ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนค้นกรรม 1  (อ่าน 14395 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
คนค้นกรรม 1
« เมื่อ: มีนาคม 15, 2010, 05:37:31 pm »
0
คนค้นกรรม

เช้าวันนั้นตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้า ตื่นมายังรู้สึกง่วงอยู่เลยนอนต่อ หูได้ยินเสียงเพลงจากเครื่องขยาย เลยลุกขึ้นไปดูที่ถนนใหญ่ปากซอยหน้าบ้าน  เห็นรถจำนวนมากจอดอยู่หลายสิบคัน รถที่จอดเป็นของผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งใจก็คิดว่า จะไปดีไหมหนอ รถจะติดรึเปล่าหนอ นั่งกินกาแฟ โต๋เต๋ไปมาสักพัก ได้เวลาอาบน้ำ ออกจากห้องน้ำรู้สึกสดชื่น ได้กำลังใจ เอาล่ะว่ะไปก็ไป  ระหว่างทางรถไม่ติดแฮะ  เพลงในรถก็เพราะถูกใจ บรรยากาศสองข้างทางก็สดชื่น ขับรถเรื่อยมา ผ่านป้ายบอกทางมาสองป้าย พอถึงป้ายที่สาม ก็เลี้ยวรถเข้าไปจอด ถึงแล้วครับ  “บ้านสวนพีระมิด”

   พอลงจากรถมา ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาทัก ผมถามว่า“อาจารย์อยู่ไหมครับ” คนที่มาทักตอบว่า “อยู่ค่ะ” จากนั้นก็พาไปลงทะเบียน กรอกประวัติต่างๆ พอกรอกเสร็จก็ไปยื่นให้อาจารย์ ได้ยินอาจารย์พูดว่า “คนนี้ต้องรอบ่าย” ตัวผมเองไม่ใส่นาฬิกามาร่วมสิบปีแล้ว  เลยรู้ว่านี้คงจะใกล้เที่ยงแล้ว

   ระหว่างที่รอไม่รู้จะทำอะไร เลยเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ที่นี่อากาศบริสุทธิ์ดี แม้วันนั้นค่อนข้างร้อน แต่พอมีลมพัดมาทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น เจ้าหน้าที่คนเดิมมาเตือนว่า ให้อยู่ใกล้ๆอาจารย์เผื่ออาจารย์จะเรียก  ผมโชดดีครับ
วันนี้มีคนมาหาอาจารย์แค่ ๔ คน และผมก็เป็นคนที่ ๔ นับว่าวันนี้เป็นวันของผม “ฟ้าเปิดครับ” 

ผมรออยู่สักครู่อาจารย์ก็เรียกชื่อผม ผมเข้าไปไหว้  หลังจากได้เห็นอาจารย์มาหลายครั้งทางทีวี วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอาจารย์ใกล้ๆ อาจารย์เป็นคนร่างค่อนข้างเล็ก ผิวขาว ไว้ผมม้า นัยน์ตาสีสนิมเหล็ก บุคคลิกดูเป็นคนคล่องแคล่ว  พูดจาชัดเจน ฉะฉาน ตรงไปตรงมา ดูเป็นคนมีวินัยสูง  ผู้หญิงอายุ ๕๐ ต้นๆคนนี้ ดูน่าจะอายุสัก ๔๐ ไม่รู้เธอทำบุญด้วยอะไร

ผมถามอาจารย์ว่า ระหว่างที่รอผมจะทำอะไรได้บ้าง อาจารย์แนะนำว่า ให้ไปช่วยเหลาไม้ไผ่ การเหลาไม้ไผ่นั้น ก็เพื่อนำไปทำพื้นสถานปฏิบัติธรรม  สถานที่นี้ถูกสร้างเป็นรูปพีระมิดมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม มุมหลังคาด้วยจาก พื้นขัดแตะด้วยไม้ไผ่ มีสองชั้น โครงสร้างเกือบทุกอย่างทำด้วยไม้ไผ่  ผมดูแล้วรู้สึกชอบ ดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมดี  บริเวณรอบๆบ้านสวนพีระมิดนั้น ไม่ค่อยมีบ้านคน โดยส่วนตัวเห็นว่า น่าจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่สัปปายะที่หนึ่ง


เวลาล่วงเลยมาบ่ายสองโมงกว่า จึงได้คุยกับอาจารย์อย่างเป็นทางการ  อาจารย์ถามว่า  ได้ข่าวจากที่ไหนและมาที่นี่ด้วยสาเหตุอะไร ผมเองได้ดูรายการ “คุยไปแจกไป”ทาง MVTV ช่องบางกอกทูเดย์ ได้ดูมาหลายครั้งแล้ว ตอนแรกที่ดูคิดว่า เป็นการขายเครื่องสำอางแบบขายตรง ดูๆไป เอ๊ะ....ผู้หญิงคนนี้พูดธรรมะได้ดี ตรงจริตผม สิ่งที่อาจารย์พูดออกมา เป็นเรื่องที่ผมเคยรับรู้ เคยอ่านมาบ้างแล้ว ต่อมาจึงรู้ว่าอาจารย์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ  ผมเองก็มีหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำอยู่มาก  หนังสือธรรมะเล่มแรกที่ผมอ่านอย่างจริงจังก็เป็นหนังสือของหลวงพ่อเหมือนกัน  การได้พบอาจารย์ครั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเคยทำบุญร่วมกันมา

นอกจากเรื่องธรรมะแล้ว อาจารย์มักจะกล่าวถึง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา  ศ.ดร.นพ.เทพพนม เมืองแมน อยู่บ่อยครั้ง บุคคลทั้งสองเป็นคนที่ผมชื่นชอบให้ความยอมรับ คงไม่ต้องบอกนะครับว่า ผมชอบอ่านเรื่องอวกาศ ยานอวกาศ จักรวาลอื่นๆ และมนุษย์ต่างดาว นอกจากจะกล่าวถึงแล้ว ยังไปสัมภาษณ์บุคคลทั้งสองหลายครั้ง ทุกครั้งที่สัมภาษณ์ บุคคลทั้งสองจะกล่าวถึงธรรมะของพระพุทธเจ้า อันหลังนี้เป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด
 
ยังครับยังมีอีก  ผมชอบอ่านเรื่องพีรามิดมาตั้งแต่เด็ก สนใจพลังพีระมิดเป็นอย่างมาก อาจารย์จะพูดถึงพลังของพีรามิดในรายการที่อาจารย์จัดอยู่เสมอๆ ทำให้ผมชอบ ติดตามรายการนี้อยู่บ่อยๆ

สิ่งที่ผมเล่ามานั้น เป็นเพียงเหตุผลสนับสนุนให้ผมมาพบอาจารย์ แต่ไม่ใช้จุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ รายการคุยไปแจกไปของอาจารย์ จะนำภาพและเสียงการสัมภาษณ์ของผู้เป็นโรคต่างๆมาออกอากาศเป็นประจำ  ผู้ป่วยหลายรายหายจากอาการป่วย บางรายก็อาการดีขึ้น สิ่งที่ทำให้หายป่วยหรือดีขึ้นไม่ได้เกิดจากการรักษา อาจารย์ไม่ใช่หมอ  แต่เกิดจากการทำบุญและปฏิบัติธรรม ตามที่เคยเล่ามาแล้วอาจารย์กำลังสร้างสถานปฏิบัติธรรม  อาจารย์จะให้ผู้ป่วยขนดินใส่รถเข็น ๙ เที่ยว เพื่อนำไปสร้างอาคารปฏิบัติธรรม และรับคำสัตย์ตามที่อาจารย์จะกำหนด เช่น ถือศีล ๕ อย่าทำหรือให้ทำบางเรื่อง ทุกเรื่องล้วนเป็นการปฏิบัติตามหลักคำสอนของพุทธศาสนาทั้งสิ้น หรือถ้าใครต้องการโชดลาภต่างๆให้ไปเหลาไม้ไผ่ ๙ ลำ  ที่เล่ามานี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น

การปฏิบัติธรรมแล้วหายจากโรคได้ เป็นสิ่งที่ผมสนใจ ตัวผมเองถือศีล เจริญกรรมฐานอยู่แล้ว ถึงแม้จะกระพร่องกระแพร่ง ลุ่มๆดอนๆไปบ้าง อย่างน้อยก็มีจิตฝักใฝ่ในธรรมอยู่ 

ผมเล่ามานานพอสมควร คราวนี้ถึงตอนสำคัญเสียที อาจารย์ดูประวัติของผมแล้ว พูดว่า โรคที่คุณเป็นอยู่นี้ เกิดเพราะมันมีเหตุ และถามว่า เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม ที่ว่า “สิ่งใดล้วนเกิดแต่เหตุ ถ้าดับเหตุได้ ก็จะไม่เกิด” ผมตอบว่า เชื่อ อาจารย์พูดต่อว่า โรคที่คุณเป็นอยู่นี้ ที่มันเป็นเพราะมันมีเหตุ ถ้าเราดับเหตุได้แล้วโรคจะหายไป   ผมนิ่ง อึดอัด ลังเล ไม่รู้จะตอบอย่างไร อาจารย์เห็นผมไม่ตอบก็เลยพูดว่า “ งั้นคุณก็ไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าซิ” ผมเลยยืนยันไปอีกครั้ง  “เชื่อครับ” “ในหลักการผมเชื่อ แต่ยังสงสัยในรายละเอียด”

ความจริงแล้ว ก่อนที่จะมาหาอาจารย์ ผมมีความลังเลอยู่บ้าง เนื่องจากโรคที่ผมเป็นอยู่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย เป็นมาหลายสิบปี จู่ๆจะหายไปเฉยๆได้อย่างไง  เลยทำให้ศรัทธาไม่เต็มร้อย  และอีกส่วนหนึ่งเป็นการอยากลองพิสูจน์  พื้นฐานนิสัยของผมชอบปรามาส สมณะ ชี พราหมณ์ ไม่เชื่อใครง่ายๆ เพราะอ่านหนังสือมาเยอะ มีทิฏฐิสูง และที่ผ่านมาแทบจะไม่เจอเรื่องอิทธิฤทธิ ปาฏิหารย์เลย  ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมลังเลที่จะตอบ

อาจารย์กล่าวต่อไปว่า คุณพลาดน่ะ ถ้าคุณมีศรัทธาเต็มร้อย คุณจะหายเลย นี่คุณมาลอง

เอาล่ะครับ ตอนนี้จะเป็นการบอกถึงสาเหตุของการเป็นโรคต่างๆที่ผมได้แจ้งให้อาจารย์ทราบก่อนหน้านี้แล้ว โรคที่ผมเป็นอยู่  คือ ภูมิแพ้,หัวใจ,กระเพาะ,ริดสีดวง,ปวดเข่า,ไขมันสูง  ผมจะไล่ไปทีละโรคนะครับ

โรคภูมิแพ้
อาจารย์ถามว่า รู้ไหมว่าไปทำอะไรมาถึงเป็น  ผมไม่ทราบและนึกไม่ออกว่า กรรมอะไรที่ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ อาจารย์ถามว่าเคยฉีดยาฆ่าแมลงไหม  ผมนึกออกทันที ตอนเด็กๆเคยพ่นยาฆ่ายุง ฆ่ามด  ฆ่าแมลงตัวเล็กๆอีกหลายอย่าง  อาจารย์บอกว่าให้ผมบอกมาให้หมด เค้าจะได้อโหสิกรรมให้ อาจารย์เห็นเค้ามากับคุณหลายอย่าง    สุดท้ายก็สรุปว่า ยาที่คุณพ่นคุณฉีดใส่แมลงนั้น  ส่งผลให้คุณเป็นโรคภูมิแพ้

โรคที่สอง “หัวใจ”
อาจารย์ถามผมอีกด้วยคำถามเดิมว่า รู้ไหมว่าไปทำอะไรมาถึงเป็น  ผมก็ตอบเหมือนเดิมคือไม่ทราบ
“คุณไปทำร้ายผู้หญิงจนเค้าเกือบจะฆ่าตัวตาย” ผมยอมรับว่าผมหักอกผู้หญิงมาหลายคน ไม่ต่ำกว่า ๕ คน และอาจจะมีที่ไม่ได้ตั้งใจอีกจำนวนหนึ่ง  แต่เรื่องที่จะฆ่าตัวตายนั้น ผมไม่ทราบ   ความเจ้าชู้ของผมเป็นสิ่งที่ผมรู้ตัวมากที่สุด และจำได้ไม่ลืม  อาจารย์ยังบอกอีกว่า  “คนหลังๆเค้าเป็นฝ่ายทิ้งคุณเอง” ผมประหลาดใจมาก  อาจารย์รู้ได้อย่างไร มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

   โรคที่สาม “กระเพาะ”
   อาจารย์พยายามให้ผมนึกหาสาเหตุเอาเอง แต่ผลก็นึกไม่ออก อาจารย์เลยถามว่า เคยวางยาพิษคนไหม
ผมตอบว่าไม่เคย  แล้วถ้าเป็นสัตว์ล่ะ  อ้อ...ผมนึกออกแล้ว  ผมเคยวางยาเบื่อหนู  คุณรู้ไหมว่า มันกินเข้าไป มันจะรู้สึกอย่างไร  มันจะทรมานมาก มันทรมานอย่างไร คุณจะต้องทรมานอย่างนั้น

   โรคที่สี่ “ริดสีดวง”
   ตอนแรกก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรมา แต่ก็แว๊บขึ้นมาว่า ตอนเป็นเด็ก เคยเอาไม้ไปแยงก้นแมว
อาจารย์บอกว่าใช่  อาจารย์เห็นภาพไม้อยู่ที่ก้นผม   ท่านใดที่เคยเป็นริดสีดวงทวาร คงรับรู้อาการถ่ายเป็นเลือด
ว่าเจ็บแสบแค่ไหน

   โรคที่ห้า “ปวดเข่า”
   โรคนี้ผมรู้สาเหตุมานานแล้ว ตอนเด็กๆผมซนมาก รู้ว่าแมวมีเก้าชีวิต  เลยทดสอบดู ผมจับแมวโยนลงหน้าต่างหลายครั้ง จนแมวขากระเพรก อาจารย์พยักหน้ายอมรับคำพูดของผม และพูดเสริมว่า คุณยังเอาไม้ไปตีขาหมาอีก ผมยอมรับว่าเคยทำ  อาการปวดเข่าของผมมีมาประมาณ ๓๐ ปีแล้ว กรรมมันตามผมเร็วมาก
   เรื่องทำกรรมกับแมวยังมีอีกเรื่อง ที่ยังไม่ได้บอกอาจารย์  คือ ตอนเป็นเด็ก ผมชอบดึงลิ้นแมวออกมาเล่น  กรรมที่ดึงลิ้นแมวนี้  ทำให้ผมต้องถูกหมอดึงลิ้นออกมา เพื่อตรวจลำคอ เนื่องจากผมเป็นภูมิแพ้ ทำให้เจ็บคอบ่อย จนต้องตัดต่อมทอนซิลทิ้ง  ปัจจุบันถ้าผมไปหาหมอเฉพาะโรค  ก็จะถูกดึงลิ้นออกมาตรวจเป็นประจำ ดูซิครับกรรมมันรุมเล่นงานผมอย่างเป็นทีม

   โรคที่หก “ไขมันในเส้นเลือดสูง”
   โรคนี้อาจารย์เฉลยให้ว่า เกิดจากผมเคยเอาอาหารบูดเน่าไปให้คนกิน ผมตอบว่า ถ้าเป็นหมาแมวผมเคย แต่ถ้าเป็นคนผมไม่แน่ใจ จำไม่ได้ นึกไม่ออก


   โดยปรกติแล้ว ผมเป็นโรคต่างๆมากกว่าที่แจ้งไป เรียกได้ว่า เป็นตั้งแต่หัวจรดเท้า จนผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร  เรื่องนี้อาจารย์เอ่ยปากขึ้นมาก่อนที่ผมจะบอก  แปลกใจเหมือนกันอาจารย์รู้ได้อย่างไง
   อาจารย์แถมให้ผมอีกอย่าง อาการปวดหลังที่เป็นอยู่ เกิดจากผมไปตีหลังงู และไปตีหลังหมา ผมยอมรับว่าเคยไปตีทั้งหลังงูและหลังหมา
   ยังมีอีกอย่างครับ เนื่องจากผมมีทิฏฐิสูงมาก  ผมถามอาจารย์ว่า  ทำไมผมจึงลดทิฏฐิไม่ได้(ชอบปรามาสพระรัตนตรัย)  “คุณเคยลบลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาใว้” ใช่ครับผมทำแบบนั้นอยู่เสมอ  ผมเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก การชอบลบลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะทำให้ผมไม่ประสบความสำเร็จในทางธรรม

   มาถึงไฮไลต์ครับ อาจารย์พูดสรุปว่า “คุณอยากหายภายในกี่วัน” ผมก็อ้ำอึ้ง ลังเล บอกไม่ถูก ตามฟอร์มเดิม ด้วยศรัทธาที่ไม่เต็มร้อย ทำให้ผมคิดในใจว่าจะหายจริงเหรอ  ความรู้สึกนี้ดูเหมือนว่าอาจารย์จะรับรู้ได้
สุดท้ายก็คิดถึงเลข ๑๕ เลยบอกอาจารย์ไปว่าอยากหายภายใน ๑๕ วัน “คุณได้สิทธิ์นั้น” อาจารย์กล่าวอย่างมั่นใจ
ผมได้ยินอาจารย์พูดอย่างนั้น ผมก็ งงๆ  คิดถึงรายการทีวีช่องหนึ่ง
   อาจารย์พูดต่อว่า สิ่งที่คุณต้องการคุณก็ได้ไปแล้ว ตอนนี้อาจารย์จะขออะไรจากคุณบ้าง รับปากได้ไหม

ข้อแรก    ถือศีลห้าอย่างเคร่งครัด อย่าส่งเสริมให้คนทำผิดศีล  ไม่ยินดีเมื่อเห็นคนทำผิดศีล
ข้อสอง   ทำทานให้มากขึ้น ไม่มีปัจจัยก็ให้อนุโมทนาเอา อนุโมทนาไม่ต้องออกเสียงก็ได้
“ที่ผ่านมา คุณทำทานก็จริง แต่ใจไม่มีศรัทธา ทำไปอย่างนั้นเอง ทำให้ได้บุญไม่มาก” อาจารย์พูดเปรยขึ้นมา
ผมก็ยอมรับว่าเป็นจริงตามที่พูด  ประหลาดใจครับ อาจารย์รู้ความในใจของผมได้อย่างไง อันนี้เป็นเรื่องลับของผมไม่มีใครรู้นอกจากผม
ข้อสาม   ทำสมาธิวิปัสสนาทุกวัน
ข้อสี่   ช่วยออกแรงสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่นี่ แต่ต้องทำติดต่อกัน ๓ วัน อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ข้อห้า   นำเรื่องที่คุยกันวันนี้โพสต์ขึ้นอินเตอร์เน็ต พร้อมแจ้งชื่อที่อยู่และเบอร์โทร


ผมพยักหน้าแทนการรับปาก  พยักหน้านี่ทำได้ใช่ไม๊  ทำได้ครับ ผมรับปากอย่างเต็มใจ  ในใจผมตอนนั้นคิดอย่างลำพองตนว่า ปฏิบัติธรรมง่ายๆอย่างงี้ ผมสบายอยู่แล้ว ปรกติก็ทำอยู่  อาการประมาทและชอบทนงตนของผมมันมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ไม่รู้จะละนิสัยแย่ๆอย่างนี้ได้เมื่อไหร่

วันที่ผมไปหาอาจารย์เป็นวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๓  อาจารย์รับปากผม ว่าภายใน ๑๕ วันผมต้องหายจากทุกโรคที่ผมเป็นอยู่ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังนั้นวันที่ ๒๘ มีนาคมนี้ ผมต้องหายจากทุกโรค
หลังจากผ่านวันที่ ๒๘ มีนาคมไปแล้ว ผมต้องไปหาอาจารย์อีกครั้ง และผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง

   มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า อาจารย์มีอำนาจวิเศษอะไรถึงรู้เรื่องกรรมได้ ขอตอบว่า อาจารย์ขอบารมีพระพุทธเจ้า และบารมีของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ  รวมทั้งการรักษาโรคก็เช่นกัน อาจารย์ไม่ใช่หมอ อาจารย์ขอบารมีพระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านนับถือมาช่วยรักษา อยากรู้เรื่องอาจารย์มากกว่านี้ ต้องไปพบท่านที่ บ้านสวนพีระมิด ผมจะแนบแผนที่ไว้ในท้ายบทความนี้

   ผมจั่วหัวเรื่องไว้ว่า “คนค้นกรรม” มันมีที่มาครับ ลีลาและท่วงทำนอง ที่อาจารย์จะบอกถึงสาเหตุหรือที่มาของกรรมต่างๆนั้น  อาจารย์จะไม่บอกตรงๆ จะถามก่อนว่า เคยทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม๊  หากไม่รู้ก็จะบอกใบ้ให้บางอย่าง จนคนนั้นถึงบางอ้อ  ความรู้สึกของผมมันเหมือน การสืบสวน สอบสวนของตำรวจ และอีกอย่างความอยากรู้อยากเห็นของผม มันเหมือนการค้นหาอะไรบางอย่าง   เมื่อคิดจนถึงที่สุดแล้ว มันเลยถูกสรุปออกมาเป็น
“คนค้นกรรม” แต่ขอออกตัวแทนอาจารย์ก่อนว่า  อาจารย์ไม่ใช่ตำรวจ  ปรกติอาจารย์จะเป็นคนน่ารัก เป็นกันเองกับทุกคน ถึงแม้บางครั้งอาจพูดดุไปบ้าง แต่ก็ดุเพราะประสงค์ดี ดุได้งามครับ


ข้อมูลของอาจารย์
อาจารย์อุบล  ศุภเดชาภรณ์  ปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินรายการ “คุยไปแจกไป” ออกอากาศทาง MVTV ช่องบางกอกทูเดย์ ทุกวันอาทิตย์ เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ออกอากาศซ้ำวันจันทร์  เวลา ๐๐.๐๐ – ๐๒.๐๐ น.
สอบถามได้ที่  โทร. 081-820-8468, 081-919-6705, 084-346-2881, 089-962-3271

ข้อมูลผู้เขียน
นายณฐพลสรรค์  เผือกผาสุข
ปัจจุบันอยู่ บ้านเลขที่  69/2 หมู่ 10 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา  30320
โทร. 089-823-6122
e-mail   nathaponson@gmail.com หรือ  nathaponson@yahoo.co.th


ข้อมูลในการเขียนครั้งนี้เป็นการกล่าวโดยสรุป มิได้ตรงกับที่คุยกันทีเดียว เนื่องจากระหว่างที่คุยกันผู้เขียนไม่ได้อัดเสียงเอาไว้ แต่ยังคงเนื้อหาที่ถูกต้องเอาใว้  หากผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว


แผนที่ไปบ้่านพีระมิดคลิกที่ลิงค์นี้ครับ

www.somtumluang.com
Aeva Debug: 0.001 seconds.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 29, 2010, 10:16:29 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

saithong

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +13/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 108
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คนค้นกรรม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 15, 2010, 05:45:02 pm »
0
 :25:
อ่านแล้ว ก็ชื่นชมกับประสพการณ์ เรื่อง คนค้นกรรม

สาธุ สาธุุ

เขียนให้อ่านอีกนะคะ
บันทึกการเข้า

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: คนค้นกรรม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 27, 2010, 09:30:54 pm »
0
 :25: สาธุ สาธุ เป็นวิธีการที่น่าสนใจมาก เกี่ยวกับเรื่อง ปีระมิด
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: คนค้นกรรม 1
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 03:35:07 pm »
0
ขอให้ :91:เรื่องที่ไม่ดีอย่าเกิดขึ้นกับเราเลย :c017:
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม