พิมพ์

[raponsan]

วัดกัลยาณมิตรยอม..."ชะลอรื้อถอน" โบราณสถานแล้ว

วัดกัลยาณมิตรยอมชะลอรื้อถอนโบราณสถานแล้ว ด้านกรมศิลปากรชี้โครงการบูรณะในพระบรมราชูปถัมภ์มีเพียง 5 รายการ ไม่เกี่ยวส่วนที่วัดทำลายไป 22 รายการ

ความคืบหน้ากรมศิลปากรเข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจ สน.บุปผาราม ให้ดำเนินคดีผู้จ้างวานทำลายรื้อถอนโบราณสถานภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม. เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา จนทางวัดออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 20 มีนาคม นายอดุลย์ บุญลึก หัวหน้าฝ่ายบริหารงานก่อสร้างและบูรณะ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้เข้าพบ นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร โดยนายบวรเวทเปิดเผยภายหลังการหารือว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ติดต่อแจ้งทางวัดมาตลอดเวลา โดยมีหลักฐานยืนยัน 5 รายการ ดังนี้
     1.เอกสารสำเนาที่ประกาศขึ้นทะเบียนบัญชีโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2492 ได้ใช้ถ้อยคำว่า โบราณสถานในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
     2.เอกสารการตั้งคณะกรรมการวางแผนปรับวัดประกอบด้วยทั้งกรมศิลปากร และผู้แทนจากวัด เมื่อปี 2546
     3.กรมศิลปากรได้แนบแผนผังพร้อมรายชื่อแจ้งว่ามีโบราณสถานอยู่ภายในวัดจำนวน 89 รายการ มีอะไรบ้าง
     4.หนังสือนมัสการถึงเจ้าอาวาสว่าอย่ารื้อ สิ่งที่ทำผิดกฎหมายเป็นระยะ ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2546 วันที่ 9 พฤษภาคม 2550 วันที่ 14 พฤษภาคม 2552 วันที่ 12 ตุลาคม 2555 และวันที่ 11 มีนาคม 2556 และ
     5.คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายดำ ที่ 90/2552 คดีหมายแดง ที่ 204/2553 ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว

     

     “จากเอกสารข้างต้นจึงชัดเจน ทางวัดจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ อีกทั้งได้พยายามพูดคุยกับวัดโดยตลอด แต่ถึงเวลานี้มีการรื้อทำลายไปแล้วจำนวน 22 รายการ อาทิ หอระฆัง ศาลาทรงปั้นหยา หอกลอง หอสวดมนต์ กุฏิคณะ 4 โบราณสถานบางอย่างสวยงามมากยังไม่เคยเห็นของจริงเพราะโดนทุบทำลายไปแล้ว เช่น กุฏิคณะ 4 แม้แต่อาคารเก็บกระดูกก็รื้อ ดังนั้นจึงต้องทำตามกฎหมาย” นายบวรเวท กล่าว

     อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงกรณีวัดทำหนังสือขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้ "โครงการบูรณปฏิสังขณ์วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตพุทธาวาส” อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ผ่านสำนักราชเลขาธิการ ได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้โครงการปฏิสังขรณ์ฯ เขตพุทธวาส ได้แก่ งานบูรณปฏิสังขรณ์หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ พระอุโบสถ พระวิหารหลวง และพระวิหารน้อย อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เข้ามาดำเนินการนั้น ทางหัวหน้าฝ่ายสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ขอให้ทำความเข้าใจร่วมกันว่า ส่วนที่มีการอ้างอิงถึงว่าการบูรณะโบราณสถานวัดกัลยาณมิตรอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีเพียง 4 รายการดังกล่าวเท่านั้น และดำเนินการเสร็จแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับบริเวณสังฆาวาสที่วัดได้ทุบรื้อทำลายไปแล้ว 22 รายการ

       

       "ขอย้ำว่า จะมาอ้างว่าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ แล้วไปไล่ทุบโบราณสถานอื่นนอกเหนือจาก 4 รายการไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ต่อมาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้พิจารณาเพิ่มการบูรณะเก๋งจีนอีก 1 รายการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ รวมทั้งสิ้น 5 รายการ จึงขอทำความเข้าใจเพื่อความเป็นธรรมต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ ด้วย ได้ทำทุกอย่างตามระเบียบราชการถูกต้องโดยตลอด และได้มอบเอกสารการดำเนินงาน รวมงบทั้งหมดกว่า 67 ล้านบาท" นายบวรเวท กล่าว และว่า ในส่วนทุบรื้อศาลาราย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขตพุทธาวาสและสังฆาวาส จึงให้ไปแจ้งความเพิ่มอีก 1 คดี รวมมีคดีทั้งหมด 6 คดี ถ้าชนะคดีอาญาก็จะฟ้องคดีแพ่งต่อ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องและให้สร้างโบราณสถานทั้ง 22 รายการ กลับคืนมาให้เหมือนเดิม

       นายบวรเวท ระบุด้วยว่า ตอนนี้ตำรวจได้เร่งรัดสอบถามขยายผลไปยังสำนักงานเขตธนบุรีว่ามีส่วนเรื่องนี้หรือไม่ เพราะการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต้องส่งรูปแบบรายการให้ทางเขตรับทราบ ทั้งนี้เคยยื่นให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวโบราณสถานระหว่างดำเนินคดี แต่ไม่รับฟ้อง เพราะทุกคดีที่ผ่านมายังไม่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ทางวัดก็ยังทุบทิ้งทำลายจึงแจ้งความจับไปเรื่อยๆ เพิ่มข้อหาไปเรื่อยๆ และอาจใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างใหม่ เป็นตัวอย่างก่อนสักหนึ่งหลังในเร็วๆ นี้

       

      ขณะที่ นายวัชรา พรหมเจริญ ประธานที่ปรึกษาวัดกัลยาณมิตร กล่าวว่า วัดได้ชะลอการรื้อถอนและบูรณะโบราณสถานภายในวัด รวมถึงชะลอโครงการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถาน เพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งวัด 190 ปี ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งได้แจ้งเรื่องนี้ต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้รับทราบแล้ว เพื่อรอให้การพิจารณาคดีของศาลปกครองมีข้อยุติที่ชัดเจน

      ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในวัดว่า พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร อยู่ภายในวัด ไม่ได้รับกิจนิมนต์ที่ไหน ขณะที่ประตูทางเข้ากุฏิคณะ 1 ถูกปิดไว้ ทั้งนี้ ลูกศิษย์ไม่ต้องการให้สื่อมวลชนและบุคคลภายนอกไปรบกวน

      วันเดียวกัน นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผอ.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม พ.ต.อ.วรวิทย์ ญานจินดา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บุปผาราม เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีดังกล่าว หลังจากนั้้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาคดี

       

       จากนั้น นายธราพงศ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ พ.ต.อ.วรวิทย์ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการ กทม. ร่วมกันลงพื้นที่วัดกัลยาณมิตร เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บตัวอย่างเศษปูนที่ถูกรื้อถอน รวมทั้งตรวจเค้าโครงที่ยังหลงเหลืออยู่นำไปรวมในสำนวนอีกครั้ง

       พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ กล่าวว่า หลังจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีนี้ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมทั้งกำชับให้รวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เพื่อเร่งรัดคดีให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด

       “ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกคนงานก่อสร้างชาวต่างด้าว 2 คน ที่เคยถูกจับมาก่อนหน้านี้ มาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ยังไม่เดินทางมา หากพบพยานหลักฐานว่าจะสาวไปถึงผู้สั่งการเป็นใครจะดำเนินคดีอย่างแน่นอน พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย” ผกก.สน.บุปผาราม กล่าว

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150320/203346.html

[MICRONE]

 เชื่อว่า ระบบ กฏหมาย ความไม่ชอบมาพากล จะยุติ ลง คงได้ นะครับ เรื่องนี้

 

[kosol]

เป็นข่าวอย่างนี้ ก็แน่ละ งบในหลวง 700 ล้านบาท  บำรุงศาสนสถาน 5 แห่ง ไม่ใช่ธรรมดา

  และ การดำเนินการ ของโบราณสถาน คืออย่างไร สรุปแล้ววัดต้องการเป็น โบราณสถาน หรือไม่ ?