ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การทำ อุเบกขา จำเป็นต้องให้จิต เป็น ฌาน ด้วยหรือไม่ครับ  (อ่าน 3865 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nippan55

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การทำ อุเบกขา จำเป็นต้องให้จิต เป็น ฌาน ด้วยหรือไม่ครับ
  คือ เพราะบางคร้ง รู้สึกว่าจะวางเฉย ปล่อยวาง แต่ ก็ทำไม่สำเร็จเป็นเพราะว่า จิตไม่เป็น ฌาน ใช่หรือไม่ครับ

  :c017:
บันทึกการเข้า

teepung

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 52
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อุเบกขา หมาย ถึง ความที่มีอารมณ์วางเฉย ปล่อยวาง ต่อ เรื่องราวต่าง ๆ ทรงไว้อย่างนั้น

  อุเบกขา มีหลายระดับ ควรอ่านเรื่อง อุเบกขา 10 ประการ ด้วย

   ดังนั้นมี อุเบกขา ที่มีในฌาน และ นอกฌาน ด้วยนะ

  :88: :49:

 
บันทึกการเข้า
ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การหักใจ เป็นอุเบกขาของมนุษย์ ทุกข์ไม่ได้ดับจริง เพราะธาตุยังไม่ดับ แสดงว่าทุกข์ยังมาเป็นปกติ

แต่ ศิล สมาธิ ปัญญา และอุบายในพระกรรมฐาน ซึ่ง ประกอบด้วย สองส่วน

  คือ สมถะ และ วิปัสสนา นั้น คืออุบาย ที่ทําให้ขึ้นไปถึงความดับเย็น

      ใน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ นั้นมีอุบาย คือ การเรียนรู้รูปนามทั้งสองส่วน
 เรียนปีติ ยุคล ก็เพื่อ สุขทั้งกายและใจ เพราะเป็นการรู้ทันขันธ์ห้า

   อุเบกขา ในภาษา ฌาน คือฌานห้า เป็น อุปจาระสมาธิ อรูปฌานสมาบัติ และเป็นพระรัศมี เป็น ส่วนนาม และเป็นวิปัสสนาด้วย ก็คือ ขึ้นวิปัสสนา ในส่วนนามกาย เพราะพ้นส่วน รูปที่ ฌาน 1-2-3-4 ไปแล้วและออกฌาน5 ตั้งแต่ อากาสา-เนวนาสัญญายตนะ
         การสู่อุเบกขาคือถึงขั้น 5
         เรียนโพชฌงค์ ก็ลงฐานเจ็ดที่อุเบกขา (ขึ้นรัศมี เข้าสะกด สัมปยุตธรรม )

      สายพระป่าว่า ทําฌาน
      และห้องนี้สายพระป่าชอบเรียกว่า ออกฌาน ลงอุปจารสมาธิ ก็คือ มีไว้พิจราณาธรรม
      เมื่อขึ้นรัศมี ก็เห็นโลก คือภพทั้งสาม เพราะตรงนี้เป็นอเนญชาภิสังขาร ตรงนี้อเนญชาภิสังขาร นั่นก็คือ เตรียมพร้อมที่จะเป็น บุญญาภิสังขาร และอบุญญาภิสังขาร
    ความวางเฉย ความสุข ความทุกข์เห็นหมด ทั้งสามอารมณ์ได้มากที่สุด เพราะฌาน 5 คือความว่าง แต่ได้รูปแล้ว คือรวมลมได้ที่ จากฌาน4  และระเบิดรูประเบิดลมที่ ช่อง อากาศในฌาน5 จึงรู้ว่าตรงนี้เป็นความว่าง เพราะมีรูปคือ รวมดินนําลมไฟ สี่ฌานได้แล้วจึงรู้ว่าห้องนี้คือความว่าง

 ครูอาจารย์เปรียบเทียบไว้กับการเปิดพัดลม เมื่อลมพัดวนไปแล้วกลับมาจึงรู้ว่าห้องนี้เป็นห้องว่าง เพราะมีรูป รวมรูปรวมลมได้ จึงรู้ว่าห้องนั้นมันว่าง เป็น อุเบกขา อุปจารสมาธิ อรูปฌานสมาบัติ เป็นการเห็นนามกายอีกสี่ส่วน

 รู้ได้ด้วยอะไร ได้ด้วย
  วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
    อุเบกขาคือฌานห้า ในภาษา สมถะ-วิปัสสนา หรือรูป-นาม หรือกาย-ใจ

แต่ห้วงเวลาระหว่างของคู่นี้คือ.......ถ้าทิ้งของคู่นี้ได้ ของคู่ทุกอย่างก็ไม่มี
จงไปตาม ยถาภูตญาณทัศนะ การเห็นตามความเป็นจริงตามอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  ตามลําดับ ตาม อนุวิปัสสนาสาม อนิจจานุปัสสนา ทุกขานุปัสสนา อนัตตานุปัสสนา  จงใช้สมถะวิปัสสนา ซึ่ง ประกอบด้วยรูป อุคหนิมิต และปฏิภาคนิมิต เราเดินทางไปพร้อมด้วยดินนําลมไฟอากาศ คือ จับทั้งรูปและนาม หมุนโลกติ้วๆ  ไปกับลมเข้า-ออก และนิมิตหมุน ห้วงเวลาระหว่าง โดยดําเนิน ตาม วิตกวิจารปีติสุขและเอกัคคตาอากาสาวิญญาณอากิจจัญญาเนวนา.................ไป
      จากากโพชฌงค์ ไป สมาบัติแปด ไป นวหรคุณ9 ไปอานาปา9 ไปโลกกุตรธรรม9

         เริ่มตั้งแต่ โสดาปัตติมรรค-อรหัตผล-พระนิพพานรวมเป็น โลกุตรธรรมเก้า

          อยากไปตามนี้ ครูบาอาจารย์ที่นี่ท่านสอนได้......

           ขอเชิญท่านไปขึ้นกรรมฐาน ที่คณะห้า วัดราชสิทธาราม ครูบาอาจารย์ท่านใจดี มาก รับขึ้น กรรมฐานทุกวัน

          สิบบหก มีนาคม มีงานใหญ่ เททอง หล่อองค์รูปเหมือนพระราหุล และ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ปรมาจารย์แห่งยุครัตนโกสินทร์ ท่านคือ บรมครู ของเหล่า แม่ทัพธรรมทั้งหลาย และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ในอดีตที่โด่งดังนั่นเอง

         ขอให้ท่านโชคดีมีชัย

จากผู้ศึกษาและปฏิบัติ

   
 
 
 
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

DANAPOL

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 332
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ใช้ ฌาน เพื่อเจริญ อุเบกขา อย่าลืมว่า ปัญจมฌาน ก็คือ อุเบกขา ( ปริสุทธุเบกขา )
ใช้ ปัญญา เจริญ อุเบกขา วางเฉยจากกิเลส เพราะเห็นตามความเป็นจริง อันนี้เรียกว่า ( สังขารุเปกขาญาณ )
ใช้ สติ เพื่อเจริญ อุเบกขา วางเฉยจากกเิลส ดับกิเลสเบื้องต้น เรียกว่า ( สติญาณ )

   :49: :s_hi:
บันทึกการเข้า
รหัสธรรม ต้องใช้ปัญญาคือความรู้ ผู้ถือกุญแจคือใครหนอ...

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อุเบกขา เป็นธรรมที่มีหลายระดับ แต่มีสาเหตุแห่ง อุเบกขา อยู่    ประการ

   อุเบกขา มีปัจจัย อยู่ 2 ประการ
     1.อุเบกขา มี ปัญญาเป็น ปัจจัย
     2.อุเบกขา ไม่มี ปัญญาเป็น ปัจจัย

   อุเบกขา มี 2 พวก
     1. อุเบกขา ที่เป็น ฝ่ายกุศล
     2. อุเบกขา ที่เป็น ฝ่ายอกุศล


   อุเบกขา เป็นธรรมที่มีหลายระดับ แต่มีสาเหตุแห่ง อุเบกขา อยู่    ประการ

   อุเบกขา อันเนื่องด้วยศีล มี หิริ โอตตัปปะ เป็นเหตุ มี อุเบกขา เป็นผล
    เช่นเห็นเพือนกินเหล้า เกิดความละอายใจ และเกรงกลัวต่อบาป จึงไม่ร่วมกินเหล้ากับเขาเป็น เรียกว่าวางเฉยต่อการกินเหล้าของเพื่อน อย่างนี้เป็น อุเบกขาต่ออกุศล และ เป็นอุเบกขาพอกพูนกุศล ไม่ต้องมี ฌาน ก็ทำได้

   อุเบกขา อันเนื่องด้วยสติ สัมปชัญญะ     
    เป็นอุเบกขาที่มีชั้นเชิง กว่า อุเบกขาที่มีศีล เป็นฐาน เพราะอุเบกขาเป็น ธรรมเครื่องตื่นอยู่ มี สติปัฏฐาน อนุสสติ และวิปัสสนา เป็นต้น อุเบกขาเหล่านี้ล้วนแล้วถึง ปฐมฌาน

    อุเบกขา อันเนื่องด้วย เจโตวิมุตติ
     เป็นอุเบกขาที่เกิดจาก ผลแห่งการภาวนา มี ปัญจมฌาน สมาบัติ เป็นต้น อุเบกขาถ้าเกิดมีเรียกว่า เป็นอุเบกขาที่เป็นกลางจริง ๆ จึงถึงถูกเรียกว่า ปริสุทธุเบกขา

    อุเบกขา อันเนื่องด้วย วิมุตติญาณทัศสนะ
    เป็นอุเบกขา ที่ระัดับสูงเพราะ ดับด้วยการปล่อยวางจากกิเลสด้วยอำนาจแห่งจิตที่สงบประกอบด้วยปัญญาเป็น อุเบกขา ที่มีตั้งแต่ พระอริยบุคคลตั้งแต่ พระโสดาบัน ขึ้นไป


     จะเห็นได้ว่า อุเบกขา มีตั้งแต่ ระดับ ปุถุชน โคตรภูบุคคล พระอริยะบุคคล ล้วนแล้วมีอุเบกขา แตกต่างกันไป ด้วยอำนาจเหตุปัจจัยที่เนื่องนั้นต่างกัน

    เจริญธรรม / เจริญพร


     ;)
   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนาสาธุ ในอรรถะ-พยัญชนะ จากครูบาอาจารย์ น้อมรับด้วยเกล้า
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา