ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม ครูอาจารย์ สมัยนี้ ไม่ค่อยร่วมมือกันเผยแผ่ธรรม ภาวนา กันครับ  (อ่าน 2465 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ask1

   ทำไม ครูอาจารย์ สมัยนี้ ไม่ค่อยร่วมมือกันเผยแผ่ธรรม ภาวนา กันครับ
จดหมายจากสมาชิก พิเศษ ที่มีข้อความยาว แต่ตัดตอนสรุปใจความเนื้อหา มาเท่านี้คิดว่า คำถามดีก็เลยนำมาแชร์ตอบรวมเลยก็แล้วกันนะจ๊ะ
 


 ans1

   ปัจจุบันจะเห็นว่า มีการเผยแผ่ พระธรรม กันมากในสื่อ ทุกรูปแบบซึ่งก็มีแนวทาง ที่ทุกท่านเรียกว่า อริยมรรคมีองค์ 8 กันทั้งนั้น และ มีรูปแบบการเจริญภาวนาเหมือนกัน ใน 4 อิริยาบถ แต่ก็แตกต่างกันด้วย อรรถวิธี ซึ่งเป็นไปตามจริต วาสนา บารมีธรรม ของพระอาจารย์แต่ละองค์  ซึ่งเหตุนี้แหละที่ทำให้ ครูอาจารย์ถึงมี ปณิธาน อุดมการณ์ ที่พระนิพพาน เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถ ปฏิบัติร่วมกันได้ โดยวิธีการแกนหลัก ไม่ได้ ได้แต่เพียง ปฏิบัติมาตรฐาน ตามแก่นวิชากรรมฐาน

    ในครั้งพระพุทธกาล ก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน จนมีผู้ถามพระพุทธเจ้าว่า ทำไมไม่รวมแบบให้เป็นอันเดียวกัน พระพุทธเจ้า ก็ทรงตรัสแสดง เรื่องปฏิปทา ให้ฟัง ว่า การปฏิบัติของทุกคนเป็นไปตามจริต แต่ ทุกรูปนั้นก็ล้วนแล้วแต่มีดวงตาเห็นธรรมแบบเดียวกัน นั่นก็คือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ไม่แตกต่างกัน

    ใครชอบเจริญ กรรมฐานมีปัญญา ก็ไปหาพระสารีบุตร ใครถือ ธุดงควัตร ก็ไปหา พระมหากัสสปะ ใครชอบเจริญ เจโตวิมุตติ ก็ไปหาพระโมคคัลลานะ ใครชอบฟังธรรม ก็ไปหาพระมหากัจจายานะ หรือใครต้องการบันทึกธรรม ก็มาหา พระอานนนท์ เป็นต้น


    ดังนั้นในสมัยนี้ ถึงจะมีการเผยแผ่ พระธรรมภายใต้การปกครองของ พระมหาเถระสมาคม ก็ตามก็มีการเผยแผ่พระธรรมในแนวทางการปฏิบัติ ที่เหมือนกัน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา แต่แก่นกรรมฐาน นั้นต่างกันไป ด้วยความเป็น สมถกรรมฐานบ้าง วิปัสสนากรรมฐานบ้าง

    ในยุคนี้จะกล่าวว่า ผู้ปฏิบัติทีเห็นหลัก ๆ ก็จะเป็น

      1. พุทโธ พุทธานนุสสติ เป็นหลัก  เห็นมีในสายป่า มาก
      2. มหาสติปัฏฐาน 4  เป็นหลัก มีทั้ง แนวทาง เคลื่อนไหว ยุบหนอ พองหนอ รวมถึงแนวทางอภิธรรมด้วย
      3. อานาปานาสติ
      4. ธรรมกาย
      5. มโนมยิทธิ
      4. ธรรมเปิดโลก
      5. อื่น ๆ

    ดังนั้น ครูอาจารย์ ก็ยังสมาคมกันได้ รู้จักกันได้ พูดคุยศึกษากันได้ แต่ถ้าพูดถึงความชำนาญในแนวทางปฏิบัติของตนเองแล้ว ก็ต้องเผยแผ่ ในแนวทางที่ตนเองปฏิบัติเพื่อสืบทอด วิชากรรมฐาน ด้วยประการหนึ่ง

     คำถามที่ถามว่า ทำไม ครูอาจารย์ สมัยนี้ ไม่ค่อยร่วมมือกันเผยแผ่ธรรม ภาวนา กันครับ

    ก็ตอบว่า ไม่เป็นความจริง เพราะถ้าเป็นในศิษย์สำนักเดียวกัน แล้ว ก็ร่วมมือกันเผยแผ่เป็นอย่างดี มิฉะนั้นไม่มีทางมีองค์กรระดับใหญ่

    ส่วนในแนวทางที่แตกต่างกัน นั้น ก็ให้เกรียติซึ่งกันและกัน ไม่แตะต้องวิธีการภาวนา แต่ยังคงรักษา ความถูกต้อง คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ไว้ให้เป็นมาตรฐาน ส่วนวิธีการก็แล้วแต่ กลอุบายวิธีการสอนของครูอาจารย์ ซึ่งผู้เรียน ก็ต้องมี จริต วาสนา เรียนธรรม รู้ตามธรรม นั้นด้วย

    ที่นี่ก็มีคำถาม โดยตรงมาสู่อาจารย์ว่า ทำไม พระสนธยา ธัมมะวังโส ไม่ไปเรียนกรรมฐาน ที่นั่น ที่นี่ ไปกราบครูอาจารย์ รูปนั้นเป็นศิษย์ ไปเคารพองค์นั้นองค์นี้ ( อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ที่จริงไม่น่าถาม ) ตรงนี้ควรศึกษาประวัติ พระสนธยา ว่าไปเรียนกรรมฐานที่ไหน บ้าง นะจ๊ะ

    แล้วอย่างนี้แสดงว่า ครูอาจารย์ แต่ละรูป นั้นยังมีมานะทิฏฐิ กันอยู่ใช่หรือไม่ ?  ( ก็แล้วแต่ท่านทั้งหลายจะคิด กันนะส่วนนี้ ) ก็เพราะท่านทั้งหลาย ชอบเปรียบเทียบกันจึงทำให้จิตลำบาก



   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2013, 10:47:24 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
   ทำไม ครูอาจารย์ สมัยนี้ ไม่ค่อยร่วมมือกันเผยแผ่ธรรม ภาวนา กันครับ


วันสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปกราบสรงน้ำขมาพ่อแม่ครูอาจารย์ในสายวัดป่ามาที่ อ.ปากช่อง ซึ่งที่นี่มีการรักษากฏระเบียบค่อนข้างเคร่งครัดเรียกว่าใครมาผิดกติกาแล้วเป็นอันไม่ได้บวชพราหมณ์ถือศีล ทั้งด้วยกุฏิกรรมฐานจำกัดเรือนหลังไม่พอต้องใช้เต๊นท์กางนอนในเวลาค่ำ กลางวันจะร้อนนั่งภาวนาในเต๊นท์คงลำบาก ไม้ยืนต้นก็ไม่ใหญ่พอจะบังแดดฝนเนื่องจากเริ่มปลูกไม่นาน ไฟฟ้าไม่ต้องถามวัดป่าไม่ใส่ใจเรื่องไฟฟ้ามากนัก ผมทราบกฏระเบียบเป็นอย่างดีและลำบากใจต่อคำชวนเชิญของเพื่อนๆ จึงตัดสินใจผละไปกับกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่มที่จะไปวัดที่มีถ้ำ ซึ่งจากที่ได้ไปเห็นผมพอใจจะอยู่ถ้ำมากกว่าเพราะภายในถ้ำเย็นสบายสงัดมืดสัปปายะน่าภาวนามากๆ ทั้งครูอาจารย์สายนี้ก็แนวฤทธิ์อภิญญาโลดโผน ผมได้มีโอกาสกราบสนทนาอยู่ด้วยนานพอสมควร สำหรับผู้ใฝ่ภาวนาที่เป็นบัณฑิตผู้คงแก่เรียนเป็นแพทย์,วิศวะ,ข้าราชการ,รัฐวิสาหกิจ,เอกชน จะชื่นชอบไปวัดป่าแนวพุทธานุสสติภาวนา ปัญญาเป็นหลัก ผิดกับวัดถ้ำเข้มขลังอภิญญามากก็จะเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบวัตถุ,อักขระ,เลขยันต์ ทำนองนั้นแตกต่างกันไป จากคำถามเป็นอะไรที่มองด้านเดียวเข้าข้างตัว จริงๆแล้วเอกภาพในพระสงฆ์นั้นมีอยู่แล้วโดยธรรมวินัย แต่การแบ่งขั้วค่ายกลับเป็นเรื่องของคฤหัสถ์ จึงวุ่นวาย เหตุเพราะกลุ่ม บุคคล องค์กร หวังในผลประโยชน์กำหนดกะเกณฑ์ให้ครูอาจารย์ท่านเป็น แล้วเก็งกำไรกระเป๋าใครไม่รู้ ให้น่าอดสูอยู่เหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2013, 12:56:51 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา