ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วิปัสสนา เหมือนรถ 7 ผลัด  (อ่าน 2327 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
วิปัสสนา เหมือนรถ 7 ผลัด
« เมื่อ: มีนาคม 14, 2016, 10:21:25 am »
0
เรื่อง รถ 7 ผลัดนี้ มีข้อความ เป็นการสนทนา ของพระสารีบุตร กับ พระปุณณมันตานี  อยู่ รถวนีสูตร

  แต่ข้อความมีความสำคัญ ข้อย้อนเรื่องสักหน่อย ก็คือ



เล่ม 12 หน้า 277
     ครั้นในเวลาเย็น    ท่านพระสารีบุตรออกจากที่หลีกเร้น๑    แล้วเข้าไปหาท่านพระปุณณมันตานีบุตรถึงที่อยู่    ได้สนทนาปราศรัยพอเป็นที่บันเทิงใจ    พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วจึงนั่ง    ณ    ที่สมควร    ได้ถามท่านพระปุณณมันตานีบุตรว่า
            [๒๕๗]    “ท่านผู้มีอายุ    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคของเราหรือ”
            ท่านพระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า    “ขอรับ    ท่านผู้มีอายุ”
            “ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อสีลวิสุทธิ    (ความหมดจด
แห่งศีล)    หรือ”
            “ข้อนี้    หามิได้”
 “ถ้าเช่นนั้น    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อจิตตวิสุทธิ    (ความหมดจดแห่งจิต)    หรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “ถ้าเช่นนั้น    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อทิฏฐิวิสุทธิ    (ความหมดจดแห่งทิฏฐิ)    หรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “ถ้าเช่นนั้น    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อกังขาวิตรณวิสุทธิ(ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้นความสงสัย)    หรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “ถ้าเช่นนั้น    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อมัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ (ความหมดจดแห่งญาณที่รู้เห็นว่าเป็นทางหรือมิใช่ทาง)    หรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “ถ้าเช่นนั้น    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ  (ความหมดจดแห่งญาณที่รู้เห็นทางดำเนิน)    หรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “ถ้าเช่นนั้น    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อญาณทัสสนวิสุทธิ(ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ)    หรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “เมื่อผมถามท่านว่า    ‘ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อสีลวิสุทธิหรือ’    ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
        เมื่อผมถามท่านว่า    ‘ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อจิตตวิสุทธิหรือ’    ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
        เมื่อผมถามท่านว่า    ‘ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อทิฏฐิวิสุทธิหรือ’    ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
        เมื่อผมถามท่านว่า    ‘ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อกังขาวิตรณวิสุทธิหรือ’    ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้หามิได้’
      เมื่อผมถามท่านว่า ‘ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อมัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ หรือท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้หามิได้’
       เมื่อผมถามท่านว่า ‘ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิหรือ  ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้หามิได้’
        เมื่อผมถามท่านว่า    ‘ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อญาณทัสสนวิสุทธิหรือ’    ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
        เมื่อเป็นเช่นนี้    ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่ออะไรกันเล่า”
        “ท่านผู้มีอายุ    ผมประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อ อนุปาทาปรินิพพาน ”
        “สีลวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “จิตตวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “ทิฏฐิวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “กังขาวิตรณวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
        “มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
        “ข้อนี้    หามิได้”
       “ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
            “ข้อนี้    หามิได้”
            “ญาณทัสสนวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
            “ข้อนี้    หามิได้”
            “ธรรมนอกจากธรรมเหล่านี้    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ”
            พระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า    “ข้อนี้    หามิได้    ท่านผู้มีอายุ”
            ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า    “ท่านผู้มีอายุ    เมื่อผมถามท่านว่า    ‘สีลวิสุทธิ
เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’    ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
            เมื่อผมถามท่านว่า    ‘จิตตวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’    ท่านก็ตอบ
ผมว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
          ...  ‘ทิฏฐิวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’    ...
          ...  ‘กังขาวิตรณวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’    ...
          ...  ‘มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’    ...
          ...  ‘ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’    ...
            เมื่อผมถามท่านว่า    ‘ญาณทัสสนวิสุทธิ    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’    ท่านก็ตอบว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
            เมื่อผมถามท่านว่า    ‘ธรรมนอกจากธรรมเหล่านี้    เป็นอนุปาทาปรินิพพานหรือ’ท่านก็ตอบผมว่า    ‘ข้อนี้    หามิได้’
            (เมื่อเป็นเช่นนี้)    จะพึงเห็นเนื้อความของคำที่ท่านกล่าวแล้วนี้ได้อย่างไร”
          [๒๕๘]    ท่านพระปุณณมันตานีบุตรกล่าวว่า    “ท่านผู้มีอายุ    ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสีลวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน    ก็ชื่อว่าพึงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
            ถ้าทรงบัญญัติจิตตวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน    ก็ชื่อว่าพึงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ถ้าทรงบัญญัติทิฏฐิวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน    ก็ชื่อว่าพึงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
            ถ้าทรงบัญญัติกังขาวิตรณวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน    ก็ชื่อว่าพึงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
            ถ้าทรงบัญญัติมัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน    ก็ชื่อว่าพึงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
            ถ้าทรงบัญญัติปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน    ก็ชื่อว่าพึงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
            ถ้าทรงบัญญัติญาณทัสสนวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน    ก็ชื่อว่าพึงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
            ท่านผู้มีอายุ    ถ้าธรรมนอกจากธรรมเหล่านี้    จักเป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้วปุถุชนก็จะพึงปรินิพพาน    เพราะว่าปุถุชนเว้นจากธรรมเหล่านี้    ผมจะเปรียบเทียบให้ท่านฟัง    คนฉลาดบางพวกในโลกนี้ย่อมเข้าใจความหมายแห่งถ้อยคำได้ด้วยอุปมาโวหาร
            เปรียบเทียบวิสุทธิด้วยรถ ๗ ผลัด
            [๒๕๙]    ท่านผู้มีอายุ    เปรียบเหมือนพระเจ้าปเสนทิโกศลกำลังประทับอยู่ที่กรุงสาวัตถี    มีพระราชกรณียกิจด่วนบางประการเกิดขึ้นที่เมืองสาเกต    และในระหว่างกรุงสาวัตถีกับเมืองสาเกตนั้นจะต้องต่อรถถึงเจ็ดผลัด
            ครั้งนั้น    พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จออกจากกรุงสาวัตถี    ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง    ที่ประตูพระราชวัง    เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สอง
            จึงทรงสละรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง    ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สอง    เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สาม
            จึงทรงสละรถพระที่นั่งผลัดที่สอง    ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สาม    เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่
           จึงทรงสละรถพระที่นั่งผลัดที่สาม    ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่    เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า
            จึงทรงสละรถพระที่นั่งผลัดที่สี่    ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า    เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่หก
            จึงทรงสละรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า    ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หก    เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด
            จึงทรงสละรถพระที่นั่งผลัดที่หก    ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด    เสด็จไปถึงประตูเมืองสาเกตด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด
            ถ้าพวกมิตรอำมาตย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์จะพึงทูลถามพระองค์ว่า    ‘ขอเดชะมหาราชเจ้า    พระองค์เสด็จจากกรุงสาวัตถีถึงประตูเมืองสาเกตด้วยรถพระที่นั่งผลัดนี้ผลัดเดียวหรือ’
            ท่านผู้มีอายุ    พระเจ้าปเสนทิโกศลจะตรัสตอบอย่างไร    จึงจะจัดว่าตรัสตอบอย่างถูกต้อง”
            ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า    “ท่านผู้มีอายุ    พระเจ้าปเสนทิโกศลจะต้องตรัสตอบอย่างนี้    จึงจัดว่าตรัสตอบอย่างถูกต้อง    คือตรัสว่า    ‘เมื่อฉันกำลังอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้น    มีกรณียกิจด่วนบางประการเกิดขึ้นในเมืองสาเกต    ระหว่างกรุง
สาวัตถีกับเมืองสาเกตนั้น    จะต้องใช้รถถึงเจ็ดผลัด
            ครั้งนั้นแล    ฉันออกจากกรุงสาวัตถีขึ้นรถผลัดที่หนึ่ง    ที่ประตูวัง    ไปถึงรถผลัดที่สอง    สละรถผลัดที่หนึ่ง    ขึ้นรถผลัดที่สอง    ไปถึงรถผลัดที่สาม    สละรถผลัดที่สองขึ้นรถผลัดที่สาม    ไปถึงรถผลัดที่สี่    สละรถผลัดที่สาม    ขึ้นรถผลัดที่สี่    ไปถึงรถผลัดที่ห้า    สละรถผลัดที่สี่    ขึ้นรถผลัดที่ห้า    ไปถึงรถผลัดที่หก    สละรถผลัดที่ห้า    ขึ้นรถผลัดที่หก    ไปถึงรถผลัดที่เจ็ด    สละรถผลัดที่หก    ขึ้นรถผลัดที่เจ็ด    ไปถึงประตูเมืองสาเกตด้วยรถผลัดที่เจ็ด’
   ท่านผู้มีอายุ    พระเจ้าปเสนทิโกศลจะต้องตรัสตอบอย่างนี้แล    จึงจัดว่าตรัสตอบ
อย่างถูกต้อง”
            ท่านพระปุณณมันตานีบุตรกล่าวว่า    “ท่านผู้มีอายุ    ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกันสีลวิสุทธิมีจิตตวิสุทธิเป็นเป้าหมาย    จิตตวิสุทธิมีทิฏฐิวิสุทธิเป็นเป้าหมาย    ทิฏฐิวิสุทธิมีกังขาวิตรณวิสุทธิเป็นเป้าหมาย    กังขาวิตรณวิสุทธิมีมัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิเป็นเป้าหมาย    มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิมีปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิเป็นเป้าหมายปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิมีญาณทัสสนวิสุทธิเป็นเป้าหมาย    ญาณทัสสนวิสุทธิมีอนุปาทาปรินิพพานเป็นเป้าหมาย
            ท่านผู้มีอายุ    ผมอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่ออนุปาทาปรินิพพานโดยแท้”





   สำหรับ บทวิจยะธรรม จะให้เป็น กระทู้โพสต์ต่อไป นะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 14, 2016, 10:27:39 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิปัสสนา เหมือนรถ 7 ผลัด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 14, 2016, 07:14:14 pm »
0

     ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา