จากพระยาภักดีชุมพล (แล) สู่เจ้าพ่อพระยาแล
ความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าพ่อพระยาแล หรือพระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองคนแรกของเมืองชัยภูมิ ตามประวัติที่กล่าวแล้วเบื้องต้นสรุปได้ว่า นายแลเป็นคนลาวอพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์ คนกลุ่มนี้มีการตั้งหลักแหล่งและอพยพเรื่อยมา จนท้ายสุดได้ตั้งหลักฐานมั่นคงที่เมืองชัยภูมิในปัจจุบัน และได้สร้างเมืองจนมั่นคง และได้รับการยอมรับจากคนชัยภูมิว่า เป็นผู้มีความสามารถในด้านการปกครองและมีความจงรักภักดีต่อแผ่นดิน รวมถึงบ้านเมืองที่ตนสร้างขึ้น แม้ตัวตายก็ไม่เกรงกลัว
ตามความเชื่อที่สืบทอดมากล่าวว่า พระยาภักดีชุมพล (แล) ไม่ยอมร่วมมือกับเจ้าอนุวงศ์ แห่งเมืองเวียงจันทน์ จึงถูกฆ่าตาย ณ ริมหนองปลาเฒ่า บริเวณที่มีการสร้างศาลของท่านในปัจจุบัน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่จากตำนาน “เจ้าพ่อพระยาแล” และประวัติของพระยาภักดีชุมพล (แล) ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกับพบเรื่องราวที่สอดคล้องกันคือ ท่านได้เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2369 ช่วงเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์กบฏเมืองเวียงจันทน์ต่อกรุงเทพฯ ซึ่งชาวชัยภูมิเชื่อว่า ท่านพลีชีพตนเอง เพราะไม่ยอมทรยศต่อแผ่นดินไทย
ดังนั้น พระยาภักดีชุมพล (แล) จึงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความจงรักภักดีต่อแผ่นดินและราชวงศ์จักรี จนยุคสมัยปัจจุบัน ทางราชการได้สร้างคำขวัญของจังหวัดให้สอดคล้องกับตัวท่านว่า “ชัยภูมิ เมืองผู้กล้าพระยาแล” (กรมศิลปากร : 146) ประกอบกับตามคติแห่งการถือผีบรรพบุรุษชาวชัยภูมิเชื่อว่า ดวงวิญญาณของท่านยังคอยปกปักคุ้มครองเมืองชัยภูมิ ให้เกิดความสงบสุขร่มเย็นตลอดมา ตัวท่านจึงเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือบูชา โดยไม่มีการชักจูงใดๆ แม้ชาวชัยภูมิรุ่นหลังๆ ก็มีความศรัทธาต่อท่าน (สง่า พัฒนชีวะพูล : 107-156)
เหตุนี้จึงทำให้ชาวบ้านเรียกพระยาชุมพลภักดี (แล) ว่า “เจ้าพ่อพระยาแล” ที่มีสถานภาพเปรียบดั่งบิดาผู้ยิ่งใหญ่หรือเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ (ศรีศักร วัลลิโภดม 2527 : 11-13) ซึ่งในที่นี้คือ เป็นทั้งอดีตเจ้าเมืองชัยภูมิและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้การคุ้มครองลูกหลานได้อยู่เย็นเป็นสุข จนกลายเป็นสัญลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ชาวชัยภูมิให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
@@@@@@@
ประวัติศาสตร์และความทรงจำในศาลและอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล
ศาลเจ้าพ่อพระยาแล ตั้งอยู่บริเวณหนองปลาเฒ่า อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดชัยภูมิระยะทางราว 2 กิโลเมตร เป็นศูนย์รวมความเชื่อความศรัทธาในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่สัมพันธ์กับความเชื่อเจ้าพ่อพระยาแล ชาวบ้านส่วนมากจะมาประกอบพิธีกรรมบอกกล่าว บนบาน บวงสรวงดวงวิญญาณเจ้าพ่อพระยาแล และใช้เป็นสถานที่จัดงานบุญเดือนหก
เดิมศาลเจ้าพ่อพระยาแลสร้างเป็นเพียงศาลเพียงตา (ศาลไม้) อยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่ ริมฝั่งหนองปลาเฒ่า ชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะสร้างราวปี พ.ศ. 2369 หลังจากเจ้าพ่อพระยาแลถูกเจ้าอนุวงศ์จับประหารชีวิต จนล่วงเลยมาปี พ.ศ. 2511 จึงสร้างเป็นศาลคอนกรีต แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2512 โดยความร่วมมือของชาวชัยภูมิ ต่อมาในปี พ.ศ. 2335 ได้รื้อศาลไม้และสร้างศาลคอนกรีตแทนบริเวณเดิม เป็นศาลคอนกรีตหลังที่ 2 เรียกว่าศาลบวงสรวง (สง่า พัฒนชีวะพูล : 30)
ส่วนอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล ตั้งอยู่ใจกลางสี่แยกถนนหฤทัยกับถนนบรรณาการ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ตัวอนุสาวรีย์หล่อด้วยโลหะเป็นรูปเจ้าพ่อพระยาแล ในท่ายืนถือหนังสือ หันหน้าไปทางทิศใต้ สูง 270 เมตร หนัก 700 กิโลกรัม (ธีระ ศิริธรรม 2510 : 7) ตั้งอยู่บนฐานในกลางคอนกรีตเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สูง 4 เมตร ที่ฐานจารึกว่า
“พระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก พ.ศ. 2360-2369 เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อบ้านเมือง ได้สร้างเมืองชัยภูมิและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้นเป็นลำดับ ชาวชัยภูมิได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ของท่านไว้เป็นที่ระลึกเมื่อ พ.ศ. 2508”
อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแลเริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2507 โดย นายช่วย นนทะนาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิยุคนั้น ร่วมกับข้าราชการ พ่อค้า และชาวชัยภูมิมีความเห็นชอบที่จะสร้างอนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) ให้เป็นมิ่งขวัญและเป็นศรีสง่าอยู่คู่เมืองชัยภูมิ จึงได้ทำหนังสืออนุมัติไปยังกระทรวงมหาดไทย
@@@@@@@
หลังจากนั้นทางจังหวัดจึงหาเงินสมทบทุนสร้างอนุสาวรีย์ โดยจัดให้มีงานประจำปีขึ้นเป็นเวลา 2 ปี ติดต่อกัน คือ ประจำปี พ.ศ. 2507 และ พ.ศ. 2508 ขณะเดียวกันทางจังหวัดได้ติดต่อให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบตัวอนุสาวรีย์และสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด โดยจังหวัดรับมาดำเนินการทำเองทุกอย่าง ยกเว้นเฉพาะรูปหล่อพระยาภักดีชุมพล (แล) ที่กรมศิลปากรเป็นผู้จัดทำการดำเนินงาน สร้างเสร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2509
กระทั่ง วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2509 อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) ถูกเคลื่อนย้ายจากกรมศิลปากรมาถึงหน้าศาลเจ้าพ่อพระยาแล จึงเตรียมการเคลื่อนอนุสาวรีย์ไปยังรถตกแต่งเพื่อใช้วิ่งฉลองรอบเมืองในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่า ก่อนเชิญองค์อนุสาวรีย์ขึ้นรถ ทางคณะกรรมการจัดงานได้จุดธูปเทียนนมัสการองค์อนุสาวรีย์ บอกกล่าวดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน และขณะทำพิธีบอกกล่าว ฝนก็ตกในตลาดเมืองชัยภูมิและรอบๆ อนุสาวรีย์
คล้ายกับจงใจตกลงมาเพื่อให้หยาดน้ำฝนอันบริสุทธิ์ชำระล้างพื้นที่รอบๆ อนุสาวรีย์ ในขณะที่บริเวณศาลเจ้าพ่อพระยาแล บ้านหนองปลาเฒ่า ที่คณะกรรมการกำลังทำพิธีบอกกล่าวฝนกลับไม่ตก ชาวบ้านบอกว่า เป็นเรื่องที่สร้างความอัศจรรย์เป็นอย่างมากถึงปาฏิหาริย์เจ้าพ่อพระยาแล
ในคืนวันนั้นมีชาวบ้านมากราบไหว้อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) กันเป็นจำนวนมาก มีมหรสพสมโภช กระทั่งวันที่ 23 ธันวาคม ได้ฤกษ์เวลา 08.30 น. คณะกรรมการจัดงานกราบไหว้บอกกล่าวแก่องค์เจ้าพ่อ เชิญท่านร่วมนำขบวนแห่จากศาลหนองปลาเฒ่า แห่รอบเมืองชัยภูมิ พร้อมริ้วขบวนจากหน่วยงานราชการต่างๆ ประกอบมากมาย
เมื่อขบวนแห่มาถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ได้แห่รอบอนุสาวรีย์ 3 รอบ แล้วตั้งขบวนล้อมรอบฐานวงเวียนอนุสาวรีย์ ทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญองค์อนุสาวรีย์ท่านเจ้าพ่อพระยาแลขึ้นประดิษฐาน ณ ฐานที่ตั้ง พร้อมกับการรำฟ้อนของสาวงามที่ติดตามมากับขบวนแห่ และขบวนอื่นๆ ต่างก็พากันฟ้อนรำถวายกันอย่างครื้นเครง เมื่อองค์อนุสาวรีย์ประดิษฐานเรียบร้อยแล้ว ได้เตรียมรอทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2510 จนกลายเป็นประเพณีการจัดงานเจ้าพ่อพระยาแลมาจนถึงปัจจุบันนี้ (ธีระ ศิริธรรม : 5-9)
@@@@@@@
นอกจากนี้ ยังมีหอบูชาเจ้าพ่อพระยาแลที่บ้านคนทรง ที่บ้านคนทรงจะมีเครื่องบูชาเจ้าพ่อพระยาแลเหมือนกันทุกบ้าน ได้แก่ รูปหล่อเจ้าพ่อพระยาแล ดาบ 1 เล่ม บายศรี ขันธ์ห้า ขันธ์แปด ดอกไม้ ธูปเทียน ห่อนิมนต์ พวงมาลัย รูปปั้นช้างม้า ข้าทาสบริวารชายหญิง หอบูชาเจ้าพ่อพระยาแลที่บ้านของตนเอง ชาวชัยภูมิส่วนมากจะมีรูปสัญลักษณ์เจ้าพ่อพระยาแลประจำอยู่ที่หอบูชาที่บ้านของตนเอง เช่น รูปหล่อ เหรียญ ผ้ายันต์ รูปภาพ สติ๊กเกอร์ และภาพถ่าย เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อชาวบ้านมีความเดือดเนื้อร้อนใจหรือมีความต้องการอยากจะให้เจ้าพ่อพระยาแลช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เช่น ขอให้หายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย ทำนาทำไร่ให้ได้ผล ขอให้ขายที่ดินได้ราคาดี ขอให้ทำมาค้าขายได้กำไรดี ขอให้ได้ไปทำงานต่างประเทศ ฯลฯ
แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ การขอพรและความช่วยเหลือจากเจ้าพ่อพระยาแลมักสัมพันธ์กับสิ่งที่เป็นมงคลกับชีวิตหรือให้การกระทำที่สุจริตลุล่วง ส่วนการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ ผิดศีลธรรม หรือขัดต่ออุดมการณ์รัฐ เช่น การจี้ปล้น การละเว้นจากการเกณฑ์ทหารด้วยวิธีที่ไม่ชอบธรรม หรือการคอร์รัปชั่นนั้น ชาวบ้านเชื่อว่าเจ้าพ่อพระยาแลจะไม่ส่งเสริมให้คำขอดังกล่าวสัมฤทธิผล
ยิ่งกว่านั้น หากเป็นชาวชัยภูมิด้วยแล้วจะไม่ขอเรื่องดังกล่าวเด็ดขาด เพราะถือเป็นเรื่องไม่สมควร เนื่องจากขัดกับอุดมการณ์เรื่องของความซื่อสัตย์และความเสียสละเพื่อชาติ ที่มีอยู่ในตัวเจ้าพ่อพระยาแล หรือหากใครคิดอุตริขอให้ช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว อาจเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีอันเป็นไปต่างๆ นานาได้
ส่วนเหตุที่ประกอบพิธีกรรมที่บ้านของตนเอง เพราะเชื่อว่าสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของเจ้าพ่อนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่ขอความช่วยเหลือได้ และสะดวกต่อการประกอบพิธีกรรมไม่ต้องเดินทางไปที่ศาลหรืออนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล…
@@@@@@@
หมายเหตุ : เนื้อหานี้คัดส่วนหนึ่งจากบทความ “เจ้าพ่อพระยาแล การก่อตัวของผู้นำทางวัฒนธรรมแห่งเมืองชัยภูมิ และตำนานกับการสร้างอุดมการณ์รัฐชาติ” โดย เอกรินทร์ พึ่งประชา ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร (สังกัดในขณะนั้น) เผยแพร่ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤษภาคม 2551ที่มา : ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤษภาคม 2551
ผู้เขียน : เอกรินทร์ พึ่งประชา
เผยแพร่ : วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ.2564
เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 มิถุนายน 2564
ขอบคุณ :
https://www.silpa-mag.com/history/article_69595