ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ เวลาปฏิบัติหาเพื่อนปรึกษาไม่ได้คะ  (อ่าน 5687 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

SRIYA

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 199
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กำลังเริ่มสนใจ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ แต่พอได้สอบถามเพื่อกลุ่มธรรม ด้วยกันแล้วไม่มีใครรู้ัจัก กรรมฐาน ส่วนนี้เลยคะ เลยเกิดความหนักใจว่า หาผู้ปรึกษาไม่ได้ นอกจากทางเวิ็บแห่งนี จึงทำให้รู้สึกว่า เป็นกรรมฐาน ที่ฝึกยากมากคะ เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรเลยคะ คิดว่าจะชวนเพื่อนไปที่วัดราชสิทธาราม เพื่อขึ้นกรรมฐาน แต่ส่วนใหญ่เพื่อนไม่ชอบวิธีการขึ้นกรรมฐาน แบบที่ดูในวีดีโอ และจะจบด้วยคำพูดว่า ไม่เห็นต้องขึ้นกรรมฐานให้ยุ่งยากเลย เพราะกรรมฐานนั้นไม่น่าจะต้องมีครูมากนอกจากพระศาสดา มีสำนักที่เรียนกรรมฐานโดยไม่ต้องขึ้นกรรมฐาน ก็มีอยู่ตั้งมาก ทำไมต้องมาขึ้นกรรมฐานด้วย

  เพื่อน ๆส่วนมากจะพูดกันอย่างนี้ จึงเห็นว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ หาเพื่อนภาวนาปรึกษายากจัง

 :73:
บันทึกการเข้า
อยากให้ทุกชีวิต มีความอบอุ่น

kira-d-note

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 119
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อย่าว่าแต่เพื่อน ๆ เลยครับผมเองได้ไปวัดบวรนิเวศน์ ทำบุญในวันเสาร์ คุยถามพระเรื่องกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับไม่มีพระรูปไหน รู้จักเลยครับกะว่า จะอาศัยคุยกับพระคุณเจ้าที่วัดใกล้ ๆ ก็ไม่มีอีกครับ เท่าที่ดูคนในยุคนี้จะ
ใช้การภาวนาในแนว มหาสติปัฏฐาน เป็นส่วนใหญ่ คือไม่เน้นสมาธินะครับ เพราะผมไปที่วัดก็จะสอนให้เจริญสติ

ด้วยการย่างหนอ นั่งหนอ และ การเจริญอานาปานสติ ในการดูลมหายใจ เป็นส่วนใหญ่ ครับ

 :91:
บันทึกการเข้า
แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28435
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
จิตที่ไม่เปิดรับ "สิ่งที่ไม่เคยปฎิบัติ" ทำให้หลายคนคิดว่า เป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่มีความจำเป็น

อย่างนี้เค้าเรียกว่า "ชาล้นถ้วย" บอกอะไรไป ก็คิดว่า รู้แล้ว รู้แล้ว ไม่่สนใจ ไม่ใส่ใจที่จะพิสูจน์

ทั้งที่รู้ดีว่า "ตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆ" ปิดประตูอบายภูมิก็ยังไม่ได้ ศีลห้าก็ยังไม่บริสุทธิ์

ยังเอาดีอะไรไม่ได้สักอย่าง เห็นก็เห็นอยู่ จะเอาก็เอาได้ แต่ก็ไม่เอา

พระพุทธองค์เรียกบุคคลประเภทนี้ว่า "โมฆะบุรุษ"



ที่พูดมานี่ ไม่ได้ว่าใคร แต่ว่า "ตัวผมเอง" เมื่อก่อนผมเป็นแบบนี้จริงๆ

ทัศนคติ attitude ทิฏฐิ ของแต่ละคน เป็นเรื่องที่เปลี่ยนยาก

โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ เชื่อในสิ่งที่ตามองเห็น

วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ กรรมฐานมัชฌิมาก็เช่นกัน ขอท้าให้ทุกคนมาพิสูจน์



อยากให้มองว่า ทำไมปัจจุบันตามสถานศึกษาต่างๆ ยังคงมีประเพณีไหว้ครูกันอยู่

การไหว้ครูกับการขึ้นกรรมฐาน มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การยอมรับให้ครูสั่งสอน

ว่ากล่าวได้ หากไม่แสดงการยอมรับอย่างเป็นทางการ ใครเลยจะมาว่ากล่าวเราได้

ลองคิดดู หากเราไม่ใช้ครูของเค้า แต่ไปสอนเค้า จะเกิดอะไรขึ้น เค้าจะยอมรับคำสอนของเราหรือไม่

การขึ้นกรรมฐานไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเลย เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมา

เป็นการแสดงความเคารพในครูบาอาจารย์ เป็นสิ่งที่งดงาม สมควรที่จะอนุรักษ์ไว้


ในเรื่องเนื้อหาของกรรมฐานมัชฌิมา ขอยืนยันว่า สอนตามพระไตรปิฎก สติปัฏฐาน ๔ หรือ อานาปานสติ

ในกรรมฐานมัชฌิมาก็มีอยู่แล้ว ใครที่สงสัยอะไรขอให้สอบถามเว็บนี้ได้เลย อย่าได้คิดไปเอง

ส่วนเรื่องเพื่อนปรึกษานั้น ในเว็บนี้มีกัลยาณมิตรหลายคน อย่าได้เกรงใจ ถามได้ครับ

 :49: :58: ;) :25:

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เท่าที่ทราบมาจากการเข้าไปอ่านประวัติเรื่องพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

นำเข้ามาเผยแผ่ ในยุคสุวรรณภูมิ โดยพระมหาเถระ 5 รูปที่รู้จักชื่อกันดี ก็คือ พระโสณะมหาเถรเจ้า และ พระอุตตรมหาเถรเจ้า ซึ่งมีประวัติเป็นผู้นำศาสนาพุทธมาเผยแผ่เป็นทางการในครั้งที่ 2 หลังจากที่นำเข้ามาในยุคพระพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ คือก่อนพุทธกาลครั้งหนึ่งแล้ว

ดังนั้นประวัติตำนาน พระกรรมฐาน ในส่วนนี้มีความสำคัญมาก ๆ คะเพราะแสดงว่า พระพุทธศาสนาในยุคสุวรรณภูมิและบรรดาพระภิกษุในยุคนั้นล้วนปฏิบัติภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ทั้งสิ้นส่วนในยุคนี้ทำไมจึงไม่ค่อยได้ยินไม่ได้รู้จัก คิดว่าเป็นเพราะสื่อการเผยแผ่สมัยนี้มุ่งการสอนที่นำสมาธิออก เพียงแต่มุ่งให้คนใช้สติเป็นหลัก เพราะเห็นว่ามีประโยชน์กับชีวิตประจำวันมากกว่า ในรูปแบบที่ต้องมานั่งหลับตาแล้วไม่ได้งาน ดังนั้นคนสมัยนี้จะยอมรับธรรมะเข้าไปใช้ในชีิวิตประจำวันได้ต้องไม่กระทบกระเทือนกับงาน จึงเห็นเรื่องการฝึกสติกับงาน ชีวิตกับการทำงานเป็นแนวปฏิบัติธรรม ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เคยได้ยิน ได้ฟัง มาว่า

  น่าจะเป็นหลวงพอ่ปัญญานันทะภิกขุ กับ หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ ที่จะสอนการปฏิบัติธรรมแนวนี้ คือท่านจะกล่าวว่า "การทำงาน คือการปฏิบัิติธรรม" จะเห็นได้ว่าต้องการให้ธรรมะสอนคล้องกับชีวิตการงาน ซึ่งคนมีปัญญามากสักหน่อยก็จะมองว่าเป็นแนวทางที่ดี เพราะไม่ขัดกับการทำงาน

  แต่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ที่ไปเรียนมาใช้การหยุดนิ่ง หยุด กาย และ เดินจิตตามฐานจิต ต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่สภาวะธรรมในการภาวนา คนทั่วไปจึงมีความเห็นว่าไม่สอดคล้องกับการทำงาน

  เพราะสาเหตุการภาวนา ไม่สอดคล้องกับการทำงาน จึงทำให้มองว่า กรรมฐาน เป็นเรื่องของคนที่ไม่ข้องเกี่ยวกับโลก จึงเป็นเรื่องเหมาะกับพระสงฆ์ ในสายปฏิบัติมากกว่า นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มี พุทธบริษัทศึกษากันน้อยลง และหันไปศึกษา แนวทางเคลื่อนไหวในสายพม่า ที่ใช้คำเรียกว่า ฝึกแนวมหาสิปัฏฐานกัน

  ถูกผิดอย่างไร ขอให้ทุกท่านร่วมแสดงความเห็นกันต่้อด้วยนะคะ

    :s_hi:
บันทึกการเข้า

sanrak

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คงต้องหาเพื่อนปรึกษา ทางโดยเฉพาะ คงอาศัยเพื่อนรอบข้างเราได้ยากคะ

ต้องพึี่่งสมาชิกทางเว็บกรรมฐาน ที่นี่คะถ้าจะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ คะ

 :014:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
กำลังเริ่มสนใจ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ คิดว่าจะชวนเพื่อนไปที่วัดราชสิทธาราม เพื่อขึ้นกรรมฐาน แต่ส่วนใหญ่เพื่อนไม่ชอบวิธีการขึ้นกรรมฐาน และจะจบด้วยคำพูดว่า มีสำนักที่เรียนกรรมฐานโดยไม่ต้องขึ้นกรรมฐาน ก็มีอยู่ตั้งมาก ทำไมต้องมาขึ้นกรรมฐานด้วย

  จึงเห็นว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ หาเพื่อนภาวนาปรึกษายากจัง


ปกติเดิมผมนั้นก็อคติในเรื่องการขึ้นขันธ์ครู พิจารณาเห็นว่าการปฏิบัติธรรมไม่น่าจะมีเรื่องการผูกถ่วงหน่วงจิต

ภาวนา จิตควรจะปล่อยให้เป็นอิสระภาวนาไปตามแต่จริตวาสนาแล้วแต่บุคคลจะดีกว่า ผมมาพิจารณาในภายหลัง

จึงพบว่า การขึ้นขันธ์ภาวนา ต่างกับการขึ้นขันธ์อวิชชามนต์ดำ เพราะครูบาพระกรรมฐานนั้น ต่างล้วนมีวิหารธรรม

น้อมนำเอาพุทธบารมี แห่ง พระปัญญาคุณ, พระวิสุทธิคุณ, พระเมตตาคุณ มาเป็นอาภรณ์สวมกายใจเราท่านให้

ดำเนินไปสู่วิถีมรรควิถีผลด้วย สติ สมาธิ สุข นิพพาน พ้นบ่วงมารดับทุกข์หยุดสังสารวัฏฏ์


มีคำกล่าวอ้างว่า การภาวนาไม่จำเป็นต้องขึ้นขันธ์กล่าววาจาขมาใดใดให้เสียเวลา ผู้กล่าวเยื้องอย่างนี้ล้วนภาวนา

ไปได้ยาก มักหลงทางเดินจิตในการภาวนา มีวิบากให้ไม่ได้พบครูบาอาจารย์ชี้นำ การขึ้นขันธ์ครูพระกรรมฐาน

เสมือนเปล่งกล่าววาจาด้วยความเคารพศรัทธานอบน้อมพร้อมรับคำสั่งสอน คุณธรรมเบื้องบาทแรกเกิดแล้วแก่เรา

อย่าสักคิดเอาแต่ว่าหลับหูหลับตานั่งบริกรรมหายใจเข้าหายใจออก เชื่อได้เลยไม่มีอะไรในกอไผ่ จิตมีแต่กลวง

โพลงโล่งๆว่างๆเป็น "อทุกขมสุข" ไม่ไปไหนเลยผิดหมดแล้วตีความเข้าใจเอาเองแบบโลกๆบวมๆไป จำไว้นะครับ

ว่าพระสงฆ์ผู้ทรงศีลภาวนามีสติสันโดษรู้พร้อมอยู่ที่ตน ไม่ก้าวล่วงล้ำเกินไปสู่วิถีจิตผู้ใด เว้นเสียแต่มีผู้กล่าว

ปวารณาขอเป็นผู้ถูกว่ากล่าวสั่งสอนได้ สงฆ์ท่านจึงกล่าวสั่งสอน สงฆ์ภาวนาท่านมีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่สงบ มี

วินัยบัญญัติเป็นเครื่องอยู่สงัด จึงไม่อาจล่วงล้ำเกินเลยไปข่มสั่งใดใดผู้ใด ไม่ใช่กิจพึงทำ ซึ่งอาจนำไปสู่วิบาก

กรรมด้วยปรามาสของญาติธรรมผู้ไม่รู้ ซึ่งโลกและธรรมแยกต่างกันด้วยสิ้นเชิง ดังนั้นการขึ้นขันธ์ครู การขมา

กล่าวงดโทษ เพื่อภาวนานั้น จึงเป็นปกติวิสัยไม่ให้ไปยั้งคุณธรรมเบื้องบาทแรกอันพึงมีในกัลยาณชน ผู้เป็น

เวไนยสัตว์ ผู้จักสว่างแจ้งในธรรม ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า....ครับ! สวัสดี 


               

เป็นคนรู้ หยั่งตน ขมาครู
รู้เชิดชู หยั่งเจ้า กล่าวสั่งได้
คุณธรรม บาทแรก แจ้งแก่ใจ
เป็นเวไนย นอบพร้อม น้อมขันธ์ครู.


                                                    ธรรมธวัช.!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2011, 12:09:05 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
อย่าสักคิดเอาแต่ว่าหลับหูหลับตานั่งบริกรรมหายใจเข้าหายใจออก เชื่อได้เลยไม่มีอะไรในกอไผ่ จิตมีแต่กลวง

โพลงโล่งๆว่างๆเป็น "อทุกขมสุข" ไม่ไปไหนเลยผิดหมดแล้วตีความเข้าใจเอาเองแบบโลกๆบวมๆไป

เมื่อก่อนก็เคยคิดว่าไม่สำคัญเหมือนกันคะ

อ่านตามที่คุณธรรมธวัช อธิบายมาแล้ว พึงกระทำคะ การขึ้นขันธ์ครูก็คือการกล่าววตัวเป็นศิษย์ พระรัตนตรัย คะ

และเป็นการเปิดปวารณา ให้ครูอาจารย์ อบรมสั่งสอนเราได้เต็มที่ เป็นการวางจิตของเราให้ยอมรับคำสั่งสอนด้วย

ความไม่โกรธ ไม่เคือง และเพื่อความไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่ใช่แต่เรื่องการขึ้นครูนะคะ ที่สำคัญการกล่าวขอขมาต่อ

พระรัตนตรัย ก็มีความสำคัญคะ

 :014:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ดิฉันเชื่อว่า ในเว็บนี้ น่าจะมีกัลยาณมิตรสำหรับตอบกันหลายคน แต่กัลยาณมิตรหลายท่านที่สนใจกรรมฐาน ก็ไม่ใช่เว็บคะ และไม่เคยเข้าเน็ตด้วย ที่จริงก็มีหลายคนที่ไปขึ้นกรรมฐาน ที่วัดราชสิทธาราม กทม. มากันแล้ว แต่ไม่รู้เรื่องเว็บเลยคะ

 ทางฝั่งสระบุรี หรือมีแต่ศิษย์ที่ใช้เว็บเท่านั้น คะ

 :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ในสายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

 ครูอาจารย์ ผู้บอกกรรมฐาน คือ กัลายณมิตร ที่ 1

ดังนั้นถ้าหาเพื่อน หายาก หากัลยาณมิตร ก่อนเป็นอันดับแรก และ กัลยาณมิตรอื่น ก็จักมีเอง

เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กัลยาณมิตร หายาก จริง ๆ ครับพระอาจารย์

 เหมือนเข้าทำนอง เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนเที่ยวก็หาง่าย แต่เพื่อนแท้เป็นกัลยาณมิตร หายากจริง ๆ ครับ

  :13:
บันทึกการเข้า