ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - chatchay
หน้า: [1] 2
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ถ้าเป็นพระสงฆ์ ไม่เผยแพร่ ธรรมได้หรือ ไม่ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2015, 12:43:07 am
 ask1

ถ้าเป็นพระสงฆ์ ไม่เผยแพร่ ธรรมได้หรือ ไม่ครับ  ?


 :25: thk56
2  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรียนถาม ครับ พระอรหันต์ ยังสามารถ มีบุตรได้หรือไม่ ? เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2015, 12:41:59 am
 ask1
เรียนถาม ครับ พระอรหันต์ ยังสามารถ มีบุตรได้หรือไม่ ?


 thk56 :49:
   
3  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าจะเริ่มกรรมฐาน ที่ พระขณิกาปีติ ก่อนได้หรือไม่ ครับ ? เมื่อ: เมษายน 04, 2015, 05:25:04 am
 ask1
ถ้าจะเริ่มกรรมฐาน ที่ พระขณิกาปีติ ก่อนได้หรือไม่ ครับ ?
  ผมมีอาการมึนงง เวียนหัวรู้สึกเหมือนจะคลื่นไส้ เวลาภาวนาที่ ฐาน พระขุททกาปีติ ก่อนครับ

 ถ้าจะเริ่มที่พระขณิกา ปีติ เลยได้หรือไม่ ครับ
 
  :25: :25: :25:
4  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรียนพุทธศาสนา แบบไหน จึงจะดี และ ตรงต่่อพระนิพพาน เมื่อ: สิงหาคม 18, 2014, 05:23:21 am
ศรัทธา อย่างงมงาย ว่าเป็นทางแห่งพระนิพพาน แน่นอน
ปัญญา พิจารณา ว่าเป็นทางไปแห่งนิพพาน
ไม่ต้องสนใจ 2 ข้อความด้านบน แต่ ทำตามครูอาจารย์สอน

 หรือ พี่น้องทุกท่าน มีความเห็นอย่างไร ครับ กับเรื่องนี้


  thk56 thk56 thk56 ถ้ามาช่วยชี้แนะครับ

5  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / พระไตรปิฎก : สิ่งที่ชาวพุทธต้องรู้ pdf ภาษาไทย เมื่อ: สิงหาคม 18, 2014, 05:19:25 am

พระไตรปิฎก : สิ่งที่ชาวพุทธต้องรู้ pdf ภาษาไทย




http://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/the_pali_canon_what_a_buddhist_must_know_(thai).pdf
6  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สัตว์เดรัจฉาน ฟังธรรม รู้เรื่องหรือไม่ครับ เมื่อ: มกราคม 25, 2013, 01:01:41 am
คือ บางครั้งก็สับสนเหมือนกัน นะครับ ว่า บางท่านก็กล่าวว่า สัตว์เดรัจฉาน ปิดประตูธรรมไปเลยเพราะไม่รู้จัก บุญบาป กุศล อกุศล

  แต่พอผมมานั่งนึกดู ก็คือ ปลาโลมา ช่วยเหลือชีวิตคน  ลิง ที่สามารถฝึกหัดอ่านเขียน หมาที่กตัญญูต่อเจ้าของ

  หรือแม้ในครั้งพุทธกาล ม้ากัณฑกะ ก็ยอมตายเพราะ เจ้าชายสิทธัตถะออกบวช
  ช้าง และ ลิง อยู่ในป่า อุปัฏฐาก พระพุทธเจ้า อย่างนี้ ผมก็เลยสงสัยว่า

   แท้ที่จริง สัตว์ดิรัจฉาน นี่ก็รับธรรม ได้ ใช่หรือไม่ครับ

  :smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1:
7  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / พิธีหล่อพระประธานหลวงพ่อเจ้าสัว เพื่อไปประดิษฐานอาร์เจนติน่า 5 ม.ค.56 วัดนาคปรก เมื่อ: มกราคม 08, 2013, 03:51:53 am


พิธีหล่อพระประธานหลวงพ่อเจ้าสัว เพื่อไปประดิษฐานอาร์เจนติน่า 5 ม.ค.56 วัดนาคปรก

พิธีหล่อ พระประธาน หลวงพ่อเจ้าสัว เพื่อไปประดิษฐาน อาร์เจนติน่า 5 ม.ค. 56 วัดนาคปรก http://www.realtimetv.org

เนื่องจากปัจจุบันนี้มีวัดในประเทศอาร์เจนตินาที่กำลังสร้างใหม่ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแดนอเมริกาใต้ 2 ​ วัด คือ วัดหลวงอาร์เจนติน่า เมืองบูโนสไอเรส และวัดรัตนรังษิยาราม เมืองโปสาดาส โดยชาวพุทธไทย ลาว และชาวอาร์เจนติน่า เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นก่อสร้างจึงยัง
ไม่มีพระประธานประจำวัด
             
ดังนั้น ทางวัดนาคปรกซึ่งเป็นวัดเดิมของพระมหาชัยพิชิต จึงได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกันสร้างพระประธานเพื่อประดิษฐานในต่างประเทศ โดยจะประกอบพิธีเททองหล่อในวันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ.2556 เวลา 16.00 น.


8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พศ.เร่งแก้ปัญหาพระปลอมเกลื่อน ร่วมมือเจ้าคณะทุกระดับ เมื่อ: มกราคม 08, 2013, 03:44:09 am

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า สำนักพุทธฯ มีหน้าที่ปฏิบัติสนองงานคณะสงฆ์ อย่างเช่นการพัฒนาการศึกษาของพระสงฆ์ให้มีคุณภาพให้ครอบคลุมทุกด้านแล้ว จะต้องดูแลเรื่องการเผยแผ่หลักธรรมอย่างถูกต้องไม่บิดเบือนแล้ว เพราะขณะนี้มีปัญหาเรื่องพระปลอมหรือว่าปัญหาร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของพระสงฆ์เป็นจำนวนมาก โดยจะร่วมมือกับเจ้าคณะทุกระดับกวดขันเรื่องนี้มากขึ้น ที่สำคัญเมื่อประชาชนพบหรือว่าสังเกตว่าพระสงฆ์รูปดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือว่าน่าสงสัยให้รับแจ้งสำนักพุทธฯ ทันที เพราะถ้ารอให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ไปตรวจคงยาก เพราะเรามีบุคลากรน้อยมาก ดังนั้น มองว่าประชาชนเป็นตัวช่วยได้อย่างดี รวมถึงการส่งเสริมให้มีคนบวชระยะยาวมากขึ้น หลายปีที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่นิยมบวชแต่ระยะสั้นเท่านั้น



ด้านพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า ปัจจุบันพบปัญหาเรื่องพระปลอม การบิดเบือนหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาอยู่จำนวนมากเช่นกัน สำนักพุทธฯ จึงต้องหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย โดยการร่วมมือกับเจ้าคณะปกครองทุกระดับชั้นในการประมวลปัญหาและช่วยกันแก้ปัญหา ต้องยอมรับทุกวันนี้หลายวัดในจังหวัดต่างๆ มีปัญหาเรื้อรังที่ไม่ได้รับการแก้ไขรอการช่วยเหลือ รวมถึงปัจจุบันคนไทยนิยมบวชระยะยาวน้อยลง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการช่วยดำรงพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่เป็นการบวชระยะสั้น

ข่าวสด
   
9  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / คนพิการ หูหนวก ตาบอด ประสาทสัมผัสสูญเสียไป จะสามารถปฏิบัติกรรมฐานถึง ฌาน .... เมื่อ: มีนาคม 11, 2012, 04:37:24 am
อยากทราบว่าคนพิการ หูหนวก ตาบอด ประสาทสัมผัสสูญเสียไป จะสามารถปฏิบัติกรรมฐานถึง ฌาน ได้หรือไม่ครับ หรือจะสามารถทำได้ดีกว่า หรือ สามารถวิปัสสนาได้เยี่ยมกว่าครับ

  :smiley_confused1:
10  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอแรงช่วยกรอกทรายทำเขี่อนกั้นน้ำ วัดป่าภูริฑัต อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อ: ตุลาคม 07, 2011, 09:31:46 am
ด่วน!!! น้ำมาแล้ว  วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม(วัดหลวงปู่เจี๊ยะ) ที่สามโคก จ.ปทุมธาณี

ขอแรงช่วยกรอกทรายทำเขี่อนกั้นน้ำ

เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ 6 ตค. 54

รายละเอียด โปรดติดต่อ คุณเล็ก  081 5024151  โอฬาร 086 3137234

สาธุๆๆๆขออนุโมทนาทุกๆท่านนะครับ

จากคุณ    : kaveebsc

 :25: :25: :25: Aeva Debug: 0.0004 seconds.
11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ระวัง!!!โดนหลอก ละเมิดลิขสิทธิ์ ( สำหรับผู้มีอาชีิพเปิดบริการ IT ) เมื่อ: กันยายน 14, 2011, 08:53:50 am
ระวัง!!!โดนหลอก ละเมิดลิขสิทธิ์
tag:ภัยสังคม
ระวังโดนหลอก – ละเมิดลิขสิทธิ์


การละเมิดลิขสิทธิ์กำลังฮิต เป็นที่จับตาในสังคม
จึงมีกลุ่มคนที่คิดค้นอาชีพจับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นมาค่ะ

ดังนั้น ใครมีญาติหรือเพื่อนที่โดนรังแก ข่มขู่สารพัด หรือยังไม่โดนรังแก ข่มขู่สารพัด ก็โปรดอ่าน....นะค่ะ

เพราะการจับของแท้จากเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง
ทำเพื่อให้คนหันมาใช้ของแท้ ไม่ใช่ทำเพื่อเรียกเงินเกินจริงจากเหยื่อ

กลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้มีสิทธิ์ในลิขสิทธิ์นั้นๆ แต่ไปสมัครเพื่อไปไถเงินคน

และถ้าทำตามกฎมันก็ไถเงิน รายได้ที่ได้รับก็จะน้อยมาก

จึงไม่เล่นตามกฎหมาย แต่หันมาใช้วิธีการไถเงินและข่มขู่เรียกเงิน หรือเรียกสั้นๆ ว่าการไถเงิน

พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเป็นภัยสังคมเชียวละ และมีบุคคลที่โดนข่มขู่เรียกไถเงินไปทั่วประเทศ มาแล้ว โดยที่ผู้เสียหายจะโดนไถเงินรายละ 10000-50000 บาท

พฤติการณ์ของพวกนี้


    1 เริ่มด้วยการตั้งบริษัทจำกัด แล้วรวบรวมขอซื้ออำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จากเจ้าของลิขสิทธิ์จริงเท่าที่ทำได้ เช่นเพลง กระเป๋า น้ำหอม เกม การ์ตูน โดยบริษัทเหล่านี้จะอ้างคุณธรรม ตั้งเพื่อปราบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์

    2 บริษัทเหล่านี้จะหาตัวแทน (ก็คือการรับพนักงานบริษัทตัวเอง) ขึ้นมา

    3 ตัวแทนเหล่านี้จะหาสมาชิกแบบขายตรงเลยค่ะ เรียกว่าผู้รับอำนาจช่วง

    4 ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่ก็มีโรงพักบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือกับพวกโจร

    5 เดินสายจับแบบผิดกฎหมายค่ะทีละจังหวัด ย้ายไปเรื่อย โดยที่เดินสายวนเวียนกลับมาทุกๆ 3 - 6 เดือน



รายได้ของตัวแทนพวกนี้จะรวยมาก รายได้เกินจะคาดเดา แต่ที่พบเห็นคือสามารถออกรถป้ายแดงกันทุกคน BMW ก็มี


    -บางกลุ่มออกรถแวนป้ายแดงราคา 6 ล้านก็มี

    -หัวหน้าบางคนทำจนมีเงินฝากถึง 200 ล้านบาท

    -ดังนี้จะเห็นว่าการตั้งบริษัทถูกกฎหมาย แต่ดูเจตนาการตั้งไม่ได้ทำเพื่อปราบหรือให้คนหันมาใช้ของแท้ แต่ทำเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง



พฤติกรรมการข่มขู่รีดไถ

ตัวอย่าง 1 ข่มขู่เรียกไถเงินกับ โปรแกรม NICK KARAOKE

การไถเงินร้านซ่อมคอมพิวเตอร์



    1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม NICK KARAOKE

    1.1 หน้าม้าจะมาตีสนิทร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการนำคอมพิวเตอร์มาซ่อมก่อน 1 เครื่อง

    1.2 อีก 2 - 3 วัน หน้าม้าจะนำเครื่องคอมมาอ้อนวอนให้ลงโปรแกรม NICK ตกลงนัดรับเครื่องกันโดยดี

    1.3 วันรับเครื่อง พวกนี้จะจ้างตำรวจมา 2 คน(คนละ500) โดยตำรวจจะออกตัวว่าไม่ได้มาจับมาดูแลความสงบ

    1.4 ไถเงิน 50000 บาทแล้วจะไม่เอาความผิด โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของเพลง 2 - 3 เพลง ในโปรแกรม NICK โดยตัวแทนลิขสิทธิ์ (โดยพวกนี้จะไปขอลิขสิทธิ์เพลงเก่าๆ ราคาถูกๆมา)

    1.5 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจร้อยเวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่ร้อยเวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)

    1.6 และเหยื่อจะโดนตำรวจขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100,000 หรือ หากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็นแสนๆ

    ซึ่งจริงแล้ว ประกันจริง 50000 บาท และถ้าขึ้นศาลไม่ปรับค่ะเจ้าของร้านชนะแน่นอน


วิธีแก้ไขเบื้องต้น


    - อย่าคุยกับบุคคลพวกนี้ ให้ไล่พวกนี้กลับไปเลยและคุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น

    - หากพวกเขาดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพรรคพวกเพื่อน ๆ มากันมากๆหน่อยค่ะ

    - ไม่ต้องไปจ่ายเงินให้เขาเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้พวกเขาไป 200 บาท ก็พอ และก็บอกว่าช่วยค่ารองเท้าสึก ให้รีบกลับบ้านไปไวไว ด้วย อย่ามายืนเกะกะแถวนี้ คนจะทำมาหากิน

    - ถ้าพวกนี้โง่มาก ไม่รู้กฎหมายยังดื้อจะแจ้งความ คุณก็ไม่ต้องจ่าย เพราะคดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องค่ะ

    (แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกค่ะ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกนะคะ)



...............................


ตัวอย่างที่ 2

ข่มขู่ไถเงิน แบบจับลิขสิทธิ์โปรแกรม WINDOWS/MICROSOFT OFFICE/PHOTOSHOP

ไถแบบจับลิขสิทธิ์โปรแกรม WINDOWS/MICROSOFT OFFICE /PHOTOSHOP และอื่นๆ ที่ทางร้านลงให้ลูกค้า

เนื่องจากร้านซ่อมคอมซ่อมคอมให้ชาวบ้านธรรมดา โดยคิดค่าซ่อมครั้งละ 200-500 บาท จึงไม่อาจให้ชาวบ้านซื้อโปรแกรมแท้ให้กับเครื่องที่มาซ่อมได้ หากซื้อของแท้ ค่าซ่อมอาจจะสูงถึง 100,000 – 200,000 บาท ก็ได้

พวกโจรจึงคิดวิธีหากิน

วิธีการ



    2.1 เอาคอมมาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ โดยอ้างว่าซื้อ PC มาจากห้างแบบไม่มี OS (ซึ่งเป็นการอ้างโง่ๆ ชาวบ้านที่ไหนจะโง่ซื้อคอมจอดำๆไม่มีwindowsมาใช้เน๊อะ)

    2.2 เอาคอมเก่ามาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ

    23 เข้าจับเหมือนเดิมเรียกเงิน 50,000 บาท ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน NICK KARAOKE เลยละค่ะ


วิธีแก้ไขเบื้องต้น



    - หากมีคนนำคอมใหม่ที่บอกว่า ไม่มี windows มา ขอให้ลงwindowsและโปรแกรม ก็ปฏิเสธอย่าลงให้เด็ดขาด

    - ให้ทำเอกสารซ่อมไว้ และเขียนชื่อโปรแกรมที่เครื่อง PC จำเป็นต้องมี/ให้ลูกค้าติ๊กในช่องว่าเคยมีโปรแกรมเหล่านั้น และเขียนชัดเจนว่าทางร้านทำการซ่อมให้ใช้ได้เหมือนเดิม และส่วนโปรแกรมพิเศษต่างๆให้ลูกค้าเขียนเอง หากมีคนนำคอมเก่ามาให้ลง ก็ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มนั้น และให้ลูกค้าเซ็นชื่อ

    - อย่าคุยกับพวกนี้ ไล่กลับไปเลย คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะพวกเขาไม่มีหมายศาล หมายค้น

    - หากพวกเขาดื้อไม่กลับ คุณก็ปิดร้าน โทรตามพรรคพวกมามากๆ เหมือนเดิม

    - หากตำรวจพื้นที่นั้น ไม่รู้กฎหมายว่าคดีแบบนี้ศาลยกฟ้อง จับเจ้าของร้าน ให้เตรียมเงินประกัน 50,000 บาท อย่ายอมจ่ายเงินเด็ดขาด

    คดีแบบนี้ 99% การเข้าจับไม่มีหมายศาลค่ะ เพราะเมื่อขึ้นศาล ศาลก็ยกฟ้องค่ะ

12  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เด็ก ป.6 ร.ร.แห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ผงะ!ถ่ายรูปเพื่อนเป็นที่ระลึกก่อนอำลา เมื่อ: กันยายน 14, 2011, 08:45:50 am



เด็ก ป.6 ร.ร.แห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ผงะ!ถ่ายรูปเพื่อนเป็นที่ระลึกก่อนอำลาแยกย้ายศึกษาต ่อ เจอแขนปริศนายาวเหมือนแขนเปรต ไม่มีข้อศอกโผล่กลางภาพ ครูประจำชั้นบอกมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นบ่อย คาดจะมีการทำบุญโรงเรียนเร็วๆนี้ ...

วันที่ 11 ก.ย. ที่ จ.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.เพ็ญ พบเด็กถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ แล้วมีแขนปริศนาโผล่ออกมาจากภาพถ่ายมีความยาวคล้ายแข นผีเปรต ทำให้มีการส่งต่อภาพกันไปทั่วในหมู่เด็กนักเรียนด้วย กัน จึงได้เดินทางไปที่โรงเรียนพิสูจน์

สอบถามเบื้องต้น ทราบว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 กำลังเรียนวิชาภาษาไทย ด.ช.เอ นามสมมุติ ได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ ด.ช.บี นามสมมติ เพื่อนในห้องเรียน เนื่องจากจะเก็บเอาไว้ดูหลังแยกย้ายกันไปศึกษาต่อชั้ นมัธยมศึกษา โดย ด.ช.บี ไม่อยากถ่าย เนื่องจากเป็นคนขี้อายจึงได้นำร่มมาบังหน้า หลังจาก ด.ช.เอถ่ายภาพเสร็จ ได้เปิดดูถึงกับตกใจ เพราะภาพที่ถ่ายออกมานั้นมีแขนปริศนาโผล่ออกมาด้วย ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนแขนของคน เพราะมีความยาวมากและไม่มีข้อศอก โดย ด.ช.เอ ยืนยันว่า ขณะถ่ายภาพทุกอย่างปกติไม่มีแขนใครหรือคนไหนอยู่ด้วย เลย

จาก นั้น ด.ช.เอ จึงได้นำโทรศัพท์มือถือไปที่ร้านถ่ายรูป เพื่ออัดภาพขยายออกมาดู จากนั้นนำมาให้ครูและเพื่อนๆในโรงเรียนดูกัน หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์กันว่า ไม่ใช่แขนของคนแน่ เพราะดูยังไงก็ไม่เหมือนส่วนจะเป็นภาพตัดต่อ หรือไม่บางคนก็เชื่อบางคนก็ไม่เชื่อ จากนั้นข่าวก็แพร่กระจายไปทั่ว โดยมีการส่งภาพถ่ายเข้ามือถือส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนมีคนรู้ไปทั่วเกือบทั้งอำเภอ

ขณะที่ครูประจำชั้น เปิดเผยว่า ในส่วนตัวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ยอมรับว่าที่โรงเรียนมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอ ยู่หลายครั้ง แต่ไม่ขอพูดในลายละเอียดลงไปมากกว่านี้ เพราะเกรงว่าจะเสียชื่อเสียงของโรงเรียน ซึ่งในแต่ละปีที่โรงเรียนก็มีการทำบุญทุกปี เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ทราบว่าจะมีการทำบุญกันอ ีกครั้งในเร็วๆนี้.
13  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรียนกรรมฐาน เคยคิดบ้างไหมครับ ว่า ความสำคัญ.... เมื่อ: กันยายน 01, 2011, 07:39:27 pm
ผมเองเป็นผู้ปฏิบัติภาวนา มาตลอดหลายปีนี้ จะเข้าครึ่งคนแล้ว...

ทุกครั้งที่ปฏิบัติภาวนา ติดขัด สงสัย ก็จะได้ ครูอาจารย์ เป็นผู้ชี้แนะให้เราเห็นธรรม.. และเข้าใจ

ดังนั้นในส่วนตัวผมนั้น คิดเป็นเรื่องแรกเลยครับ ว่า ทำอย่างไร จะได้เรียนกรรมฐาน จากครูอาจารย์

ให้ได้มากที่สุด

  ผมภาวนาเริ่มต้น จากไปวัด ในที่สุด ก็ทำบ้านให้เป็นวัด ปัจจุบัน พอผมได้บ้านเป็น วัดแล้ว ผมกับรู้สึก

ได้ว่า ความไม่สมบูรณ์ ในการภาวนานี้ อยู่ที่เราภาวนา แล้วก็พยายามภาวนา สุดท้ายวันนี้...กลับมานึกถึง

ครูอาจารย์ ว่าเรายังเรียนกรรมฐาน ยังไม่พอ...เลยรู้สึกได้ถึงความสำคัญ ของ ครูอาจารย์

  ในทางกลับกัน สำหรับ ศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นก็ให้ความเคารพในครูอาจารย์เป็นเรื่องแรก

ในฐานะผู้ภาวนาคนหนึ่ง อยากทราบว่า ทุกท่านได้ ดูแล ครูอาจารย์ และเรียนกรรมฐาน กับครูอาจารย์อย่างต่อ

เนื่องกันหรือไม่ครับ

   :s_hi: :13: :13:
14  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / เณรน้อยเที่ยวธุดงค์....(up date ตอน มูลเหตุแห่งการธุดงค์) เมื่อ: สิงหาคม 26, 2011, 09:03:11 pm


ธรรมะสวัสดีครับ  วันนี้มีเรื่องเล่ามาเล่าสู่กันฟังเรื่อง "เณรน้อยเที่ยวธุดงค์" จากหนังสือเรื่อง เณรน้อยเที่ยวธุดงค์.....
(ทำความเข้าใจกันก่อน...รูปหนังสือทุกรูปที่ผมเอาลง เพื่อเป็นการแสดงว่า
1.เรื่องทุกเรื่องผมเอามาจากหนังสือเล่มใด
2.ทุกเรื่องมีแหล่งที่มา อ้างอิงได้
3.ให้เครดิตคนเขียน ผู้แต่ง
4.หากมีผู้สนใจท่านต้องการศึกษาเอง จะได้หาซื้อได้
5.สำหรับ ผมหนังสือมีค่ามาก ถ้าบ้านผมไฟไหม้สิ่งแรกที่ผมจะขนออกมาก็คือหนังสือ เดี๋ยวจะมาหาว่าผมโพสท์เพื่อขายหนังสือ (โดนมาแล้ว เสียความรู้สึก!!! มากๆๆๆ = _='


ขอบคุณครับ....^_^
     **********************************************************
โพสต์โดย คุณ เมฆพัตร

ติดตามอ่านกันได้ ที่นี่ นะครับ

http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=120180.0
15  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อึดอัดหรือไม่ครับ ถ้าเราถูกเขาเข้าใจผิด ? เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 06:45:19 pm
เป็นเรื่องที่ผ่านมา เกือบ 20 ปีแล้ว
ความเข้าใจผิดก็ยังอยู่เหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นคนผิด
แต่ความผิดถูกบิดเบือนให้เราเป็นคนผิด ที่คนทั้งหลายเข้าใจผิด

เรื่องก็มีอยู่ว่า

   วันหนึ่งผมได้ไปหาสหาย ติดต่อธุระการงาน แล้วสหายของผมนั้นกับติดต่อไปอีกคนหนึ่ง
ซึ่งเคยรู้จักผมเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ไม่เคยคุยกันเลย ซึ่งนายคนนั้นให้ข้อมูลแบบผิด ๆ พร้อมสรุปว่า
ผมไม่น่าไว้ใจเลย ทำให้เพื่อนผมดึงเครดิตออกจากผม

   ผมมารู้ความจริงจากเพื่อนของเพื่อน อีกทีว่า ทีถูกถอนเครดิตเพราะเพื่อนคนนี้ไปฟังนายคนนั้น
โดยที่ไม่ได้สอบถามผมเลยสักครั้ง มันไม่น่าเป็นอะไรหรอกถ้ามันเป็นเรื่องจริง และนายคนนั้นรู้จัก
ผมจริง แต่นี่มันไม่ได้เป็นเรื่องจริง และนายคนนั้นก็ไม่เคยติดต่อ หรือพูดจาอะไรกับผมเลย

   ความรู้สึกอึดอัด มันเกิดทันที ในใจผม แหมเรื่องตั้ง 20 ปี ยังนำมาเป็นเรื่องได้
   ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า เรื่องเท็จ แม้ผ่านไปกี่ปี ความเท็จนั้นก็ยังคงอยู่
   แต่เรื่องดี ๆ ผ่านไป 20 ปี คนไม่ค่อยจะนึกถึงความดีอันนั้นกันเลย......

   ไม่ทราบ เพื่อน ๆ ชาวธรรมมีวิธีจัดการกับเรื่องอย่างนี้อย่างไรครับ

 :021: :c017:
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เขมรโจมตีไทย....ภาวะสนามรบชายแดนเดือด เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 06:38:14 am
นำหัวข้อมาให้พี่น้องชาวธรรมรับทราบไว้ ถ้าต้องมีสงครามยืดเยื้อ...หรือไม่


เดือดไทย-เขมรถล่มรอบ3เจ็บ10ฮุนเซนร้องUN
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=420&contentID=119767


ปืนใหญ่ถล่มเดือด ปะทะอีก หนีตายโกลาหล!
http://www.thairath.co.th/content/region/147076

ศึกไทย-เขมรยังระอุ ยิงตอบโต้กันอีก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU5qazVOakk1TXc9PQ==&sectionid=

เขมรถล่มไทยอีกพลีชีพ1ศพอพยพชาวบ้านวุ่น
http://www.banmuang.co.th/politic.asp?id=227707

ไทยมัวแต่ฟัดกันเอง เข้าทางเล่ห์ร้ายเขมร (ผ่าประเด็นร้อน)
http://www.naewna.com/news.asp?ID=248077

แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน !
เกิดการปะทะกันในบริเวณชายแดนไทน-กัมพูชา บนภูมะเขือ ใกล้กับวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ ทำให้ชาวบ้านทั้งที่ด่านช่องสงำและตลาดโรงเกลือ ตื่นกลัว ขณะที่แม่ทัพภาค 2 ระบุการยิงปะทะเริ่มต้นจากฝ่ายกัมพูชา
http://www.nationchannel.com/main/news/stability/20110204/25424/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%882%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99!/


ปะทะหนักหน่วง"รอบ3" เขมรยิงจรวด! ไทยถล่มคืนด้วยปืนใหญ่
http://www.naewna.com/news.asp?ID=248097



ชั่วพริบตาบ้านภูมิซรอลก็กลายเป็นหมู่บ้านร้าง
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNakEzTURJMU5BPT0=&sectionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBeE1TMHdNaTB3Tnc9PQ==
17  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อคง จัตตมโล วัดเขาสมโภชน์ ต. บัวชุม อ. ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เมื่อ: มกราคม 01, 2011, 10:51:17 pm



               ขออนุญาตินำเสนอเรื่องราว ชีวประวัติโดยสังเขปของหลวงพ่อคง ผู้ทรงธรรมที่ได้นำเอาธรรมเปิดโลกมาเปิดเผยให้ชาวเราทั้งหลายได้รู้ได้เห็น กัน เผื่อนำเสนอให้สาธุชนทั้งหลายได้ทราบกัน โดยเพียงย่อ ดังนี้

                หลวงพ่อคง  จตฺตมโล ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เดือน มีนาคม  พ.ศ. 2456 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ณ หมู่บ้าน โนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา

                โยมบิดาของท่านมีนามว่า ดี โยมมารดามีนามว่า แจ้ง นามสกุล บุญเอก ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ ท่านถือกำเนิดเกิดมาเป็นทายาทคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน จนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีแต่พวกน้อง ๆ ที่เป็นหญิง ซึ่งมีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นถึงแก่กรรมไปตามกาลเวลา
                ในการการศึกษา  ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัดหัดเรียนเขียนอ่านอักษรธรรม อักษรขอมและอักษรไทยในระยะเวลา 2 ปี แต่จำต้องมาช่วยบิดามารดาในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา

                ต่อมาเมื่ออายุครบกำหนด 20 ปี จึงได้มีการเข้าวัดไปเป็นนาค แล้วได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยติธรรมอยู่เป็นเวลา 3 พรรษา และได้ขออนุญาติจากโยมบิดามารดา เพื่อเดินทางลงมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาติจากโยมบิดามารดา ท่านจึงไม่มีโอกาสเดินทางลงมาศึกษาเล่าเรียนดังที่ตั้งใจไว้

                ดังนั้นท่านจงลาสิขาจากเพศบรรพชิตออกไปดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย  ซึ่งในที่สุดท่านก็ได้แต่งานมีครอบครัวไป โดยตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านมีบุญธิดารวมทั้งหมด 7 คน แต่ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ  1 คน จึงยังคงเหลือบุตรธิดาที่มีชีวิตอยู่ต่อมาเพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักปักฐานไปหมดทุกคนแล้ว

                ต่อมาในช่วงเวลาที่หลวงพ่อคง ท่านยังอยู่ในเพศฆราวาส ในปี พ.ศ. 2504 นั้น ก็ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ.9  นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มาและ ได้เข้าจำพรรษาสอนวิปัสสนาแก่ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชสีมา  ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อคงยังเป็นอุบาสก คง อยู่นั้นเอง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจ เข้าไปรับการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อมหาธนิตอย่างเคร่ง ครัดอยู่เป็นเวลา ถึง 7 ปี

               เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า อุบาสกคง  บุญเอก จึงได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือน ออกไปมอบกายถวายตนเข้ารับการอุสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหน ณ พัทธสีมา   วัดบัวใหญ่  จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 เพื่อพฤษภาคม  พ.ศ. 2511 โดยมีพระเดชพระคุณท่านคุณ พระปทุมญาณมุนี  วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด นครราชสีมา เป็นพระอุปชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้ทำการอุปสมบทให้

               ต่อมาหลังจากออกพรรษแล้ว ตกมาถึง ปี พ.ศ. 2516  หลวงพ่อได้ดำรงปฏิปทาเป็นพระป่าออกสัญจรธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่ เรื่อยมาจนถึงลุถึงซึ่งดินแดนถิ่นป่าใหญ่ มวลหมู่พฤกษาร่มรื่นน่าอภิรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกกับจริยาวัตรสำหรบนักปฏิบัติธรรมในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อคงท่านได้เข้าอาศัยอยู่ถ้ำพระอรหันต์ ตามนิมิต ได้ทำการเจริญจิตภาวนา แล้วก็เลยอยู่จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น ในพรรษที่ 6
              และแล้วหลวงพ่อคงท่านก็ได้ยึดสถานวิเวกแห่งนั้นในการปฏิบัติธรรมอยู่จำพรรษา เรื่อยมาจนถึงกาลเวลามรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2536 ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกัน ได้ 80 ปี 9 เดือน 3 วัน 26 พรรษา


              ซึ่งสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อที่หลวงพ่อคง ธุดงค์มาพบตามนิมิตนั้น มันเป็นสถานที่มีสมญานาม ตามที่พุทธศาสนกชนทั้งหลายได้รู้จักกันแล้วในปัจจุบันว่า เขาสมโภชน์  ซึ่งเป็นธรรมสถานแห่งการปฏิบัติธรรมนามอุโฆษ สำหรับพุทธ ศาสนิกชน คนทั่วประเทศได้หลั่งไหลกันมาชุมนุมปฏิบัติธรรมชื่นชมพุทธบารมี พระเจ้าเปิดโลกกับอย่างคับคั่งในปัจจุบันนี้

ที่มา : http://www.sartsaksit.net/ganes/somp/somp1.htm
18  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างศาลา วัดป่ามหาปัญโญ เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 12:49:07 am






ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างศาลาสำหรับผู้มาพักปฏิบัติธรรมและห้องสุขา ณ วัดป่ามหาปัญโญ วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๓

วัดป่ามหาปัญโญ เป็นวัดป่าที่ปฏิบัติตามแนวทางการเจริญสติแบบเคลื่่อนไหวของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ซึ่งได้เปิดอบรมการเจริญสติเพื่อพัฒนาชีวิตให้ผู้ที่มีความสนใจ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ ผู้ที่เข้ามาอบรมต้องเตรียม เต๊นท์ ถุงนอน ผ้าห่ม มาเอง หากไม่มีเต๊นท์ก็ต้องพักในศาลาเอนกประสงค์หรือโรงครัว เมื่อถึงเวลาหน้าฝนจะมีความลำบากมาก ดังนั้น ณ ขณะนี้ทางวัดป่ามหาปัญโญกำลังดำเนินการสร้างศาลาสำหรับผู้มาพักปฏิบัติธรรม และห้องสุขา จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ด้วย ค่ะ
19  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เกี่ยวกับนิวรณ์ ถึงแม้เรารู้ว่า นิวรณ์ นั้น ๆ เกิดขึ้นเราควรกำจัดนิวรณ์... เมื่อ: ธันวาคม 04, 2010, 07:21:02 pm
เกี่ยวกับนิวรณ์ ถึงแม้เรารู้ว่า นิวรณ์ นั้น ๆ เกิดขึ้นเราควรกำจัดนิวรณ์ ที่เกิดขึ้นที่เรารู้ตัวแล้ว

ด้วยวิธีอย่างไร ถึงจะเป็นแนวทางที่ถูกที่ควร

 :25: :25: :25:
20  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จะขอไฟล์เสียง ลำดับพระกรรมฐาน ในห้องพระธรรมปีติ ครับ เมื่อ: ธันวาคม 04, 2010, 07:16:36 pm
จะขอไปล์เสียง ลำดับพระกรรมฐาน ในห้องพระธรรมปีติ ครับ

  ผมได้ฟังในช่วง ทุ่ม กว่า ที่ RDN หลายครั้ง ผมคิดว่า ปฏิบัติตามได้ดีมากครับ

  ทำอย่างไรจึงจะได้ไฟล์เสียง ไว้เปิดฟังและภาวนาตามครับ


   :25: :25: :25: Aeva Debug: 0.0004 seconds.
21  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ควรแบ่งเวลา อย่างไรในการทำสมาธิ ครับ ที่จะภาวนาได้ผล เมื่อ: ธันวาคม 04, 2010, 07:14:53 pm
ควรแบ่งเวลา อย่างไรในการทำสมาธิ ครับ ที่จะภาวนาได้ผล

  ผมคิดว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการแบ่งเวลาไม่ถูก ใช่หรือป่าวครับ

   :25: :25:
22  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / บริจาคสร้างหุ่นขี้ผึ้งพระสังวรานุวงศ์เถร(เอี่ยม) เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 11:26:22 pm
 บริจาคสร้างหุ่นขี้ผึ้งพระสังวรานุวงศ์เถร(เอี่ยม)

ไปที่วัดราชสิทธารามมาในคืน ลอยกระทง ตอนนี้หุ่นขี้ผึ้งได้สร้างเสร็จแล้วคร้บ

ถึงแม้จะสร้างเสร็จแล้วยังร่วมบริจาคสร้างหุ่นขี้ผึ้ง ได้ครับ

พระสังวรานุวงศ์เถร(เอี่ยม)

โอนเงินเข้าบัญชี เลขที่ ๐๖๗-๒-๘๓๘๔๗-๙ ธนาคกสิกรไทย

สาขาโพธิสามต้น ส่งในนามพระวีระ สุขมีทรัพย์ (พระครูสิทธิสังวร)

บริจาคที่วัด รับของที่ระลึก

๑. พระปิดตาย้อนยุค เนื้อตะกั่ว และ เนื้อฝาบาตร

        ๒.พระสังวราห้าเหลี่ยมเนื้อตะกั่วถ้ำชา และเนื้อฝาบาตร

     ๓.พระสังวรา ซุ้มกอ เนื้อตะกั่วถ้ำชา และเนื้อฝ่าบาตร

๔.น้ำเต้ากันไฟ น้ำเต้ามหาลาภ

ติดต่อได้ที่คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม ซอยคณะ ๕ ซอยอิสระภาพ๒๓

แขวงวัดอรุณ

เขตนางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. ๐๘๔-๖๕๑-๗๐๒๓

รถสาย ๕๖ ,๔๐ ๕๙ ผ่าน
 
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระจี้กง องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 05:24:09 am


 เมื่ออายุ 18 ปี บิดามารดาผู้ชราได้ถึงแก่กรรม ซิวหยวน จึงทิ้งความสุขทางโลกเข้าบวชที่วัดหลิงอินได้ฉายาว่า เต้าจี้ โดยมีพระอาจารย์ฝอไห่เหยี่ยน เป็นพระอุปัชฌาย์ และให้ พระเต้าจี้ ทำหน้าที่เป็นพระเลขา ดูแลการเขียนประกาศและประชาสัมพันธ์กิจการของวัด

 ต่อมาเกิดไฟไหม้พระอารามวัดจิ้งฉือ เสียหายทั้งหลัง พระเต้าจี้ ได้เขียนประกาศขอบิณฑบาตเรี่ยไร่เงินจากประชาชน เพื่อนำไปสร้างพระอารามหลังใหม่ ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณฮ่องเต้ จึงพระราชทานเงินสามหมื่นอีแปะมาช่วยซ่อมแซม ทางวัดจึงนำเงินไปซื้อไม้จากทะเลสาบซีหู ที่อยู่ไกลออกไปมากนำมาซ่อมแซม

 พระเต้าจี้ จึงอาสาว่า จะชักลากไม้ทั้งหมดมาให้ในคืนนี้ พระในวัดคิดว่า พระเต้าจี้ เพี้ยนไปแล้ว จึงไม่เชื่อ พอตกกลางคืนเกิดพายุฝนกระหน่ำอย่างรุนแรง พัดพาเอาไม้ที่ตัดไว้ในทะเลสาบซีหูมากองไว้ที่หน้าวัด เป็นเรื่องที่อัศจรรย์เล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ พระเต้าจี้ จึงได้ฉายาว่า พระเพี้ยน

 หลังจากที่ศึกษาธรรมจนบรรลุ เห็นสัจะธรรมของชีวิตว่า ไม่เที่ยงแท้แน่นอน พระเต้าจี้ จึงสละความสุขทั้งหมด ออกช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ด้วยวิธีแปลกๆ จนถูกไล่ออกจากวัด ใช้ชีวิตสมถะห่มจีวรถือพัดเก่าๆ เร่ร่อนไปทุกหัวระแหง เลิกฉันอาหารเจ แต่กลับมาฉันเนื้อสัตว์ ดื่มสุรา จนชาวบ้านเรียกว่า จี้กงพระเพี้ยน

 สมาคมสหมิตรการกุศล เต็กก่า จีจินเกาะ ตั้งอยู่ที่เขตคลองสานริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสถานปฏิบัติธรรมที่เคารพสักการะ พระจี้กง ได้รวบรวมปัจจัยจากสมาชิกเต็กก่าทั่วโลกสร้าง ศาลพระจี้กงหน่ำพิ้งฮง ที่หมู่บ้านร่องบอน ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย พระจี้กงหล่อด้วยทองสำริดสูง 8.8 เมตร

 วันที่ 3-6 ธันวาคมนี้ คุณคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า ปลัดอาวุโสอำเภอพาน พาผมขึ้นเขาไปสัมผัสกับพระจี้กงองค์ใหญ่ ไปไหว้พระธาตุ 9 จอม นมัสการครูบาน้อยวัดแสงแก้วโพธิญาณ ครูบาศรีวิชัย แม่นางกวักตุ้ยนุ้ย ไปชิมอาหารล้านนา ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมเชียงราย ติดต่อโทร.0-2973-7732
24  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ม็อบเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ บุกสภา ร้องถอนวาระที่ 3 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 05:02:14 am
ม็อบเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ บุกสภา ร้องถอนวาระที่ 3 ออกทั้งหมด เพราะเป็นการฟอกย้อมเอ็มโอยู 43 ที่ไม่ได้ผ่านสภา
หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่รัฐสภา กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ นำโดยนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน และภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหาร, ม.ล.วัลวิภา จรูญโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันไทยคดีศึกษา, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการเครือข่ายประชาชนแห่งประเทศไทย

ที่มา

http://www.ryt9.com/tag/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/

ไม่ต้องการดึงเข้่าประเด็นการเมือง กรุณาอย่าตอบเป็นประเด็นการเมืองนะครับ


อัพพะยา ปัชฌัง สุขัง โลเก การไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก

คนไทยเป็น คนรักสันติ

บ้านเรา เป็น บ้านที่สงบ

อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนบ้านของเรา เอาร้วบ้านเขา เข้ามาปักในรั้วบ้านเรา

เราซึ่งเป็นเจ้าของ ควรทำอย่างไร ?

  นึกถึงหลักธรรม คือ การไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก ก็ให้ที่เขาไป

    แล้วเขาจะพอไหม ถ้าต่อไปเขาก็เขยิบที่เข้ามาอีก โดยที่เราก็ยังยึดถือพระธรรม คือการไม่เบียดเบียนผู้อื่น

   เราก็วางเฉย เพราะเป็นผู้พยายามสงบจากกิเลส คือความยึดมั่น ถือมั่น นั่งมอง นั่งดู


   พระท่านสอนว่า ถ้าเขาด่าเรา ให้ยิ้มตอบเขา  ถ้าเขาจะฆ่าเรา ก็ให้แผ่เมตตา ให้เขา

       ถ้าเขาทำร้าย ก็อย่าทำร้ายเขา จงประหารกิเลสในใจเรา เสียด้วยการวางจากความยึดมั่น ถือมั่น ว่านั่น

       เป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัว เป็นตนของเรา เพื่อเราจะได้พ้นจากวัฏฏะ

     คำสอนในพระพุทธศาสนา นานาประการ ล้วนแล้วแต่เป็นคำสอนที่ออก โดยการแสดงว่าเราต้องเป็นผู้สละ

ผู้สงบ คนมีธรรมะ จะไปด่าเขาไม่ได้ คนมีธรรมะ จะไปฆ่าเขาไม่ได้ คนมีธรรมะ จะไปทำร้ายใครไม่ได้ มีเรื่องใน

พระไตรปิฏก กล่าวถึง แม้บุตร แม้ภรรยา แม้่พ่อ แม้แม่ ถ้าถูกประหารด้วยโจรทมิฬ ใจอำมหิต เราก็ไม่พึงแม้แต่

จะโกรธ จะเกลียด จะอาฆาต หรือ จองเวรแม้แต่โจรนั้น

     ผมอยากทราบ จริง ๆ ว่าผู้ที่ทำใจได้ขนาดนี้ เป็นพระอรหันต์ เลยใช่หรือไม่ครับ


    ดังนั้น จากบทสรุปของพระธรรม ก็ไม่ควรที่ไปแย่งดินแดน อันเป็นธรรม เป็นโลก เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้

เป็นสิ่งที่ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่นหรือป่าว


   เพื่อน ๆ สมาชิก อ่านมาแล้ว ร่วมแจกดวงตาเห็นธรรม หน่อยเถอะครับ กรุณาอย่าตอบเป็นประเด็นการเมืองนะ

ครับ ขอให้ตอบอย่างธรรม และเป็นธรรมที่ควรจะนำมาใส่ใจในตอนนี้เลยนะครับ

   ก่อนที่เราจะไม่เ้ข้าใจอะไร และสายเกินไป ที่จะเข้าใจ และจะทำ

     :25: :08:
25  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / การให้อภัย เป็นสิ่งที่ควรทำหรือ ในกรณีอย่างนี้... เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 04:49:42 am

คมชัดลึก : "เสธ.หนั่น” เปิดใจคุย “ทักษิณ” ที่นอร์เวย์ เอ่ยปากขอ “ให้ลืมอดีต” ยันแม้วไม่ป่วย หน้ายังเหลี่ยมเหมือนเดิม ปรองดองยังไม่จบ เดินสายพบทหาร-ปชป.-ภท.ก่อนปิดฉาก ม.ค. 54 กกต.การันตี ” บุญจง-เกื้อกูล ไม่ต้องลาออกจากรมต. เหตุขายหุ้นต้องห้ามทิ้งก่อนเป็น รมต.

ที่มา
http://www.komchadluek.net/detail/20101109/78924/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%8A..html

เสธหนั่น พูดว่า

“ที่ผ่านมา ใครจะด่าว่าอย่างไร คงต้องให้อภัยกัน และผมเองต้องขออภัยกับคนที่โกรธแค้นผม โดยขอให้ก้าวข้ามอดีต ความเจ็บแค้น การถูกรังแก การถูกกระทำ ถ้าไม่ลืมอดีตก็จะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องให้ร่วมกัน ก้าวข้ามความโกรธแค้นในอดีตที่ผ่านมา”

ที่มา
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000138257

โดยหลักการของพระพุทธศาสนา แล้ว การให้อภัย เป็นคุณธรรมชั้นสูง

ดังนั้น หัวข้อที่ผมยกมานั้น เป็นหัวข่าวที่คนส่วนใหญ่ตอนนี้จะได้ยินอยู่แล้ว ผมไม่อยากดึงเข้าประเด็นการเมือง

แต่อยากตั้งคำถามว่า

  อภัยทาน ควรทำเมื่อใด ?

  อภัยทาน ควรทำแก่บุคคลใด ?

  มีบุคคล ที่ไม่ควร อภัยทาน หรือ ไม่ ?

 
  ถ้าเริ่มจะฝึก อภัยทาน นี้ควรทำอย่างไร ? และจะใช้ เวลามากน้อยขนาดไหน ? อภัยทาน ถึงจะมีผล


 :25: :25:
26  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ธรรมโอสถ... อาการสามสิบสอง ธรรมกรรมฐานที่ใช้รักษาโรค ๓๒ ชนิด เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 02:28:16 am
ธรรมโอสถ... อาการสามสิบสอง ธรรมกรรมฐานที่ใช้รักษาโรค ๓๒ ชนิด

คัดลอกข้อมูลจากกรรมฐานโบราณ จากหนังสือ " วิชากัมมัฏฐาน และคำสอนหลวงปู่ "เพื่อไขข้อข้องใจ และข้อเข้าใจคลาดเคลื่อน เกี่ยวกับคำโบราณ "ธรรมโอสถ" ซึ่งใช้ธรรมะ(กรรมฐาน) เป็นโอสถในการรักษาโรคจริงๆ มิได้เป็นเพียงการปลงใจได้ในการรักษาใจตามที่เข้าใจกันอยู่เดิมเท่านั้น

อนึ่ง บทความต่อไปนี้เป็นเพียงหลักฐานยืนยันการมีอยู่จริงของวิชา ส่วนการฝึกฝนนั้น เนื่องจากเป็นวิชาที่มีรายละเอียดแยบคายมาก ผู้ฝึกจึงจำเป็นต้องมีครูกรรมฐานที่เข้าถึงแล้ว(ตั้งแต่ ห้อง 5 เป็นต้นไป) ทำการฝึกฝนให้ เพื่อป้องกันอุปาทาน และป้องกันอาการจิตวิปลาศ ซึ่งปัจจุบันพบจำนวนมากในประเทศ

อาการสามสิบสอง
ใช้รักษาโรค ๓๒ ชนิด


ธาตุดิน ๒๐ เกศา ผม โลมา ขน นะขา เล็บ ทันตา ฟัน ตะโจ หนัง มังสัง เนื้อ นะหารูเอ็น อัฏฐิ กระดูก อัฏฐิมิญชัง เยื้อในกระดูก วังกัง ม้าม หะทะยัง หัวใจ ยะกะนัง ตับ กิโลมะกัง พังผืด ปิหะกัง ไต ปัปผาสัง ปอด อันตัง  ใส่ใหญ่ อันตุคุนัง ใส่น้อย อุททะริยัง อาหารใหม่  กะรีสัง อาหารเก่า มัตถะรุงคัง สมองศรีษะ
ธาตุน้ำ ๑๒  ปิดตัง น้ำดี  เสมหัง เสลด  ปุพโพ หนอง โลหิตัง เลือด เสดท เหงือ เมโท มันข่น อัสสุ น้ำตา
วะสา มันเหลว เขโฬ น้ำลาย สิงหานิกาน้ำมูก   ละสิกาไขข้อ มูตตัง น้ำมูต
กสิณ๑๐
๑. ปฐวี หม้อใหม่ เดินน้ำ
๒. อาโป น้ำใส ดำดิน
๓. เตโชเนื้อไป รักษาโรค
๔. วาโย ลมข้าวเปลือก บังหวน
๕. นีลัง เขียว
๖. ปิตัง เหลือง
๗. โลหิตัง แดงดอกชบา
๘. โอทาตะ ขาวน้ำเงิน
๙. อาโลก  ขาวเหมือนเงาน้ำต้องแดด  ทำให้สว่าง
๑๐. อากาศ เปล่าไม่มีอันใด  ผ่านฝากำแพง
อสุภกรรมฐาน ๑๐
๑. อุทธุมาตะกะ ซากผีพอง ทำใหญ่ ทำมาก
๒. วินิลกะ ซากผีเขียว กำบัง
๓. วิปุพพกะ ซากผีน้ำหนองไหล กำบัง เป็นน้ำท่วม
๔. วิทฉิททกะ เขาสับฟัน เป็นท่อนๆ ผีขาดสองท่อน แบ่งตัว แยกร่าง
๕. วิกขายิตะกะ กา หมา แร้ง กัดกินซากผี เสกเป็นแร้ง เป็นหมา ไล่ข้าศึก
๖. วิกขิตตกะ แยกเป็นท่อน หัวขาด ตีนขาด แยกมากๆ
๗. หตวิกขิตตกะ ขาดกระจัดกระจาย เขาเชือดเลือดทั้งตัวผี
๘. โลหิตกะ เขาเชือดเลือดทั้งตัวผี
๙. ปุฬุวะกะ หนอนกินซากผี ตามทวารทั้ง ๙
๑๐. อัฏฐิกะ ปรากฏ แต่กระดูกขาว   ปากประกาศิต
๗-๘-๙-๑๐ เป็นอนุโลม ปฏิโลม เป็นวาจาสิทธิ์ ถอยหลัง เล็กใหญ่
หตวิกขิตตกะ  โลหิตกะ ปุฬุวกะ  ถึงอัฎฐิกะ เข้าปฐมฌาน แล้วตรึกไป คือพูดเสียงที่เกิดในใจ
ตรึก(นึกความเป็นไป แล้ววางเฉย) แล้วจึงพูดออกมาเป็นวาจา  ให้เป็นธรรมชาติ เป็นมัชฌิมา
จึงเป็นประกาศิตแล
๑-๑๐ แก้ปัญหา แก้ความ ทำน้ำมนต์ ใช้เทียนขี้ผึ้งหน้าผี ด้ายมัดผี ล้างหมดทำนิมิตจึงถึงกระดูก
ให้เป็นกระดูกผุหมดกระจายหายไปตามลม
๑๐-๑ ชนะหมด ล้างหมด   แก้คุณใส ทุกชนิด  แก้กระทำ
๑-๑๐, ๑๐-๑ แก้คุณใส
๑-๕ แก้อาถัน อาเพศ
๕-๑ แก้ที่อาถัน
๑-๕,๕-๑ เปิดกรุ
๕-๑๐ แก้บ้า
๑๐-๕  กันพายุ กันลม เสกด้วย เห เห ปฏิเสวามิ กันไฟ เสกนกคุ้ม กันลม กันฟ้า เสกลูกสะกด
๕-๑๐, ๑๐-๕ เมตตาเป่าเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง


27  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / พระสุขสมาธิ พระธรรมเจ้า เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 02:26:39 am
คำอาราธนา สุขสมาธิธรรมเจ้า

ข้าฯขอภาวนา พระพุทธคุณเจ้า เพื่อขอเอาพระลักษณะ พระกายสุข จิตสุข เจ้านี้จงได้ ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ
ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ
ขอพระอริยสงฆ์เจ้าตั้งแรกแต่พระมหาอัญญาโกญฑัญญะเถรเจ้าโพ้นมาตราบเท่าถึงพระสงฆ์สมมุติในกาลบัดนี้ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ

ขอ พระอริยสงฆ์เจ้าองค์ต้นอันสอนพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้า นี้เถิดฯ  ขอพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ
อุ กาสะในที่นี้เล่า ข้าจะขอเชิญปฏิบัติบูชาตามคำสั่งสอนของพระสัพพัญญูโคดมเจ้า เพื่อจะขอเอายังพระลักษณะ พระกายสุข จิตตสุขเจ้านี้จงได้ ขอจงเจ้ากูมาบังเกิดปรากฏอยู่ในจักขุทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งข้าในขณะเมื่อข้านั่งภาวนาอยู่นี้เถิดฯ

อิ ติปิโส  ภะคะวา  อะระหัง  สัมมาสัมพุทโธ  วิชชาจรณะ สัมปันโน  สุคโต  โลกวิทู  อนุตตโร  ปุริสะทัมมะสารถิ สัตถา  เทวมนุสสานัง  พุทโธ  ภะคะวาติ
สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง
อรหัง  อรหัง  อรหัง

ตั้งสติที่ใต้สะดือ ๒นิ้วมือ ภาวนาว่า พุทโธ

ห้องพระสุข – พระพุทธา
๑.พระกายสุข   จิตตสุข
๒.พระอุปจารสมาธิ   พุทธานุสสติ
ให้นั่งเอาพระลักษณะ และพระรัศมี นั่งเข้าวัด ออกวัด นั่งเข้าสะกด
จบสุขสมาธิธรรม

ลักษณะสุขสมาธิ
พระกายสุข จิตตสุขมีลักษณะ ๓ คือ
๑.เกิดในกายให้เนื้อตัวเย็น แต่ผิวหนังเป็นดังลมอ่อน ๆ พัดถูกกาย และหายใจ
ก็อ่อน  สุขุมนัก
๒.ให้กายอุ่นนิดหน่อย และหายใจขัดนิดหน่อย
๓.เกิดในกายวัตถุ ให้สั่น และหมุนเวียน เป็นเหมือนปั่นผลหมาก

พระอุปจารสมาธิ พุทธานุสสติ มีลักษณะ ๑๐ คือ
๑.เกิดปรากฏหนักทั่วทั้งกายมิได้ไหวติง
๒.เกิดปรากฏดังสุมครอบกายทั่วทั้งตัว
๓.เกิดปรากฏตัวหนัก และศีรษะหนัก
๔.เกิดปรากฏดังหิดผืนกลัดหนอง
๕.เกิดดังปรากฏเมฆปรากฏคลุมทั่วทั้งตัว
๖.เกิดปรากฏดัง ลงดำน้ำ
๗.เกิดปรากฏดังขึ้นภูเขาสูงอาจมองเห็นทั่วทุกทิศศา
๘.เกิดปรากฏมีแสงรุ่งเรืองทั่วตัว ดังจุดไฟเข้าถ้ำหรือเข้าไปในที่มืด
๙.เกิดปรากฏพอจิตใจตั้งมั่น และนั่งอยู่เป็นสุขสบายนักมิได้ไหวติง
๑๐.เกิดปรากฏดังลมพัดกระพือขึ้นสู่ศีรษะ ราวกับว่าผมสยาย


พระสุข พระพุทธา จัดเป็นธาตุ
๑.พระกายสุข  จิตตสุข  กายเป็นสุข  จิตเป็นสุข  จัดเป็นปฐวีธาตุ  ธาตุดิน
รวมธาตุ  น้ำ ลม ไฟ ปฐวีธาตุมี ๓ ธาตุอาศัย คือ น้ำ ไ ฟ ลม
๒.พระอุปจารพระพุทธานุสสติ  จิตธาตุ หรือ มโนธาตุ วิญญาณธาตุ



๑. พระกายสุข จิตตสุข ปฐวีธาตุดิน
ปฐวีธาตุ  ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
ปฐวี ธาตุ อันอาโปช่วยยึดไว้ เตโชช่วยรักษาไว้ วาโยธาตุช่วยพยุง เป็นปัจจัย เป็นที่ตั้งแห่งมหาภูต ๓ โดยมีจิตเป็นสมุฏฐาน ปฐวีธาตุมี ๓ ธาตุอาศัย คือ น้ำ ไฟ ลม เพราะมีจิตเป็นสมุฏฐาน ปฐวีธาตุเป็นของหยาบเป็นลักษณะ มีความเป็นที่อาศัยอยู่แห่งธาตุอื่น รับเอาธาตุอื่นไว้เป็นเครื่องปรากฏ

๒. พระอุปจารสมาธิ พุทธานุสสติ จัดเป็นจิตธาตุ
จิตธาตุ  ปราณีตขึ้น เป็น
อุปจารฌาน สามารถบังคับธาตุได้ ถ้ามีการฝึกฝนบ่อย ๆ
จิต ธาตุ คือ  มโนธาตุ มนัสธาตุ หทัยธาตุ บัณฑรธาตุ (ธรรมชาติที่ผ่องใส) มนายตนะธาตุ มนินทรีย์ธาตุ วิญญาณธาตุ วิญญาณขันธ์ธาตุ มโนวิญญาณธาตุ ที่สมกัน ชื่อทั้งหมดนี้เรียกว่าจิตธาตุ


1. สมถ-วิปัสสนาจากพระไตรปิฎก 383 http://www.somdechsuk.com/download/samata-wipassanajakpratripitok.doc
28  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ตำนานการเข้าสับ เข้าคืบ เข้าวัดออกวัด สะกด เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 02:25:05 am
การเข้าสัพ พระปีติ ๕ พระยุคล ๖ สุขสมาธิ ๒  พระราหุลเถรเจ้า ทรงศึกษากับพระสารีบุตรเถรเจ้า องค์พระอุปัะชฌาย์ ครั้งทรงบรรพชาเป็นสามเณร  เพื่อให้จิต คล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ

การ เข้าสะกด พระปีติทั้ง ๕ พระยุคลทั้ง ๖ สุขสมาธิ ๒ ประการ  พระราหุลเถรเจ้า ทรงเป็นต้นแบบ กล่าวคือ  สัทธิวิหาริกของ พระราหุลองค์หนึ่ง กำลังนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ ขณะนั้นบังเอิญเกิดมีกิ่งไม้แห้งหักตกลงสู่พื้นมีเสียงดังเกิดขึ้น พระภิกษุสัทธิวิหาริกของ พระราหุลเถรเจ้า กำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่ก็สดุ้งตกใจเล็กน้อย  จิตก็ตกจากสมาธิ พระ ราหุลเถรเจ้าเห็นดังนั้น  ทรงทราบได้ทันทีว่า กุลบุตรที่มีจิตใจกล้าแข้งก็มี  กุลบุตรที่มีจิตใจอ่อนไหวต่อเสียงก็มี ครั้นได้ยินเสียงดัง อันเป็นเสี้ยนหนามต่อสมาธิเกิดขึ้น ผู้มีจิตอ่อนไหว จิตจะตกจากสมาธิทันที    กาลต่อมาพระราหุลเถรเจ้า   จะทรงทดลองสะกดสมาธิจิต ของพระภิกษุสัทธิวิหาริกขึ้น  โดยใช้ไม้เคาะให้เกิดเสียงดังขึ้นขณะ ภิกษุสัทธิวิหาริกนั้นกำลังเดินจิต ในพระปีติทั้ง ๕ พระยุคลทั้ง ๖ พระสุขสมาธิ ๒ ประการ เมื่อได้ยินเสียงไม้เคาะสะกด ให้เลื่อนปีติ ยุคล ๖ สุขสมาธิ ๒ ทีละขั้น  จนจิตนั้นไม่สะดุงสะเทือนต่อเสียง เป็นจิตที่ทนต่อเสียง มีจิตเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ   

การเคาะไม้สะกด มีมาจนถึง การสังคายนาครั้งที่ ๓  จึงเปลื่ยนมาใช้ลูกดินเผา ทิ้งลงในบาตรดินเผาให้เกิดเสียงแทน   ใช้มาจนถึงยุคทวาราวดี  ถึงสมัยสุโขทัย  จึงเปลื่ยนมาเป็นลูกตะกั่วสะกดแทน  ต่อมาพระมหาเถรนามว่าแก้ว นำลูกสะกดมาเจาะรูตรงกลางเสียบไม้ ปักกับเทียนเป็นระยะ  วางเทียนที่ติดลูกสะกดไว้ บนไม้ตีนกา นำไม้ตีนกาวางบนปากบาตร  จุดเทียน ไฟไหม้เทียนลามมาถึง ไม้เสียบลูกสะกดอยู่ ลุกสะกดตกลงบาตรดินมีเสียงดัง ผู้เข้าสะกดสะดุ้ง  ลูกต่อๆมาตก ไม่สะดุ้ง ทนต่อเสียงมีจิตกล้าแข้ง จิตไม่ตกจากสมาธิ  วิธีนี้ใช้เรื่อยๆมาจนถึงสมัยอยุธยา   รัตนโกสินทร์  ถึงปัจจุบันนี้  ส่วนมากสถานที่เข้าสะกด จะใช้เวลากลางคืน สะกดในป่าช้า เพื่อสะกดสงบความกลัว  สงบความสะดุ้งของจิต

ที่มา
1. การสืบทอดพระกรรมฐาน http://www.somdechsuk.com/download/karnsaebtodprakammathan.doc เรียบเรียงโดย พระครูสิทธิสังวร
29  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / ประวัติย่อ พระครูสิทธิสังวร ผู้สืบทอดการเผยแผ่พระกรรมฐาน มัชฌิมา ในปัจจุบัน เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 02:21:41 am
พระครูสิทธิสังวร เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๔๙๒ ตำบลวัดท่าพระ อำเภอบางกอกใหญ่  กรุงเทพฯ





        อุปสมบท ณ วัดราชสิทธาราม  เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๖  โดยมี พระธรรมรัตนวิสุทธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์  พระครูไพโรจน์กิจจาทร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประสิทธิ์วุธคุณ เป็นอนุศาสนาจารย์

บวชแล้วศึกษานักธรรม ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับพระครูปัญญาวุธคุณ ศิษย์สืบทอด พระกรรมฐาน ไก่เถื่อน ต่อมาได้ทำการฟื้นฟูพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ของสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน

ผลงานในพระพุทธศาสนา
   
   ๑  ฟื้นฟูผดุงรักษา พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ  ของสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อนที่ได้สังคายนาไว้ในรัชกาลที่ ๒ เมื่อปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๔ อันเป็นแบบแผน การ ปฏิบัติกรรมฐานมาตั้งแต่ พระโสณเถระ พระอุตรเถระ ผ่านยุคผ่านสมัยมา

  ถึงยุคทวาราวดี ยุคสุโขทัย ยุคอยุธยา และยุครัตนโกสินทร์ สมัยหลังมีการเรียนกรรมฐานไม่เป็นแบบแผน ไม่เป็นลำดับ ทำให้ผู้ศึกษากรรมฐานสับสน

   ๒. เรียบเรียงประวัติ สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน

   ๓. เรียบเรียงพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ตามแบบ ที่
              สังคายนาใน  รัชกาลที่ ๒

   ๔.เรียบเรียง พระกรรมฐานจากพระไตรปิฏก ตามแบบพระ
              กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

   ๕. คัดลอก เรียบเรียงตำนานการสืบทอดพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบ
               ลำดับ

    ๖.เรียบเรียงประวัติปฏิปทา พระสังวรานุวง์เถร(ชุ่ม)

    ๗. จัดทำพิพิธภัณฑ์ พระกรรมฐาน ของสมเด็จพระสังฆราช ไก่
                เถื่อน   ณ คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม
            ๘.รวบรวมพระคัมภีร์พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ของเก่า

ประวัติเกี่ยวกับการเดินธุดงค์

หุบเขาลม

 

15 กุมภาพันธ์

ในปี พ.ศ. 2529 ข้าพเจ้าได้พาคณะออก ธุดงค์ หลังจากที่เลยตรุษจีนแล้วข้าพเจ้าได้นำคณะพระธุดงค์ออกจากรุงเทพฯ เริ่มต้นที่วัดราชสิทธาราม และก็เดินทางเรื่อยๆ มาผ่านที่ช่องเขาขาด ล่วงวันล่วงคืนมาเรื่อยๆ ครั้นเวลา 17.00 น. ได้พาคณะเข้าพักที่กลางหุบเขาลม ชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าหุบเขาลม และได้เห็นคนเดินมาจึงเพ่งจิตไปที่ชายคนนั้น เห็นนิมิตในตัวชายคนนั้นเป็นพระพุทธรูปขาว อยู่ในตัวชายคนนั้น จึงรู้ว่าชายคนนี้ใจบุญและใจดี คณะของเราที่พักในหุบเขาลมนั้น 1 คืน ชายผู้นั้นก็เอาน้ำมาถวาย และต่อมาคณะของเราก็แขวนกลด พักอยู่ในหุบเขาลมนั้นเอง พอตกกลางคืนกลางดึกประมาณ 2 ยาม ลมในหุบเขาก็พัดอย่างแรง และก็แรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลดที่แขวนอยู่แกว่งไปแกว่งมา และมุ้งกลดก็หลุดออกจากร่มกลด ด้วยแรงลมนั้น ข้าพเจ้าและคณะก็เลยนอนจำวัดโดยไม่มีมุ้งกลด และยุงก็ไม่มี เพราะลมแรงมากไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ขณะเมื่อนอนอยู่นั้นในใจก็เกิดความกลัวเล็กน้อย พลันก็ปรากฏแสงสว่างสีเหลืองเรื่องๆ พุ่งมาจากยอดกลดมาคลุมร่างข้าพเจ้าที่นอนอยู่ ข้าพเจ้าก็รู้สึกอัศจรรย์ใจมาก และความกลัวที่มีอยู่หมดไปไม่มี พวกคณะของข้าพเจ้าที่ไปนั้น ต่างก็ปักแขวนกลดกันไกลห่างกันเกือบ 60 เมตร ต่อจากนั้นก็เลยลุกขึ้นนั่งพระกรรมฐาน เมื่อจิตนั่งเห็นนิมิตเป็นฤาษีอยู่บนยอดเขานั้น ฤาษีที่เห็นในนิมิตนั้นท่านบอกชื่อว่า ฤาษีวิษณุ เมื่อเลิกนั่งกรรมฐานแล้วจึงแผ่เมตตาไป แล้วสวดมนต์กรณีเมตตสูตร แต่หุบเขาลมที่พวกข้าพเจ้าปักกลดอยู่ในปัจจุบัน เป็นที่โล่งราบไม่มีต้นไม้ใหญ่ ฤาษีที่เห็นอยู่ในบนภูเขานั้นในนิมิตก็เป็นป่าทึบมาก แต่ปัจจุบันเป็นเขาหัวโล้น นิมิตที่เห็นนั้นเป็นการเห็นภาพที่เป็นป่าสมบูรณ์ในอดีต ที่ๆ ข้าพเจ้าปักนี้เป็นจังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นพวกเราก็นอนจำวัด เช้ามืดตื่นมากสวดมนต์ทำวัตร พอสว่างแล้วแผ่เมตตาแล้วก็ออกบิณฑบาตร มีคนใส่บาตรจนเต็มล้นบาตร เมื่อกลับจากบิณฑบาตรแล้วก็เตรียมตัวฉัน ก่อนฉันก็สวด ปัญจเวกพิจารณาอาหารก่อน ถวายข้าพระแล้วอนุโมทนา เมื่อขณะกำลังจะฉันมีคนเอาของมาถวายที่กลด และได้สนทนาธรรมกัน เมื่อฉันเสร็จญาติโยมก็ต่างคนพากันกลับไปประกอบอาชีพของตนต่อไป เมื่อการฉันเสร็จสิ้นโยมกลับไปแล้ว คณะของเราก็พากันเดินจงกรมพักหนึ่งแล้วก็เขาประจำกวด นั่งทำสมาธิภาวนาต่อไป ประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็เตรียมเก็บกลดเก็บบาตรใส่ถุงย่าม เพื่อจะเดินทางต่ดอไป ก่อนจะไป พวกเราก็แผ่เมตราให้กับเหล่าสัพสัตว์ในที่นั้นสักพักหนึ่ง แล้วก็พากันเดินทางออกไปจากที่นั้นขณะเดิน ก็ภาวนาไปด้วย ว่า เมตตา สัพโส ภาวนาขณะที่เดินไปตลอดทาง ก็ถึงที่แห่งหนึ่งคือที่ลำนารายณ์เป็นป่าละเมาเป็นที่สงัดในเวลากลางวัน (วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 29) ก็พักผ่อนกลางวัน ณ ที่นั้นโดยมิได้กลางกลด เพียงเอาผ้าอาบปูนอนพักเหนื่อยเมื่อหายเหนื่อยแล้ว ก็ลุกขึ้นมานั่งกรรมฐานประมาณ 40 นาทีเมื่อเลิกนั่งแผ่นเมตตาแล้วก็มีญาติโยมเอาน้ำมะพร้าวมาถวาย แล้วพวกญาติโยมก็สนทนาถามเรื่องต่างๆ รวมทั้งการปฏิบัติด้วย ประมาณสักครึ่งชั่วโมงญาติโยมก็กราบลาไปทำงานที่ไร่ ที่นาต่อ พอได้เวลาแดดร่มลมตกพวกคณะของเราก็เริ่มเดินทางต่อไป เดินไปเรื่อยๆ เดินไปก็ภาวนาแผ่เมตตาของทางไปด้วยจนถึงเวลาใกล้ค่ำ จึงเตรียมหาที่ปักกลด

ถ้ำแก้วกายสิทธิ์

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529

เมื่อคณะของเราเดินทางมาเรื่อยๆ ในตอนเย็นวันนั้นเห็นข้างทาง เขียนบอกทางว่า ไปถ้ำแก้วกายสิทธิ์ พวกเราก็เดินเข้าทางไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็พักต้มน้ำกลางทางที่ศาลากลางทุ่ง ก่อนถึงถ้ำแก้วกายสิทธิ์ประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้ำนี้อยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อพักต้มน้ำชาและดื่มแก้กระหายและพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว และในคณะพระของเรากับพวกเราไม่รู้จักทางไปถ้ำแก้วกายสิทธ์ ก็นั่งสมาธิถามเทวดา ก็เห็นเทวดาในนิมิตนั้ชี้บอกทางให้ไปทางเขาลูกหนึ่งซึ่งในที่นั้นมีเขาหลายลูก พวกเราจึงเดินไปตามทางที่เทวดาบอกจนถึงถ้ำแก้วกายสิทธิ ที่นี้เป็นวัดร้างไม่มีพระอยู่จำพรรษา เรียกว่าสำนักสงฆ์

เมื่อชาวบ้านทราบก็พากันมา และบอกให้คณะของเราพักอยู่ที่นี่ และขอให้พวกเราจำพรรษาที่นี่เลย พวกชาวบ้านก็พากันขอร้องให้คณะของพวกเราจำพรรษาอยู่ที่นี่ แต่พวกเราก็นิ่งไม่รับปาก พวกชาวบ้านก็พากันเอาข้าวสารมาใส่ไว้เต็มโอ่ง พร้อมทั้งของแห้ง พริก หอม กระเทียม ไว้เป็นอันมาก พอตกกลางคืนพวกเราก็นั่งเข้าทีทำสมาธิในถ้ำแก้วกายสิทธิ์ เห็นพระในสมาธิ ท่านบอกว่าให้ทำสมาธิให้มากๆ แล้วจะดีเองพวกเราพักอยู่ที่ถ้ำแล้วกายสิทธิ์หลายคืน เมื่อถึงตอนเช้าก็มีพวกชาวบ้านพาพวกเราออกบิณฑบาตร ด้วยอยากจะให้พวกเราจำพรรษาอยู่ที่นี่ วันนั้นเป็นวันใกล้มาฆะบูชา คือวันโกน พวกเราจึงพากันปลงผมที่ถ้ำนั้น และคืนพรุ่งนี้ก็เป็นวันเพ็ญอาจมีลูกแก้วออกมาให้เห็นก็ได้ ชาวบ้านบอกอย่างนั้น และบอกอีกว่า ลูกแก้วนี้จะออกมาในเวลาเที่ยงคืน ตกกลางคืนพวกเราก็พากันเวียนเทียนและนั่งสมาธิ อยู่ ณ. ถ้ำนี้ เมื่อเลิกนั่งพระกรรมฐานแล้ว ก็คอยจนถึงเที่ยวคืนเพื่อคอยดูลูกแกล้วออกจากถ้ำ จนเลยเที่ยงคืนแล้วก็ไม่เห็นลูกแก้วลอยออกจากถ้ำ เมื่อคณะของเราพักอยู่ที่ถ้ำแก้วกายสิทธิ์อยู่นั้น พวกชาวบ้านก็มารบเร้าขอหวยกันมาก และมีชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า คนที่นี่บ้าหวยกันมากชอบขอพระจนพระอยู่ไม่ได้เลยกลายเป็นวัดร้าง เมื่อชาวบ้านกลับไปแล้วคณะของเราก็นั่งทำสมาธิในเวลากลางคืนนั้น ในคืนนั้นก็นั่งสมาธิเห็นพระธุดงค์ เดินสะพายบาตรแกกลดฝ่าดงหญ้าคาไป และพระธุดงค์ในนิมิตก็บอกว่า ในสมัยท่านเดินทางไม่มีถนนอย่างนี้ ต้องเดินไปในป่าบ้าง เดินไปตามดงหญ้าคาบ้าง และระหว่างทางก็มีสัตว์ร้ายมากมาย ถ้าไม่เก่งพอตัวก็เอาชีวิตไม่รอด พอถึงเวลาเช้ามืดพวกคณะของเราก็รีบเก็บกลด และรีบออกจากที่นั้นเพื่อหนีชาวบ้าน ที่มาขอร้องให้จำพรรษาอยู่ที่นี่ พวกเราเดินออกจากถ้ำมาตามทางลูกรัง มีหมาเห่าตลอดทางที่พวกเราเดินทาง ไปสว่างที่กลางทางใกล้กับหมู่บ้านหนึ่ง ที่ตำบลจรเข้สามพัน ก็เลยบิณฑบาตรที่หมู่บ้านนี้ แล้วก็หาที่พักฉันอาหารเช้ากัน พอตกกลางคืนก็เดินไปให้ห่างหมู่บ้านประมาณ 500 ชั่วธนู หาที่ปักกลด ณ ที่นั้นเอง

เมื่อถึงตอนหัวค่ำชาวบ้านก็เอาน้ำปานะมาถวาย เมื่อชาวบ้านกลับไปแล้วพวกเราก็พากันนั่งสมาธิกันในสมาธินั้นเห็นหลวงปู่ของวัดพลับท่านมาต่อว่าดุเอา ว่า มีอย่างที่ไหนเป็นพระรุขมูลมาปักกลดอยู่ใกล้หมู่บ้านคนพวกเอ็งกลัวอดหรือ พอรุ่งเช้าพวกเราก็เก็บกลดออกบิณฑบาตรแล้วก็เดินต่อไป แต่ครั้งนี้มิกล้าที่จะปักกลดใกล้หมู่บ้านเลย เพราะกลัวหลวงปู่ท่านจะมาต่อว่าอีก  เมื่อมาถึงกลางทางใกลเย็นจึงหาที่ปักกลด เมื่อจะปักกลดนั้นได้มีพวกชาวบ้านมาบอกว่า มีที่พักอยู่ที่หนึ่งเป็นที่พักที่ชาวบ้านทำไว้สำหรับพระธุดงค์ ว่าแล้วก็นำคณะของพวกเราเดินทางไปประมาณ 1 กิโลเมตร จนถึงที่พัก เลยถนนมามากและเป็นที่เงียบสงัด ล้อมไปด้วยป่า ที่นั้นชาวบ้านเรียก บ่อน้ำทิพย์
 

บ่อน้ำทิพย์

 

วันที่ 27 – 27 กุมภาพันธ์ 2529

เมื่อมาถึงที่ บ่อน้ำทิพย์ มีศาลาเล็กๆ หลังหนึ่งที่ชาวบ้านสร้างไว้ และก็มีชาวบ้านมาช่วยกันตักน้ำกินน้ำใช้มาใส่โอ่งไว้ที่ใต้ศาลา พอตกกลางคืนพวกคณะของเราก็รวมตัวกันสวดมนต์เย็นบนศาลานั้น แล้วก็นั่งเจริญกรรมฐาน รุ่งเช้าพวกคณะของเราก็ออกบิณฑบาตรกัน เมื่อฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีหญิงชราอายุประมาณ 80 ปี เข้ามาหาคณะของเราบนศาลาบ่อน้ำทิพย์ และได้สนทนาเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องธรรมด้วย แล้วหญิงชรานั้นก็เล่าว่า เมื่อแกยังเป็นอายุประมาณ 10 กว่าขวบ ที่ตรงนี้ยังเป็นป่ารกมากกว่านี้ และมี ธารน้ำไหลตลอดทั้งปี แต่มาเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีน้ำเลย เพราะคนตัดไม้ทำลายป่ากันมาก แกยังเล่าต่อไปอีกว่า เมื่อก่อนแม่ใช้ให้ไปหาฟืนมาหุงต้ม มักจะสั่งว่าให้เก็บแต่ฟืนแห้งๆ มา ห้ามไปตัดไม้ที่ยังไม่แห้งมา ถ้าเอาไม้ไม่แห้งมาถือว่าไม่รักป่า แกบอกว่าสมัยก่อนโน้น เขาฮักนับถือป่ากันมาก พวกคณะของเราก็ถามแกว่า หมายความว่าอย่างไร แกก็บอกว่า คนสมัยนั้นหวงแหนป่ามาก มักสอนให้ลูกหลานไม่ให้ทำลายป่า เพราะกลัวจะไม่มีน้ำทำนา ไม่มีปลาจะกิน แกบอกว่าเขาสอนเป็นคำกลอนดังนี้
บ่นับถือป่า         บ่มีคงคา             บ่มีปลาทอง        บ่มีแม่โพสพ

หมายความว่าคนสมัยก่อนโน้นถ้าไปตัดไม้ทำลายป่าแล้ว เรียกว่าเป็นคนเนรคุณ ไม่รู้จักคุณของป่าเมื่อป่าไม้หมด น้ำก็จะไม่มี เมื่อน้ำไม่มีก็ไม่มีปลาจะกิน เมื่อไม่มีน้ำก็จะปลูกข้าวไม่ได้ และจะไม่มีข้าวกินนี่เป็นคำสอนของคนไทยโบราณแถวเพชรบูรณ์ สอนกันมาเป็นร้อยๆ ปีแล้ว เรียกว่าคนสมัยเมื่อร้อยปีก่อนทราบดีว่าป่าเป็นต้นกำเนิดของน้ำ เมื่อมีป่าก็มีน้ำ เมื่อไม่มีน้ำก็ไม่มีป่า ขาดน้ำก็ขาดปลา ทำนาก็ไม่ได้ข้าวไม่มีกิน ฉะนั้น คนสมัยก่อนจึงรักป่ากันมาก หรือที่เรียกว่า “นับถือป่า”

แกยังเล่าต่อไปอีกว่าคนสมัยก่อนนับถือพระแม่โพสพมาก และบอกว่าแม่โพสพนั้นท่านมีบริวารมาก เช่นแม่ยายกะลา แม่ตากะลี แม่สีจำปา แม่แจ่มจันทร์เทวี นางสร้อยมณีลัญ นางจันมณีลา แกบอกว่าคนเหล่านี้คือบริวารของพระแม่โพสพ

ต่อมาแกยังเล่าอีกว่าเมื่อชาวนาดำนา และข้าวงอกงามดีแล้ว เรียกว่าเวลาข้าวเขียว ก็จะมีการนำของไปเลี้ยงไปแต่ง แม่โพสพ โดยมี ปลาตะเพียนทำด้วยใบมะพร้าว กล้วยอ้อย น้ำมัน ส้ม ไปเลี้ยง แม่พระโพสพ มีการแต่งธาตุด้วยคือการทำให้ธาตุทั้ง 4 สมดุลกัน เมื่อแกเล่าจบก็ได้เพลาเย็นแกก็กลับไป

พอตกเย็นพวกเราก็รวมกันทำวัตรเย็นแล้วก็แยกย้ายกันไปนั่งเจริญภาวนา เมื่อจิตนิ่งเป็นสมาธิก็เห็นก้อนอิฐในป่าแถบนี้ มีรูปพระสงฆ์นั่งพระกรรมฐานอยู่ในก้อนหิน ก็ส่งจิตไปคุยกับท่านถามว่าท่านชื่ออะไร ท่านบอกว่าจะเรียกท่านอะไรก็ได้เพราะทุกอย่างเป็นของสมมุติ แล้วท่านก็บอกว่าท่านเป็นพระเมื่อสมัยพันปีมาแล้ว ท่านบอกว่าพะรสมัยนั้นได้มรรคได้ผลกันมาก และส่วนมากก็จะมีอภิญญาด้วย และท่านยังบอกอีกว่าคนในสมัยนั้นนับถือพระรัตนตรัยยิ่งชีวิต ท่านบอกว่าพระส่วนใหญ่เล่าเรียนกันในทางปฏิบัติ สมถะ – วิปัสนากันมาก อย่างต่ำที่สุดก็ได้อภิญญาสมาบัติ เมื่อพวกเราออกจากสมาธิแล้วก็ไปฉันน้ำชา ที่ทำจากใบไม้ที่คนมาเก็บให้ เอามาย่างไฟ แล้วก็เข้ากลดนั่งทำสมาธิต่อ เลิกนั่งสมาธิแล้วก็เข้าจำวัด ตอนเช้ามืดพวกคณะของเราก็มารวมตัวกันทำวัตรสวดมนต์ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็พากันแยกย้ายออกบิณฑบาต แล้วกลับมาฉัน เมื่อฉันเสร็จพักผ่อนเล็กน้อยก็เก็บกลดออกเดินทางต่อไป แล้วพักกลางวันที่กลางทาง เมื่อแดดร่มลมตกก็ออกเดินทางต่อไป
 

ปักกลดที่ป่าช้าผีดิบ

2 มีนาคม พ.ศ. 2529

เมื่อเดินไปนั้นคณะของเราก็เดินภาวนาไปด้วย คำภาวนาว่า “เมตตาสัพพะโส” เป็นการเดินแผ่เมตตาที่ท่านโบราณจารณ์ท่านสอนไว้อย่างนี้ เป็นการเดินภาวนาขอทางและแผ่เมตตาให้กับสัพพะสัตว์ทั้งหลาย และเป็นการทำสติปัฏฐานไปในตัวด้วย เมื่อแดดร่มลมตกเวลาประมาณ 5 – 6 โมงเย็น พวกคณะของเราก็หาที่ปักกลดเพื่อจะค้าแรม เมื่อกำลังเดินหาที่ปักกลดอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งมาบอกว่า ท่านอาจารย์จะหาที่ปักกลดหรือ พวกเราก็บอกว่าใช่ ชายผู้นั้นก็บอกว่า ให้ไปปักกลดที่ป่าช้าเพราะเป็นที่เงียบสงัด เลยจากถนนนี้ไปประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อคณะของเราเดินไปถึงที่นั้นก็เห็นเป็นป่าเงียบสงัด มีต้นไผ่ล้อมรอบในป่านั้นมีหลุมศพมากมายทั้งที่ขุดไปแล้วทั้งที่ยังมิได้ขุด ยิ่งเข้าไปลึกก็รู้สึกวังเวง เพราะห่างไกลบ้านผู้คนมาตั้ง 2 กิโลเมตร มีศาลาเล็กๆ สำหรับตั้งศพอยู่หลังหนึ่ง และเลยไปประมาณ 20 เมตร ก็มีเมรุแบบโบราณสี่เสา เสานั้นใหญ่สองคนโอบ ตรงกลางมีเชิงตะกอนก่อด้วยอิฐ ในสถานที่นั้นล้อมรอบด้วยป่าไม้ต่างๆ มีต้นยางสูงตระหง่าน ต้นงิ้ว มีต้นไผ่ล้อมรอบป่า พวกคณะของเราก็ไปแขวนกลดที่ศาลาตั้งผีนั้นซึ่งเป็นศาลาเก่าๆ เมื่อแขวนกลดแล้วก็กางมุงกลด แล้วก็พากันไปเก็บเอาก้อนอิฐที่เมรุมาทับตีนมุ้งกลดเรพาะลมแรงมากและอากาศก็หนาว ลมพักใบไผ่ดังหวีดหวิว เหมือนคนร้องน่าสะพึงกลัว เสร็จแล้วพวกเราก็รวมตัวกันทำวัตรเย็น เมื่อทำวัตรเสร็จแล้วก็ไปเก็บอิฐที่หล่นกระจายข้างเมรุมาสามก้อนวางเป็นสามเส้าสำหรับต้มน้ำชาดื่มกัน เพราะมีคนมาถวายมาเมื่อตอนกลาววัน เมื่อดื่มน้ำชาเรียบร้อยก็เข้ากลดนั่งเจริญกรรมฐานกัน ยิ่งดึกลมยิ่งพัดจัดและแรงมาก และก็หนาวมากขึ้นจน ตี 1 กว่าพวกเราก็ตื่นเพราะนอนไม่หลับเพราะมันหนาวมาก ยิ่งดึกเสียงลมพัดต้องใบไผ่ดังหวีดหวิวมากกว่าตอนหัวค่ำ เลยต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิกัน พอใกล้สว่างก็พากันทำวัตรสวดมนต์ เสร็จแล้วต่างคนต่างก็เดินจงกรม พอรุ่งเช้า 6 – 7 โมง หมอกลงจัด ยังมืดอยู่พวกเราคอยจน 8 โมงเช้า หมอกก็ยังไม่จางซ้ำฝนยังตกปรอยๆ อีกด้วย 8 โมงเช้าแล้วท้องฟ้านั้นก็ยังไม่สว่าง แต่พวกเราเห็นสายมากแล้วจึงออกบิณฑบาตรปรากฎว่า เวลานั้นหนาวมากชาวบ้านยังไม่มีใครตื่น จึงไม่มีใครมาใส่บาตร เราก็กลับมาที่ศาลาด้วยบาตรเปล่า จึงต้มน้ำชาฉันกัน เพราะไม่มีข้าวจะฉัน นึกในใจว่าวันนี้ต้องอดข้าวแน่ พอดีกันนั้นเองก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินตรงมาที่ศาลาที่เราพักอยู่ เมื่อมาถึงชายคนนั้นก็ถามคณะของเราว่า เห็นวัวผมไหม พวกเราบอกว่าไม่เห็น แล้วชายผู้นั้นก็ถามว่าท่าฉันข้าวเช้าหรือยัง พวกเราก็บอกว่าวันนี้ออกบิณฑบาตรแต่ไม่ได้ข้าวสักเม็ด ชายคนนั้นจึงบอกว่า ที่นี่อากาศแบบนี้ 8 – 9 โมงเช้าเขายังไม่ตื่นกันเพราะหนาวมากและหมอกลงจัดด้วย เมื่อชายผู้นั้นรู้ว่าพระยังไม่ได้ฉันข้าว ก็วิ่งกลับไปบ้านสักครู่ใหญ่ ชายผู้นั้นจึงมาพร้อมด้วยปิ่นโตประมาณ 5 ชั้น แล้วชายผู้นั้นก็นำปิ่นโตมาถวายพระ เมื่อพวกเราเปิดปิ่นโตออก ในนั้นก็มีข้าวเหนียว 2 ชั้น ผักดองชนิดต่างๆ 2 ชั้น อีกชั้นหนึ่งมีน้ำปลากใส่พริกป่น เมื่อประเคนแล้วเราจึงสวดอนุโทนาให้พรโยม แล้วสวดพิจารณาอาหาร แล้วจึงฉันอาหารมื้อนี้โยมได้อานิสงฆ์มากเพราะพวกเรากำลังหิวมาก เพราะวันหนึ่งฉันมื้อเดียว เมื่อชายคนนั้นจะกลับก็บอกกับพวกเราว่า ให้เอาปิ่นโตไว้ที่ศาลานี้ เดี๋ยวเขามาเก็บเอง เมื่อเราฉันเสร็จแล้ว สักครู่ก็พากันนั่งสมาธิสักครู่จึงพากันเก็บกลดแล้วเริ่มเดินทางไปหาที่สงบวิเวกต่อไป เราเดินทางมาหลายวันจึงเข้าพักที่อำเภอหล่มสัก หนึ่งคืน จากหล่มสักพวกเราก็คิดว่าจะเดินทางไปค้างที่ ศูนย์พัฒนาศาสนา แคมป์สน เพราะเป็นที่สงบเวียบและอากาศดี เขาเรียกกันว่า สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย  พวกเราเดินทางมาหลายวันพักกลางทางมาเรื่อยๆ เหลือระยะทางอีกไม่ไกลก็จะถึง แคมป์สน ดินแดนแห่งความสงบเงียบ
 

พวกโอปะปาติกะทีแคมป์สน

4 มีนาคม 2529

พวกเราทั้งคณะเมื่อฉันอาหารบิณฑบาตรแล้ว ก็เดินทางมาอีกระยะประมาณ 2 – 3 กิโลเมตรจนถึงแคมป์สน อยู่ระหว่างหล่มสักไปพิษณุโลก จะไปแคมป์สนนั้นเดินลำบาก เพราะทางที่ไปมีแต่ภูเขา

เมื่อคณะของเรามาถึงปากทางเข้าแคมป์สนนั้น ก็มีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ดังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้

เมื่อคณะของเราเดินทางมาถึงปากทางเข้าแคมป์สน ศูนย์พัฒนาศาสนา ก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังลอยลมมาว่า “ขอเชิญพวกท่านเข้ามาพักในสถานที่นี้ให้สบายเถิด” พวกคณะของเราก็ได้ยินกันก็ถามกันว่าได้ยินอะไรไหม ก็นึกประหลาดใจ พวกเราเดินเลี้ยวเข้าไปในทางที่จะเลี้ยวเข้าแคมป์สน ก็เห็นรูปปั้นพ่อขุนผาเมือง ก็ส่งกระแสจิตไปที่ พระรูปปั้นพ่อขุนผาเมือง ก็ทราบได้ทันที่ว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้มาจากวิญญาณที่สิงสถิตย์อยู่ภายในรูปปั้นนั้น เป็นเสียงที่นิมนต์ให้พักในที่นี้ เมื่อเดินมาถึงรูปปั้นพ่อขุนผาเมือง จึงนั่งพักดื่มน้ำเมื่อหายเหนื่อยแล้ว จึงพากันเดินลึกเข้าไปที่เจดีย์อิสรภาพ พระนเรศวรมหาราช ที่พวกเรามองเห็นแต่ไกลๆ เมื่อมาถึงเจดีย์นั้น พลันก็ได้เยินเสียงลอยลมมาว่า “ขอเชิญท่านญาณทั้งสองพักที่นี่ให้สบาย” คือคณะของเราเมื่อมาถึงแคมป์สน เหลือเพียง 2 ท่าน นอกนั้นแยกกันเดินทางไปตามอัธยาศัย ด้วยประสพการณ์เราจึงรู้ว่าเสียงนี้มาจากเทพที่สิงสถิตอยู่ในเจดีย์อิสรภาพ พระนเรศวรมหาราชนั้นเอง จากนั้นพวกเราก็เดินไปยังศาลาโรงอาหาร เมื่อมาถึงโรงอาหารก็พบพระชรารูปหนึ่ง พวกเราก็เข้าไปกราบท่านๆ ก็พูดกับเราว่า “ฉันนั่งคอยท่านมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วคอยฉันข้าวพร้อมกัน” เมื่อเราฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ ว่าท่านรู้ได้อย่างไรว่าเราจะมากัน แต่ก็ยังไม่กล้าถามอะไรมาก ก็เลยฉันข้าวกับท่าน ต่อมาเมื่อคุ้นเคยกันดีแล้วก็ได้สนทนากับท่าน ท่านจึงเล่าว่า ก่อนที่ท่านทั้งสองจะมานั้น อาตมาได้นั่งกรรมฐานอยู่ก็เกิดนิมิตว่า “พรุ่งนี้ตอนเพลจะมีพระมาที่นี่สองรูป” ฉะนั้นตอนเพลวันนี้ท่านจึงนั่งคอย เมื่อท่านคุยให้เราฟังเราจึงทราบ และท่านยังบอกอีกว่าเหมือนเทพยดามาบอกอย่างนั้นแหละ เมื่อพักอยู่แคมป์สนนั้นพวกเราได้สนทนาธรรมกับ อาจารย์พร รัตนสุวรรณ ผู้ริเริ่มก่อตั้งแคมป์สน แล้วต่อมายกให้อยู่ในความดูแลของ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และที่นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “ศรีเพ็ญ” เก่งทางด้านจิตรกรรมฐานมาก เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์พร  รัตนสุวรรณ พวกคณะของเราได้อาศัยปฏิบัติธรรมอยู่ที่แคมป์สนหลายราตรี

เมื่อคณะของเราพักอยู่ที่แคมป์สนปฏิบัติธรรมเพราะเป็นที่ร่มเย็น เงียบสงัด และสนทนาธรรมกับอาจารย์พร เกือบอาทิตย์ และได้ลาเจ้าของสถานที่กลับ

ขากลับได้เดินทางมาถึงรูปปั้นพ่อขุนผาเมือง ก็กล่าวลาที่รูปปั้นท่านว่า “ลาก่อนนะพ่อขุน” พลันก็ได้ยินเสียงลอยลมมาว่า “ขอให้เจริญในธรรมนะท่าน” พวกเราก็รู้เพราะประสพการณ์  ที่ผ่านมาว่าเสียงนี้เป็นเทพวิญญาณที่อยู่ในรูป พ่อขุนผาเมือง และจากนั้นพวกเราที่เหลือสององค์ก็เดินทางต่อไปเพื่อไปนมัสการพระพุทธชินราช ที่ จังหวัดพิษณุโลก เดินพักแรมมาเรื่อยๆ เพราะทางที่มานั้นเป็นภูเขาเดินลำบาก
 

ศาลเจ้าพ่อขุนเณร

วันที่ 14 – 16 มีนาคม 2529

ต่อมาเมื่อพวกเราเดินทางมาใกล้ศาลเจ้าพ่อขุนเณร และในระหว่างทางเกิดปวดท้องเบา จึงจะไปหาที่จะไปเบาจึงพบต้นมะขามใหญ่อยู่ใกล้จากริมทางประมาณ 50 เมตร จึงตรงไปที่ต้นมะขามยักษ์นั้นหมายจะเบา เมื่อมาถึงที่ต้นมะขามนั้น จะเข้าไปนั่งเบาพลันก็ได้ยินเสียงลอยลมออกมาว่า “ขอนิมนต์ท่านทั้งสองพักที่ร่มเงาไม้นี้ให้สบายเถิด” เมื่อพวกเราได้ยินเสียงนั้นก็รูว่าเป็นรุกขเทวดา ที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นมะขามยักษ์นี้เลยไม่กล้าไปเบาที่โคนต้นมะขามนั้น เลยหันออกไปหาที่เบาใหม่ เมื่อเบาแล้วจึงมาพักที่ใต้ต้นมะขาม กลางทางระหว่างเมืองเพชรบูรณ์ และเมืองพิษณุโลก พักสังครู่ก็มีโยมนำเอาน้ำดื่มมาให้ดื่มเมื่อดื่มแล้วก็ให้พรโยมแล้วก็เดิน ทางต่อไป จนถึงศาลเจ้าพ่อขุนเณร ก็ส่งกระแสจิตสมาธิไปที่ศาลเจ้าขุนเณร ก็มีเสียงบอกมาว่าเมื่อท่านทั้งสองจะเข้าไปพัก ให้ระวังเจ้าอาวาสหน่อยเพราะท่านพูดเสียงดัง เพราะหูท่านตึง เมื่อเข้าไปหาที่เจ้าอาวาสก็จริงอย่างที่ โอปะปาติกะ พ่อเจ้าขุนเณรว่า เราก็พักค้างแรมที่นั้นหนึ่งราตรี ตอนเช้าเราก็ออกเดินบิณฑบาตรและแถวที่เราพักอยู่มีสำนักวิปัสสนามากมาย และระหว่างศาลเจ้าพ่อขุนเณรจะไปเมืองพิษณุโลกก็ตกประมาณ 20 กิโลเมตร พวกเราก็กะว่าจะเดินให้ถึงวันเดียว เมื่อฉันอาหารแล้วก็เริ่มเดินทางเมื่อเริ่มเดินทางไปได้ 10 กิโลเมตร เราก็หาที่ร่มรื่นเข้าพักกลางวันพอใกล้บ่าย 2 – 3 โมงแดดร่มลมตกแล้ว เราก็เริ่มเดินทางต่อเดินไปพักไปจนถึงเมืองพิษณุโลก และได้เข้าบิณฑบาตรโดยสะดวกในตัวเมือง แล้ว ก็เลยไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระพุทธชินราช ที่พระธุดงค์ทุกองค์ปรารถนาจะไปกราบไหว้ เมื่อพวกเราเดินออกไปห่างเมือง 1 กิโลเมตร ก็หาที่เงียบสงบปักกลดค้างแรมอยู่ 1 ราตรี พอใกล้รุ่งเราก็ตื่นขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์ เสร็จแล้วจึงเก็บมุ้งกลดมุ่งหน้าเข้าเมืองพิษณุโลกเพื่อบิณฑบาตร ในตัวเมืองเราบิณฑบาตรได้ข้าวมากมาย ก็เดินออกจากตัวเมืองมาหาที่ฉัน เสร็จแล้วก็เดินทางมาที่องค์พระพุทธชินราชอีก แล้วก็สวดมนต์ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสงฆคุณ เสร็จแล้วก็นั่งเข้าสมาธิต่อเฉพาะพระพักตร สมเด็จพระพุทธชินราช นั่งอยู่ภายในวิหารจิตสงบดีมาก ทั้งนี้เป็นด้วยอำนาจพระพุทธคุณในองค์พระพุทธชินราช เมื่อแดร่มลมตกแล้ว เราจึงเดินทางต่อไป จุดหมายปลายทางของเราก็คือ เมืองสุโขทัย เพื่อเดินทางไปนมัสการ วัดพระธาตเก่าเมืองสุโขทัย และไหว้พระอัจจะยะ พระใหญ่ที่วัดศรีชุม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวัดฤาษีชุม
 

ไปไหว้พระใหญ่ ที่วัด ศรีชุม

25 มีนาคม 2529

กล่าวว่าในสมัยก่อนที่นี่เป็นที่ชุมนุมของฤาษี สถานที่เหล่านี้พวกพระรุกขมูลชอบเดินทางมานัสการกันมาก เพราะถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และปูชณียสถานเก่าแก่

เมื่อเดินทางออกจากศาลเจ้าพ่อขุนเณรรอนแรมมาได้ 3 – 4 วัน ก็ลุถึงเมืองสุโขทัยอันเป็นเมืองใหม่ เราก็ค้างแรมห่าออกตัวเมืองไปประมาณ 2 กิโลเมตร ปักกลดแล้วก็ทำกิจปกติ รุ่งเช้าก็เดินทางเรื่อยๆ มาเพื่อบิณฑบาตรในตัวเมืองสุโขทัยแต่มาไม่ถึงตัวเมืองบาตรก็เต็มก่อนพวกเรา จึงกลับที่พักฉันอาหาร เสร็จแล้วพวกเราก็เดนทางไปยังสุโขทัยเก่า ห่างออกจากสุโขทัยใหม่ไปประมาณ 12 กิโลเมตร เดี๋ยวนี้เป็นวนอุทยาน เดินไปพักไปประมาณ 2 วันก็ถึง สุโขทัยเมืองเก่า พวกเราก็พักค้างแรมอยู่ในวนอุทยานเมืองสุโขทัยเก่านั้น พอตกเย็นก็มาทำวัตรหน้าวัดพระธาตุเก่าเมืองสุโขทัย รุ่งเช้าก็ออกบิณฑบาตรหน้าเมืองเก่าสุโขทัย ฉันแล้วก็นั่งเจริญกรรมฐานในกลด พอสายหน่อยพวกเราก็จะเดินทางไปไหว้พระใหญ่ที่วัดศรีชุม หรือวัดฤาษีชุม เหตุที่เรียกวัดฤาษีชุมเพราะที่นี่เมื่อก่อนเป็นที่อยู่ของฤาษีมากมาย มีฤาษีเป็นหัวหน้าใหญ่สี่ตน นัยว่า เป็นคนในาชวงศ์พระร่วง มาออกบวช ฤาษีทั้ง 4 ตนชื่อดังนี้

1.       ฤาษีสุกันตะ

2.       ฤาษีสุกันทะ

3.       ฤาษีสุชน

4.       ฤาษีสุริย์

เหตุนี้วัดนี้จึงชื่อว่าวัดฤาษีชุม ต่อมาเพี้ยน เป็นวัดศรีชุม เมื่อคณะของเราเดินทางออกจากอุทยานกรุงเก่า พวกเราเดินทางเรื่อยๆ มาก็ถามคนมาเรื่อยๆ ว่าวัดศรีชุมไปทางไหน เพราะเราไม่เคยมา เพราะเป็นครั้งแรก เมื่อพวกเราเดินมาถึงปากทางเข้าวัดศรีชุม เมื่อเดินมาได้เล็กน้อยก็ปรากฏมีเสียงลอยลมมาจากวัดศรีชุม ดังนี้ “มีเสียงพระชะยันโต มีเสียงฆ้องชัย และเสียงไชโยโห่ร้องของผู้คนมากมายดังมาก” พวกเราจึงถามว่าที่นี่มีงานหรือไง จึงมีเสียงพระชยันโต เสียงไชโยโห่ร้อง พวกเราเดินมาเรื่อยเมื่อใกล้วัดศรีชุมเสียงนั้นก็หายไป เมื่อเข้าไปในวัดก็ไม่เห็นมีงานอะไร ไม่มีผู้คนไม่มีงาน จึงแปลกใจกันว่าเสียงนั้นมาจากไหน แล้วก็เก็บความสงสัยไว้ในใจ ก็เข้าไปในวิหารหลวงพ่ออัจจะยะ กราบนมัสการท่าน พักอยู่สักครู่เจอโยมคนหนึ่งอายุมากแล้วก็เข้ามาคุยกับโยม โยมแก่คนนั้นก็เล่าให้ฟังว่า สมัยโบราณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เคยมาทำนำพิพัฒสัตยาที่นี่ เมื่อเราฟังเช่นนั้นก็รู้ว่า เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงในอดีตที่มาปรากฏให้ได้ยินเสียง ดังที่กล่าวในพงศวดารว่า ……….

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา ก็มีข่าวแจ้งมาว่าพระยาพิชัยและพระยาสวรรคโลกเป็นกบฏ สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าพร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงเสด็จยกกองทัพหลวงไปปราบเดินทางมาผ่านเมืองสุโขทัย ครั้นถึงเมืองสุโขทัยเมืองเก่า ก็เสด็จไปตั้งทัพรออยู่ที่วัดศรีชุม จึงมีพระบรมราชโองการตรัสสั่งให้ชาวพ่อพราหมณ์ ชุมนุมพรามณาจารย์ แล้วให้ไปเอาน้ำในบ่อพระสยมภูนาถ และเอาน้ำที่ตระพังโพยศรีมา มาตั้งบูชาต่อหน้าพระพักตรพระอัจจะยะ ทำพิธีกรรมสัตยาธิฐาน เอาคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นประธาน ให้ท้าวพระยา -  เสนาบดี มุขมาตร์ ทหารทั้งหลายดื่มกินน้ำสัตยาแล้ว จึงยกทัพไป ณ วันศุกร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 และนี่เป็นที่มาของเสียงนั้น ดังที่มีปรากฏในพงศวาดาร
 

     (จบการธุดงค์ประจำปี พ.ศ. 2529 คัดเอาเฉพาะเรื่องสำคัญ)

22 กุมภาพันธ์ 2533

ปีนี้พวกเราได้พาคณะออกะองค์อีกเช่นเคย โดยเริ่มเดินทางไปทางจังหวัดราชบุรี ถึงตำบล ชัฎป่าไม้ เห็นบ้านร้างหลังหนึ่งในเย็นวันนั้นคณะของเรา จึงได้พักที่บ้านร้างนั้น ปักกลดเรียบร้อยสักครู่ก็เห็นญาติโยมเดินมาเป็นทิวแถว ต่างคนต่างถือน้ำปานะมามากมาย ตั้งแต่เย็นถึงเวลาหนึ่งทุ่ม ญาติโยมขอให้สอนกรรมฐานเราก็บอกวิธีนั่ง แล้วให้ภาวนาว่า พุมโธ โยมนั่งกันเงียบสักครู่ประมาณสักหนึ่งชั่วโมง จึงเลิก และเล่าอารมณ์กรรมฐานให้พวกเราฟัง แล้วช่วยบอกวิธีแก้ไขให้แล้วญาติโยมก็ลากันกลับไป รุ่งเช้าก็นำอาหารมาถวายที่กลดจากนั้นควกคณะของเราก็เดินหาความสงบวิเวกต่อไป

23 กุมภาพันธ์ 2533

คณะของเราได้เดินทางมาเรื่อยๆ พอตกเย็นก็ถึงภูเขาสองลูกเล็กๆ ณ ตำบลทุ่งแหน ราชบุรี พวกเราก็พากันปักกลดอยู่ที่เชิงเขานั้น เวลาค่ำก็พากันสร้างน้ำที่ธารน้ำช้างภูเขา เวลานั้นได้มีตายายสองคนได้นำเอาน้ำปานะมาถวายและเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง โดยบอกว่าที่เขาสองลูกนี้มักมีพระธาตุลูกสีเขียวๆ ลอยออกมาและแกได้พบบ่อยๆ แล้วแกก็สนทนาธรรมกับเราจนใกล้ค่ำจึงกลับไป พวกคณะของเราก็พากันสวดมนต์ทำวัตรนั่งกรรมฐาน พอตอนเช้า สองตา – ยาย ก็นำเอาอาหารมาถวาย แล้วบอกว่า ตอนเพลขอพวกท่านอย่าเพิ่งไปจะมาถวายอีก คณะของเราก็อยู่คอย แล้วตอนบ่ายก็เดินทางต่อไป

24 กุมภาพันธ์ 2533

พวกเราเดินทางมาถึงป่าหวาย จึงหวัดราชบุรี ทันทีนั้นญาติโยมรู้ว่าเรามาจากวัดพลับ ก็เลยนำพระวัดพลับออกมาให้ดูแล้วถามพวกเราว่าแท้หรือไม่แท้ พวกเราก็บอกว่าแท้ไม่แท้ก็ใช้ได้ ขอให้ถือเอาองค์พระเป็นพุทธานุสสติ เอาพระกำไว้แล้วให้ภาวนาพุทโธ โยมก็ทำตามสั่งครู่เมื่อเลิกแล้ว พวกโยมก็พากันกลับบ้าน เราก็เดินทางกันต่อไป

25 กุมภาพันธ์ 2533

เมื่อเดินทางมาถึงท่าตะโกพักที่นั้น พวกโยมรู้ก็พากันตัดเอาอ้อยคั้นเอาน้ำมาถวาย พัก 1 คืน ก็เดินทางต่อ

28 กุมภาพันธ์ 2533

เมื่อเดินทางมาถึงอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีก็ได้ปักกลดที่ป่าใกล้เขาพระศรีสรรเพชร ตอนเย็นก็มีชาวบ้านมาพบปะพูดคุยกัน ญาติโยมก็ขอให้พวกเราสอนการนั่งกรรมฐานให้ นั่งสักครู่ญาติโยมก็ให้เราทำน้ำพระพุทธ
30  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คติธรรม กับภาพครับ เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 12:22:28 am

























31  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มหาปุริสลักษณะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 03:20:30 am
พระมหาปุริสลักษณะ ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเท่าใดครับ

มีอย่างไรบ้างครับ

( พอดีเข้าไปดูภาพพระพุทธรูปแล้วทำให้อยากติดจินตนาการถึงพระพุทธองค์ ครับ)

 :25: :25:
32  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มาร มีตัวตน หรือ ว่า มาร คือ กิเลส กันแน่ เมื่อ: สิงหาคม 14, 2010, 03:52:52 pm
มาร ผู้ขัดขวาง จะเป็น พญามารสุรัสสวตี หรือ บรรดายักษ์ นันทกะ เป็นต้น

หรือ ขณะที่อานนท์ ถูก ดลใจ ด้วยมาร

ลูกสาวมาร นางตัณหา นางราคา นางราคี นั้น

มีตัวตนอยู่ จริง หรือ เป็นเพียง สภาวะ

ในสัมมาทิฏฐิ นั้น ให้ความเชื่อเรื่อง พวกนี้อย่างไรครับ

 :25: :25:
33  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เข้าพรรษา อุบาสกอย่างผมจะสมาทานอะไรเป็นพิเศษได้บ้างครับ ? เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 10:40:53 pm
เห็นเพื่อนที่ทำงาน ตั้งสัจจะงดเหล้าเข้าพรรษา งดสังสรรค์เข้าพรรษา

ที่ถูกต้องแล้ว อุบาสก ควรจะสมาทานอะไรในระหว่างเข้าพรรษาครับ

 :25: :25:
34  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนา กับ วันปกติ บุญต่างกันหรือไม่ ? เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 10:38:25 pm
แบบถามเพื่อตนเองที่ติดงาน แต่จะเปลี่ยนวันพรุ่งนี้ตอนไปทำบุญที่วัด รอบอุโบสถสัก 3 รอบ

เจริญ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

ถ้าผมเวียนเทียนในวันปกติ นั้น บุญจะน้อยกว่าวันสำคัญหรือป่าวครับ

 :25: :25:

35  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เข้าพรรษา จำเป็นต้องถวายผ้าอาบน้ำฝนหรือ ไม่ ? เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 10:36:22 pm
คือผมมีความคิดไม่เหมือนคนอื่น เพราะผมเชื่อว่า เราควรถวายอะไรที่เป็นประโยชน์

พรุ่งนี้วันเข้าพรรษา ปกติไปซื้อพุ่มเอง และ ถวายผ้าอาบน้ำฝน

แต่ปีนี้มีศรัทธาครับ ซื้อของใช้ที่ผมชอบ และ คิดว่าพระต้องใช้แน่ ๆ มาห่อเอง

และเปลี่ยนจากผ้าอาบน้ำฝนเป็น ผ้าสบง และ อังสะ แทน

ไม่ทราบว่าท่านอุบาสก อุบาสิกา ที่มีความเข้าใจในเรื่องการถวายนั้น

ผมได้ทำถูก หรือ ผิด หรือ เหมาะสมหรือป่าวครับ



และอนุโมนทนา บุญกุศลกับทุกท่านที่ ได้ทำบุญในวันนี้ และ เวียนเทียนด้วยนะครับ

พูดถึงเรื่องเวียนเทียน ผมไม่ได้ไปเวียนเทียน เพราะทำงานถ้าผมต้องการเวียนเทียน

โดยไปที่เวียนรอบพระพุทธรูปในวันอื่นได้หรือป่าวครับ
36  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / วิธีการสร้างบารมี มีขั้นตอนง่าย ๆ ทำอย่างไรครับ เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 10:20:32 pm
ผมเคยฟัง เรื่องบารมีของพระโพธิสัตว์ แต่มีขั้นตอนง่าย ๆ ในการสร้างบารมี

แบบพระัโพธิสัตว์หรือไม่ครับ


 :25: ;)
37  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ควรทำอย่างไร ถ้าเราเจอ ผี หรือ วิญญาณ เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2010, 10:14:16 pm
โดยส่วนตัว ผมเองก็เป็นคน กล้วผี หรือ วิญญาณ อยู่แล้ว

ถึงจะไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ

จนกระทั่ง มีเพื่อน ผมคนหนึ่งทำงาน กะดึก บอกว่าเจอผี มาหลอก 3 ครั้งแล้ว

ก็มาถามผมว่า ถ้ามีมาหลอก อีก จะทำยังไง

เจ้าเพื่อนคนนี้ เวลาไปทำงานตรงจุดที่โดนหลอก ไม่อยากไป ต้องชวนคนไปเป็นเพื่อน รู้สึกจะกล้วมาก ๆ

เพื่อนสมาชิก ใครมีประสพการณ์ เจอผี แล้ว ทำอย่างไรไม่ให้ ผีมาหลอก มาหลอนเราครับ
38  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มหาสุบิน พุทธทำนาย ที่ปรากฏในพระไตรปิฏก เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2010, 10:04:30 pm
 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 217

                         อรรถกถามหาสุบินชาดกที่  ๗

        พระบรมศาสดาเมื่อประทับอยู่    ณ   พระเชตวันมหาวิหาร  ทรงปรารภมหาสุบิน

๑๖  ข้อ  ตรัสพระธรรมเทศนานี้   มีคำเริ่มต้นว่า  ลาวูนิ   สีทนฺติ   ดังนี้.

        ดังได้สดับมา     วันหนึ่งพระเจ้าโกศลมหาราช   เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์  ในราตรี

กาล  ในปัจฉิมยาม ทอดพระเนตรเห็น  พระสุบินนิมิตรอันใหญ่หลวง    ๑๖    ประการ   

ทรงตระหนกพระทัยตื่นพระบรรทม  ทรงพระดำริว่า    เพราะเราเห็นสุบินนิมิตรเหล่านี้ 

จักมีอะไรแก่เราบ้างหนอ    เป็นผู้อันความสะดุ้งต่อมรณภัยคุกคามแล้ว    ทรงประทับ

เหนือพระแท่นที่ไสยาสน์นั่นแล    จนล่วงราตรีกาล......

       ....................................................ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า   ขอพระองค์ได้

ทรงพระกรุณาโปรดทำนายผลแห่งสุบินของหม่อมฉันเหล่านั้นเถิด     พระเจ้าข้า.   

พระศาสดาตรัสว่าขอถวายพระพร  เป็นเช่นนั้นทีเดียวมหาบพิตร  ในโลกทั้งเทวโลก

เว้นตถาคตเสียแล้ว     ผู้อื่นที่จะได้ชื่อว่าสามารถรู้เหตุ   หรือผลของพระสุบินเหล่านี้   

ไม่มีเลย  ตถาคตจักทำนายให้มหาบพิตร ก็แต่ว่ามหาบพิตรจงตรัสบอกพระสุบินตาม

ทำนองที่ทรงเห็นนั้นเถิด.  พระราชาทรงรับพระพุทธดำรัสว่า  ดีละ   พระพุทธเจ้าข้า

เริ่มกราบทูลพระสุบิน      ตามทำนองที่ทรงเห็นอย่างถี่ถ้วน      โดยทรงวางหัวข้อไว้

ดังนี้  ว่า

                " โคอุสุภราชทั้งหลาย    ต้นไม้ทั้งหลาย  ๑

        แม่โคทั้งหลาย  ๑  โคทั้งหลาย  ๑  ม้า ๑  ถาดทอง  ๑

               สุนัขจิ้งจอก  ๑   หม้อน้ำ   ๑    สระโบกขรณี   ๑

          ข้าวไม่สุก  ๑  แก่นจันทน์  ๑   น้ำเต้าจม  ๑   ศิลาลอย  ๑

          เขียดขยอกงู    ๑   หงส์ทองล้อมกา   ๑   เสือกลัวแพะ   ๑ "
39  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ทำไมคนยุค ปัจจุบัน และ อนาคต จึงมีปัญญาน้อย เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2010, 09:59:36 pm
ใน พันปีแรก  ยังมี พระอรหันต์  ที่ทรงปฏิสัมภิทา  ( คือมีฤทธิ์ เช่น เหาะได้  ตาทิพย์  หู

                   ทิพย์ เป็นต้น )

ใน พันปีที่สอง  พ.ศ.1001-2000  ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระอรหันต์ทีเป็นสุกขวิปัสส-

                  กะ ( คือ ไม่ทรงปฏิสัมภิทา )

ใน พันปีที่สาม  ตั้งแต่  พ.ศ.2001-3000 (คือในยุคนี้ )   ผู้มีคุณธรรมสูงสุด   เป็นเพียง

                  พระอนาคามีบุคคล

ใน พันปีที่สี่  พ.ศ.3001-4000  ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระสกทาคามี

ใน พันปีที่ห้า พ.ศ.4001-5000  ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระโสดาบัน

ดังนั้น เลย พ.ศ.5000  จึงไม่มีพระอริยบุคคล   แม้จะมีหนังสือพระไตรปิฎกอยู่   แต่ไม่มี

                   ผู้เข้าใจ  จึงกล่าวว่า พุทธศาสนา ก็หมดสิ้นไปด้วย    แต่ บนสวรรค์ทั้ง 6

                   ชั้น และ พรหมโลก  ยังมีพระอริยบุคคล อยู่ ครับ


จากข้อความพระไตรปิฏก จักกวัติสูตร

ผมก็มาพิจารณา ดูแล้ว ว่า ในยุคนี้ ก็มองเห็นว่าการพัฒนา ทางด้านตำรา ความเข้าใจของมนุษย์นั้น มีความ
ฉลาดกว่าคนยุคก่อนมาก แต่ทำไมจึงไม่มีผู้บรรลุธรรมขั้นสูง

ทั้งที่ผมมองอย่างปัจจุบัน นี้เช่น พระไตรปิฏก นั้นมีทั้งที่เป็น ซีดี ข้อความ หนังสือ สืื่อต่าง ๆ ซึ่งคนหาอ่านง่าย

ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ๆ โน้น แค่พระไตรปิฏก นี้ก็แทบหาอ่านไม่ได้แล้ว ไ่ม่ต้องไปกล่าวเรื่องได้ยิน

ในยุคก่อน ๆ โน้น ก็เป็นยุคของคนหลง เชื่อ เรื่องไสยศาสตร์ สิ่งลึกลับ แต่ยุคปัจจุบันนั้น กับเป็นยุคที่ปรากฏ

ไปในแนววิทยาศาสตร์ ซึ่งที่จริงแล้วผมกับมองว่าในยุคปัจจุับันนี้ คนเป็นคนฉลาด ไหวพริบดี กว่าเมื่อก่อนอีก

แต่ทำไม คนมีความฉลาด และมีิสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการศึกษา มากขนาดนี้ ทำไมจึงปรากฏข้อความ

การเป็น พระอริยบุคคลสูงสุด แค่ พระอนาคามี


ซึ่งผมดูจากข้อความขัดแย้ง กับพระพุทธพจน์ ที่ว่า

  ตราบใดที่มียังมีผู้ปฏิบัติ ตามอริยมรรค ตราบนั้นโลกนี้ก็จักไม่ว่างจากพระอรหันต์


--------------------------------------------------------------------

ผมเองก็คาดหวัง ไว้ว่า ในยุคนี้ น่าจะมีพระอรหันต์ อยู่นะครับ


========================================================

40  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สัจจังอภินิเวสายะ มีความหมายว่าอย่างไร ครับ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 04:07:24 am
สัจจังอภินิเวสายะ มีความหมายว่าอย่างไร ครับ

   กับ ศัพท์ คำนี้มีความหมายอย่างไร ครับ

   ช่วยหน่อยครับ
หน้า: [1] 2