ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวดลักขี 9 ล้านจบ พลังบุญเพื่อแผ่นดิน  (อ่าน 2203 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สวดลักขี 9 ล้านจบ พลังบุญเพื่อแผ่นดิน
« เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2013, 09:21:07 am »
0


สวดลักขี 9 ล้านจบ พลังบุญเพื่อแผ่นดิน

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2556 เวลา 19.00-21.00 น. สถาบันพระปกเกล้าขอเชิญนักศึกษาพระปกเกล้ารุ่นปัจจุบัน ศิษย์เก่าและผู้สนใจทุกท่านร่วมกิจกรรม... “สวดลักขี 9 ล้านจบ” ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

“สวดลักขี” หลายคนอาจไม่คุ้นว่าคือการสวดมนต์บทไหน? ศาสตราจารย์ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า บอกว่า พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร หรือพระเดชพระคุณพระธรรมมงคลท่านเรียกอย่างนั้น ซึ่งความเป็นจริงก็เป็นการสวดอิติปิโส สวากขาโตฯ ให้ได้ 9 ล้านจบ

กิจกรรมครั้งนี้ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ถามว่า...จะสวดกันยังไงให้ได้ถึง 9 ล้านจบ อาจารย์บวรศักดิ์ อธิบายว่า ก็ต้องเอาคนไป 1 แสนคน ถ้าหากว่าสวดได้คนละ 9 จบก็ 9 แสนจบ...ถ้าได้ 90 จบใช้เวลาสวด 3 ชั่วโมงก็จะได้ 9 ล้านจบ

“สวดมนต์ 1 จบ ถ้าใครสวดเร็วหน่อย ก็ไม่เกิน 2 นาที”

สำหรับความหมายของบทสวด การสวดมนต์ต้องพูดให้ชัดว่า... “การสวดพระพุทธมนต์” นั้นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เพราะคนที่ไม่เข้าใจก็จะไม่รู้ว่าทำไมจะต้องสวดพระพุทธมนต์

การสวดพระพุทธมนต์ในศาสนาพุทธ ประการที่หนึ่ง...ถือว่าเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนา พระพุทธมนต์หลายบทเป็นคำสอนของพระพุทธองค์



ตัวอย่าง... “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” เป็นพระสูตรแรกที่เทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ เป็นการประกาศพระศาสนา หรือว่า... “กะระณียะ เมตตะสูตร” เป็นพระสูตรที่ว่าด้วยความเมตตา

พระพุทธเจ้าสอนพระภิกษุให้สวดบทนี้อันเป็นการแผ่เมตตาให้เทวดาทั้งหลายที่เคยหลอกหลอนพระภิกษุ ไม่ให้หลอกหลอน แต่กลับมาเมตตาพระภิกษุแทน

“กะระณียะเมตตะสูตร” เป็นบทแผ่เมตตาในบทขัดตำนานพูดไว้ชัดเจนว่า “เทวดาทั้งหลายไม่แสดงอาการอันน่าสะพรึงกลัว เพราะอานุภาพแห่งพระปริตรที่ผู้ไม่เกียจคร้านเจริญอยู่เนืองๆ ทั้งในเวลากลางวันและในเวลากลางคืน เมื่อหลับก็เป็นสุขไม่ฝันร้าย...”

คติในการสวดพระปริตรตามแบบนพเคราะห์นั้นถือว่า “กะระณียะเมตตะสูตร” คือบทสวดสำหรับคนเกิดวันอังคาร หรือประจำพระอังคาร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามที่มีโทสจริตเป็นใหญ่ จึงต้องใช้เมตตาเข้าช่วย พระพุทธรูปประจำวันอังคารคือพระพุทธไสยาสน์ปางปราบอสุรินราหู

ประการต่อมา...การสวดพระพุทธมนต์เป็นสิ่งที่เป็นสิริมงคลสูงสุด

“เพราะเหตุว่า...คุณได้พูดหรือเปล่งคำที่ออกมาจากที่พระพุทธเจ้าและพระสาวกโดยเฉพาะตลอดจนพระอารยสงฆ์ที่สวดสาธยายกันมา 2,600 ปี”



ประการที่สาม...ในเวลาสวดมนต์ จิตเราเป็นจิตที่สุจริต เรียกว่า “มโนสุจริต”...เพราะคิดถึงพระพุทธมนต์ วาจาเราก็เป็น “วจีสุจริต” ...เพราะกล่าวคำอันเป็นมงคลที่พระพุทธเจ้าและพระมหาสาวกกล่าวกันมา 2,600 ปี ส่วนกายก็สุจริตเรียกว่า “กายสุจริต”...เพราะนั่งประนมมืออยู่ ไม่ไปทำร้ายใคร

“สวดลักขี 9 ล้านจบ” จึงเป็นบุญใหญ่ ได้สิ่งที่เรียกว่าเป็นทานอย่างหนึ่ง “ทาน”...คือก่อให้เกิดบุญแก่เทวดาและมนุษย์ที่ได้ยิน เป็น... “ศีล” เพราะว่ากาย วาจา ใจ นั้นไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทำร้ายตัวเอง สงบอยู่กับพระพุทธมนต์ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ “การภาวนา”...เป็นการทำจิตให้สงบ

การสวดพระพุทธมนต์ถือว่าเป็นความสำคัญของผู้ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ ของผู้ซึ่งจะแสวงหาความหลุดพ้น พระพุทธมนต์จึงเป็นก้าวแรก การสวดจึงทำกันมาแต่โบราณตั้งแต่ครั้งพระพุทธองค์


ประเด็นต่อมา...พระพุทธมนต์แต่ละบทจะมีคุณวิเศษต่างๆกัน ยกตัวอย่าง ที่สวดกันทั่วไปคือบทอิติปิโสฯ เป็นบทย่อของ “ธะชัค-คะสูตร” พูดให้เข้าใจง่ายๆเป็นพระสูตรที่ว่าด้วยธง พระสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนพระภิกษุทั้งหลาย ทรงเล่าเรื่องการเทวาสุรสงครามระหว่างเทพ ซึ่งมีท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์เป็นจอมทัพกับเหล่าอสูรซึ่งถูกขับลงไปจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ในการรบ เทพนักรบทั้งหลายอาจเกิดความกลัวขนพองสยองเกล้า พระอินทร์จึงสอนให้ดูยอดธง (ธชัดคคะ) ของจอมเทพหรือยอดธงของแม่ทัพเทพอื่นๆ ความหวาดกลัวก็จะหายไป

แล้วพระพุทธเจ้าก็บอกว่า... “ในท้ายที่สุด เทวดาก็ยังกลัวอยู่เพราะเหตุว่า พระอินทร์และเทวดาทั้งหลายยังไม่หลุดพ้น ยังมีความกลัว ยังมีความโกรธ ยังมีความโลภอยู่”

ศาสตราจารย์ ดร.บวรศักดิ์ บอกว่า ดังนั้นถ้าจะไม่กลัวเลย ต้องเข้าสู่พระนิพพานเหมือนพระพุทธเจ้า บทสวด “ธะชัคคะสูตร” จึงใช้สวดเวลาเกิดความกลัวอะไร แล้วความกลัวก็จะหายไป

ที่สำคัญ พระพุทธเจ้าพูดถึงการสวดบทที่เรียกว่า อิติปิโสอยู่ในพระไตรปิฎก ท่านพูดไว้ชัดเจน “เธอจงเจริญพุทธนุสติภาวนาที่ยอดเยี่ยมในภาวนาธรรม เพราะผู้เจริญภาวนานี้จะสมหวังดังมโนรส”

พูดง่ายๆว่าคนที่สวดอิติปิโสในพระไตรปิฎก ถ้าสวดอยู่บ่อยๆ ปรารถนาอะไรที่ดีที่งามจะสัมฤทธิ์ ซึ่งก็มีความเชื่อกันอย่างนั้น



หากเชื่อเรื่องพระราหู สวดบทอาฏานาฏิยปริตร เป็นบทพระพุทธมนต์ที่สวดแล้วเชื่อว่าจะทำให้อมนุษย์ทั้งหลายทำร้ายไม่ได้ ...เป็นบทพระพุทธมนต์ที่เทวดามอบให้พระพุทธเจ้าเอาไว้

“บอกว่า...ใครก็ตามที่จะมาทำร้ายพุทธศาสนิกชนที่สวดมนต์บทนี้ ท้าวจตุโลกบาลที่เป็นเทวดารักษาโลกก็จะมารุมกันทำร้ายคนนั้น ก็เรียกว่าการสวดภาณยักษ์ เป็นต้น”

ย้ำถึงกิจกรรม “สวดลักขี 9 ล้านจบ” ฤกษ์วันเสาร์สำคัญอย่างไรหรือมีที่มาที่ไปหรือไม่?

“กิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้เป็นฤกษ์สำคัญอะไร เพียงแต่เป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์วิสาขบูชา แล้วพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯ ท่านก็ปรารภที่จะเอาลูกศิษย์ท่านมาสวดถวายเป็นพระราชกุศล...

การทำดี ก็ฤกษ์ดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาฤกษ์”



กิจกรรมสวดมนต์ครั้งนี้ บุญกุศลนอกจากจะช่วยคลายทุกข์ใจแล้ว จะช่วยลดอุณหภูมิการเมือง บ้านเมืองที่ร้อนๆได้บ้างหรือเปล่า?

ศาสตราจารย์ ดร.บวรศักดิ์ บอกว่า อานุภาพของการที่คนมาทำดีร่วมกันเยอะๆ เรียกว่า สามัคคีกุศลกรรม มานั่งมีจิตที่สุจริต ทั้งกาย วาจา ใจ และทำบุญพร้อมกันด้วยการสวดมนต์ มีผลนะ

“ตรงกันข้ามกับสิ่งที่สังคมเคยเห็น...การชุมนุมแล้วชี้หน้าด่ากัน เป็นวจีทุจริต...ให้เผา ให้ทำลาย พวกนี้เรียกว่า...มโนทุจริต วจีทุจริต กายทุจริต เชื่อว่ามีผลแน่ ต่อการทำให้บ้านเมืองสงบ”

ก่อนจบบทสนทนา ขอเชิญชวนให้มาร่วมสวดมนต์กันเยอะๆ นัดรวมพลกันที่เต็นท์ A7 สถาบันพระปกเกล้า ฝั่งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เราเตรียมอาหาร น้ำดื่ม พลาสติกรองนั่ง ดอกบัว หนังสือประโยชน์การสวดมนต์ และถุงผ้าสำหรับใส่ของไว้ให้พร้อม ...ผู้เข้าร่วมมาแต่ตัวกับหัวใจที่อิ่มบุญก็น่าจะพอ.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/345312
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kosol

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดลักขี 9 ล้านจบ พลังบุญเพื่อแผ่นดิน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2013, 09:47:24 am »
0
 st11 st12
บันทึกการเข้า

lamai54

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดลักขี 9 ล้านจบ พลังบุญเพื่อแผ่นดิน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2013, 09:53:29 am »
0
 st11 st12

   จะร่วมสวด ด้วยถึงแม้จะไม่ได้ไปที่ท้องสนามหลวง คะ เชื่อว่า คนไทยพุทธที่ทราบข่าว ทั้งประเทศก็ต้องการสวดเช่นเดียวกัน คะ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
แข่งขันในโครงการ yamaha นะฮะ อย่าเข้าใจว่าเป็นพวกเสื้อแดง.... เราไม่ใช่....

kindman

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 272
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดลักขี 9 ล้านจบ พลังบุญเพื่อแผ่นดิน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2013, 09:08:39 am »
0
 st11 st12

   บทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นบทที่สวดเจริญดีอยู่แล้ว แต่การตั้งชื่อบัญญัติ คำใหม่เป็นสักขี นั้นอาจจะทำให้ชาวพุทธในปัจจุบัน สับสนกันว่าคือบทสวดอะไร กัน แท้ที่จริงก็กล่าวตรงไป ตรงมาเลยก็ได้ว่า ร่วมสวดบท พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ 9 จบ

  :49: thk56
บันทึกการเข้า