี้’ ภารทวาชะ อาฬารดาบส กาลามโคตร ทั้งที่เป็นอาจารย์ของเรา ก็ยกย่องเราผู้เป็นศิษย์ให้เสมอกับตน และบูชาเราด้วยการบูชาอย่างดี ด้วยประการอย่างนี้แต่เราคิดว่า ‘ธรรมนี้ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน เป็นไปเพียงเพื่อเข้าถึงอากิญจัญญายตนสมาบัติเท่านั้น’ เราไม่พอใจ เบื่อหน่ายธรรมนั้น จึงลาจากไป พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [๕. พราหมณวรรค] ๑๐. สังคารวสูตร เล่มที่ 13 หน้า 604 (อุทกดาบส รามบุตรกล่าวว่า) ‘ท่านผู้มีอายุ เป็นลาภของพวกข้าพเจ้าพวกข้าพเจ้าได้ดีแล้วที่ได้พบเพื่อนพรหมจารีเช่นท่าน เพราะ(ข้าพเจ้า) รามะประกาศว่า ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ ท่านก็ทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ ท่านทำให้แจ้งธรรมใดด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่รามะก็ประกาศว่า ‘ข้าพเจ้าทำให้แจ้งธรรมนั้นด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่’ รามะทราบธรรมใด ท่านก็ทราบธรรมนั้น ท่านทราบธรรมใด รามะก็ทราบธรรมนั้นเป็นอันว่ารามะเป็นเช่นใด ท่านก็เป็นเช่นนั้น ท่านเป็นเช่นใด รามะก็เป็นเช่นนั้นมาเถิดบัดนี้ ท่านจงบริหารคณะนี้’ ภารทวาชะ อุทกดาบส รามบุตรทั้งที่เป็นเพื่อนพรหมจารีของเรา ก็ยกย่องเราไว้ในฐานะอาจารย์ และบูชาเราด้วยการบูชาอย่างดีด้วยประการอย่างนี้ แต่เราคิดว่า‘ธรรมนี้ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่งเพื่อตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน เป็นไปเพียงเพื่อเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติเท่านั้น เราไม่พอใจ เบื่อหน่ายธรรมนั้น จึงลาจากไป อยากจะบอกพวกท่านทั้งหลาย ว่า เมื่อพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงออกผนวชครั้นยังไม่ได้สำเร็จธรรมเป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ได้เรียน ได้ศึกษาธรรม อย่างมีจุดประสงค์ คือมีเป้าหมาย ดังจะเห็นว่าดำริของพระองค์เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องวัดการภาวนาที่พระองค์ได้ทรงภาวนาและวัดผล และตัดสินพระทัยเพื่อการภาวนาในวิถึทางอื่นเพิ่มเดิม ทันที ดำริส่วนนี้ก็คือพระองค์ตั้งพระทัยในการภาวนาว่า : ธรรมนี้ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่งเพื่อตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน : ดังนั้นพระโพธิสัตว์ จึงอำลาอาจารย์ทั้งสองที่สอน อรูปกรรมฐาน ในขณะนั้นจากมาเพื่อแสวงหา โมกขธรรมต่อไป มิได้หยุดหรือพอใจที่ความเป็นยอด เพียงแค่ อรูปกรรมฐาน ตรงนั้น (http://www.madchima.net/images/155_card_42.jpg) หัวข้อ: อุปมา 3 ข้อ ของผู้ภาวนาที่ยังผิดทาง และ ไม่ประสบความสำเร็จในการภาวนา ข้อที่ 1 เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:27:54 am พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [๕. พราหมณวรรค]
๑๐. สังคารวสูตร เล่มที่ 13 หน้า 605 อุปมา ๓ ข้อ ภารทวาชะ ครั้งนั้น อุปมา ๓ ข้อ อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อน ได้ปรากฏแก่เรา คือ ๑. เปรียบเหมือนไม้สดมียางที่แช่อยู่ในน้ำ บุรุษนำไม้นั้นมาทำไม้สีไฟด้วยหวังว่า ‘เราจักก่อไฟให้เกิดความร้อนขึ้น’ ภารทวาชะ ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นนำไม้สดที่มียางซึ่งแช่อยู่ในน้ำมาทำไม้สีไฟแล้วสีให้เป็นไฟเกิดความร้อนขึ้นได้ไหม” “ไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า” “ข้อนั้นเพราะเหตุไร” “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะไม้สดนั้นมียาง ทั้งยังแช่อยู่ในน้ำ บุรษนั้นก็มีแต่ความเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า” “ภารทวาชะ อย่างนั้นเหมือนกัน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งมีกายและจิตยังไม่หลีกออกจากกาม ยังมีความพอใจ ความรักใคร่ ความหลงความกระหายและความกระวนกระวายในกามทั้งหลาย ยังมิได้ละและมิได้ระงับอย่างเบ็ดเสร็จในภายใน สมณะหรือพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นแม้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง หยาบ เผ็ดร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้การเห็น และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม แม้ไม่ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง หยาบเผ็ดร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้ การเห็น และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม นี้เป็นอุปมาข้อที่ ๑ อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อน ได้ปรากฏแก่เรา (http://www.madchima.net/images/842_card_42.jpg) หัวข้อ: อุปมา 3 ข้อ ของผู้ภาวนาที่ยังผิดทาง และ ไม่ประสบความสำเร็จในการภาวนา ข้อที่ 2 เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:30:10 am [๔๗๘] ๒. เปรียบเหมือนไม้สดมียางที่วางอยู่บนบกห่างจากน้ำ บุรุษนำไม้นั้นมาทำไม้สีไฟด้วยหวังว่า ‘เราจักก่อไฟให้เกิดความร้อนขึ้น’
ภารทวาชะ ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นนำไม้สดที่มียางซึ่งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำมาทำเป็นไม้สีไฟ แล้วสีให้เป็นไฟเกิดความร้อนขึ้นได้ไหม” “ไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า” “ข้อนั้นเพราะเหตุไร” “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะไม้ยังสดและมียาง แม้จะวางอยู่บนบกห่างจากน้ำบุรุษนั้นก็มีแต่ความเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า” “ภารทวาชะ อย่างนั้นเหมือนกัน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งแม้มีกายและจิตหลีกออกจากกามแล้ว แต่ยังมีความพอใจ ความรักใคร่ ความหลงความกระหาย และความกระวนกระวายในกามทั้งหลาย ยังมิได้ละและมิได้ระงับอย่างเด็ดขาดในภายใน สมณะหรือพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นแม้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง หยาบ เผ็ดร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้การเห็น และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม แม้ไม่ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง หยาบเผ็ดร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร ก็เป็นผู้ไม่ควรแก่การรู้ การเห็น และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม นี้เป็นอุปมาข้อที่ ๒ อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ปรากฏแก่เรา (http://www.madchima.net/images/662_card_44.jpg) หัวข้อ: อุปมา 3 ข้อ ของผู้ภาวนาที่ยังผิดทาง และ ไม่ประสบความสำเร็จในการภาวนา ข้อที่ 3 เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 07:33:05 am [๔๗๙] ๓. เปรียบเหมือนไม้ที่แห้งสนิทซึ่งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำ บุรุษนำมาทำเป็นไม้สีไฟ ด้วยหวังว่า ‘เราจักก่อไฟให้เกิดความร้อนขึ้น’
ภารทวาชะ ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษนั้นนำไม้ที่แห้งสนิทซึ่งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำมาทำเป็นไม้สีไฟ แล้วสีให้เป็นไฟเกิดความร้อนขึ้นได้ไหม” “ได้ พระพุทธเจ้าข้า” “ข้อนั้นเพราะเหตุไร” “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะไม้แห้งสนิท ทั้งวางอยู่บนบกห่างจากน้ำ” “ภารทวาชะ อย่างนั้นเหมือนกัน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีกายและจิตหลีกออกจากกามแล้ว ทั้งละและระงับความพอใจ ความรักใคร่ ความหลงความกระหาย และความกระวนกระวายในกามทั้งหลายได้อย่างเด็ดขาดในภายในแล้วสมณะหรือพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น แม้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง หยาบ เผ็ดร้อนซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียร ก็เป็นผู้ควรแก่การรู้ การเห็น และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยมแม้ไม่ได้เสวยทุกขเวทนาที่กล้าแข็ง หยาบ เผ็ดร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเพราะความเพียรก็เป็นผู้ควรแก่การรู้ การเห็น และการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม นี้เป็นอุปมาข้อที่ ๓ อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ปรากฏแก่เรา ภารทวาชะ นี้คือ อุปมาทั้ง ๓ ข้ออันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งซึ่งเรายังไม่เคยได้ยินมาก่อนนี้แล ได้ปรากฏแก่เรา (http://www.madchima.net/images/495_card_45.jpg) หัวข้อ: โปรดทบทวน เป้าหมายในการภาวนา ของท่านเอง เพื่อหาตัวท่านเอง เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 21, 2012, 08:18:34 am อุปมา 3 ที่นำมาแสดงให้ท่านอ่านในวันนี้ มีิจุดประสงค์เพื่อให้ท่านรู้สถานะของตนเอง ว่าตอนนี้เราเปรียบเหมือนไม้ชนิดไหน และเป็นคำตอบเบื้องต้นว่า ทำไม เราถึงปฏิบัติ ไม่ได้เสียที ทำไมจึงไม่สำเร็จในธรรมอันที่ควร
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด อาตมาอยากให้ทุกท่าน ใคร่ครวญพิจารณาธรรมอันเป็นเหตุให้ท่านทั้งหลายพากเพียรภาวนากันอยู่นี้เพื่ออะไรกันแน่ การภาวนาไม่ใช่แฟชั่น การภาวนาไม่ใช่เรื่องที่ควรทำตาม ๆ กัน การภาวนาไม่ใช่เรื่องของคนที่ไม่พร้อม และไม่มีเป้าหมาย คำตอบนี้ย้อนหลังไป 4 ปี ครั้งที่อาตมาไปเดินขึ้นดอยตุง คนเดียว ตอนนั้นเดินไป ๆ รู้สึก เหงา นะ ตอนนั้นมีความรู้สึก ว่าอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวและ สติ มันถามตนเองขณะเดินอยู่ขณะนั้นว่า บ้าหรือป่าว มาเดินคนเดีิยวทำไม ทำไปเพื่ออะไรกันเนี่ย ทำแล้วจะได้อะไร ? เห็นหรือไม่ว่า บางครั้งแม้เราตั้งเป้าหมายไปแล้ว แต่ภาวะที่เราไม่บำเพ็ญเผาผลาญเพื่อเป้าหมายบางครั้งมันก็ดึงสติเราออกไปนอกลู่ นอกทางได้เช่นเดียวกัน ตอนนั้นอาตมายืนสงบสำรวมใจทบทวนเป้าหมายใหม่ และก็ได้คำตอบ จึงเิดินขึ้นถึงพระธาตุดอยตุง อยากให้ท่านทั้งหลาย ทบทวนเป้าหมายการภาวนากันให้มาก ว่าท่านมาภาวนากันเพื่ออะไร ? ท่านก็จะได้คำตอบและเหตุผลในการภาวนา กันเอง และจะสำเร็จตามที่ปรารถนาและต้องการ เจริญธรรม ;) (http://www.madchima.net/images/267_card_46.jpg) หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ" เริ่มหัวข้อโดย: vichai ที่ มีนาคม 21, 2012, 12:26:00 pm อ่านแล้วเหมือนตนเองพลาดอะไรไปบางอย่าง
อนุโมทนา สาธุครับ :c017: :25: :25: หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ" เริ่มหัวข้อโดย: montra ที่ มีนาคม 21, 2012, 01:42:12 pm รู้สึกว่า ธรรมสาระวันนี้จะอ่านง่าย นะครับ และพอจะเข้าใจเจตนาของพระอาจารย์ด้วยครับ
อนุโมทนา สาธุ ครับ :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ" เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มีนาคม 21, 2012, 08:58:03 pm ขออนุโมทนาสาธุ
หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ" เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 22, 2012, 10:00:44 am (http://www.madchima.net/images/399_card_49.jpg)
หัวข้อ: Re: โปรดทบทวน เป้าหมายในการภาวนา ของท่านเอง เพื่อหาตัวท่านเอง เริ่มหัวข้อโดย: สถาพร ที่ กันยายน 04, 2012, 01:10:19 am อุปมา 3 ที่นำมาแสดงให้ท่านอ่านในวันนี้ มีิจุดประสงค์เพื่อให้ท่านรู้สถานะของตนเอง ว่าตอนนี้เราเปรียบเหมือนไม้ชนิดไหน และเป็นคำตอบเบื้องต้นว่า ทำไม เราถึงปฏิบัติ ไม่ได้เสียที ทำไมจึงไม่สำเร็จในธรรมอันที่ควร อ่านแล้ว ซึ้งครับตรงนี้ มีเนื้อหาที่สำคัญเป็นกำลังใจ ในการภาวนามากขึ้น เลยนะครับ ผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาในการภาวนาครับ เพราะงานของผมส่วนใหญ่ จะเป็นตอนดึก เรียกว่า กะดึกครับ ออกจากงานก็นอนกลายเป็นมนุษย์ค้างคาวไปแล้วนะครับ เมื่อได้อ่านบทความกระทู้นี้แล้วรู้สึก ว่าเราขาดการทบทวนเป้าหมายในการภาวนา อย่างนี้ชีวิตเราจึงภาวนาแบบเคว้งคว้าง เลยนะครับ สาธุ เพื่อจะได้ทบทวนเป้าหมายในการภาวนาใหม่นะครับ ขอบคุณมากครับ :c017: หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ" เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กันยายน 04, 2012, 07:19:16 pm เจริญธรรม / เจริญพร
อยากให้ท่านทั้งหลาย ทบทวน หัวข้อนี้กัน เพื่อบรรลุเป้าหมายการกำหนดทุกข์ ในพรรษานี้ อาตมาให้ลูกศิษย์ทุกท่าน พยายามกำหนดทุกข์ไให้ได้ก่อน เพราะถ้าท่านกำหนดเป้าหมายไม่ได้ ก็จะทำให้การภาวนาไม่มั่นคง คิดว่าในเทอมนี้ ( พรรษานี้ ) หลายท่านคงจะกำหนด ทุกข์ อันนี้ได้เมื่อมาพบกันในครั้งต่อไป จะได้เป็น โจทย์ไต่ถามท่านทั้งหลายว่า ทุกข์กำหนดได้แล้วหรือยัง ถ้าท่านกำหนดยังไม่ได้ สมุทัยเป็นเรืองที่เข้าใจนะจ๊ะ ;) หัวข้อ: Re: ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ" เริ่มหัวข้อโดย: pinmanee ที่ กันยายน 10, 2012, 12:17:40 pm อนุโมทนา สาธุ คะ เรื่องนี้อ่านแล้วเข้าใจง่าย คะ
ขอบคุณพระอาจารย์ คะ น่าเสียดายเวลาอ่านในวันมีน้อยคะ ต้องทำงานด้วยคะ :58: :c017: :25: |