คนที่ฝึกภาวนา มักจะหลงผิดว่า การฝึกเห็นนั่น เห็นนี่เป็นการฝึกสมาธิ ที่โพสต์มาทั้งหมดนั้นไม่เรียกว่า
สมาธิเลย เป็นแต่เพียงอุปกิเลสของการฝึกสมาธิ
สมาธิ คือ ความแน่วแน่แห่งจิต สิ่งที่กล่าวว่าการเห็นนั่น เห็นนี่ นั้นเป็นอุปกิเลสของสมาธิ เรียกว่าตัว ขัดขวางสมาธิ แท้จริงยังไม่ได้ สมาธิ
จิตเป็น สมาธิ เป็นอย่างไร
เป็นไปตามนี้
วิตก + วิจาร
วิตก ก็คือ อุบายวิธีกองกรรมฐานที่ใช้ในขณะนั้น เช่น พุทโธ เป็นต้น
วิจาร ก็คือ การบำเพ็ญจิตให้อยู่กับวิตก จนจิตสามารถ รวม วิตก กับ วิจาร เป็นอันเดียวกัน
เมื่อจิต รวมศูนย์จิต ก็จะเริ่มเข้าสู่ ขณิกะสมาธิขั้นหยาบ
เมื่อจิตเข้าสู่ ขณิกะสมาธิขั้นหยาบ ปีติ อย่างหยาบก็จะเกิดขึ้น เรียกว่า พระลักษณะ อันเกิดทางกายภาพ
ขณะเดียวกัน เพราะจิตไม่ตั้งมั่น ในองค์ วิตก วิจาร อุปกิเลส ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
เมื่อปีติ อย่างหยาบ ระงับลง ก็จะเข้าสู่ ขณิกะสมาธิ ขั้นกลาง เริ่มประณีต จนถึง ขณิกะสมาธิ ขั้นละเอียด
จิตรวมศูนย์จิตได้ ก็จะเข้าสู่ภาวะ ปีติ ทางจิต หรือ จิตภาพ ส่วนพระรัศมี
จะเห็นได้ว่า ยังไม่ถึงอุปจาระสมาธิ เ้ลย จะกล่าวว่าเป็น สมาธิ ก็ยังมิได้ เพราะพระพุทธศาสนา นับสมาธิที่
อุปจาระสมาธิ ขึ้นไป
การฝึกสมาธิ ย่อมเริ่มจาก สติ เป็นเครื่องผูก สติ และ สัมปชัญญะ เป็นสิ่งที่ไม่ขาดหายไปจากสมาธิ ในกองกรรมฐานทั้ง 40 กอง เนื่องด้วยเป็น พุทธะกรรมฐาน จึงมีสติ และ สัมปชัญญะ
เป็นไปเพื่อ ปรมัตถ์ คือ นิพพาน
เจริญธรรมเท่านี้ก่อน