การบรรลุธรรม ของ "คนมีกิเลสหนา" เรื่องน่าคิดจาก..พระพุทธพจน์
หลายคนมักกล่าวว่า “คนกิเลสหนา บรรลุธรรมไม่ได้” และเชื่อกันแบบนี้หลายคน แต่พระพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องนี้ไว้ในพระสูตรที่มีชื่อว่า วิตถารสูตร ถึง การบรรลุธรรมของคนมีกิเลสหนา ไว้ว่า
บุคคลบางคนในโลกนี้ ตามปกติเป็นผู้มีความกำหนัดยินดีในกาม(ราคะ) ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัสอันเกิดจากความกำหนัดยินดีในกามตลอด
- เป็นผู้มีความโกรธ(โทสะ) รุนแรง ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส ที่เกิดจากความโกรธตลอด
- เป็นผู้ที่มีความหลง(โมหะ) รุนแรง ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส ที่เกิดจากความหลงตลอด
แต่อินทรีย์ 5 ประการ ได้แก่ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา เหล่านี้มีความแรงกล้า เขาย่อมบรรลุธรรมอย่างฉับพลัน
แต่หากคนผู้นั้นมีกิเลสเป็นราคะ โทสะ และโมหะเบาบาง ไม่ได้มีความทุกข์โทมนัสจากราคะ โทสะ และโมหะ แต่อินทรีย์ทั้ง 5 ประการนี้อ่อน เขาย่อมได้บรรลุมรรคผลล่าช้า
การบรรลุธรรมจึงขึ้นอยู่กับอินทรีย์ 5 ประการ
@@@@@@
ระดับของการบรรลุธรรม
การบรรลุธรรมของคนที่มีกิเลสหนาถึงจะขึ้นอยู่กับอินทรีย์ 5 แต่ก็มีความช้าและความเร็วแตกต่างกันไป พระพุทธเจ้าจัดระดับไว้ 4 ระดับคือ
1. ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา
2. ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา
3. สุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา
4. สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา
- ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา หมายถึง ผู้ที่มีกิเลสหนา แต่มีอินทรีย์ 5 ประการบาง จึงบรรลุธรรมได้ช้า
- ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา หมายถึง ผู้ที่มีกิเลสหนา แต่มีอินทรีย์ 5 ประการแรงกล้า จึงบรรลุธรรมได้ไว
- สุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา หมายถึง ผู้ที่ไม่มีกิเลส มีอินทรีย์ 5 ประการบาง จึงบรรลุธรรมช้า
- สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา หมายถึง ผู้ที่ไม่มีกิเลส มีอินทรีย์ 5 ประการแรงกล้า จึงบรรลุธรรมได้ไว
@@@@@@
ทำไมการบรรลุธรรม จึงเกี่ยวข้องกับอินทรีย์ 5.?
อินทรีย์ 5 ได้แก่ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา เป็นองค์ธรรมที่ช่วยให้ลาภะ โทสะ และโมหะ ลดลง เมื่อมีความเชื่อมั่น (ศรัทธา) ต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า จะเกิดความเพียร (วิริยะ) การระลึกรู้ได้ก็จะตามมา (สติ) เมื่อเกิดการระลึกได้สมาธิก็จะตามมา เมื่อมีสมาธิผลที่ได้คือปัญญา ผู้บรรลุอรหันต์ล้วนผ่านองค์ธรรม 5 ประการนี้
ตัวอย่างเช่น เจ้าหญิงอภิรูปนันทา เป็นสตรีชนชั้นสูงที่มีความงามเป็นเลิศ จึงมีอุปนิสัยรักสวยรักงาม พอผนวชเป็นภิกษุณี ก็ยังไม่ทรงละอุปนิสัยรักสวยรักงามอยู่ดี พระพุทธเจ้าทรงต้องการโปรดเจ้าหญิงอภิรูปนันทาให้ทราบถึงโทษของการรักสวยรักงาม
พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตสตรีนางหนึ่งขึ้นมาให้มีความงามประดุจนางฟ้า เจ้าหญิงทรงหลงใหลแล้วชมว่า สตรีนางนี้มีความงดงามมากกว่าสตรีใดใดที่้คยพบเห็นมา ไม่นานสตรีนางนี้ก็ค่อย ๆ แก่ลง แล้วตายกลายเป็นศพ และเน่าส่งกลิ่นเหม็น แล้วกลายเป็นโครงกระดูกในที่สุด
@@@@
เมื่อเจ้าหญิงอภิรูปนันทาทอดพระเนตรดังนั้นแล้วทรงเชื่อ (ศรัทธา) ในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วว่าการยึดติดในความงามเป็นสิ่งที่เที่ยง แท้ที่จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เมื่อเจ้าหญิงทรงพิจารณาร่างของสตรีนางนั้นด้วยตั้งใจ (วิริยะ) เมื่อทรงสังเกตจนถึงตอนที่สตรีนางนั้นสิ้นลม การระลึกรู้ (สติ) ถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าก็บังเกิดขึ้นในบัดนั้นทันที
พอทรงมีสติพิจารณาใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว จึงบังเกิดความสงบ(สมาธิ)ขึ้น เจ้าหญิงอภิรูปนันทาเกิดความเข้าพระทัยว่า สิ่งที่พระนางหลงใหล (โลภะ) ในความงามนั้น เป็นความเขลาเบาปัญญา ทำให้พระนางตรึงอยู่ในกระแสแห่งการเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
พระนางทรงข้ามฝั่งแห่งน่านน้ำอวิชชามาถึงฝั่งแห่งวิชชา อันเกิดจากการพิจารณาร่างของสตรีเนรมิต จนกระทั่งทำให้พระนางบรรลุธรรม
เจ้าหญิงอภิรูปนันทา เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าคนที่มีกิเลสหนา บรรลุธรรมได้นั้นมีอยู่จริง แต่อินทรีย์ 5 ของพระนางพร้อม พระพุทธเจ้าทรงเห็นจึงได้โปรดพระนางด้วยวิธีนี้จนพระนางบรรลุธรรม ที่มา : วิตถารสูตร
ขอบคุณที่มา :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/118542.htmlBy nintara1991 , 17 October 2018