ในเมื่อ รู้ขนาดนั้น แล้วทำไม ไม่คุยกับเขา และ ถามความต้องการของเขาไปเลย และในเมื่อเขาต้องการส่วนบุญจากเรา ก็น่าจะออกกฏ อะไรได้บ้างในความเป็นส่วนตัว และ อาจจะมีผู้คอยระวังภัยให้ด้วย ถ้าสิ่งที่คุณกล่าวเป็นเรื่องจริง นะคะ ไม่ใช่นึกขึ้นมาเอง ว่าเป็นอย่างนั้น
1. ทำบุญให้แล้วก็ยังมากวน การกวนทำให้นอนไม่หลับ พอนอนไม่หลับ ส่งผลต่อร่างกายในการทำงานวันถัดมา
อันนี้ต้องถามเขาเลยว่า ต้องการอะไรกันแน่ ต้องการให้ทำอะไร
2. ครั้นจะไม่ให้บุญ ก็เกรงว่าจะเป็นการใจดำ ครั้นให้ก็จะมาไม่หยุด
เมื่อมาไม่หยุด ก็ต้องถามให้รู้ชัดว่่าอะไร แล้ว อาจจต้องมีการต่อรองกันด้วย ออกกฏ
3. เราจะผ่านสภาวะธรรมอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะเคยแก้ด้วยการหยุดปฏิบัติเค้าก็ไม่มา แต่เราเองก็ต้องหยุดการสะสมบุญ
บางครั้งภาพที่เห็นไม่ใช่เป็นภาพที่จริง บางครั้งก็เป็นอุปาทานที่หลอกเราเช่นกัน
เมื่อเราภาวนาไปแล้ว สิ่งที่ต้องรู้แจ้งเห็นจริงอยู่อย่างหนึงก็คือ
กายเรา ก็ดำรงอยู่ได้อัตภาพ แค่ช่วงหนึ่ง แม้กายเราก็ต้องแตกดับ แม้จิตเราก็ต้องเป็นเช่นนั้น เหมือนกัน
กลัวทำไม ในเมื่อเราก็ต้องเป็นเช่นนั้น ถ้าเราต้องเป็นเช่นนั้น ก็น่าจะหาวิธีการใดที่จะช่วยซึ่งกันและกัน