ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เจ้าคณะภาค 10 เดือดป้องเณรคำสุดขั้ว หลังพระขอความเห็นชอบสอบสวนเอาผิดเณรคำ  (อ่าน 1236 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ฺBenten

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
http://77.nationchannel.com/video/359051/

รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ พาคณะและสำนักพุทธเข้าพบโต้คารมดุเดือดเจ้าคณะภาคที่ร้อยเอ็ด ที่เข้าข้างหลวงปู่เณรคำ คณะเข้าพบเพื่อขอความเห็นชอบในการตั้งกรรมการสงฆ์ 2 จังหวัด สอบสวนความผิดทางวินัยสงฆ์พระเณรคำพรุ่งนี้ที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่ง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า คนศรีสะเกษทนให้ถูกคนทั่วประเทศเหยียบย่ำศักดิ์ศรีต่อไปไม่ไหว จึงต้องการความชัดเจนเพื่อแก้ภาพพจฯว่าปกป้องพระนอกรีต

      เมื่อเวลา 20.00 น. วันนี้ (8 ก.ค.) ที่วัดบึงพระลานชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด พระครูวัชร สิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ, พระครูสิริวินัยวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ, พระครูธรรมธรคำไข โสดาจาโร ผู้ช่วยเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด พร้อมนายวิรอด ไชยพรรณา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ ได้เข้ากราบนมัสการพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 เพื่อขออนุมัติจัดประชุมคณะสงฆ์ จ.ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี ในพรุ่งนี้ วันที่ 9 ก.ค.2556 ที่วัดประชารังสิต อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อพิจารณาดำเนินการทางวินัยสงฆ์ กับพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ที่ตกเป็นข่าวให้เห็นตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับข่าวการเสพเมถุน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กำลังสอบสวนพฤติกรรม และมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียน จนข่าวที่เกิดส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ คณะสงฆ์กำลังถูกสังคมเพ่งเล็งเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยล่าช้า จนมีข่าวชาวศรีสะเกษเตรียมเคลื่อนไหวกดดันให้ดำเนินการให้เรื่องจบโดยเร็วที่สุด

      โดยในขณะที่ พระครูวัชร สิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ,พร้อมนายวิรอด ไชยพรรณา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อเจ้าคณะภาคว่า ที่มาขออนุญาตเนื่องจากหลวงปู่เณรคำสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการพระสงฆ์ และชื่อเสียงของจังหวัดศรีสะเกษ จึงมาขอรับความเห็นชอบและอนุญาตในการตั้งกรรมการสงฆ์ 2 จังหวัดสอบสนเอาผิดทางวินัย เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่าน่าจะมีการทำผิดวินัยสงฆ์ รวมทั้งดีเอสไอก็นำหลักฐานการแจ้งความมาขอทำการตรวจ ดีเอ็นเอ.คนที่อ้างเป็นลูกขอหลวงปู่เณรคำ กะแม่ของหวงปู่เณรคำ เพื่อเทียบดีเอ็นเอ. เพื่อเตรียมเอาผิด หลวงปู่เณรคำด้วย ปรากฏว่าได้สร้างความไม่พอใจให้กับ เจ้าคณะภาค 10 ซึ่งมีท่าทีเข้าข้างหลวงปู่เณรคำอย่างชัดเจน และไม่เห็นด้วยกับการกระทำทั้งหมด โดยให้ความเห็นว่า เป็นการกล่าวหาแต่เพียงฝ่ายเดียว ให้เป็นมลทิน โดยที่ยังไม่มีความผิดจริง และเป็นเพียงการกล่าวหาเท่านั้น

       ในขณะที่ทางพระครูวัชร สิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และพระสงฆ์ ทุกอย่างทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพระเท่าที่ผ่านมา คนมองว่าแม้แต่เจ้าคณะภาค 10 เองก็ถูกมองและกล่าวหา ว่าเข้าข้างพระที่ทำความผิด และปกป้องพระที่เคยเอารถเก๋งมามอบให้ โดยไม่มองถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดภาพพจน์ที่ไม่ดี และเจ้าคณะภาค 10 จะพลอยมัวหมอง ไปด้วย หากมั่นไม่มีความผิดก็อย่าปกป้อง ต้องยอมให้มีการตรวจสอบ และทำความจริงให้กระจ่าง หากสอบสวนแล้วไม่มีความผิด ทุกอย่างก็จะจบและผ่านไปด้วยดี หากผิดก็ต้องยอมให้เอาผิดและให้สึกตามวินัยสงฆ์ เพื่อภาพพจน์ที่ดีของพระพุทธศาสนา ต้องไม่เข้าข้าง ตมมที่สื่อมวลชนเสนอว่า ปกป้องพระที่ทำผิดวินัยสงฆ์

      ซึ่ง พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 (ธ) ตอบโต้ว่า อย่าฟังความข้างเดียว หากว่าตนปกป้องเณรคำ ยกตัวอย่างมา อย่ากล่าวหาพล่อยๆ ตามสื่อมวลชน ซึ่งสื่อก็มี 2 ประเภท คือ สื่อมวลชน และ สื่อมารชน ที่หาเรื่อง สร้างเรื่องสร้างปัญหา ซึ่งเชื่อถือไม่ได้

      นายวิรอด ไชยพรรณา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่าที่มาไม่ได้มากล่าวปรักปรำ ในเบื้องต้นตนมาเพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่เชื่อไว้ก่อน จึงมาขอให้อนุญาตให้มีการตรวจสอบความจริง ไม่ได้ให้เจ้าคณะภาค 10 ยอมรับว่าเณรคำผิด แต่ทนไม่ได้ที่ศักดิ์ศรีของคนศรีสะเกษ โดนคนเหยียบย่ำ และเร่งรัดให้อนุญาตสอบสวนข้อเท็จจริง ลดคำครหาว่าชาวศรีสะเกษปกป้องคนที่มำให้วงการพระสงฆ์และศาสนามัวหมอง และลดความสับสนตามกระบวนการทางธรรมวินัย ส่วนในรูปคดีก็ให้ส่วนของฝ่ายกฎหมายดำเนินการควบคู่กันไป เพื่อให้ทุกอย่างกระจ่างโดยเร็ว เป็นเหตุให้มารับความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป     

      ขณะที่ในที่สุดพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 (ธ) ก็ยอมรับหลังจากอ่านบันทึกแจ้งความและหลักฐานที่นำมาแสดง เพื่อขอให้อนุญาตตั้งกรรมการสงฆ์ 2 จังหวัด สอบสวนความจริง และกล่าวยอมรับว่า ตนทราบรายละเอียดแล้วเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ยังเชื่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกล่าวหา ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัด โดยขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนได้ และหลังจากนั้น ให้คณะกรรมการรายงานจากคณะสงฆ์ในพื้นที่ รายงานผลและพฤติติกรรมที่สรุปโดยละเอียด จากประชุมสงฆ์พรุ่งนี้ ที่ขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ให้ตนรับทราบและตรวจสอบด้วยทุกด้าน ก่อนจะตัดสิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีมีการเสพเมถุนกับสีกา จนมีบุตรนั้น ซึ่งไม่มีใครสามารถเอาเณรคำมาตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้และเจ้าหน้าที่คิดว่าจะขอตรวจผู้เป็นแม่เณรคำแทนนั้น หากผู้เป็นแม่ยินยอมก็ถือเป็นเรื่องดี ที่จะนำความกระจ่างสู่สังคม หากสรุปว่ามีความผิดตามวินัยสงฆ์ถึงขั้นให้สึก ก็ต้องสึกภายใน 1 วัน และเป็นเรื่องที่คณะสงฆ์จะตัดสินใจต่อไป ส่วนในกรณีอื่นๆทางโลก หรือทางกฎหมาย ก็คงปล่อยเป็นหน้าที่ของกฏหมายดำเนินการ หากพบว่ามีความผิด ซึ่งตนก็จะไม่ปกป้อง

       ////////////////////////
บันทึกการเข้า
ร่วมขบวนการกับ อ๊บ อ๊บ เพื่อศึกษาธรรม