ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - สายฟ้า
หน้า: 1 [2] 3
41  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กฏแห่งกรรม เพียงอ่าน แล้วคิด... ทำไว้ในใจและหาทางละจากวงเวียนนี้เสีย เมื่อ: เมษายน 22, 2011, 04:04:47 pm

 1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย 
          เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์

 2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ
          เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน

 3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
          เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน

 4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต
          เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน

 5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก
          เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน

 6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม
          เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน

 7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี
          เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน 

 8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย
          เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน

 9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า
          เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติก่อน

 10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า 
          เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน

 11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง
          เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน

 12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น
          เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย

 13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้
          เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน

 14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส
          เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ

 15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก
          เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่

 16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
          เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้น น้ำลำธารให้เป็นพิษ

 17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย
          เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์

 18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา
          ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มา ไม่มีสิ้นสุด

 19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม
          คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า
42  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สอบถาม เรื่องบุญ บาป หน่อยครับ เกี่ยวกับ วัด เมื่อ: เมษายน 04, 2011, 12:00:07 pm
เมื่อวานได้ไปที่วัด ปรากฏในวัด มีต้นมะม่วงในวัด ที่เจ้าของที่ดินได้ถวายให้วัดแล้ว เป็นมะม่วงพันธ์ดี พวกเราเห็น
มีจำนวนมาก ด้วยความอยากลิ้มลองก็เลยไปนำมากินกันแก้ความอยากกัน แต่ก่อนที่จะกินนั้น ก็ได้ไปขอหลวงพ่อ
เจ้าอาวาส ซึ่งท่านปกครองวัดอยู่ ซึ่งวันนั้นพวกญาติพี่น้อง พ่อแม่ได้ไปทำบุญเลี้ยงเพลกัน อยู่แล้ว ท่านก็อนุญาตพวกเราก็เลยปีนขึ้นไปเก็บมากินคนละลูกสองลูก สมความอยาก

  แต่มาตอนนี้ ก็มีคนพูดว่า เอาของวัดกินเป็นเปตร ตายไปเป็นเปตร

  ทำให้พวกผม ก็หนาว ๆ ร้อน ๆ กันอยู่ว่า เราพลาดกันแล้วใช่ไหมนี่...แม้ว่าขอถูกต้อง ก็ยังบาปอีกหรือนี่....
ื่
  เผอิญเมื่อวานผมไปเห็นคนแก่ที่บอกว่าผมจะเป็นเปตรนั้น ช่วงพระไปทำวัตรแกไปสอยมาเป็นตระกร้าเลย..

  เรื่องของคนแก่นั้น ขอพักไว้ก่อน


  ผมสงสัยว่า พวกผมมีความผิดหรือไม่ครับ

  ถ้ามีความผิด ทำอย่างไรจะแก้ไขให้หนักเป็นเบาได้ครับ....

   :41:
43  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / บางครั้งเราพูดโกหก ด้วยความจำเป็น อย่างนี้ผิดศีลหรือไม่ครับ เมื่อ: มีนาคม 29, 2011, 05:14:35 pm
คือ เห็นพ่อไปบ้านสองครับ แม่ให้ตามไป แล้วก็ถามว่า พ่อไปที่ไหนครับ ผมรู้ว่าถ้าตอบว่า พ่อไปบ้านแม่สอง

แม่จะต้องทะเลาะกับพ่อครับ จึงพูดโกหกไปว่าพ่อไปทำงานที่บ้านนั้นครับ

อย่างนี้ถือว่าเป็นการผิดศีล หรือไม่ครับ......

และจะทำอย่างไร ถ้าเราต้องรักษา ศีล ก็ต้องพูดความจริงกันใช่หรือไม่ครับ

ถ้าพูดความจริงแล้ว ต้องทะเลาะตบตีกันอีก บาปเกิดจากผมเป็นคนพูดจริง ใช่หรือไม่ครับ

 :021:
44  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: มส.มีมติห้ามตัดคำว่า "วัด" ออกจากชื่อโรงเรียน เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 09:38:17 am
พวกที่คอยจะคิดเรื่องนี้ ผมว่า เอาเวลาที่คิดไปคิดว่า ทำอย่างไรไม่ให้เด็กนักเรียนตีกัน ดีกว่านะครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องรีบด่วน

 พวกครูสมัยนี้ บางครั้งก็น่าเกลียด เอาที่วัดไปแล้วสร้างกำแพงกั้นอีก กันเขตเป็นเขตโรงเรียน แท้ที่จริง

ก็ยังเป็น วิสุงคามสีมา ยังเป็นของวัด ๆ ให้ใช้แล้ว บางท่านยังจัดผ้าป่าเข้าโรงเรียนอีก ยังมาเนรคุณ อีก

ค่านิยม เด็กไม่เรียน โรงเรียนวัด เรียนโรงเรียนวัดแล้วโง่

........................

ผมว่าอย่าให้ค่านิยม บ้าๆ นี้เติบโตเลยครับ

อ่านแล้วรู้สึก ว่า...เซ็งกับพวกนี้ จริง ๆ วัน ๆ ไม่มีเรื่องจะคิดแล้ว

 :smiley_confused1:
45  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มีเหตุผลเดียวที่คุณเบื่อคน เบื่องาน คือ คุณไม่กล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 09:31:58 am



มีเหตุผลเดียวที่คุณเบื่อคน เบื่องาน  คือ  คุณไม่กล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง

ถ้าคุณอยากได้งานดี ๆ ทำ  จงเริ่มทำดี ๆ กับงานของคุณ
ทำดี ๆ คือ ทำด้วยใจ
ทำโดยไม่กลัวความผิดหวัง  และ ทำในสิ่งที่คุณต้องทำ
การทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความเต็มใจและตั้งใจจริง
เป็นเรื่องของคนที่เติบโตเต็มที่แล้วยังมีเกียรติ
ถ้าคุณทำงานโดยไม่เห็นว่ามันสำคัญและมีค่า
คุณก็ไม่ควรทำลายคุณค่าของงานด้วยการฝืนใจทำ

คุณจะรู้จักคนรักและมิตรสหาย
ก็ด้วยการมอบหมายงานให้เขาทำ
งานจะเปิดเผยธาตุแท้ของมนุษย์
ถ้าคุณทำงานเพื่อความอิ่มท้อง
จิตใจของคุณจะกระหายหิวและเหี่ยวเฉา
ถ้าคุณทำงานเพื่อความอิ่มใจ
แม้ท้องไส้ของคุณจะไม่อิ่มเต็ม
แต่มันก็จะให้พลังและกำลังใจที่คุณต้องการ
คุณต้องมีเวลาให้กับส่วนอื่น ๆ ของชีวิต
“งานมาก” ไม่อาจใช้เป็นข้ออ้างอะไรได้

เราทุกคนจะมีเวลามากพอสำหรับทุกสิ่ง
ถ้าเรารู้จักใช้เวลาให้เป็น
ถ้าเราเห็นถึงคุณค่าของแผนงาน
ไม่ว่างานอะไรก็ตาม   คุณจงพอใจที่จะทำ
หรือจงพอใจที่จะไม่ทำ   แต่อย่างทำด้วยความไม่พอใจ
เมื่องานที่คุณรักกำลังจะล้มเหลว
อย่าสิ้นศรัทธา  แม้ว่าคุณจะสิ้นทุกสิ่ง

จงศรัทธาในตัวคุณเอง
คุณยังไปได้ดีกว่าที่คุณเป็นอยู่
สิ่งใดที่ทำให้คุณล้มเหลว  คุณต้องเรียนรู้

ต้องเข้าใจ  และต้องเอาชนะ
ชีวิตคุณจะมีความหมายก็ตรงที่มีอุปสรรคมาท้าทายคุณ
แล้วคุณ ตั้งใจจริงที่จะไม่ยอมแพ้
งานที่ดีต้องมีปัญหาและอุปสรรค

ถ้าคุณไม่มีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญมาท้าทาย
คุณก็ไม่อาจพบกับความรู้สึกดี ๆ ได้ในชีวิต
การค้นคว้าและขบคิดจนแก้ปัญหายุ่งยากได้สำเร็จ
การฝ่าฟันอุปสรรคหนักหน่วงจนได้ชัยชนะ
สองสิ่งนี้ให้ความรู้สึกอะไรกับคุณ  คงจำได้
ชีวิตคุณถ้าไม่ได้ต่อสู้กับความยุ่งยากหนักหน่วงเสียบ้าง
ชีวิตก็คงจืดชืดน่าเบื่อหน่ายเป็นที่สุด

งานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
คุณจึงไม่ใช่รู้จักแต่จะก้าวไปเท่านั้น
คุณต้องรู้จักที่จะหยุดพักด้วย
ชีวิตจะเหมือนหนังสือที่ไม่มีวรรคตอนและย่อหน้า
ถ้าคุณไม่รู้จักว่าเวลาใดควรทำ เวลาใดควรหยุด

ทำงานในวันนี้ให้ดีที่สุด
เพราะเป็นวันที่คุณแน่ใจได้ว่าจะได้ทำ
ทำซิ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด  เพราะพรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำ

การทำงานด้วยใจ
เป็นขั้นตอนสุดท้าย  ของการศึกษาทั้งปวง
46  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระเจ้าตากสิน เป็นบ้าจริงหรือป่าวครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2011, 05:13:41 pm

ขอบคุณรูปภาพ จาก http://www.buddha-dhamma.com

ขอบคุณรูปภาพ http://www.web-pra.com


ฉบับเดิม ๆ อ่านได้ที่นี่ครับ

http://www.bs.ac.th/2548/e_bs/G4/suchada/page4.htm
47  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ใครรู้สึกว่าเบื่อแล้วกับการเกิด เกิดชาตินี้ขอเป็นชาติสุดท้ายเถอะ เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 09:10:48 pm
ใครรู้สึกว่าเบื่อแล้วกับการเกิด เกิดชาตินี้ขอเป็นชาติสุดท้ายเถอะ

พอแล้วขอไปนิพพานดีกว่า

มีใครรู้สึกว่าขอเกิดชาตินี้ชาติสุดท้ายพอ ตายแล้วขอไปนิพพานดีกว่า ไม่เอาแล้วการเกิดถ้ามี

คุณคิดแบบนี้เพราะอะไรครับ ?

สำหรับ ผม ผมก็คิดว่า ชาตินี้เกิดมามีแต่ทุกข์ ถ้าเกิดใหม่มันก็คงจะทุกข์อีก
ต่อให้ชาติหน้าเกิดมาหน้าตาดีมาก ฐานะชาติตระกูลดีมาก สุขสบายมาก แต่จริงๆ มันก็ทุกข์อยู่ดี

ที่สำคัญ เกิดมาชาตินี้ยังทุกข์ขนาดนี้ ชาติก่อนทำบุญไว้อาจจะมากกว่าที่ทำชาตินี้ 
แล้วถ้าชาตินี้ทำบุญน้อยกว่าชาติที่ผ่านๆมา ชาติหน้าคงเกิดมาลำบากมากขึ้นกว่านี้อีกเป็นแน่

สุดท้าย ไปนิพพานดีกว่า (คิดจริงๆนะ)
ผมไม่ได้เป็นพระโสดาบัน หรืออะไรนะ แค่เห็นว่าการเกิดเป็นทุกข์ไม่สุขจริงเท่านั้น

ถ้าคิดอย่างนี้ พอหรือยัง กับเส้นทางการเป็น สาวกภูมิ ครับ ถ้ายังต้องเพิ่มอะไรอีกครับ โปรดชี้แนะด้วยครับ

ร้องไห้ หรือ

หัวเราะ

มีสุข หรือ

มีทุกข์






:25: :25: :25:
48  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: แนะนำเสียงธรรม เรื่อง สุภาภิกษุณี เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 09:01:23 pm
ได้รับฟังแล้วได้ประโยชน์ มากครับ

 :25:
49  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตาบอดคลำช้าง ครับ เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 09:00:33 pm


ตาบอดคลำช้าง ครับ

50  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อเพื่อนคนหนึ่งมาปรึกษา....เรื่องที่จะทำให้ใจสงบ เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 08:56:38 pm
เท่าที่ผมอ่านดูท่าน จขกท ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนะครับ ก็เป็นธรรมดาของสัตว์โลกนะครับ น่าจะลองคุยกับน้องเค้าตรงๆไปเลยนะครับ มีแฟนหรือยัง?,รู้สึกอย่างไรกับเรา?
ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นใจก็จะได้มีคนดูแลซึ่งกันและกัน แต่ถ้าไม่ ก็ต้องกระทู้ของคุณบุญสม  เลยครับ ขอให้โชคดีสมหวังนะครับ ลองดูครับ

 :08: :29:
51  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิ ต เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 12:09:57 pm
ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิ ต

(chinese tantra totem for good luck)
 
1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
 
2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
 
3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มีและนอนเท่าที่อยากจะนอน
 
4. เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
 
5. เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย
 
6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
 
7. จงเชื่อในรักแรกพบ
 
8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
 
9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
 
10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
 
11. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
 
12. จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
 
13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่าจะรู้ไปทำไม
 
14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
 
15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
 
16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
 
17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
 
18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
 
19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
 
20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
 
21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง
52  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: จิตปภัสสร เป็นเช่นไร เมื่อ: มกราคม 17, 2011, 02:51:30 pm
สรุปตามความเข้าใจผม ก็คือ จิตประภัสสร ก็คือ จิตที่ปราศจาก นิวรณ์ ( อุปกิเลส  )

 :s_good:

ผมว่า น่าจะสรุปตามนี้ นะครับ สำหรับจิตประภัสสร
 :08:
53  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / น้ำตกเกลือแร่ ที่ประเทศตุรกี ( อยากไปบ้าง ) เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 02:38:02 pm






54  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ปฏิบัติพุทธานุสสติ นี้จะสามารถสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: มกราคม 15, 2011, 03:20:38 pm
คิดว่าน่าจะได้นะครับ เพราะสุดท้ายก็ต้องเป็นพระอรหันต์ ใช่ไหมครับ
แต่ตามขั้นตอนก็น่าจะเป็นพระโสดาบันก่อน นะครับ

 :c017:
55  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เทศกาลถอดกางเกงขึ้นรถไฟเริ่มแล้วอีกครั้ง เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 12:38:00 pm
น่าจะตั้งชื่อเทศกาลนี้ เทศกาลโชว์ขาอ่อน

 สาธุ อย่าให้มาระบาดเมืองไทยเลย สาธุ

  :25:
56  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 10 วิธี ที่พอจะทำให้ลืมคนที่อยากลืม เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 12:25:04 pm

10 วิธี ที่พอจะทำให้ลืมคนที่อยากลืม
เหมือนจะยากมากในการที่เราจะลืมใครสักคน แต่ไม่มีอะไรที่เกินความพยายาม ก่อนอื่นให้ทำตามนี้นะ

1. นึกว่าเหตุที่เราต้องลืมเขาเพราะอะไร คงไม่ใช่ส่วนดีของเขาแน่ๆ

2. หลังจากนั้นให้พยายามย้ำความคิดนั้น เพื่อจะไม่ให้เกิดความ อาวรณ์เขามากไป

3. พยามหลีกเลี่ยงการเจอเขาแบบตัวต่อตัว เพราะเกิดเขาเผลอมาทำดีกะเรา เราจะยิ่งเขว แต่ถ้าเขามากะแฟน จะดีมาก (แบบว่าช้ำสุดๆม้วนเดียวจบ)

4. หลีกเลี่ยงไปซ้ำที่เดิมๆ ที่เคยไปกะเขา

5. หากิจกรรมที่ต่างจากเมื่อคบเขา เช่น แต่ก่อนเขาและเราชอบฟังเพลง ป๊อบ ให้เปลี่ยนใหม่ มาฟังเพลงร้อคแทน (เอาให้โลกแตกไปเลย)

6. อย่าทำให้ตัวเองว่าง เกาะเพื่อนๆ เข้าไว้ มันจะเป็นช่วงหนึ่งแหละ หลังจากนั้น จะสามารถอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง

7. ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่นลงเรียนต่อ ไปเรียนทำขนม ไปเรียนร้องเพลง ฯลฯ (มีโอกาสเจอเพื่อนๆใหม่ด้วย)

8. อย่านั่งมองท้องฟ้าตอนเย็นๆ เพราะมันจะเหงามาก เคยมีคนศึกษาพบว่าบรรยากาศตอนเย็นคนอยากฆ่าตัวตายมากที่สุด

9. อย่านั่งมองฝนตก เหมือนถ่ายมิวสิกวีดีโอ มันจะยิ่งอยากร้องไห้แล้วถ้าร้องไห้ไม่มีคนมาเช็ดน้ำตาหรอกเพราะคุณไม่ใช่ นางเอกน่ะสิ

10. อย่าหาเรื่องกินจนอ้วน เพราะมันจะทำให้คุณหมดความมั่นใจไปกว่าเดิม

Ps... ลองทำดูนะ เผื่อจะได้หลุดจากความทรมานซะที..
57  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ตายไม่เน่า...เผาไม่ไหม้ “พ่อท่านเขียว” เกจิอาจารย์ขลังแห่งลุ่มน้ำปากพนัง เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 11:35:08 am
ตายไม่เน่า...เผาไม่ไหม้

“พ่อท่านเขียว” เกจิอาจารย์ขลังแห่งลุ่มน้ำปากพนัง

“วัด หรงบน” เมื่อ 30 กว่าปีก่อน ยังมีการติดต่อได้ลำบาก จากลุ่มน้ำปากพนัง ต้องล่องเรือนานกว่าชั่วโมง ก่อนขึ้นฝั่งที่ บางตะพงษ์ แล้วจะต้องเดินลัดเลาะข้ามทุ่งหญ้าไปอีกไกล จึงจะถึงวัดหรงบน เพื่อกราบนมัสการ “พ่อท่านเขียว” เกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำปากพนัง เนื่องจากไม่มีถนนเข้าไปถึง อีกทั้ง “พ่อท่านเขียว” ก็ยังไม่มีคนต่างถิ่น รู้จักมากนัก นานทีจึงจะมีคนเข้าไปกราบนมัสการท่าน



“พ่อ ท่านเขียว” ได้มรณภาพไปแล้ว ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๑๙ ณ วัดคงคาวดี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดหรงบนนัก และเป็นเส้นทางเดินผ่านมาจากบางตะพงษ์นั่นเอง การจัดการศพของท่านนั้น พระครูพิบูลย์ศีลาจารย์ เจ้าอาวาส วัดคงคาวดี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่าน ได้ตั้งศพของพ่อท่านไว้ที่วัดคงคาวดีหนึ่งคืนพร้อมทำการสวดอภิธรรม เพื่อให้บรรดาสานุศิษย์ได้เคารพศพพ่อท่าน จากนั้นรุ่งขึ้นจึงนำศพของพ่อท่านเดินทางไปยังวัดหรงบน ปรากฏว่าเมื่อชาวบ้านรู้ข่าว ต่างพากันมาร่วมไว้อาลัยพ่อท่านมากมาย และมีการสวดอภิธรรมจนครบ ๓ คืน ระหว่างงานสวดอภิธรรมนั้นได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยบรรดาลูกศิษย์ที่มีความเคารพนับถือพ่อท่าน ต่างต้องการแสดงความกตเวทิตคุณ ตามประเพณีงานศพของทางภาคใต้ ซึ่งเป็นประเพณีพื้นถิ่น คือทำการจุดดินปืนที่ใส่ “กระบอกเหล็ก” ยาว ๑ ศอก (ประเพณีนี้คนภาคใต้นิยมจุดกัน) คล้ายกับพลุเพื่อส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ไกลออกไปได้ทราบว่ามีงานศพ ปรากฏว่าการจุดในคืนแรก ดินปืนด้านหมดทั้งสามลูก ไม่ยอมดังหรือติดเลยแม้แต่ลูกเดียว

ต่อมาคืนที่สอง ลูกศิษย์เริ่มจุดอีกช่วง ๑๘.๐๐ น. ปรากฏว่าครั้งนี้จุดทั้งหมดห้าลูก แต่ก็ด้านหมดทุกลูก ไม่ดังและไม่ติดเช่นเดียวกันกับคืนแรก ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันประหลาดใจ ว่าเป็นเพราะเหตุใด จากนั้นพอคืนที่สาม ลูกศิษย์ผู้ที่จุดดินปืนก็ไม่ยอมลดละ ได้ทำการจุดดินปืนที่เตรียมมาใหม่ ในเวลาเดิม ๑๘.๐๐ น. แต่ปรากฏว่าจุดไม่ติด เช่นกันกับสองคืนแรก จะมีก็เพียงควันพวยพุ่งขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่ยอมระเบิดเลยแม้แต่ลูกเดียว ทำให้ผู้ที่จุดงวยงงสงสัย ว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ กระทั่งหลังการบำเพ็ญกุศลเรียบร้อย ก็จะทำการฌาปนกิจศพพ่อท่าน ตามประเพณี แต่บรรดาลูกศิษย์ต่างแตกความคิดกันออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งอยากให้เผาศพพ่อท่าน แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้เก็บศพพ่อท่านไว้ไม่อยากให้เผา แต่เสียงส่วนใหญ่ต้องการให้เผาศพพ่อท่าน จะได้หมดห่วงหมดกังวล จึงทำให้ ฝ่ายที่ไม่อยากให้เผา ทำการต่อรองขอว่า “ถ้าเผาศพพ่อท่านครบ ๑ ชั่วโมงแล้วไม่ไหม้ ขอให้เก็บศพไว้บูชา” ทุกฝ่ายจึงต่างก็ตกลงกันได้ด้วยดี
การฌาปนกิจศพ “พ่อท่านเขียว” ได้ทำการตั้งเมรุเผากันที่กลางลานวัด โดยใช้ไม้ฟืนที่ชาวบ้านช่วยกันนำมาโดยใช้เหล็กสามท่อน วางรองโลงศพต่างเชิงตะกอนแบบง่ายๆ เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงรอเวลาทำการเผาตามประเพณี แต่พอถึงเวลากลับไม่มีใครกล้าจุดไฟเผาพ่อท่านเลย ดังนั้น นายเหลี้ยง ชนะเสน เถ้าแก่โรงสี บ้านใสหมาก อ.เชียรใหญ่ ซึ่งเป็นศิษย์พ่อท่านอีกผู้หนึ่ง จึงเป็นผู้อาสาจุดไฟเอง โดยไม่ลืมทำพิธีขอขมาศพพ่อท่านก่อน แล้ววานท่านอาจารย์เพชร เป็นผู้จุดไฟที่ดอกไม้จันทน์ที่ตนถืออยู่ก่อน จากนั้นนายเหลี้ยงจึงทำการจุดไฟที่กองฟืนทันที ชั่วครู่ไฟจึงค่อยๆลุกลามขึ้นไหม้ทั้งดอกไม้จันทน์ ที่บรรดาญาติโยมนำไปวางไว้ทั้งด้านบนและด้านข้างโลงศพ และฟืนที่รองอยู่ จนควันโขมงและค่อยๆโหมแรงขึ้นๆจนท่วมโลงศพ และฟืนที่สุมอยู่ โดยมี “ฝ่ายที่ไม่อยากให้เผา” ต่างก็คอยจับเวลาดูนาฬิกา ว่าจะครบ ๑ ชั่วโมงเมื่อใด ไฟได้โหมแรงขึ้นๆจนกองฟืนที่สุมไว้ไหม้เกือบหมดแล้ว แต่เวลาก็ยังเหลืออีกมากทำให้ “ฝ่ายที่ไม่อยากให้เผา” ต่างออกอาการหงุดหงิดตามๆกัน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ จึงได้แต่เร่งเวลาให้ครบชั่วโมงโดยเร็ว แต่ไฟได้ไหม้ทั้งฟืนและโลงศพจนหมดก่อน ที่ผู้ที่จับเวลาจากนาฬิกาที่มีถึงสามคน จากทั้งสองฝ่าย ก็ได้ตะโกนบอกว่า “ครบชั่วโมงแล้ว”

เสียงฆ้องเสียงระฆัง จึงตีรัวดังขึ้น ตามที่นัดหมายกันไว้ นาทีนั้นโดยไม่มีใครคาดคิด นายเหลี้ยง ผู้ที่ทำการจุดไฟรีบวิ่งเข้าไปยังกองไฟที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ แม้จะเริ่มมอดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังมีไฟลุกอยู่เป็นส่วนมาก แต่ นายเหลี้ยง ไม่นำพาและไม่ได้หวาดหวั่นกับไฟที่ยังคุกรุ่นเหล่านั้นเลย กลับเดินแหวกควันไฟเข้าไป พร้อมเอามือช้อนลงอุ้มศพของพ่อท่านขึ้นให้ทุกคนดู ปรากฏว่าศพของพ่อท่านเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยใดๆ ให้เห็นว่าผ่านการถูกเผามาเลย แม้แต่จีวรก็ยังเหลืองอร่ามไม่มีร่องรอยถูกเผาเช่นกัน

ผู้ที่เห็น เหตุการณ์ จึงต่างส่งเสียงดังลั่น ส่วนนายเหลี้ยง ที่ใช้มือช้อนใต้ศพ จึงถูกเหล็กรองโลงศพเข้าเต็มๆ แต่แทนที่เหล็กจะร้อนเพราะถูกไฟเผา ปรากฏว่าเหล็กรองโลงศพพ่อท่านเขียวกลับเย็นเฉียบ ไม่มีความร้อนดั่งเช่นเหล็กที่ถูกไฟเผามาก่อนเลย ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างงงงวยกันยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเป็นเรื่องที่สุดอัศจรรย์โดยแท้ พอได้สติบรรดาญาติโยมต่างเฮโลไปรุมฉีกจีวรของพ่อท่านเก็บไว้ จนจีวรที่ห่อหุ้มร่างของพ่อท่านหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ



เรื่อง ที่เล่ามานี้นับเป็นเรื่อง “อัศจรรย์” และ “เหลือเชื่อ” อย่างยิ่ง แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้ไปร่วมงานฌาปนกิจศพพ่อท่าน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ทุกคนยืนยันได้ เพราะผู้ที่เล่าเหตุการณ์นี้ก็คือ “นายเหลี้ยง ชนะเสน พระครูพิบูลย์ศีลาจารย์ ท่านอาจารย์ขำ วัดหงษ์แก้ว” รวมทั้ง “นายตั้ง” ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ไปร่วมงาน ต่างยืนยันได้ทุกคน แสดงว่าบุญบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของ “พ่อท่านเขียว” นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ เพราะเพียงแค่ “ท่านมรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อย” ก็ถือว่าอัศจรรย์อยู่แล้ว แต่นี่ “เผาไม่ไหม้” แม้แต่จีวรที่ห่อหุ้มร่างกายท่านก็ยังไม่ไหม้อีกด้วย

ปัจจุบัน “ศพของพ่อท่าน” ก็แข็งเป็นหินไปแล้ว สรีระของท่านแข็งและแกร่งมาก แต่คงเค้ารูปแบบเดิมทุกประการเพียงแต่แห้งลงไปบ้างเท่านั้น ขณะนี้ทางวัดได้นำ “สรีระของท่าน” ใส่โลงแก้วไว้ เพื่อให้ผู้คนทั่วไปได้กราบไหว้บูชาและได้ชมสรีระของพ่อท่านด้วยตัวเอง เพราะหากใครได้ไปกราบ “ร่างพ่อท่าน” สักครั้ง ก็นับเป็นบุญอย่างยิ่ง


ย่อจากบทความของ ‘แฉ่ง บางกะเบา’
‘ตายไม่เน่า...เผาไม่ไหม้’
นสพ.เดลินิวส์ วันที่ 1 กันยายน 2550
ภาพจาก
http://www.be2hand.com/scripts/shop.php?do=article_detail&news_id=1752&user=praonline
58  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อวยพรส่งท้ายปีเก่า 2553 และ ต้อนรับปีใหม่ 2554 กันเถอะคร้า.... เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 05:51:33 pm


ขอให้ทุกท่านมีความสุข จากจาก นายสายฟ้า ครับผม

59  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ผมสงสัยพิธี วิธีนี้ เป็นจริง หรือ แกล้งทำ ครับ เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 07:47:29 pm
เป็นเฉพาะ พวกสักยันต์ หรือ ป่าว อาจจะเป็นเฉพาะกลุ่ม

จะสงสัยไปทำไม ?
 :34:
60  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญา กับความแตกต่าง ..... เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 01:18:35 pm
“The Foolish The Clever The Wise – คนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญา” เขียนโดยคุณ ไชย ณ พล คือแนวทางในการพัฒนาคุณค่าแห่งตน ในระหว่างพฤติกรรมคนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญา

เมื่อทราบถึง พฤติกรรมคนโง่ พฤติกรรมคนฉลาด และ พฤติกรรมคนเจ้าปัญญา แล้วทั้ง 96 ข้อ จงประเมินดูว่าตนเองอยู่ในจำพวกไหน ทำเครื่องหมายไว้แล้ว นับจำนวนรวมแต่ละประเภท แล้วหาอัตราส่วนระหว่างพฤติความโง่ พฤติความฉลาด พฤติความเจ้าปัญญาที่มีอยู่ในใจตน

จากนั้นจงตั้งใจลดความโง่ พร้อมทั้งเพิ่มความฉลาดในใจตนให้มากขึ้น และพัฒนาจากความฉลาดสู่ความเจ้าปัญญาให้มากยิ่งๆขึ้นไป แล้วประเมินใหม่ทุกเดือนภายในหนึ่งปี ควรขจัดความโง่ให้สิ้นไปไม่เหลือซาก แล้วจะพบว่าชีวิตนี้มีคุณค่า และมีความหมายขึ้นตามลำดับ


ว่าด้วยระบบธรรมะ

 

คนโง่ ปรับธรรมะเข้าหาคน
จึงได้คนจำนวนมากเดินตามธรรมะเทียม

 

คนฉลาด ปรับคนเข้าหาธรรมะ
จึงได้คนจำนวนน้อยอยู่รักษาธรรมะแท้

 

คนเจ้าปัญญา ปรับธรรมะและคนเข้าหากัน
ณ จุดแห่งประโยชน์สูงสุดที่เหมาะสมและเป็นไปได้
จึงได้คนจำนวนพอดีอยู่ รักษาธรรมะที่ดีพอ

 

 

ว่าด้วยสำนึกในส่วนรวม

 

คนโง่ คิดแต่เรื่องส่วนตัว

ทำอะไรก็เพื่อตนเอง

แม้อาจทำให้คนอื่นเสียหาย

จึงเป็นที่รังเกียจ สังคมไม่ต้องการ


คนฉลาด คิดแต่เรื่องส่วนรวม

ทำอะไรก็เพื่อส่วนรวม

แม้อาจทำให้ตนเสียหาย

สังคมต่างต้องการแต่ตนไม่อาจตั้งอยู่ได้


คนเจ้าปัญญา คิดแต่เรื่องคุณธรรม

ทำอะไรก็เพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายในทุกกาลเวลา

จึงเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย

ในขณะที่เขาอาจจะไม่ต้องการใครเลย

 
ว่าด้วยความเป็นธรรม
คนโง่ ชอบเรียกหาความเป็นธรรม
จนบ่อยครั้งใช้กระบวนการที่ไม่เป็นธรรมในการ เรียกหา
จึงยิ่งพาให้ห่างไกลความเป็นธรรม
คนฉลาด ชอบสร้างความเป็นธรรม
ปั้นแล้วปั้นอีก ปั้นอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมแท้ แม้พยายามถึงที่สุด
เพราะความเป็นธรรมแท้ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งทวิลักษณ์
จึงเป็นความหวังดีที่ล้มเหลวเรื่อยไป
คนเจ้าปัญญา ชอบประพฤติธรรม
ดำรงอยู่และดำเนินไปโดยธรรม
จึงได้สิทธิพิเศษโดยธรรม
 
ว่าด้วยความสันโดษ
คนโง่ เอาสันโดษบำรุงความเกียจคร้าน
จึงตกต่ำ
คนฉลาด เอาสันโดษสรรหาคุณหาและความพอดี
จึงบริหารเก่งสำเร็จง่าย
คนเจ้าปัญญา เอาสันโดษเป็นมาตรการปล่อยวาง
จึงได้บุญมากและสำเร็จได้ด้วย บุญฤทธิ์
“สันโดษ” คือ ความยินดีพอใจตามมีตามได้ตามกำลังและความจำเป็นของตน
 
ว่าด้วยปัญญาสัมพันธ์
คนโง่ ยึดถือความรู้
จึงได้แต่แท่งเทียนที่ไร้แสง
คนฉลาด ยึดถือปัญญาญาณ
จึงได้แสงเทียน ส่องทาง
คนเจ้าปัญญา ยึดถือความบริสุทธิ์
จึงได้ประโยชน์จากแสงแห่งชีวิต
“ปัญญาญาณ” คือ ปัญญาที่เกิดความรู้ขึ้นจากความรู้สึกภายในลึกๆของเราเอง ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ เหมือนมีเสียงภายในคอยกระซิบบอก เป็นการหยั่งรู้ได้เองโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม และไม่ต้องใช้การไตร่ตรองใดๆ
ว่าด้วยการสั่งสอน
คนโง่ ชอบสอนความโง่ของคน
ด้วยการก่นด่าส่วนที่โง่ของเขา
ยิ่งสอนจึงยิ่งโง่ทั้งคนสอนและคนถูกสอน
คนฉลาด ชอบสอนความฉลาดของคน
โดยการกระตุ้นให้คิด พูด ทำ อย่างชาญฉลาด
จึงเกิดบรรยากาศสร้างสรรค์ ได้สิ่งใหม่ๆ เสมอ
ยิ่งสอนจึงยิ่งแตกฉานและสนุกสนานทั้งคนสอนและคนถูกสอน
คนเจ้าปัญญา ชอบสอนโดยไม่สอน
ด้วยการนำ ผู้ถูกสอนไปสู่แหล่งกำเนิดปัญญาแท้ๆ เพื่อให้รู้เอง
จนรู้จริงและรู้ ยิ่งๆขึ้นไปถึงที่สุด
ยิ่งสอนจึงยิ่งล้ำค่า และร่าเริงในสัจจะอันยิ่ง
และได้มหาปราชญ์เป็นเพื่อร่วมทางอีกมากมาย
ว่าด้วยความรักและศรัทธา
คนโง่ หลงไหลได้ปลื้มกับความรัก ความศรัทธาที่ผู้อื่นมอบให้
จึงเหลวไหลไปกับสิ่งเร้าอันฉายฉวยเนืองนิตย์
ใจมักตกเป็นทาสผู้รักและศรัทธาจึงเสียความศรัทธาโดยง่าย
คนฉลาด ไม่ใส่ใจในความรัก ความศรัทธาที่ผู้อื่นมอบให้
จึงแข็งกระด้าง และหยิ่งยะโส
แม้ดูเหมือนน่าศรัทธา แต่ไม่น่าคบหา
คนเจ้าปัญญา ไม่หวั่นไหวต่อความรักและความศรัทธาที่ผู้อื่นมอบให้
แต่ใช้ให้เกิด ประโยชน์ในการพัฒนาผู้ที่รักและหลั่งศรัทธาแล้ว
ยกระดับจนเขามีคุณสมบัติ ดั่งตน
จึงได้ผองชนเป็นทายาทมหาศา
ว่าด้วยการบริหารศรัทธา
คนโง่ รู้อะไรใหม่ ก็เชื่อไว้ก่อนว่าจริงหรือไม่จริง
จึงงมงายอย่างยิ่ง
คนฉลาด รู้อะไร ก็ไม่เชื่อไว้ก่อนว่าจริงหรือไม่จริง
แต่เอามาทดลอง จนเห็นชัด จึงเชื่อ
จึงมีเหตุผลอย่างยิ่ง
คนเจ้าปัญญา รู้อะไร ก็ไม่สนว่าจะจริงหรือไม่จริง
สนใจเพียงว่ามีประโยชน์และมีโทษเพียงใด
แล้ว สกัดโทษทิ้ง บริโภคเฉพาะประโยชน์
จึงได่คุณค่าแห่งการรู้ในทุกสิ่ง
ว่าด้วยค่าของคน
คนโง่ ประเมินค่าคนจากปริญญา
จึงเห็นแค่ตรายี่ห้อปะติดชีวิต
คนฉลาด ประเมินค่าคนจากความสามารถ
จึงรู้จักคุณภาพของชีวิต
คนเจ้าปัญญา ประเมินค่าคนจากความเอื้อประโยชน์
จึงได้ประโยชน์แท้แห่งชีวิตจริง
ว่าด้วยความคิด

คนโง่ : ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนืองๆ ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด

คนฉลาด : คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีทากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความกล้าหาญ

คนเจ้าปัญญา : คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

****************

ว่าด้วยทัศนคติ

คนโง่ : ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพาชีวิตตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์ ยามพบสิ่งดีจะไม่เข้าใจจึงพลาดโอกาสใหญ่

คนฉลาด : ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว จึงได้แต่สิ่งดีโดยมาก ครั้นพบสิ่งชั่วร้าย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น ต้องถอยหนีสถานการณ์ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคืองและปฏิฆะเร้นลึก

คนเจ้าปัญญา : ละชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี แล้วละแม้ความดีเข้าสู่ความบริสุทธิ์ จึงเห็นที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่าทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณ โทษ และความเป็นกลางอยู่ จึงบริหารสถานการณ์ได้ และทำใจได้ในทุกภาวการณ์

*****************

ว่าด้วยความโง่และความฉลาด

คนโง่ : ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของตนตามที่เป็น

คนฉลาด : ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด

คนเจ้าปัญญา : ย่อมเห็นความโง่และความฉลาด ที่ซ้อนกันอยู่ และวิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่งๆขึ้นไป จึงค่อยๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ

********************

ว่าด้วยการพูดจา

คนโง่ : ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะ และความบาดหมางแทนความรู้

คนฉลาด : ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้ และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก

คนเจ้าปัญญา : ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง อย่างลึกซึ้งแล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม

**************************

ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา

คนโง่ : พอพบกับปัญหาอะไรก็โวยวาย ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์อีกหลายชั้น จึงยิ่งเสียหาย......

คนฉลาด : พอพบปัญหาก็วิเคราะห์ เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหา จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา......

คนเจ้าปัญญา : พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น.......

**********************

ว่าด้วยการบริหารและการปกครอง

คนโง่ : พยายามบริหารคน จึงวุ่นวายสับสนตามธรรมชาติของคน

คนฉลาด : พยายามบริหารประโยชน์สัมพันธ์ จึงยุ่งยากซับซ้อนตามปรารถนาอันไม่สิ้นสุด

คนเจ้าปัญญา : พยายามบริหาระบบธรรม จึงสงบลงตัว ณ จุดพอดี.....

*********************

ว่าด้วยความคิด!!!

คนโง่ : เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น และโยนความผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็นการทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย

คนฉลาด . : เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอมรับความจริงและแก้ไขตัว ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น ชีวิตจึงเจริญและผาสุกโดยลำดับ

คนเจ้าปัญญา : เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจทุกคนในทุกสถานการณ์ เห็น***ส่วนการบริหารคนที่เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน แต่จะทำลายความชั่วสากลให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป......

*********************

ว่าด้วยการบริหารธรรม

คนโง่ : ดูหมิ่นธรรมะ ชีวิตจึงหายนะ

คนฉลาด : ศึกษาธรรมะ จึงรู้ลึก และดำเนินชีวิตด้วยดี

คนเจ้าปัญญา : ใช้ธรรมะ จึงดำเนินชีวิตอย่างเหนือชั้น!!.......

*********************

ว่าด้วยการทำงาน

คนโง่ : ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็นและมักไม่ได้คุณค่าอื่นๆของงาน

คนฉลาด : ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่และได้เงินตามมาโดยง่าย

คนเจ้าปัญญา :.ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ......

********************

ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ

คนโง่ : เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก

คนฉลาด : กตัญญูผู้มีพระคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย ซึ่งต้องตามชดใช้บุญคุณกันไม่รู้จบ

คนเจ้าปัญญา : ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระคุณที่ยิ่งกว่า เกิดวงจรการให้ และการรับที่พัฒนาต่อเนื่องทุกฝ่ายจึงได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง

******************

ว่าด้วยความเพียร

คนโง่ : มัวขยันในเรื่องไร้สาระ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์ แล้วมักตัดพ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี

คนฉลาด : มักขยันในเรื่องที่มีคุณมากมีโทษน้อย จึงได้ประโยชน์มากและมีโทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าระวังอย่างสุดแล้วยังพบเรืองร้ายๆ อีก

คนเจ้าปัญญา : ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถานการณ์อย่างอิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป

***************

ว่าด้วยความจริงจัง
คนโง่ : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง จึงเครียดแทบบ้า

คนฉลาด : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ จึงสนุกสนานจนไร้สาระ

คนเจ้าปัญญา : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ จึงรุ่งเรืองรวดเร็ว

*****************

ว่าด้วยความประสบความสำเร็จ

คนโง่ : รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบซักครั้ง

คนฉลาด : เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก

คนเจ้าปัญญา : ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างความสำเร็จแน่ๆ และเหนื่อยน้อยกว่า

ขอขอบคุณสาระ ดีดี จาก
ธรรมะดิลิเวอร์รี่
61  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เสี้ยนหนามของสมาธิ คืออะไร ครับ เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 10:16:31 am
เสี้ยนหนามของสมาธิ คืออะไร ครับ

 สำหรับผู้ฝึกเบื้องต้น นี่คืออะไร ครับ

 มีวิธีแก้ไขอย่างไร ครับ

  :25:
62  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เก็บตกภาพประทับใจงานลอยกระทง ที่ผ่านมา เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 04:32:51 pm






























63  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / การปฏิบัติธรรมที่ศาลากรรมฐาน วัดแก่งขนุน ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553 เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 07:37:23 pm
ฟัง RDN ไปก่อนก็ได้ครับ เพราะเวลานั่งกรรมฐาน ไม่ต้องมองหน้าพระอาจารย์ครับ

 :smiley_confused1:
64  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ประกาศ อนุโมทนา บุญกุศลเรื่อง กิจกรรมการเผยแผ่เว็บ www.madchima.org เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 03:12:53 pm


ขอให้ ทีมงาน ทุกท่านมีความสุข สมหวัง และ ช่วยเหลือเว็บไปนาน ๆ ครับ
 :25:
65  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม .. ? เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 02:48:08 pm

 
  เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม
 
< การ ทำบุญเป็นสิ่งที่ อยู่คู่คนไทย เชื่อว่าชาวพุทธเกือบทุกท่านคงเคยถวายเครื่องสังฆทาน และมีทั้งซื้อแบบสำเร็จตามห้างร้านต่างๆ หรือการจัดเอง แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำบุญไปนั้นได้ใช้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด


เลือกของทำบุญอย่างไรให้เหมาะสม


อะไรบ้างกลายเป็นของไม่ได้ใช้ประโยชน์และถูกกองล้นวัด 10 อันดับรายการสินค้าที่ไม่จำเป็น

1.ใบ ชา ซึ่งพระสงฆ์ส่วนใหญ่ระบุว่า ปัจจุบันพระสงฆ์ไม่ค่อยฉันน้ำชา ควรเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้แท้ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพน่าจะดีกว่า เพราะน้ำผลไม้ส่วนใหญ่ที่อยู่ในถังสังฆทาน มักเป็นน้ำผลไม้ที่ไม่มีคุณภาพ ส่วนใหญ่เป็นน้ำหวานแต่งกลิ่น รส หรือ ผงสมุนไพรห่อที่ไม่ค่อยมีคุณภาพนัก

2.ขิงผงสำเร็จรูป เป็นเครื่องดื่มที่คนส่วนใหญ่คิดว่า พระสงฆ์น่าจะชอบฉัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

3. ยาจุดกันยุง ส่วนนี้อาจจะจำเป็นสำหรับพระที่จำพรรษาในป่าหรือชนบทไกลๆ

4.นมข้นหวาน

5.กาแฟผงสำเร็จรูป

6.ถัง กล่องสบู่ ขวดน้ำ ขันพลาสติก ซึ่งจากการสำรวจพบว่า อุปกรณ์เหล่านี้ถูกกองไม่ได้ใช้ประโยชน์จนล้นวัด

7.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

8.น้ำดื่มบรรจุขวด

9.ขนมคุ้กกี้ ขนมอบต่างๆ

10.ธูป เทียน ไม้ขีดไฟ ที่ส่วนใหญ่มักอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้ ที่สำคัญของเหล่านี้มีจำนวนเกินพอแล้วในวัด

สิ่งของที่เป็นประโยชน์และเป็นของจำเป็นต้องใช้

1.ยาสระผม คนมักคิดว่าพระไม่มีผมไม่จำเป็นต้องใช้ยาสระผมแต่จริงๆแล้วจำเป็นเพราะส่วน หนึ่งอาจมีคราบไคลและไขมันที่เกาะสกปรกตามหนังศรีษะอยู่บ้าง

2.มีดโกน ใบมีดโกน พระได้ใช้บ่อยแต่ไม่ค่อยมีคนถวาย

3.อุปกรณ์ เครื่องครัว เช่นจาน กะทะ หม้อ ช้อน แก้วน้ำ ที่มีคุณภาพซึ่งพระสามารถใช้เป็นของส่วนตัวและเอื้อเฟื้อสำหรับญาติโยมที่มา ทำบุญได้ด้วย

4.อุปกรณ์ช่าง ค้อน ตะปู ไขควง สว่าน ที่พระมีโอกาสได้ใช้ในการซ่อมแซมต่างๆในวัดและกุฏิ

5.อุปกรณ์ทำความสะอาด ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ไม้กวาดแข็ง ที่โกยขยะ ซึ่งเป็นอุปกรณ์จำเป็นแต่ไม่ค่อยมีคนถวาย

6.ข้าว สาร อาหารแห้ง เลือก ที่คุณภาพดีไม่ใช่ที่บรรจุในถังสังฆทานที่มักใช้ไม่ได้ ส่วนนี้ท่านจะได้ใช้ในการบริจาคหรือนำไปอุปการะผู้ยากไร้ที่มาพึ่งใบบุญของ วัดได้ด้วย

7.เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ

8.หนังสือธรรมะ หรือหนังสือแนวทางการดูแลสุขภาพ

9.ผ้าสบง จีวร ผ้าอาบน้ำ เลือกที่คุณภาพดี

10.ยาสมุนไพร ยารักษาโรค เลือกที่มีคุณภาพมาตรฐานในการผลิตหรือมีตราอย.รับรอง

รู้แบบนี้แล้ว ทำบุญคราวหน้าอย่าลืมเลือกของที่เป็นประโยชน์ด้วย ทำบุญได้บุญแน่นอน
66  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เมื่อพระเรวตะ ถูก โควินทกะ ถามเรื่องความสุข เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 02:46:56 pm
เมื่อโควินทกะ ถาม พระเรวตะ ว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ความสุข

  เรวตะตอบว่า  ความสุข ก็มาจาก ความทุกข์
                 ความทุกข์ เกิดจาก ความชั่วอันเกิด กายทุจริต วาจาทุจริต และ ใจทุจริต
                 เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์

                 ต้องตั้ง วิวรัติเจตนา งดเว้น ด้วยศีล เืพื่อให้ กาย วาจา สะอาด

                 ส่วนใจทุจริต นั้น ควบคุมใจ ด้วย สมาธิ และ ปัญญา
                 ด้วยการสำรวมระวัง อินทรีย์ คือ เพื่อทำให้ กิเลส เบาบาง เป็นประการที่ 1
         
           สติ เป็นเครื่องป้องกันเหมือน ยาม โดยการเจริญสติปัฏฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม เป็นประการที่ 2

                 ปัญญา รู้รอบด้วยการเห็นตามความเป็นจริง อันเกิดจาก การฟัง การคิด การภาวนาจึงจะทำให้
                 มีปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง เป็นประการสุดท้าย

                 เป็นหนทางสู่ความสุข

 โควินทกะตอบว่า อัศจรรย์ จริง ๆ อัศจรรย์ จริง ๆ อัศจรรย์ จริง ๆ

 จากเรื่อง ลีลาวดี


67  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: นิทานชาดก หรือนิยายไซไฟที่แต่งขึ้น อ่านดี ๆ แล้ว ก็มีประโยชน์ คร้า.. เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2010, 01:12:06 pm
สุดยอดตอนที่หลวงตา ท่านสรุป นี้ครับ ถึงบ้างอ้อ เลย

เห็นด้วยครับ โรคใจ ใช้ยานอกไม่ได้ ครับ ต้องใช้ ธรรมะ บำบัดครับ

คนป่วยโรคใจ มีมากครับ

 :bedtime2: :25:
68  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คลิปน้ำท่วม 2485 ครับ คึกคักครับสมัยก่อน เมื่อ: ตุลาคม 24, 2010, 10:50:23 am
!
69  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ข้อมูลน้ำท่วมช่วงนี้ ครับ เมื่อ: ตุลาคม 24, 2010, 10:42:56 am
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์
         สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดยังคงน่าเป็นห่วง สาเหตุที่ทำให้เกิดอุทกภัยครั้งนี้ เนื่องจากเกิดภาวะฝนตกหนัก ติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเข้าขั้นวิกฤติ มีปริมาณน้ำเกินกว่าระดับกักเก็บไว้ได้ และจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากเขื่อน ทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนทางภาคเหนือไหลลงมายังแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับช่วงวันที่ 24-27 ตุลาคม เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุน ด้วยเหตุนี้จึงอาจทำให้กรุงเทพฯ จมอยู่ใต้บาดาลได้ กทม. เผยวันนี้น้ำเหนือ-ทะเลหนุนยังไหว

         ผอ.สำนักระบายน้ำ กทม. เผยน้ำเหนือไหลบ่าเจ้าพระยา บวกกับน้ำทะเลหนุนสูงสุดวันนี้ ยังไม่กระทบ กทม. เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

         นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักระบายน้ำ กทม. เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำเหนือไหลบ่าผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับน้ำเหนือหนุนสูงสุด ในวันนี้ (21 ตุลาคม) ว่า ผ่านไปได้ด้วยดี น้ำเหนือที่ไหลลงเจ้าพระยา ยังอยู่ในปริมาณไม่มากเท่าไร สามารถรับน้ำได้ตลอด อย่างไรก็ตาม ทาง กทม.จะเฝ้าระวังเหตุน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง

         ขณะที่มีการประกาศเตือนให้ชาว กทม. เฝ้าระวังในช่วง 1-2 วันนี้ ที่น้ำเหนือจะไหลมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยปริมาณถึง 3,600 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะมาสมทบกับน้ำทะเลที่จะหนุนขึ้นสูงที่สุดในช่วง 24-27 ตุลาคมด้วย ทั้งนี้ในวันนี้ (21 ตุลาคม) หลังเวลา 17.30 น. ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะระดับน้ำจะขึ้นมากกว่าวานนี้ที่ปากคลองตลาดวัดได้ 1.55 เมตร

          ขณะที่ลำคลองในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ ได้แก่ เขตหนองจอก ลาดกระบัง มีนบุรี และคลองสามวา มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต และคลองระพีพัฒน์ ที่จะระบายน้ำส่งต่อไปยัง จ.สมุทรปราการ อย่างไรก็ตาม หากมีฝนตกหนักลงมาก็อาจสร้างปัญหาได้

 
ข่าวน้ำท่วม จ.นนทบุรี ประกาศไทรน้อยเขตภัยพิบัติ
 
         สถานการณ์น้ำท่วม ใน จ.นนทบุรี ล่าสุดทางจังหวัดได้ประกาศให้ อ.ไทรน้อย เป็นเขตภัยพิบัติ แล้ว ขณะที่ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดค้างคาว ม.4 ต.บางไผ่ อ.เมืองนนทบุรี ต่างก็ได้รับผลกระทบเหตุน้ำท่วมเช่นกัน เนื่องจากบริเวณดังกล่าว อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อน้ำเหนือไห]บ่ามาประกอบกับช่วงน้ำทะเลหนุนสูง น้ำจะเอ่อทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน

         นอกจากนี้ยังมีหลายจุดที่น้ำท่วมขังแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ที่ ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด  ได้ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร เฉพาะเวลาน้ำขึ้นในช่วงเช้าและเย็น ทั้งนี้ กรมชลประทาน คาดว่า สถานการณ์จะรุนแรงกว่าเดิม เนื่องจากน้ำเหนือจะไหลลงสมทบอีกระลอก ประกอบกับจะมีน้ำทะเลหนุนสูง ช่วง 25 - 27 ตุลาคมนี้

 
ปทุมธานี เร่งกั้นน้ำเข้า 3 ทิศทาง

          ระดับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำเข้าท่วมวัด โรงเรียน บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.สามโคก ซึ่งเป็น 2 อำเภอที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน โดยบางจุดมีน้ำท่วมขังสูงถึง 2.30 เมตร เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องเร่งนำกระสอบทรายมาวางเป็นคันแนวกั้นน้ำที่เอ่อ จากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จากชั้นนอกไม่ให้เข้าท่วมชั้นใน เพราะอาจจะมีการระบายน้ำจากแม่น้ำป่าสักลงแม่น้ำเจ้าพระยาอีก

          โดยนายชาญ พวงเพ็ชร นายก อบจ.ปทุมธานี ได้สั่งเฝ้าระวังทิศทางและเตรียมการป้องกันน้ำที่จะเข้าปทุมธานี ทั้ง 3 ทางอย่างเต็มที่ ทั้งจากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และฝั่ง อ.หนองเสือ ที่รับการระบายน้ำมาจาก จ.สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี เพื่อลงสู่คลองระพีพัฒน์ เพื่อเตรียมป้องกันและรับมือ 

          ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้สร้างคันกั้นน้ำบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอีก เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมเข้ามาในเขตคันกั้นน้ำ บริเวณบ้านกระเเชงและบ้านกลาง ซึ่งขณะนี้ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และคาดว่าประมาณ 4-5 วัน น้ำจะลดลงในที่สุด สำหรับ พื้นที่กรุงเทพฯ ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมมากที่สุด คือ รัชดาภิเษก ลาดพร้าว บางนา ศรีนครินทร์  ส่วนพื้นที่เสี่ยงหลังแม่น้ำเหนือไหลทะลักลงมากรุงเทพฯ คือ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหหาสวัสดิ์ ทั้งหมด 13 เขต ดังนี้

         1. เขตบางซื่อ ได้แก่ ชุมชนพระราม 6 (ฝั่งติดแม่น้ำ) และชุมชนปากคลองบางเขนใหญ่

         2. เขตดุสิต ได้แก่ ชุมชนเขียวไข่กา ชุมชนราชผาทับทับทิมร่วมใจ (เชิงสะพานกรุงธน) ชุมชนซอยสีคาม (ซอยสามเสน 13) และชุมชนวัดเทวราชกุญชร (ถนนศรีอยุธยา)

         3. เขตพระนคร ได้แก่ ชุมชนท่าวัง ชุมชนท่าช้าง และชุมชนท่าเตียน

         4. เขตสัมพันธวงศ์ ได้แก่ ชุมชนวัดปทุมคงคา (ท่าน้ำสวัสดิ์) และชุมชนตลาดน้อย

         5. เขตบางคอแหลม ได้แก่ ชุมชนวัดบางโคล่นอกชุมชนหน้าวัดอินทร์บรรจง ชุมชนซอยมาตานุสรณ์และชุมชนหลังโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

         6. เขตยานนาวา ได้แก่ ชุมชนโรงสี (ถนนพระราม 3)

         7. เขตคลองเตย ได้แก่ ชุมชนสวนไทรริมคลอง พระโขนง

         8. เขตบางพลัด ได้แก่ ชุมชนวัดฉัตรแก้ว

         9. เขตบางกอกน้อย ได้แก่ ชุมชนสันติชนสงเคราะห์ ชุมชนปากคลองน้ำตาล-คลองพิณพาทย์ ชุมชนครอกวังหลัง และชุมชนดุสิต-นิมิตรใหม่

         10. เขตธนบุรี ได้แก่ ชุมชนปากคลองบางกอกใหญ่

         11. เขตคลองสาน ได้แก่ ชุมชนเจริญนครซอย 29/2

         12. เขตราษฎร์บูรณะ ได้แก่ ชุมชนดาวคะนอง

         13. เขตทวีวัฒนา ได้แก่ ชุมชนวัดปรุณาวาส


          ขณะที่นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจการเรียงกระสอบทราย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนทรงวาด และตรวจงานก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วม ริมคลองบางกอกน้อย บริเวณชุมชนสันติชนสงเคราะห์ พร้อมระบุว่า กรุงเทพฯ มีความพร้อมเต็มที่ในการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ต่าง ๆ

          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมชลประทาน ได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระราม 6 รวม 3,655 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากแนวป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่ สามารถรับน้ำได้ที่ระดับความสูงประมาณ 2.5 เมตร จากระดับน้ำทะเล และจากการตรวจวัดปริมาณน้ำ ในช่วงเช้ามีความสูงประมาณ 1.5 เมตร ยังสามารถรับน้ำเพิ่มได้อีก 1 เมตร โดยโครงการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีความยาวรวม 77 กิโลเมตร ก่อสร้างเสร็จแล้วกว่า 75 กิโลเมตร

          ส่วนที่เหลือคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2554 โดยจุดที่ยังไม่เสร็จทางกรุงเทพฯ ได้นำกระสอบทรายกว่า 2 แสนใบ มาวางเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมชั่วคราวที่ความสูง 2.5 เมตร เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งเตรียมเครื่องสูบน้ำ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ ได้เตรียมเวชภัณฑ์ ยา และสถานที่พักชั่วคราว บรรเทาความเดือดร้อน ให้ประชาชนหากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ

          อย่างไรก็ตาม จากการพยากรณ์อากาศและคาดการสถานการณ์น้ำ ในระหว่างวันที่ 26 - 27 ต.ค. คาดว่า จะมีน้ำเหนือไหลบ่าและน้ำทะเลหนุนสูง จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่ายังสามารถรับมือได้

          ด้าน ผอ.สำนักระบาดวิทยา ได้ออกมาเตือนประชาชนลงเล่นน้ำท่วม หวั่นติดเชื้อที่มากับน้ำ หรืออุบัติเหตุ อาทิ ตาแดง จมน้ำ ไฟฟ้าดูด

         
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อสอบถาม ประสานงานเหตุอุทกภัย


          - ศูนย์กลางช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ติดต่อ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร 1784

          - ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ต้องการความช่วยเหลือเรื่องน้ำท่วม โทร.1555 และ 0 2248 5115 ตลอด 24 ชั่วโมง

          - ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัย จ.นครราชสีมา โทร 044-342-652 ถึง 4 และ 044-342-570 ถึง 7

          - ประสานงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ โทรฟรี 1669 หรือ 02-591-9769 ตลอด 24 ชั่วโมง

          - สอบถามเส้นทางรถไฟ และเวลาเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร 1690

          - สอบถามสภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา โทร 02-398-9830

          - กฟภ.ตั้งศูนย์ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 นครราชสีมา โทร.044214334-5 หรือ CallCenter1129

          - สอบถามน้ำท่วม ถ.มิตรภาพ ที่แขวงการทางต่าง ๆ ได้ที่โทร 044-242047 ต่อ 21, 044-212200, 037-211098, 036-461422, 036-211105 ต่อ 24
 
การเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วม

          1. หมั่นติดตามข่าวสาร และประกาศเตือนทุกช่องทาง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ เสาสัญญาณ เป็นต้น

          2. เตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง แก๊ชสำหรับหุงต้ม ยารักษาโรค ไฟฉาย  เทียน ไม้ขีดไฟ และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อเอาตัวรอดในยามน้ำท่วม

          3. เตรียมกระสอบทรายไว้เพื่อทำผนังกั้นน้ำ (แต่ห้ามวางไว้พิงกำแพง เพราะจะเพิ่มแรงดันให้น้ำทะลักเข้ามาได้ง่าย)

          4. หมั่นทำความสะอาดพื้น ไม่ให้มีของอันตรายหากเกิดน้ำท่วมสูง

          5. เก็บของมีค่า และสัตว์เลี้ยง รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า ไปไว้ชั้นบนของบ้าน
 
          6. เตรียมเบอร์ติดต่อ หน่วยงานของรัฐ เผื่อต้องการความช่วยเหลือ

          7. ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารให้พร้อม

          8. หากเกิดน้ำท่วมให้หนีขึ้นที่สูง และปิดวงจรไฟฟ้า เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

          9. พยายามหาส่วนแห้งเพื่อหลบภัย และป้องกันไฟดูด

          10. ห้ามรับประทานน้ำที่ท่วมสูง หากขาดแคลนน้ำดื่ม ให้ต้มก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคระบาด

          11. หากน้ำท่วมไม่สูงมาก ให้ระวังการใช้รถใช้ถนน และดูแลเด็กเล็กไม่ให้ออกจากบ้าน

          12. ระวังสัตว์มีพิษที่มากับน้ำ หากถูกกัดให้ล้างแผลด้วยน้ำต้มสุกและเช็ดแอลกอฮอล์รอบแผล จากนั้นหาทางไปโรงพยาบาลทันที

          13. เตรียมน้ำสะอาดไว้ดื่ม และชำระร่างกาย

          14. เตรียมถุงดำเล็ก - ใหญ่ ไว้ทิ้งขยะและปลดทุกข์

          15. เตรียมอุปกรณ์สำหรับขอความช่วยเหลือ เช่น นกหวีด ชูชีพ

          16. หากน้ำท่วมเป็นเวลานาน อาจเกิดแผ่นดินทรุดตัวได้ แนะนำให้อยู่ห่างตึกหรืออาคารสูง ๆ

 

ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/52961
70  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 13เขต27ชุมชนกทม.เสี่ยงน้ำท่วม เมื่อ: ตุลาคม 24, 2010, 10:38:02 am
13เขต27ชุมชนกทม.เสี่ยงน้ำท่วม


ประเด็น: สถานการณ์น้ำท่วม ,

กทม.เผยพื้นที่ 13 เขต 27 ชุมชนในกรุงเทพฯเสี่ยงน้ำท่วม หลังเขื่อนต่างๆจำเป็นต้องระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา สุขุมพันธุ์สั่ง 50 เขตเตรียมถุงยังชีพ-ที่พักพิง พร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.นครราชสีมา จะไม่ส่งผลกระทบต่อ กทม. เนื่องจากปริมาณน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะไหลลงสู่แม่น้ำลำตะคอง ส่วน กทม.จะรับน้ำจากภาคเหนือที่มาจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ฉะนั้นจึงเป็นคนละเส้นทางกัน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการปล่อยน้ำลงมาจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และ เขื่อนอื่นๆ ทางตอนบนของประเทศลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 2,600 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 3,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำของ กทม. จำนวน 13 เขต 27 ชุมชน รวมทั้งสิ้น 1,273 ครัวเรือน

 

นายสัญญา กล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมของ กทม.มีระยะทาง 77 กม. มีความคืบหน้าแล้ว 75.8 กม. ความสูง 2.5 เมตร ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ 1.38 เมตร นอกจากนี้มีสถานีสูบน้ำ 157 แห่ง ประตูระบายน้ำ 214 แห่ง บ่อสูบน้ำ 180 แห่ง เครื่องสูบน้ำทั้งแบบติดตั้งและเคลื่อนย้ายได้ 1,065 แห่ง สามารถระบายให้แห้งได้ภายใน 1-2 ชม.

อย่างไรก็ตาม กทม.ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง โดยความช่วยเหลือเบื้องต้น กทม.ได้สร้างสะพานไม้เชื่อมทางเดินภายในชุมชน และมีเจ้าหน้าที่เขตลงพื้นที่เตือนภัยล่วงหน้าแก่ชุมชนเสี่ยง นอกจากนี้หากเกิดเหตุน้ำท่วมจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยขนย้ายสิ่งของอพยพ พร้อมให้คำแนะนำด้านสุขอนามัยแก่ประชาชน

ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า จากรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ต.ค. พบว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อาจไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำเพิ่มได้อีกและอาจต้องปล่อยน้ำลงสู่ตอนล่างภาย ใน 1-2 วัน จึงได้สั่งการให้สำนักการระบายน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประจำพื้นที่ ทุกคูคลองทั้ง 50 เขต พร้อมจัดเตรียมเวชภัณฑ์ ถุงยังชีพ รวมถึงที่พักพิงชั่วคราว

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดรับเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ศาลาว่าการ กทม.1 (เสาชิงช้า) และศาลาว่าการ กทม.2 (ดินแดง) และที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต

ทั้งนี้พื้นที่ทั้ง 13 เขตประกอบไปด้วย

1.เขตบางซื่อ ได้แก่ ชุมชนพระราม 6 (ฝั่งติดแม่น้ำ) และชุมชนปากคลองบางเขนใหม่

2.เขตดุสิต ได้แก่ ชุมชนเขียวไข่กา ชุมชนราชผาทับทิมร่วมใจ (เชิงสะพานกรุงธน) ชุมชนซอยสีคาม (ซอยสามเสน 19) ชุมชนปลายซอยมิตรคาม (ซอยสามเสน 13) และชุมชนวัดเทวราชกุญชร (ถนนศรีอยุธยา)

3.เขตพระนคร ได้แก่ ชุมชนท่าวัง ชุมชนท่าช้าง และชุมชนท่าเตียน

4.เขตสัมพันธวงศ์ ได้แก่ ชุมชนวัดปทุมคงคา (ท่าน้ำสวัสดี) และชุมชนตลาดน้อย

5.เขตบางคอแหลม ได้แก่ ชุมชนวัดบางโคล่นอก ชุมชนหน้าวัดอินทร์บรรจง ชุมชนซอยมาตานุสรณ์ และชุมชนหลังโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

6.เขตยานนาวา ได้แก่ ชุมชนโรงสี (ถนนพระราม 3)

7.เขตคลองเตย ได้แก่ ชุมชนสวนไทรริมคลองพระโขนง

8.เขตบางพลัด ได้แก่ ชุมชนวัดฉัตรแก้ว

9.เขตบางกอกน้อย ได้แก่ ชุมชนสันติชนสงเคราะห์ ชุมชนปากคลองน้ำตาล-คลองพิณพาทย์ ชุมชนตรอกวังหลัง และชุมชนดุสิต-นิมิตรใหม่

10.เขตธนบุรี ได้แก่ ชุมชนปากคลองบางกอกใหญ่

11.เขตคลองสาน ได้แก่ ชุมชนเจริญนครซอย 29/2

12.เขตราษฎร์บูรณะ ได้แก่ ชุมชนดาวคะนอง

13.เขตทวีวัฒนา ได้แก่ ชุมชนวัดปรุณาวาส

ที่มา
http://www.posttoday.com/

fwd mail
71  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ดร.อาจอง เตือน น้ำท่วมกรุงเทพแน่! ถ้าไม่กั้นอ่าวไทย เมื่อ: ตุลาคม 24, 2010, 10:33:44 am

 คำเตือนจาก "ดร.อาจอง" ไม่สร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทยต้องย้ายกทม.ใน 6 ปี (ประชาชาติธุรกิจ)
          ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ออกโรงเตือนวิกฤตโลกร้อน กทม.จะได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลค่อยๆขึ้นสูง แนะถ้าไม่สร้างเขื่อนกั้นอ่าวไทย ต้องย้ายเมืองหลวงใน 6 ปี เหตุน้ำท่วมกรุงเทพฯ

          นอกจากบทบาทนักการศึกษาผู้ใจบุญ ทุกวันนี้ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ในวัย 69 ปี ยังเดินสายให้ความรู้เรื่องสภาวะโลกร้อนตามโรงเรียนและสถานศึกษาทั่วประเทศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

          ดร.อาจองอธิบายว่า ขณะนี้สภาพภูมิอากาศกำลังแปรปรวนจากสภาวะโลกร้อน ซึ่งอาจทำให้คนไทยได้เห็นหิมะตกแบบเดียวกับในประเทศเวียดนาม รวมถึงรอยร้าวของเปลือกโลกที่อาจทำให้แผ่นดินไหวใต้เขื่อนใหญ่ จะทำให้เกิดน้ำท่วมไหลเข้าถึงกรุงเทพฯภายใน 35 ชั่วโมง

          "...ขณะนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกคือ ดิน ฟ้า อากาศที่เปลี่ยนแปลง เราจะเห็นว่าประเทศไทยเราปีนี้อากาศเย็นลง ซึ่งก็เกิดขึ้นเพราะขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ร้อนขึ้นมาก และดูดเอาความร้อน น้ำแข็งละลาย ดังนั้นโดยเฉลี่ยอุณหภูมิของโลกสูงขึ้นจริงๆ แต่ประเทศไทยโดยเฉลี่ยอุณหภูมิลดลง เพราะว่าไปร้อนที่อื่น แต่อย่างไรก็ตามโดยเฉลี่ยอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่ากลัว ประเทศไทยของเราเองก็หนีไม่พ้น ในที่สุดก็จะร้อนขึ้น"   

          ดร.อาจอง กล่าวว่า เรื่องโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบกับประเทศไทยโดยตรง มี 2 อย่างใหญ่ คือ ผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่จะค่อยๆ สูงขึ้น และการที่เปลือกโลกเริ่มเคลื่อนไหวจนเกิดรอยร้าว ซึ่งจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยมากขึ้น นี่คือ 2 อย่างที่เราต้องเตรียมตัวให้ดี

          "เรื่องของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ถ้าเราไม่สร้างเขื่อนกั้นตรงอ่าวไทย ก็ต้องคิดย้ายเมืองหลวงจากกรุงเทพฯไปที่อื่นภายใน 6 ปี เพราะอีก 15 ปีข้างหน้า น้ำจะเริ่มท่วมกรุงเทพฯ ฉะนั้นเราก็จะอยู่ไม่ได้ แต่การย้ายเราต้องวางแผนล่วงหน้าสัก 10 ปี ต้องวางแผนให้ดี เราจะสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาอย่างไร ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม และทำให้ดี" 

          ส่วนเรื่องเปลือกโลกเคลื่อนตัวจะทำให้มีรอยเลื่อนเกิดขึ้นหลายจุด ตั้งแต่ภาคเหนือ ตั้งแต่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลงมาถึงลำปาง อุตรดิตถ์ ส่วนทางด้านภาคตะวันตก ก็จะมี จ.ตราด และกาญจนบุรี ลงไปทางใต้ ก็ตั้งแต่ จ.ประจวบฯ ลงไปเรื่อยจนถึง จ.ภูเก็ต กระบี่ ก็จะเริ่มเกิดรอยร้าว

          กรมทรัพยากรธรณีได้ทำแผนที่ว่ารอยร้าวอยู่ตรงไหน ตรงไหนจะเกิดมากเกิดน้อย แต่รอยร้าวจะไม่สามารถทำอะไรเราได้มากมาย ถ้าหากเรารู้ว่าแผ่นดินไหวอาจจะเกิดขึ้น และมีการเตรียมตัวที่ดี เช่น ภาคเหนือ เราสามารถอยู่ได้ แต่ต้องสร้างบ้านให้แข็งแรงเท่านั้นเอง   

          "ส่วนภาคกลางที่น้ำจะท่วม ผมคิดว่าน่าจะปกป้องเอาไว้แทนที่จะปล่อยให้ท่วม เพราะนี่คืออู่ข้าวของเราที่เราปลูกข้าวมากที่สุดในโลก ฉะนั้นยังไงก็ต้องสร้างเขื่อนกั้น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช บอกว่า ต้องสร้างเขื่อนกลางทะเล ผมคิดว่าอาจจะลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่ผมคิดว่าเราน่าจะสร้างรอบทะเลดีกว่า อาจจะโค้งหน่อยตามสภาพภูมิประเทศ แต่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ และสามารถป้องกันไม่ให้ภาคกลางไม่ให้น้ำท่วม ไม่ให้น้ำทะเลหนุนเข้ามาได้"

          "และประการสำคัญ หากเราไม่ป้องกันคือ สถานที่สำคัญในบ้านเมืองเราอาจจะหายไป เช่น วัดพระแก้ว หรือ จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งมีวัดจำนวนมาก ดังนั้นการสร้างเขื่อนจะสามารถป้องกันไม่ให้เราสูญเสียสิ่งสำคัญเหล่านี้ได้ แต่เราก็ต้องลงทุน ไม่ใช่รอจนกระทั่งสายเกินไป ซึ่งถ้าจะสร้างเขื่อนก็ต้องสร้างให้เสร็จภายใน 6 ปีนับจากนี้ ถ้าปล่อยให้น้ำเค็มเข้ามาถึงคลองประปาก็จะไม่มีน้ำจืดเหลือแล้ว"

          "อดีตนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่าเตือนว่า สิ่งที่ดีที่สุดขณะนี้ก็คือต้องสร้างเขื่อนกั้นไว้ก่อน รัฐบาลต้องคิดและวางแผนตั้งแต่วันนี้ ต้องทำเป็นวาระแห่งชาติ และจะกลายเป็นสิ่งที่ดีถ้าเราพูดถึงภัยอันตรายส่วนรวมแล้ว มนุษย์ก็จะได้เลิกทะเลาะกันเสียที เพราะเรามีภัยธรรมชาติที่เป็นศัตรูร่วมกัน ถ้าไม่ป้องกันอย่างใดอย่างหนึ่ง กรุงเทพฯและภาคกลางหลายจังหวัดจมน้ำแน่นอน ฉะนั้นรัฐบาลต้องเร่งตัดสินใจ คนไทยไม่ว่าจะพวกเสื้อเหลืองและเสื้อแดงต้องเลิกทะเลาะกัน คนไทยต้องสามัคคีและปฏิบัติธรรมให้มากๆ"

          "ถ้าเราช่วยกัน เราก็จะอยู่ด้วยร่วมกันได้ และใช้เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย เราก็จะอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง ท่ามกลางวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในโลกอนาคตอันใกล้"  ดร.อาจองกล่าวในตอนท้าย

 

 

ที่มาจาก ประชาชาติธุรกิจ
72  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: สถานการณ์น้ำท่วม ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก (ทุกภาค ) เมื่อ: ตุลาคม 24, 2010, 10:29:52 am


ความคาดการณ์แผนที่ น้ำทะเลเพิ่ม 6 - 17 เมตร

ใครสงสัยก็ดูที่ วีดีโอ นี้นะครับ เป็นแผนที่ ๆ นาซ่า ทำขึ้นมาแล้วคาดการณ์ว่า ภายใน 30 ปี

 :03: :03: :73:
73  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: 3 พระสูตรที่ยืนยันว่า: ธรรมธาตุ/นิพพาน/พระพุทธเจ้า เป็นผู้สร้างสร้างสิ่งทั้ง เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 01:25:21 pm
อ้างถึง
กายใจทุกข์ซ่านฟุ้ง          ศรัทธา
หลงพร่ำพระบิดา                หน่ายแท้
ใจรั้งเกี่ยวอัตตา                 ยากถก เพื่อนเฮย
หลงพร่ำอรรถความแก้       บ่ช้าฟั่นเฟือย.

                ธรรมธวัช.!

อนุโมทนา กับคุณ Lastman ด้วยคะ
74  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาติที่แล้ว ทำอะไรมา ก็ดูปัจจุบันได้จ้า เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:56:26 pm

















ขอบคุณที่มา fwd mail
และภาพ www.yenta4.com
75  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อาจารย์ ครับ สำนักของเราไม่มีแก่นสาร หรอกครับ เมื่อ: ตุลาคม 02, 2010, 07:42:41 pm

เมื่อ อุปติสสะปริพาชก ได้ฟัง ธรรมภาษิตจาก พระอัสสชิ ได้ดวงตาเห็นธรรม

ได้นำข้อความนั้น ไปกล่าวกับ โกลิตะปริพาชก ๆ  ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม

ทั้งสองจึงนำข้อความไปบอกกับ ปริพาชก ที่เป็นบริวารทั้งหมด ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม

ทั้งหมดจึงตกลงกันว่า จักไปเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้า เพื่อศึกษาธรรม

   อุปปติสสะปริพาชก จึงเข้าไปแจ้งแก่ สัญชัยปริพพาชก ผู้เป็นอาจารย์ว่า

    อาจารย์ ครับ สำนักของเราไม่มีแก่นสาร หรอกครับ
 
    ตอนนี้ผมได้ฟังธรรม อันพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงรู้ว่ามีอมตะธรรมอันลึกซึ้ง

    ผมจึงมาชวนอาจารย์ ร่วมไปฟังธรรมด้วยกัน


    สัญชัยปริพาชก ฟังดังนั้น ( ขอให้ทุกท่านลองกำหนดอารมณ์ )

    ว่าสัญชัยปริพาชานั้น จะัมีความรู้สึกอย่างไร ที่ลูกศิษย์ตัวเองที่ชื่นชอบ

    มาพูดว่า ธรรมะของตนเอง ไร้แก่นสาร มีคนธรรมะเป็นแก่นสารแล้ว เราไปฟังกันเถิด

   
      ตอนนั้น ผมว่า สัญชัยปริพาชก น่าจะโกรธแต่ไม่แสดงออกให้ปรากฏอย่างชัดเจน
 
     เนื่องด้วย อุปติสสะปริพาชกนั้น เป็นผู้ฉลาด มีอิทธิพล เป็นเศรษฐี

   
     จึงกล่าวเป็นเตือนสติว่า

      ดูก่อนท่านผู้้เป็นศิษย์ ( เตือนว่าเป็นศิษย์ ) เราขอถามท่านว่า ชนในโลกนี้ คนฉลาดมีมากกว่า หรือ

   คนโง่มีมากกว่า

     อุปติสสะตอบว่า คนฉลาดมีน้อยกว่า คนโง่มีมากกว่า

      ดูก่อนพ่อ ( ใช้วาจาที่กระหยิ่มเข้าทาง ) ถ้าอย่างนั้น ท่านจงไปสู่สมณะโคดมเถิด ส่วนเราจักอยู่กับชนที่โง่

 ในความหมายตรงนี้ ( คิดเอาเองว่า )

      สัญชัยปริพาชก ต้องการเตือนว่า คนโง่ทั้งหลายต้องการพวกเราอยู่ ท่านจะทิ้งคนโง่ทั้งหลายอย่างนั้นหรือ

  ขนาดเรายังเสียสละอยู่กับคนโง่เหล่านี้ ท่านที่เป็นคนฉลาดทำไมจึงไม่เสียสละ


   มาเล่าพอให้เป็นธรรมหรรษา แต่น่าจะเล่าไม่ได้ดีเท่าไหร่ ครับ

   ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ

   และขอบคุณท่านที่อ่านไม่จบ

    :25: :25:
76  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / จริงหรือคะ ถ้าเราไม่มีพระพุทธรูป แล้วพระพุทธศาสนาจักมีอายุถึง 5000 ปี เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 03:05:08 pm
ตอนนี้ผม กับกลุ่ม กำลังทำรายงานวิจัยเรื่อง

  "จริง หรือ พระพุทธรูปไม่ใช่สัญลักษณ์ของพระศาสนาพุทธ"

  สืบเนื่องพวกเรา ได้รับหนังสือ ว่าการสร้างพระพุทธรูปเป็นบาป ควรจะทำลายและเรียนหลักธรรมของพระศาสนา

แทนการสร้างพระพุทธรูป มีกลุ่มร่วมกัน เพื่อรายงานวิจัยส่วนนี้ 10 คนครับ

  แต่ทางพวกผม ก็ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ขอคำชี้นำด้วยครับ

 :08:
77  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 3 สิ่งที่ ดี ดี เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 12:35:59 pm








78  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / กรรมที่สร้างไว้กับ หมา เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 12:22:27 pm
----- Forwarded Message ----
From: สิงห์ รณยุทธ์

กฏแห่งกรรม สร้างกรรมไว้กับหมา

:)  วันนี้วันพระ

 noo-pom <> เขียนว่า:

    ป๋าดีค่ะ วันนีน้เข้าวัดเข้าวานะป๋า  ป๋าเปลี๊ยนไป

    เมื่อ 11/17/09, สิงห์ รณยุทธ์ <> เขียนว่า:


         

        :: ลานธรรมจักร :: » กฎแห่งกรรม
        ผู้ตั้ง ข้อความ
        น้อม
        บัวพ้นดิน

        เข้าร่วม: 02 ก.พ. 2008
        ตอบ: 58
        ที่อยู่ (จังหวัด): England
        ตอบเมื่อ: 16 ก.พ.2008, 12:00 am
        เมื่อครั้งยังเด็ก ดำฉันกำลังลวกก๋วยเตี๋ยว (ร้านของแม่) มีหมาตัวหนึ่งคงกำลังหิว เดินมากวน ดิฉันรำคาญจึงเอาน้ำร้อนจากหม้อก๋วยเตี๋ยวราดไปที่หลังหมา เจ้าหมาวิ่งหนีเข้าพงหญ้าร้องโหยหวนดังมาก ดิฉันตกใจมาก และนึกถึงหมาตัวนี้มาตลอด

        จนวันหนึ่ง ดิฉันโตขึ้นมากแล้ว กำลังหิ้วน้ำร้อนในกระติก แล้วน้ำร้อนก็หกลวกขาดิฉัน แม่ตกใจมาก รีบเอาว่านหางจรเข้มาทาให้ ดิฉันแสบแผล แต่ก็ทาว่านหางจรเข้อยู่หลายวัน ในใจก็นึกถึงหมาตัวนั้นตลอด

        ทุกวันนี้ถ้าดิฉันพบหมาหิว จะหาอะไรให้มันกินถ้ามันไม่วิ่งหนีไปซะก่อน ส่วนที่ขาของดิฉันมีแผลเป็นนิดเดียว ทุกวันนี้หายไปหมดแล้ว

79  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ดอกบัวบริสุทธิ์ มีคุณค่า มาจากอะไร... เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 10:40:38 am



ผมชอบมาก เพราะทำให้นึกถึงความเป็นจริงในธรรมได้ครับ

ทุกข์ และ สังสารวัฏฏ์ เหมือนโคลน ไม่ดิน เหมือนน้ำที่เน่า ฉันใด

ใจเราจักผุดผ่องได้ ก็ต้องอาศัยโคลน และ น้ำเน่า ฉันนั้น


80  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีการไล่สัตว์ต่างๆด้วยวิธีธรรมชาติ เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 10:32:06 am
วิธีการไล่สัตว์ต่างๆด้วยวิธีธรรมชาติ
tag:กำจัดแมลง

วิธีการไล่ยุง

แบบง่าย ๆ คือ หา การบูร มาห่อด้วยผ้าแล้วมัดไว้กับหลอดไฟฟ้าที่อยู่ภายใน บ้าน ความร้อนของไฟฟ้าจะทำให้การบูร ระเหย ออกไป และกลิ่นของการบูรจะช่วย ป้องกันยุง ไม่ให้มารบกวน

วิธีกำจัดมด
- หาเศษผ้าที่ไม่ใช้แล้วมาตัดเป็นชิ้น ๆ ความยาวพอประมาณ ชุบกับน้ำมันเครื่องพอหมาดหรือจาระบี แล้วนำมาพันรอบขาตู้หรือโต๊ะ หรือจะใช้ปูนขาวใส่ภาชนะรองที่ขาตู้ก็ได้ และหากพบมดไต่ขึ้นมาตามรอยแตกร้าวของคอนกรีต ให้ใช้น้ำมันก๊าดเทลงไปในร่อง มดก็จะไม่โผล่หน้าขึ้นมาให้เรารำคาญใจอีกนาน

- ใช้แป้งฝุ่นสำหรับทาป้องกันเห็บหมัดของสุนัขหรือแมวมาโรยตามพื้นหรือบริเวณ ที่มดขึ้น เมื่อมดเดินผ่านก็จะเกิดการระคายเคืองและตายในเวลาอันรวดเร็ว หรืออาจฝานมะนาวเป็นแผ่นบางๆ มาไปวางในบริเวณที่มดขึ้นก็ได้

- หากพบว่ามีมดขึ้นอยู่ในขวดน้ำตาลหรือขนมปังที่ใส่อยู่ในกระป๋อง ให้ เราปิดฝาขวดหรือกระป๋องนั้นให้สนิท จากนั้นให้ออกแรงเขย่าเพียงเล็กน้อย แล้วเปิดฝาทิ้งไว้หรือนำไปผึ่งแดดสักครู่ มดตัวน้อยตัวนิดก็จะพากันหนีออกมาเอง

- ในกรณีที่พบรังมด ให้ใช้น้ำที่แช่หน่อไม้สดหรือหน่อไม้ดองเปรี้ยวราดไป ที่รัง มดจะอพยพไปอยู่ที่อื่นทันที แต่ถ้าต้องการกำจัดให้สิ้นซาก ให้ใช้การบูรและยาสูบอย่างละ 1 ส่วน นำไปแช่น้ำตั้งไฟให้เดือด จากนั้นเอาไปราดที่รัง มดก็จะตายและไม่กล้ามาทำรังอีกแน่ๆ

วิธีกำจัดแมลงสาบแบบที่ 1

- เอาขวดเหล้ากลม มาวาง ทาน้ำมันพืชบางๆบริเวณปากขวด แล้วเอาเศษอาหารที่มีกลิ่นหอมๆ ใส่ไว้ก้นขวด (จากการทดลองน้ำตาลปิ๊บดีสุด)

- วางขวดเอียงประมาณ 70 องศา ให้ปากขวดแตะผนัง ตามซอกมืดๆในบ้าน

- ตื่นเช้ามาคุณจะได้แมลงสาปอยู่ในขวด วันแรกๆจะได้เยอะมาก ทำซ้ำเรื่อยๆ มันก็จะหมดไปเอง

วิธีกำจัดแมลงสาบแบบที่ 2

- เทน้ำมันหมูลงในขวด เฮลบลูบอย แล้วก็เคล้ากะให้น้ำมันหมูเกาะทั่วขวด เอาน้ำมันหมูป้ายขอบในคอขวด กะให้กำลังลื่นพองาม

- เอาไปตั้งไว้กลางห้องครัว หรือ แหล่งชุมนุม แมงสาบ เฉพาะจุดที่พบบ่อยๆ

- ทิ้งเอาไว้ ประมาณ 8 ชม. แนะนำ >>ตั้ง< < ไว้ก่อนนอน

- ตื่นมาตอนเช้าอย่าตกใจ แมงสาบจะยัวะเยียะ ไปทั้งขวด แต่ออกมาไม่ได้ เด็กและสตรีที่กลัวแมงสาบ ไม่ควรทำ เพราะอาจจะตกใจตายได้ เอาฝาเฮลบลูบอยปิดไว้ แล้วฝากให้รถขยะพาแมงสาบไปเที่ยว

วิธีกำจัดแมลงสาบแบบที่ 3

- เอาน้ำตาลเคี่ยวกับน้ำให้มีกลิ่นหอมแล้วนำไปใส่ในกะละมังหรือภาชนะที่มีความ ลื่น เพราะเมื่อแมลงสาบได้กลิ่น มันจะลงไปกินแต่ไม่สามารถไต่ขึ้นมาได้ วิธีนี้ก็จะช่วยลดพลเมืองแมลงสาบได้มาก

- ถ้ากันมดและแมลงสาบเข้าไปในตู้เสื้อผ้า หรือ ตู้หนังสือ โดยใช้ก้านพลูและพริกไทยเม็ดบรรจุใส่ถุงผ้าเล็ก ๆ แล้วนำไปไว้ตามซอกของตู้เสื้อผ้า หรือ ตู้หนังสือ

- นำขวดแก้วที่มีปากค่อนข้างกว้างใส่น้ำแกงจืดหรือน้ำต้มยำที่เหลือจากการรับ ประทานอาหาร (ใส่ประมาณครึ่งขวด) แล้วนำไปวางไว้บริเวณซอกหรือมุมห้องภายในบ้าน โดยวางให้ชิดติดกับผนังเพื่อล่อให้แมลงสาบที่ไต่ตามฝาผนังลงมากินน้ำแกงใน ขวด ทำให้ไม่สามารถปีนกลับขึ้นมาได้

- ใช้เหยื่อล่อแมลงสาบสำเร็จรูป ซึ่งบรรจุอยู่ในตลับที่มีช่องว่างเพื่อให้แมลงสาบมุดหัวเข้าไปกินเหยื่อ แล้วออกมาตายภายนอก (ไม่ตายค้างอยู่ด้านในตลับ) โดยนำไปวางไว้ในบริเวณที่มีแมลงสาบชอบเดินผ่าน อาทิ ตามซอกมุมอับต่างๆ หรือวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำทิ้ง เพื่อดักแมลงสาบที่ออกมาหากินยามค่ำคืน

- ใช้บ้านแมลงสาบ ซึ่งเป็นกาวดักแมลงสาบที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง มีประสิทธิภาพในการดักจับแมลงสาบได้ดี ใช้ง่ายเพียงแค่แกะกล่องกระดาษแล้วนำแผ่นเหยื่อไปวางไว้ตรงกลางแผ่นกาวและ พับเป็นรูปบ้าน นำไปวางไว้ตามห้องหรือซอกมุมที่มีแมลงสาบรบกวน เมื่อมีแมลงสาบมาติดจนเต็ม ให้พับบ้านแมลงสาบเข้าทุกด้าน แล้วนำไปทิ้งลงถังขยะ บ้านแมลงสาบมีอายุการใช้งานนานประมาณ 3-4 สัปดาห์

- เอาปูนซีเมนต์ มาผสมกับอะไรหอมๆ น่ากิน เช่น นมผง โอวัลติน หรือถั่วบด ใส่ถาดวางใว้ในที่ที่แมลงสาบชอบเดินผ่าน แล้วก็เอาขันใส่น้ำวางไว้ข้างๆ เมื่อแมลงสาบได้ลิ้มรส อาหารผสมปูนซีเมนต์ และจิบน้ำเข้าไป ปูนซีเมนต์เมื่อผสมกับน้ำก็จะแข็งตัวในท้องของมัน

วิธีไล่งู

- งู ที่กลัวเชือกกล้วยจะมีก็เฉพาะงูเหลือมเท่านั้น ซึ่งได้มีการพิสูจน์มาแล้ว ส่วนงูพิษยังไม่มีรายงาน การเลี้ยงสุนัข หรือห่านเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุด

- ใช้ สารเคมีที่มีกลิ่นฉุน เช่น น้ำมันก๊าด(หาง่าย และไม่อันตรายกับคน และสัตว์เลี้ยง) ให้ฉีดพ่นหรือราดรอบๆ บริเวณที่ไม่ต้องการให้มีงูอยู่ ( ถ้าฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดที่รังงูก็จะหนีไปเหมือนกันครับ) และ ควรฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดในช่วงที่ไม่มีเด็กๆ อยู่ เพราะงูจะออกมาจากที่หล่บซ่อน วิธีนี้เคยใช้จัดการกับงูเห่ามาแล้วใช้ได้ผลครับ ลองนำไปประยุกต์ใช้ดูนะครับไม่ต้องฆ่าเขาด้วยแค่ไล่ไปเท่านั้น

- ใช้ผงกำมะถัน(สีเหลืองๆ) มาผสมน้ำแล้วราดบริเวณรอบบ้าน แต่วิธีนี้ต้องทำบ่อยหน่อย อย่างน้อย เดือนละครั้ง เพราะกำมะถันเจือจางแล้วงูก็เข้าอีก

วิธีไล่ตะขาบ

- เลี้ยงไก่ในบริเวณบ้าน

- ปลูกต้นเสลดพังพอนตัวเมีย รอบๆ บริเวณบ้าน

- ใช้ “น้ำส้มควันไม้” เนื่องจากน้ำส้มควันไม้เข้มข้น มีส่วนผสมของน้ำมันทาร์ และยางเรซินอยู่มาก จะส่งกลิ่นเหม็นคล้ายควันไฟรบกวนสัตว์ และแมลงที่มีพิษต่างๆ รู้สึกจะมีขายตามร้านขายเคมีเกษตรครับ

วิธีไล่หนู

แบบง่ายๆ และประหยัดเงินคือ นำ ไม้ยี่โถ ไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปบดเป็นผง เสร็จแล้วนำไปโรยตามซอกที่หนูชอบอยู่ เพียงเท่านี้หนูก็พากันขนย้ายครอบครัวหนีออกไปจากบ้านของคุณไปเลย
หน้า: 1 [2] 3