ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปฏิวัติสังฆทาน !!!  (อ่าน 8074 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ปฏิวัติสังฆทาน !!!
« เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2011, 08:39:57 pm »
0
 
ปฏิวัติสังฆทาน !!!

จากรูปแบบเก่า  "ถังเหลือง-สอดไส้-ไม่ครบ"

 สู่ระบบ  "โปร่งใส-สวยงาม" และ "มีคุณค่า"

 ทว่า  "แพงขึ้นอีกนิด" แต่  "ได้บุญมากกว่าเก่า
"

     ภาพ "สังฆทานถังเหลือง" ที่เคยชินตาของบรรดาชาวพุทธที่นิยมทำบุญด้วยการถวายสังฆทานมานานนับหลายสิบปี จนกลายเป็นปรากฏการณ์ถังเหลืองเต็มวัดไปหมดนั้น ในวันนี้เริ่มเลือนหายไปบ้างแล้ว เพราะคนรุ่นใหม่และคนที่เบื่อหน่ายกับสิ่งของที่จำเจลุกขึ้นปฏิวัติพร้อมพยายามมองหาของแปลกใหม่ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพระและวัดมากขึ้น ณ วันนี้รูปแบบสังฆทานจึงพลิกโฉมไปแบบไม่มีขีดจำกัด แต่งานนี้กลับสร้างความแฮปปี้ทั้งผู้ถวายและผู้รับ

สังฆทานระบบเก่าใส่ในถังสีเหลืองที่เห็นจนชินตา
 ซึ่งมักมีปัญหาว่าด้วยของเก่า-หมดอายุ หรือบางทีก็ "ใส่ของไม่ครบ"
 พระสงฆ์ได้รับแล้วก็ปลงอนิจจังต่อไปว่า "บุญก็คงไม่ครบตามสิ่งของที่พร่องไปเช่นกัน"
 
     
        ย้อนยุคถิ่นสังฆทาน
       
        เมื่อสมัยเมื่อ50 ปีก่อนนั้น คนกรุงเทพฯเมื่อจะไปซื้อผ้าต้องไปย่านพาหุรัด ถ้าจะไปซื้อทองต้องไปบ้านหม้อ และถ้าใครจะทำอะไรเกี่ยวกับงานบุญงานบวชจะต้องไปย่านถนนบำรุงเมือง เพราะถือเป็นแหล่งจำหน่ายสังฆภัณฑ์ตั้งแต่ พระพุทธรูป เครื่องบวช ผ้าไตรจีวร ย่าม บาตร กลด ตาลปัตร ของใช้ในการทำบุญไปจนถึงเครื่องสังฆทาน ตลอดถนนบำรุงเมืองจะแทบทุกร้านค้าที่อยู่ติดถนนจะเปิดร้านขายแต่สังฆภัณฑ์ตลอดสองฟากทาง
       
        นอกจากนี้ยังมีย่านอื่น ๆ ซึ่งอาจจะใหญ่ไม่เท่ากับย่านถนนบำรุงเมือง อาทิ สำราญราษฎร์ บางลำพู เป็นต้น ที่เหลือจะเป็นร้านค้าที่อาศัยทำเลตามวัดชื่อดังที่มีคนนิยมมาถวายสังฆทานกันเป็นจำนวนมาก อาทิ วัดสร้อยทอง ย่านนนทบุรี, วัดหลวงพ่อโอภาสี ย่านฝั่งธน, วัดอโศการาม ย่านสมุทรปราการ เป็นต้น
       
        สานิต อิงคภัทรางกูร เจ้าของร้านอิทธิมนต์ ซึ่งจำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์ด้านถนนดินสอ เล่าว่าเขาเป็นคนที่เกิดในย่านนี้จึงคุ้นตากับสังฆภัณฑ์มาตั้งแต่เล็กและมีโอกาสทำงานในร้านค้าแถวนี้จนกลายมาเป็นเจ้าของร้านในที่สุด
       
        "เมื่อก่อนคนไม่รู้จักสังฆทานหรอก เพราะคนจะทำบุญถวายของให้พระแต่ละครั้งจะมาจัดชุดไทยทาน ซึ่งเป็นของใช้ประจำวันของพระ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน ผลซักฟอก กระดาษชำระ นมข้น โอวัลติน ของทั้งหมดจะจัดลงถาดแล้วห่อด้วยกระดาษแก้วสีเหลือง"
       
        แต่เมื่อถามถึงการเข้ามาของถังเหลืองที่กลายเป็นรูปแบบมาตรฐานของสังฆทานในยุคใหม่นั้น สานิตกลับไม่แน่ใจว่าเป็นมาอย่างไร แต่ยืนยันว่าสังฆทานถังเหลืองเกิดขึ้นและอยู่ยงมานานหลายสิบปีแล้ว
       
        สังฆทานถังเหลืองในยุคแรก ๆ ที่สานิตรับจัดให้ลูกค้านั้นเขาบอกว่ามีตั้งแต่ หอม กระเทียม พริกแห้ง กะปิ น้ำปลา ข้าวสารไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวันเช่น สบู่ ผงซักฟอก ใบชา ไม้ขีดไฟ ยาสามัญประจำบ้าน ผ้าอาบน้ำฝนหรือจีวร เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะวางจัดเรียงอยู่ในถังสีเหลืองแบบพูน ๆ เพื่อความสวยงามและปิดทับด้วยกระดาษแก้วสีเหลืองอีกชั้นหนึ่ง
       
        "เมื่อก่อนลูกค้ามาให้จัดสังฆทานก็ลำบากใจ เพราะของสดพวกนี้เก็บได้ไม่เกิน 1 - 2 วัน มันจะมีปัญหาเรื่องความชื้นและขึ้นรา จนตอนหลังก็ต้องเลิกใช้กันไป จะมีก็เพียงไม่กี่คนที่ยังต้องการครบชุดแบบนี้อยู่"

แบรนด์ใหม่ใส่ถังสีน้ำเงิน ดูหนา-เข้มกว่าเก่า แถมของภายในยังใหม่-สด เสมอ
 แต่แน่ใจนะว่า "ต่อไปจะไม่หมดอายุก่อนถึงมือพระ"

 
        "สังฆทาน" ติดแบรนด์
       
        แม้ว่าเมื่อก่อนร้านค้าสังฆภัณฑ์ต่าง ๆ จะรับจัดสังฆทานไปด้วย แต่สินค้าสังฆทาน เป็นเพียงสินค้ารองที่เจ้าของร้านต้องมีไว้เพื่อความสะดวกของลูกค้าเท่านั้นและได้กำไรเพียงเล็กน้อย ส่วนมากรายได้หลักยังเป็นสินค้าสังฆภัณฑ์อื่น ๆ มากกว่า
       
        จนเมื่อ 3 - 4 ปีที่เมืองขยายตัวขึ้นพร้อมกับคนยุคใหม่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น การไปหาซื้อสังฆทานตามย่านเก่า ๆ ที่ไม่มีที่จอดรถจึงกลายเป็นภาระขึ้นมา จึงเริ่มมีคนแห่ไปจัดสังฆทานในห้างโดยเดินช้อปของใช้ในห้างที่มีสินค้าทุกอย่างที่ต้องการ ซึ่งมีคนเห็นช่องทางที่จะปรับการตลาดตามพฤติกรรมของคนยุคใหม่
       
        สมจิต แก่นสาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิจิตรพลชัย จำกัด เป็นรายแรกที่นำสังฆทานไปเจาะช่องทางตลาดในห้างสรรพสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า "วิจิตรพลชัย" กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจนี้เห็นว่าการทำสังฆทานเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสังคมไทยซึ่งเป็นสังคมของชาวพุทธเป็นส่วนใหญ่ จึงเสนอรูปแบบของเครื่องสังฆทานเข้าไปยังห้างเทสโก้โลตัส
       
        "ในครั้งแรกทางห้างเทสโก้โลตัสบอกว่าจะจัดชุดสังฆทานขายเอง เราก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่าทำไม่ทันและจะให้เราช่วยเหลือก็ยินดี หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับการติดต่อจากผู้บริหารของเทสโก้โลตัส ว่ายินดีจะสั่งซื้อเครื่องสังฆทานของเรา"
       
        สมจิต เล่าว่า เมื่อส่งสังฆทานไปวางขายที่เทสโก้โลตัสแล้ว เพียงสัปดาห์เดียวก็จำหน่ายหมดและทางเทสโก้โลตัสก็สั่งซื้อเรื่อยมา เมื่อโลตัสขยายสาขาเพิ่มขึ้น ยอดขายเครื่องสังฆทานของวิจิตรพลชัยก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
       
        สังฆทานภายใต้ยี่ห้อ"วิจิตรพลชัย" ถือได้ว่าเป็นรายแรกที่บุกเบิกตลาดสังฆทานในรูปแบบใหม่ที่ติดตรายี่ห้อ โดยพยายามจะสร้างมิติใหม่ในวงการตลาดนี้โดยให้ลูกค้าเรียกหาสินค้าที่มีตรายี่ห้อเพื่อเป็นการรับประกันคุณภาพสินค้า นอกจากนี้ยังติดรายการสินค้าที่บรรจุอยู่ภายใน และเพิ่มความหลายทั้งรูปแบบทั้งถังเหลืองและกล่องพลาสติก พร้อมตั้งราคาของสินค้าให้หลากหลายเพื่อผู้บริโภคทุกระดับได้เลือกซื้อหา
       
        จากความสำเร็จของการติดแบรนด์ในสังฆทานยุคแรก ๆ ทำให้ผู้ค้าหลายรายเริ่มแห่กันจัดสังฆทานขึ้นห้างมากขึ้น ขณะที่ทุกห้างสรรพสินค้าต่างก็เห็นความสำคัญของตลาดนี้จึงเริ่มจัดแผนกสังฆภัณฑ์ขึ้นมา
       
        หลายแบรนด์ที่ผุดขึ้นมาก็ใช้รูปแบบของการตลาดเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบแพ็คเกจจากถังเหลือง ให้เป็นภาชนะอื่น ๆ อาทิ กล่อง ปิ่นโต บาตรพระ พาน เป็นต้น ไปจนถึงขั้นตัดราคาและทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย

ห่อสวยงามแบบไทยๆ ดอกไม้ไม่ต้องมาก เพราะบางทีก็ไม่ได้ใช้
 น่าพอใจทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่อย่าลืมซองปัจจัยด้วยล่ะ
     

        ปรากฏการณ์ "ถังเหลือง" หมดอายุ
       
        เมื่อมีการแข่งขันสูงทำให้มีคนเข้ามาแข่งกันทำสินค้าในตลาดนี้มากขึ้น จนบางรายนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือสินค้าที่ใกล้หมดอายุมาบรรจุในหีบห่อ ทำให้เริ่มมีการพูดเตือนกันแบบปากต่อปากว่าให้ระวังของหมดอายุ ถวายไปแล้วพระจะไม่ได้ใช้ และจะเป็นบาป ส่งผลให้ตลาดสังฆทานเริ่มสะดุด
       
        เคยมีทั้งฆราวาสและพระจำนวนไม่น้อยที่ออกมาโวยวายและเตือนกันเรื่องของสินค้าหมดอายุจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ทุกฝ่ายพยายามปัดความรับผิดชอบกันหมด ไม่ว่าจะเป็นห้างซึ่งยืนยันไม่รับผิดชอบสินค้าเพราะเป็นการฝากขาย ส่วนบริษัทที่จัดสังฆทานก็ปัดว่านำสินค้ามีคุณภาพมาขาย แต่สินค้าอาจจะอยู่บนชั้นขายนานเกินไปจนหมดอายุ หรือบางทีอาจจะไปอยู่กับพระที่รับสังฆทานเป็นจำนวนมากแล้วใช้ไม่ทันจนถึงวันหมดอายุก็เป็นได้
       
        ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค จึงได้งัดประกาศว่าด้วยฉลากเรื่องให้ชุดสังฆทานและชุดไทยธรรมเป็นสินค้าที่ต้องควบคุมฉลากฉบับล่าสุดขึ้นมาใช้ โดยสังฆทานจะต้องมีรายการสินค้าที่ระบุขนาด น้ำหนัก และราคาของแต่ละรายการ รวมไปถึงชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตและผู้จำหน่าย วันเดือนปีที่บรรจุ หรือวันเดือนปีที่หมดอายุ หรือวันเดือนปีที่ควรบริโภค
       
        นอกจากนี้ในประกาศฯยังเตือนเรื่องสินค้าเช่น ใบชา ข้าวสาร สบู่และผงซักฟอก ที่อาจจะทำปฏิกิริยาต่อกันจนทำให้มีสี กลิ่นและรสเปลี่ยนไป ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ซึ่งควรจะแยกสินค้าเหล่านี้ออกจากกัน

แบบบิวตี้ สีเหลืองตัดโทนฟ้าอ่อน
 แบบนี้สำหรับวัยรุ่นถวายพระ ได้บุญแบบสวยงามตามวัย

       
        สังฆทาน "เวียนเทียน"
       
        นอกจากปัญหาเรื่องสังฆทานถังเหลืองที่มีแต่ของหมดอายุแล้ว เรื่องของ "บริขาร" ที่ถวายมากับสังฆทานนั้นเริ่มจะล้นวัด เพราะความที่ฆราวาสนิยมถวายสังฆทานกันเป็นจำนวนมากนั่นเอง
        จึงเกิดปรากฏการณ์ถังสีเหลืองที่ใช้บรรจุเครื่องบริขารต่าง ๆ วางอยู่เต็มวัดจนพระนำไปใช้ไม่ทัน รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคกองเรียงรายจนบางวัดเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าไปทุกที

       
        มีบางวัดหรือพระบางองค์ที่รับสังฆทานอยู่เป็นประจำจนของล้นวัด ก็จะนำไปมอบให้กับวัดที่กันดารต่างจังหวัดเพื่อเป็นการทำบุญตามความประสงค์ของฆราวาส รวมทั้งระบายของไปด้วย
       
        ขณะที่บางวัดจะใช้วิธีทำ "สังฆทานเวียนเทียน" คือการนำถังสังฆทานที่ฆราวาสถวายแล้วมาให้ญาติโยมนำมาถวายต่อ วัดประเภทนี้จะมีการจัดทำบุญถวายสังฆทานโดยเฉพาะ และจัดคิวถวายเป็นรอบ ๆ ไป ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่ผู้ทำบุญว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
       
        พระพจนารถ ปภาโส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า "จะต้องไปดูก่อนว่าวัดนั้นทำอะไรอยู่บ้าง เช่นบางวัดกำลังสร้างโบสถ์ มีโรงเรียนสอนศาสนา หรือมีกิจกรรมอื่น ๆ ของวัด ซึ่งเงินที่ญาติโยมบริจาคซื้อสังฆทานเวียนเทียนนี้จะนำไปใช้ในกิจกรรมเหล่านี้ ก็ดีกว่าซื้อสังฆทานมาถวายแล้วพระใช้ไม่ทันก็จะเหลือเต็มวัดอีก"
       
        ขณะที่พระนิวาสน์ ภทฺทจารี วัดงาแมง จ.เชียงใหม่ เคยแสดงความคิดเห็นว่า "อาตมาภาพเห็นว่าการถวายทานแบบนี้มีทั้งดีและไม่ดี ส่วนที่ว่าดีนั้น เพื่อนำเงินที่ได้มาไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนในด้านต่างๆ หรือไปใช้ประโยชน์แก่ส่วนรวมตามความเหมาะสม ญาติโยมจะได้บูชาสังฆทานที่ราคาถูก ส่วนที่ไม่ดี คือ อาจจะเป็นช่องว่างให้พวกที่เห็นแก่ได้ปลอมเข้ามาบวช เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เช่น กักตุนสังฆทานแล้วนำไปขายให้ร้านค้า นำเงินมาใช้ประโยชน์สำหรับตนเอง"


เครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีครบชุด อยากได้บุญแบบดิจิตอลต้องชุดนี้

       
        ไฮโซ-ดารา ดาหน้าจับธุรกิจทำบุญ
       
        ในช่วงหลังๆ ที่สังฆทานเริ่มกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงในวงกว้างทั้งเรื่องคุณภาพและของที่ถวายนั้นมากเกินความต้องการของพระ จึงมีคนลุกขึ้นมาปฏิวัติรูปแบบของสังฆทานเสียใหม่ งานนี้อาจจะต้องใช้เกมเดาใจพระว่ายังขาดเหลืออะไรอยู่บ้าง เพื่อที่ว่าจะถวายสังฆทานทั้งทีจะได้เป็นประโยชน์สูงสุดกับพระที่รับจริงๆ
       
        เมย์-มาริสสา มหาวงศ์ตระกูล สาวไฮโซที่ชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน แต่ด้วยความช่างสังเกตตอนไปวัด จะพยายามมองดูรอบ ๆ วัดหรือกุฏิพระว่ายังขาดสิ่งใดบ้าง และพยายามไปหาสิ่งที่คิดว่าเป็นความจำเป็นของพระมาถวาย และเมื่อถวายแล้วกลายเป็นความอิ่มเอิบใจทั้งผู้ให้และผู้รับ
       
        เธอจึงปิ๊งไอเดียนี้พร้อมทุ่มเงิน 10 ล้านบาท ตั้งบริษัท ใบโพธิ์ ไทยแลนด์ จำกัด ขึ้นเพื่อจำน่ายสังฆทานรูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ "ใบโพธิ์" ซึ่งนอกจากสังฆทานถังเหลืองที่จำเป็นต้องมีแล้ว เมย์ยังมีอัฐบริขารรูปแบบใหม่ไฉไล 3 เซ็ท ซึ่งแต่ละเซ็ทจะตั้งชื่อไว้อย่างระรื่นหู อาทิ ชุดธรรมะเพื่อสุขภาพ ชุดนี้เป็นชุดชงชาที่มีกาน้ำชาพร้อม ใบชาใบหม่อนพร้อมชงสะดวกสบาย ชุดธรรมะเพื่อความบริสุทธิ์เป็นกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า และชุดสุดท้ายที่แทบจะไม่มีใครนึกถึงคือ คือ ชุดธรรมะเพื่อความร่มเย็น ที่ถวายเป็นพัดลมให้แก่พระ

        ต้องยกเครดิตในการกล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมหน้าจากสังฆทานถังเหลืองสู่รูปแบบที่คิดว่าน่าจะโดนใจพระสงฆ์
       
        ส่วน เปิ้ล-นาตาชา คอฟแมน ดารานางแบบสาวสวยก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พลิกผันมาจับธุรกิจทำบุญเช่นกัน โดยเปิดร้าน "สาละ ธรรม" ขึ้น ในคอนเซ็ปท์ชอปปิ้งบุญคือภายในร้านจะจำหน่าย, พระพุทธรูปประดับคริสตัล ในรูปแบบดีลิเวอรี่ที่ส่งให้กับลูกค้าถึงบ้าน
       
        เปิ้ลเล่าว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบมองหาสังฆทานแปลกใหม่ไปถวายให้กับวัด ซึ่งเธอก็พยายามเซ็ทชุดแปลกใหม่ขึ้นมาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น ชุดปัญญา ซึ่งจัดเป็นเครื่องเขียนและหนังสือธรรมะซึ่งจะขายดี รวมทั้งพระพุทธรูปประจำวันเกิดเป็นต้น

แบบนี้แบบพริตตี้ กระจุ๋มกระจิ๋ม
 เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า แบบคิกขุ แปลว่า สำหรับพระภิกษุผู้บวชใหม่

     
        สังฆทานคิกขุ
       
        อภิรมย์ ชำนิบรรณการ เจ้าของร้านยัวร์ฟลอริสต์ เล่าว่าแต่เดิมเปิดกิจการจำหน่ายเทียนหอม แป้งร่ำ น้ำอบไทย จัดดอกไม้สดและดอกไม้ประดิษฐ์ เมื่อเวลาไปทำบุญที่วัดจะจัดสังฆทานด้วยตัวเองไปถวาย ซึ่งสังฆทานของอภิรมย์นั้นไม่เหมือนใครเพราะเธอจะใช้ของภายในร้านบรรจุในตะกร้าหวายใบเล็ก ๆ ที่ประดิษฐ์ประดอยด้วยลูกไม้สีสันสวยงามไปถวายวัดอยู่เป็นประจำ ซึ่งเธอบอกว่าพระสงฆ์ทุกองค์ที่รับสังฆทานจากเธอแล้วก็ชอบเช่นกัน
       
        เมื่อเริ่มมีคนมาเห็นไอเดียกิ๊บเก๋นี้จึงตามมาสั่งสังฆทานแบบนี้ที่ร้านของเธอ จนกลายมาเป็นสินค้าประจำร้านไปในที่สุด
       
        อภิรมย์บอกว่าสังฆทานของเธอนั้นค่อนข้างจะจัดยากจึงต้องสั่งกันล่วงหน้า 3 - 5 วันเป็นอย่างน้อย เพราะความยากอยู่ที่ตะกร้าหวายที่ต้องใช้เวลาในการตกแต่งลูกไม้และลูกปัดด้วยมือให้ดูงดงาม ส่วนของที่จะบรรจุภายในตะกร้าก็จะต้องทำให้ดูดีอีกเช่นกัน อาทิ ข้าวสารจะใส่ถุงพลาสติกแล้วมีถุงผ้าโปร่งผูกโบว์อย่างสวยงามอีกด้วย ดูไปแล้วเหมือนของขวัญที่นิยมไปมอบให้กันตอนปีใหม่มากกว่าจะเป็นสังฆทาน
       

        ด้วยรูปแบบที่สวยงามแปลกตาเช่นนี้ อภิรมย์เปิดเผยว่าชุดสังฆทานของเธอจะจัดในราคาเริ่มตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ส่วนมากลูกค้าจะนิยมสั่งทำเพื่อถวายพระผู้ใหญ่ ซึ่งทางร้านเคยจัดชุดที่แพงที่สุดในราคาสูงถึงชุดละ 3,500 บาทที่เป็นตะกร้าชุดใหญ่ที่มีช่อดอกไม้โบเก้ติดอยู่ด้านบนด้วย ส่วนชุดที่อลังการกว่านั้นคือมีฆราวาสมาสั่งให้ทำครั้งเดียวถึง 65 ชุดเพื่อจะถวายพระในงานสวดมหาสันติหลวงที่ พุทธมณฑล เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา
       
        การแสวงหารูปแบบแปลกใหม่ของสังฆทานคงยังไม่สิ้นสุดอยู่เพียงเท่านี้ แต่เริ่มมีคำถามว่าของอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจาก "สังฆทานถังเหลือง" นั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องและจะได้บุญหรือไม่ พระพจนารถ ได้กล่าวว่า
       
        "หลักของการถวายสังฆทานนั้นจะเป็นวัตถุอะไรก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นสีเหลืองหรอก ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเราถวายไปแล้ว เราสบายใจและเกิดความสุขจากการให้ก็ถือว่าได้บุญกุศลแล้ว"

       
สัพพะทานัง สังฆะทานัง ชินาติ : ถวายสังฆทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง
 (ภาษิตหลวงตาวัดบางนาใน)

       
        ถวาย "สังฆทาน" ให้ได้บุญสูงสุด
       
        ทุกวันนี้บรรดาพุทธศาสนิกชน ทั้งหลายนิยมถวายสังฆทานแก่พระภิกษุสงฆ์ จนสังฆทานกลายเป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่งที่กำลังมีนักธุรกิจและนักการตลาดมองเห็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเริ่มมีคนนำ "สังฆทาน" มาเป็นสินค้าแบบพุทธพาณิชย์ที่เย้ายวนใจไม่น้อย
       
        แต่คนอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้จักคำว่า "สังฆทาน" อย่างถ่องแท้ว่าถวายอะไรจึงจะได้บุญที่แท้จริงกันแน่
       
        "สังฆทาน" หมายถึง การถวายสิ่งของแก่พระภิกษุสงฆ์ ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปจึงจะครบองค์ประชุม ซี่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าการถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์โดยไม่เจาะแล้ว จะได้บุญสูงสุดยิ่งกว่าถวายแก่พระอรหันต์หรือถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ทั้งนี้เพราะพระพุทธเจ้าทรงต้องการให้ชาวพุทธเป็นคนใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
       
        ดังนั้นเมื่อใครก็ตามที่ได้ถวายสังฆทานแล้วพระสงฆ์ที่มารับกล่าวคำว่า "อาตมารับแทนสงฆ์" นั่นหมายความว่าพระสงฆ์รูปนั้น ๆ ถือเป็นตัวแทนรับแทนคณะสงฆ์ทั้งวัดเพื่อมารับสังฆทาน และจะต้องนำสังฆทานที่ได้รับการถวายนั้นเข้าส่วนกองกลางของวัด เพื่อเป็นประโยชน์แก่พระภิกษุสงฆ์ภายในวัด
       
        ในระยะหลังนั้นรูปแบบของ "สังฆทาน" ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่เคยถวายจัตุปัจจัยไทยทาน กลายมาเป็นสิ่งของที่จำเป็นแก่วัดวาอาราม จนกลายเป็นเรื่องถกเถียงกันว่าสังฆทานนั้นจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
       
        เรื่องนี้ได้รับการอรรถาธิบายจากพระพจนารถ ปภาโสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กล่าวว่า
       
        "ในการหาสังฆทานมาถวายพระภิกษุสงฆ์นั้นจะมีหลัก 3 ประการคือ หนึ่งมีความตั้งใจจริงก่อน สองปัจจัยที่หามานั้นต้องบริสุทธิ์ และสิ่งของเหล่านี้จะต้องไปหามาด้วยตัวเองและถวายด้วยตัวเอง ถ้าทำตามหลักทั้ง 3 ประการก็ถือว่าได้บุญแล้ว"
       
        ส่วนการจัดสังฆทานถวายพระสงฆ์นั้นต้องประกอบด้วยวัตถุทาน 10 อย่าง อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม ใบมีดโกน ผงซักฟอก เครื่องดื่ม ผ้าอาบน้ำฝน และของอื่น ๆ

ข่าว : ผู้จัดการ 23  มีนาคม 2550
ที่มา  http://alittlebuddha.com/News%202007/March%2007/01%20March%2007.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ปฏิวัติสังฆทาน !!!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2011, 10:21:30 am »
0
แก็งค์อ๊บ เห็นด้วยกับการปฏิวัติ เรื่องสังฆทาน คะ
พวกเราจึงมีการเปลี่ยนรูปแบบ สิ่งที่ถวายกันที่ วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก คะ
และร่วมกลุ่มกัน จัดเป็นการถวายหนังสือบ้าง ช๊อบปิ้งกันเองใส่ถัง ไปถวายคะ

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคะ

เพราะถ้ารอพระท่านมาบอก ก็ยากคะ เพราะพระท่านมีวินัย คลุมส่วนนี้อยู่ ว่า

หาก ไม่มีผู้ปวารณา  ไว้ไปขอเอง บองเอง เพื่อให้ได้มาสิ่งนั้น ก็เป็นอาบัติ คะ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ปฏิวัติสังฆทาน !!!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2011, 11:27:50 am »
0
นาตาชา คอฟแมน สร้างกุศลกับเพื่อนร่วมโลก


เพราะการทำบุญทำกุศลมิได้จำเพาะเจาะจงเพียงการปฏิบัติธรรมภาวนา หรือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้พ้นทุกข์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ‘เปิ้ล’ นาตาชา คอฟแมน อดีตนางแบบชั้นนำ และเจ้าของธุรกิจสังฆทานเดลิเวอรี่ บริษัทสาละธรรม จำกัด จึงแบ่งปันความรัก ความเมตตาเผื่อแผ่ไปยังบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมโลกอีกด้วย

ความที่มีอุปนิสัยรักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ ทำให้เธอยินยอมตอบตกลงรับเป็นกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของ ‘สมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย’ ในทันที เธอบอกเล่าเรื่องราวประทับใจที่ได้เป็นอีกกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนสมาคมฯ เพื่อช่วยเหลือสัตว์ตกทุกข์ได้ยากทั่วประเทศ

“การทำบุญทำทาน หรือการทำกุศลรูปแบบต่างๆ ถ้าเกิดจากความตั้งใจที่ดีก็ถือเป็นผลดีทั้งนั้น สำหรับดิฉันเอง การได้ช่วยเหลือสัตว์ถือเป็นการทำกุศลอย่างหนึ่งเช่นกัน ซึ่งรูปแบบการช่วยเหลือทั้งหลายทั้งปวงต้องขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นมีความถนัดที่จะไปทำอะไรได้ดี

ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดการช่วยเหลือเพียงแค่การบริจาคเงินอย่างเดียวเท่านั้น สำหรับคนที่มีเงินมากก็บริจาคมากได้ แต่ถ้ามีน้อยหรือไม่มีเงิน ก็ให้เป็นแรงกายแรงใจ อย่างอาสา-สมัครในสมาคมฯ ส่วนใหญ่เน้นลงแรงไปช่วยเหลือ อันที่ จริงการที่พวกเขาเอากายเอาใจไปช่วยเหลืออาจจะมีมูลค่ามากกว่าเงินด้วยซ้ำ


เช่นนั้นจึงไม่อาจเทียบค่าระหว่างการช่วยเหลือด้วยแรงกาย กับการช่วยเหลือด้วยเงินว่าสิ่งไหนที่มีค่ามากกว่า กัน อยู่ที่ความตั้งใจของเราที่จะทำมากกว่า เพราะฉะนั้นสิ่งดีๆ ที่พวกเขาได้รับ คือความอิ่มเอิบใจ และความสบาย ใจ ก็มีค่ามหาศาลแล้ว” นาตาชาบอกเล่าหนึ่งรูปแบบของการทำบุญ

นอกจากนี้ด้วยความเป็นที่รู้จักของสาธารณชนในฐานะนางแบบ และนักแสดงของเธอ ส่งผลให้การประชาสัมพันธ์
กิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ คล่องตัวยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถ ชักชวนคนมาร่วมกิจกรรมได้มากขึ้นด้วย ดังนั้นภาระหน้า ที่ของเธอส่วนใหญ่ แม้ไม่ถึงขั้นต้องไปตระเวนช่วยเหลือสัตว์แบบอาสาสมัครทั่วไป ทว่าการทำงานในระดับนโยบาย เพื่อหาแนวทางปรับปรุงการทำงานของสมาคมฯ ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายมากทีเดียว


พร้อมกันนี้เธอยังยกกรณีช่วยเหลือสัตว์ที่แสดงให้เห็นถึงน้ำใจของอาสาสมัครที่มีความตั้งใจอยากจะช่วยเหลือ สัตว์ให้พ้นภัยว่า คงเป็นเมื่อตอนเกิดเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งบรรดาอาสาสมัครของมูลนิธิฯ ตัดสินใจลงไปช่วยเหลือสัตว์ทันที ทั้งๆที่ช่วงนั้นเป็นปีใหม่ แต่อาสาสมัครทุกคนก็เต็มใจลงไปช่วยด้วยใจ เธอรู้สึกซึ้งใจที่อาสาสมัครทุกคน มีความตั้งใจทั้งๆ ที่การเดินทางค่อนข้างทุลักทุเล เป็นความตั้งใจดีที่ทุกคนทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่เห็นแก่เหน็ด เหนื่อย

“ไม่ว่าจะเป็นแมวตกท่อ ช้างเกิดอุบัติเหตุ หรือปัญหาสุนัขจรจัด ฯลฯ ทางสมาคมฯ ได้เข้า ไปช่วยเหลือตลอด แม้ว่าภารกิจจะเยอะแยะมากมาย สวนทางกับรายรับที่น้อยมาก ส่วนตัวถึงแม้ไม่มีโอกาสได้ไปช่วยเหลือสัตว์พร้อมๆกับน้องๆ แต่จะคอยติดตามว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิด ขึ้นบ้าง ต้องการค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน และคอยติดตามความคืบหน้าอยู่เสมอ” กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ไล่เรียงภารกิจของสมาคมฯ


เธอบอกว่า ทุกวันนี้มีความสุขที่ได้ไปทำงาน ช่วยเหลือสัตว์ตกยาก ถึงแม้จะได้ช่วยเหลือนิดๆหน่อยๆก็ถือเป็นความภาคภูมิใจแล้ว นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกอิ่มเอมใจ และสุขใจกับการเป็นผู้ให้มากกว่าการเป็นผู้รับ ซึ่งการเป็นผู้ให้นั้นไม่จำเป็นต้องให้เฉพาะข้าวของ เครื่องใช้ หรือสิ่งของมีค่า ทว่าการมอบความเมตตา กรุณา และความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันนั้นมีคุณค่าทาง จิตใจมากมายนัก

เช่นนั้นคุณความดีในตัวเธอที่ทำให้คนรอบข้างนึกถึง นอกจากเป็นคนชอบทำบุญแล้ว ยังชักชวนเพื่อนฝูงคนใกล้ ชิดให้มาชอปปิ้งบุญที่ร้านสาละธรรมเมื่อต้องการเลือกซื้อของขวัญ และสังฆทาน ที่สำคัญเธอยังเป็นที่พึ่งพิงทางใจ พร้อมให้คำแนะนำกับผู้ที่มีทุกข์ มีเรื่องกลุ้มใจในปัญหาชีวิตที่คิดไม่ตกอีกด้วย เพราะเธอมีประสบการณ์ในการศึกษาปฏิบัติธรรมมาร่วม 10 ปี

“เวลาเพื่อนๆเครียด มักโทรมาปรึกษา แล้วก็จะถือโอกาส สอนธรรมะให้กับเขาไปในตัว ซึ่งการพูดคุยให้คนอื่นสบาย ใจเป็นสิ่งที่ตัวเองปลื้มอยู่แล้วด้วย ที่สำคัญการให้ธรรมะเป็นทานถือเป็นเรื่องที่ดี บางครั้งเวลาสอนน้องๆที่เขาเกิดความสงสัยในเรื่องต่างๆ แม้ว่าตัวเองจะไม่ใช่คนเก่ง หรือรอบรู้ไปทุกเรื่อง แต่ถ้ามีความรู้พอเพียงในเรื่องที่สามารถ ให้คำปรึกษาได้ก็ยินดีเสมอ” ศิราณีคนสวยเล่า

และในฐานะคนรักสัตว์ เธอขอวิงวอนถึงผู้เลี้ยงสัตว์ทั้งหลายอย่าทิ้งขว้างสัตว์เลี้ยง เพราะเกิดอาการเบื่อหน่าย ที่ต้องดูแลพวกเขา จากนั้นก็ปล่อยสัตว์เหล่านี้ไปเป็นปัญหา
สังคม ซึ่งสาเหตุอันดับต้นๆ ของสุนัขจรจัดที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น เกิดจากการมีผู้นำมาปล่อยมากกว่าการผสมพันธุ์กันเองของสุนัขจรจัดเสียอีก


“การรักสัตว์เป็นเรื่องที่ดี แต่ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ชนิดใดๆ ก็ตาม ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีกำลังพอที่จะดูแลเขาหรือเปล่า กำลังในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงเรื่องเงินเสมอไป แต่หมายถึงความพร้อมของคุณที่จะเลี้ยงดูเขาซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งเหมือนคนเช่นกัน

ต้องคำนึงไว้เสมอว่า การเลี้ยงดูชีวิตสักหนึ่งชีวิต คุณมีเวลาเพียงพอไหมที่จะดูแลพวกเขา สัตว์ก็เหมือนคน เพียงแต่เขาพูดไม่ได้ ถึงจะเห็นเขาแข็งแรงวิ่งเล่นไปทั่ว แต่จริงๆ เขาอาจจะไม่สบายก็ได้ ดิฉันเป็นคนเลี้ยงสัตว์พอมอง หน้าเขาปั๊บก็จะรู้แม้กระทั่งเขารู้สึกอะไร อยากได้อะไร หรือป่วยไหม ซึ่งสามารถรู้ได้จากการจับตัวเขา หรือคอยดูอาการ ของเขา

นอกจากนี้ต้องคอยดูแลให้น้ำ อาหาร เลี้ยงดูเขาอย่างดี และถูกต้อง กระทั่งที่อยู่อาศัยก็ต้องดูแลให้สะอาด เรื่องการขับถ่ายต้องมีที่ทางให้เขาโดยไม่รบกวนคนอื่น ที่สำคัญอย่าไปตีเขาโดยไร้สาเหตุ เพราะการที่คุณไปตีเขาโดยคุณไม่สอนเขา เขาก็จะทำพฤติกรรมแบบนั้นไม่มีวันจบ” สาวสวยผู้เลี้ยงดูสุนัขทั้ง 9 ตัวเผยความในใจ

สุดท้ายเธอทิ้งท้ายแกมตัดพ้อว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของ เจ้าของที่ปล่อยสัตว์เลี้ยงของตัวเองได้ลงคอ หากคนเรามี จิตเมตตาต่อสัตว์จริงๆ ควรถามตัวเองก่อนเลยว่าพร้อมที่ จะดูแลเขาหรือเปล่า อยากให้คุณพ่อคุณแม่ ถ้าถูกลูกๆ ร้องขออยากเลี้ยงสัตว์ สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ ต้องสอน ตัวเองให้เป็นก่อน เพื่อที่จะสอนลูกได้ว่าต้องดูแลเขาให้ดี ไม่ใช่เห็นเป็นเพียงของประดับสวยงาม แต่เขาเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นกัน

ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมคนรักสัตว์ทั่วโลกทั้งหลายจึงได้รณรงค์เรื่องนี้ เพราะผู้ที่เจริญ และมีจิตเมตตานั้นจึงจะเข้าใจความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนร่วมโลกของเรานั่นเอง

(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 76 มี.ค. 50 โดย นันทยา)

ที่มา  http://board.palungjit.com/f85/นาตาชา-คอฟแมน-สร้างกุศลกับเพื่อนร่วมโลก-73799.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ปฏิวัติสังฆทาน !!!
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2011, 01:07:55 pm »
0
แก็งค์อ๊บ เห็นด้วยกับการปฏิวัติ เรื่องสังฆทาน คะ
พวกเราจึงมีการเปลี่ยนรูปแบบ สิ่งที่ถวายกันที่ วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก คะ
และร่วมกลุ่มกัน จัดเป็นการถวายหนังสือบ้าง ช๊อบปิ้งกันเองใส่ถัง ไปถวายคะ

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคะ

เพราะถ้ารอพระท่านมาบอก ก็ยากคะ เพราะพระท่านมีวินัย คลุมส่วนนี้อยู่ ว่า

หาก ไม่มีผู้ปวารณา  ไว้ไปขอเอง บองเอง เพื่อให้ได้มาสิ่งนั้น ก็เป็นอาบัติ คะ

 :25: :25: :25:

เห็นด้วยคะ ประโยชน์ คุ้ม ประหยัดสุด บริสุทธิ์ใจ

 :hee20hee20hee:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ปฏิวัติสังฆทาน !!!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2011, 08:42:01 pm »
0
             สำหรับการทำสังฆทานนั้น ผมปฏิวัติมานานแล้ว เนื่องด้วยเคยบวชเรียนมาก่อนจึงทราบว่าอะไรจำเป็นไม่

จำเป็นสำหรับพระสงฆ์ ทุกครั้้งขวนขวายจัดทำสังฆทานถวายสงฆ์จะซื้อหาใส่เองที่เห็นว่าจำเป็นจริงๆถึงแพงก็ซื้อ

ส่วนถังตามร้านคุณภาพแย่มากๆ โดยเฉพาะผ้าควรใส่ใจหาผ้าเนื้อดีจะเป็นผ้าอันตราวาสก อุตตราสงค์ อังสะ หรือ

ผ้าขนหนูเนื้อดีหน่อยขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ อย่างใดอย่างหนึ่งเลือกเอา ที่สำคัญขาดไม่ได้เลยคือ หนังสือสวด

มนต์ "มนต์พิธี" และน้ำดื่มขวดใส นอกนั้นข้าวของเครื่องใช้แต่งเติมเอาตามความจำเป็น ที่สำคัญสุดๆอย่างลืม

ใบมีดโกนตราขนนก (สำคัญมากขอบอก...อย่าลืมเด็ดขาด!) ท้ายนี้ขอให้ทุกท่านอย่าประมาทในกุศล

สวัสดีครับ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2011, 08:46:07 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา