ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หนทาง ที่เราจะไม่ต้องกลับมาเกิด อีกนั้น ต้องใช้ สมถะ หรือ วิปัสสนา  (อ่าน 3856 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

vichai

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 207
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หนทาง ที่เราจะไม่ต้องกลับมาเกิด อีกนั้น ต้องใช้ สมถะ หรือ วิปัสสนา

  คือ ถ้าเรามีความต้องการคือไม่อยากมาเกิด อีก เราควรจะปฏิบัติ วิปัสสนา เลยหรือ ว่า ต้องไปเริ่มที่ สมถะ

 ขอบคุณมากครับ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า
มาศึกษาธรรมะ ครับ ยินดีรู้จักทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตร ครับ
เครดิต คุณกบแย้มกะลา

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ยกตัวอย่าง
   กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ตั้งแต่ห้องหนึ่ง ก็ใช้ทั้งสมถะและวิปัสนาอยู่แล้ว เรียนทั้งสองส่วน
       แต่เริ่มเรียนที่พระลักษณะก่อน แล้วจึงเรียนพระรัศมี
        คือเรียนทั้งรูปและนาม ทั้งสองส่วน
         การเรียนกรรมฐานก็เพื่อรู้ทันขันธ์ห้า
          เพราะขันธ์ห้าคือรูปและนาม
          เพราะรูปนาม คือสมถะวิปัสนา
          สมถะวิปัสนาอยู่ในตัวเรานี้ อย่าได้ไปมองหาที่อื่น
          ที่กายที่ใจนี้เอง กายใจรูปนาม กายใจสมถะวิปัสสนา

            กายใจคือขันธ์ห้า
         กรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับ เรียนทั้งสองอย่าง แต่เริ่มทีละอย่าง
 ได้เรียนทั้งหมด ได้รู้ทั้งหมด
       ไปตามลําดับ
       การไม่อยากกลับมาเกิด ก็นับว่าตั้งปณิธานไว้ดีแล้ว
        ศิล สมาธิ ศรัทธา ปณิธานมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือกําลังพุทธานุสติ
        อธิศิล อธิจิต อธิปัญญา.......อย่างน้อยต้องได้พระอนาคามี จึงจะไม่ต้องมาเกิดที่โลกมนุษย์
        เราก็มีปณิธานเช่นเดียวกับท่าน
         ควรไปขึ้นกรรมฐานว่ากันเป็นการงานดีกว่ามั๊ง
          ชักช้า ครูบาอาจารย์ ว่าจะเสียกาล ยากมันจะนาน เพราะยังไม่ได้ประเดิม เริ่มพระกรรมฐาน
          กรรมฐานแปลว่า การสร้างฐานของกรรมดี
          เชิญที่ คณะห้า วัดราชสิทธาราม พระอาจารย์กรรมฐานใจดี เปิดกุฏิทุกวัน
           จะช้าจะไว หรือจะไปเที่ยวนี้
            ก็ขึ้นอยู่ที่ใจของท่าน
            มรรคผลนิพพานสําเร็จที่ใจ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

หมิว

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 398
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ในความตั้งใจที่ ว่า "ไม่อยากกลับมาเกิดอีก"

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ใจดี น่ารัก และ ไม่ชอบคนที่กวน...ใจ
แสงพระธรรม นำทาง นำสู่ใจ ได้รับแสงสว่าง
แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี

keyspirit

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จิตก็ส่วนจิต..สิ่งที่จรเข้ามาปรุงแต่งย้อมจิตก็อีกส่วน
ยามมีสติสิ่งปรุงแต่งก็หายไป...แต่เมื่อไร้สติ..มันก็จะกลับมา
ก็เลยไม่แปลกที่ในแต่ละวันของปุถุชน..จะเกิดอารมณ์ได้สารพัดชนิด
จิตจึงไม่เคยเป็นอิสระจากอารมณ์ได้เลย..แม้กระทั่งยามหลับ

ปรากฏการณ์รอบตัวมันสะท้อนความจริงให้เราเห็นทุกวินาที
แต่ก็น่าแปลกที่เราไม่เคยสนใจหันไปมอง...เราก็เลยไม่เห็น..ไม่เคยรับรู้และเข้าใจ
วันใดที่จิตมันรู้เห็นความจริงจากการฝึกวิปัสสนาบ่อยๆ...ปัญญาก็จะค่อยพัฒนาเข้มแข็งขึ้น
มันจะมองเห็นความจริงและยอมรับมันได้ด้วยความสงบ..ไม่ว่าสุขหรือทุกข์จะผ่านเข้ามา
จิตมันก็เพียงแต่รับรู้..วาง..แล้วก็กลับไปสงบ
ถ้ารู้แล้วยังชอบความสุข..ยังเกลียดชังความทุกข์..ยังเบื่อ..ยังอยากและไม่อยากตลอดเวลา
แบบนี้เป็นธรรมชาติของทุกคนครับ...ไม่ต้องฝึกให้เสียเวลา

ความทุกข์มันมีอยู่คู่กับทุกชีวิต..ของใครของมันหยาบละเอียดซับซ้อนแตกต่างกัน
บริหารจัดการแทนกันไม่ได้..ถ้าเจ้าตัวยังไม่รู้สึกเบื่อ..ความเบื่อของเราก็ช่วยอะไรใครไม่ได้
นอกจากคอยบั่นทอนจิตใจของเราให้ซึมเศร้าและเป็นทุกข์ไปกับความทุกข์ของสรรพสิ่ง

แม้การเกิดจะเป็นทุกข์..แต่อีกด้านถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้
มันก็ช่วยสอนให้เรามองเห็นความทุกข์ได้ชัดเจนขึ้น
การเรียนรู้และเข้าใจความทุกข์ผ่านความสุข...คงทำได้ลำบาก
หากยังไม่เห็นทุกข์...เส้นทางไปสู่การดับทุกข์...ก็จะไม่ปรากฏ

ทุกข์มันควรจะชี้ไปสู่..สมุทัย..นิโรธ..มรรค..และการหลุดพ้น
หากทุกข์แล้วยังเบื่อ..ซึมเศร้า..หมดหวัง
เอาแต่นั่งกอดเข่าท้อแท้..สาปส่งโชคชะตาฟ้าลิขิต..เงยหน้าด่าเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นอกจากไม่สามารถหลุดพ้นไปจากความทุกข์ได้
ยังอาจถูกดึงจมดิ่งลงไปสู่ก้นมหาสมุทรของความทุกข์
หมดโอกาสเห็นแสงเดือนแสงตะวัน..

ความทุกข์ของคนอื่นมันควรจะทำให้เราย้อนกลับมามองเห็นความทุกข์ในตัวของเราชัดเจนขึ้น
มันเป็นโอกาส...ไม่ใช่อุปสรรค..???
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
หนทางที่เราจะไม่ต้องกลับมาเกิด นั้นเรียกว่า อริยะมรรค มีองค์ 8 ประการ
เริ่มตั้งแต่ สัมมาทิฏฐิ เป็นเบื้องต้น มีสัมมาสมาธิ เป็นที่สุด
สำหรับ อริยะมรรค มีองค์ 8 นั้นจัดเป็นทั้ง 2 ประการคือ สมถะด้วย และ วิปัสสนาด้วย

 เจริญธรรม / เจริญพร

  ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ