ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่ทองสี ปัญญวฺโร พระที่มีอายุยืนอีกรูปหนึ่ง 109 ปี  (อ่าน 5036 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


หลวงปู่ทองสี ปัญญวฺโร ( พระครูนิคม ธรรมรักษ์ )
วัดทรงธรรมศรีสมัย บ้านโคกสะอาด ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู

http://www.lumphu.com/images/fbfiles//images/PIC_3390-20100316.JPG

ชีวิตเพศสมณะ
หลวงปู่บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ.2458 ที่วัดบ้านตูม จังหวัดมหาสารคาม ขณะนั้นอายุได้ 14 ปี
อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ พ.ศ.2475 ที่วัดบ้านกุดดู่ ตำบลกุดดู่ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีพระอาจารย์พิมพ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากที่อุปสมบทแล้วหลวงปู่ได้เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านโสกจาน อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู
หลวงปู่ทองสี ปัญญฺวโร เป็นบุคคลที่ชอบใฝ่ศึกษาหาความรู้ คิดอยู่เสมอว่าเราจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เพราะสังคมเจริญรุดหน้าไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เราจะต้องตามให้เท่าทัน หนทางที่จะตามยุคตามสมัยให้ทันนั้นก็คือ การศึกษาเล่าเรียน ดังนั้น หลวงปู่จึงออกเดินทางจากวัดบ้านโสกจานแสวงหาความรู้ยังสำนักการศึกษาต่าง ๆ เริ่มจากสำนักวัดมัชฉิมวาส จังหวัดอุดรธานี อยู่ 1 พรรษา ย้ายมาที่วัดบ้านหนองไหล 2 พรรษา วัดโกสุมพิสัย 1 พรรษา วัดบ้านคุยเชือก 2 พรรษา วัดบ้านแพง 2 พรรษา และอีกมากมายหลายวัดที่หลวงปู่ทองสี ปัญญฺวโร ได้พำนักศึกษาเล่าเรียน เช่น อำเภอคุรุ จังหวัดอุบลราชธานี บ้านมูลกระจาย เมืองแมด เมืองสี
นอกจากศึกษาพระธรรมวินัยแล้ว หลวงปู่ทองสี ปัญญฺวโร ยังสนใจและตั้งจิตอธิฐานเจริญวิปัสสนากรรมฐานออกธุดงค์แสวงหาความวิเวกขุด ค้นสัจจธรรมแห่งมวลสัตว์โลก หลวงปู่ทองสี ปัญญฺวโร ออกธุดงค์ไปตามขุนเขาลำเนาไพรหลายจังหวัดในประเทศไทยและออกเดินธุดงค์ข้าม ประเทศ เช่น พม่า เขมร ลาว ในระหว่างที่ออกธุดงค์หลวงปู่ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสมุนไพรและศึกษาวิชา อาคมไสยศาสตร์ต่าง ๆ เมื่อพบแล้วก็ไม่หยุดนิ่ง หลวงปู่ได้นำสิ่งที่ท่านรู้ท่านเห็นมาอบรมสั่งสอนโปรดญาติโยมให้รู้แจ้งเห็น จริง เพื่อจะได้นำไปประพฤติปฏิบัติให้พ้นจากความทุกขเวทนา
หลวงปู่ทองสี ปัญญฺวโร เข้าจำพรรษาที่วัดทรงธรรมศรีสมัย บ้านโคกสะอาด เมื่อ พ.ศ.2489 จนถึงปัจจุบัน( พ.ศ. 2553)
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระที่มีอายุยืน ๆ มีอายุมาก ๆ นั้นควรสนใจสอบถามธรรมกับท่าน ว่าท่านมีเคล็ดลับอย่างไร

ที่มีอายุยืน โดยเฉพาะองค์ไหน ถ้าไม่มีโรคเบียดเบียนด้วยยิ่งควรจะสอบถาม ให้มาก


บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
หลวงปู่ พิชัย ฐิติลาโภ อายุ ๑๐๘ ปี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2010, 07:33:02 pm »
0
พระอาจารย์เขาหงส์
(หลวงปู่ พิชัย ฐิติลาโภ อายุ ๑๐๘ ปี) โดย ณ เขาหงส์

บทนำ พระอาจารย์เขาหงส์
หลวง ปู่พิชัย ฐิติลาโภ แห่งสำนักสงฆ์เขาหงส์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ชื่อนี้น้อยคนนักที่จะรู้จัก หลวงปู่ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา อารมณ์ดี แจ่มใสอยู่เสมอ และมีอายุยืนยาวถึง ๑๐๘ ปี โดยที่สุขภาพท่านยังแข็งแรง ลุกเดินได้อย่างปกติ พูดจาคล่องแคล่ว ความจำเยี่ยม ทุกคนที่พบท่านต่างพูดเหมือนกันว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่านจะมีอายุถึง ๑๐๘ ปี ส่วนใหญ่ต่างคิดว่าน่าจะอยู่ราว ๗๐ ปี จนบ่อยครั้งเข้าหลวงปู่จึงต้องนำหลักฐานยืนยันวันเดือนปีเกิดมาให้ดูกัน และติดอยู่ที่วัดจนถึงทุกวันนี้ และหลวงปู่ท่านยังมีชื่อที่เรียกหากันอีกมาก ดังเช่น

หลวงตาฮาวาร์ด
ชื่อ นี้เป็นที่รู้จักกันมาก เนื่องจากได้มีหนังสือพิมพ์ วารสารหลายฉบับ จนถึงรายการโทรทัศน์ได้นำไปเผยแพร่จนเป็นที่รู้จักกันมากในเรื่องของการใช้ ยาทั้งสมุนไพรโบราณ ทั้งแผนปัจจุบัน ที่หลวงปู่นำมาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทุกวันนี้มีผู้คนทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งฝรั่ง ยุโรป อเมริกา จีน สิงคโปร์ เกาหลี ฮ่องกง มาหาหลวงปู่มากมาย ซึ่งท่านก็พูดคุยได้รู้เรื่องทุกคน เนื่องจากหลวงปู่พูดได้หลายภาษา โดยท่านศึกษามาตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาสจนเป็นดอกเตอร์จบจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด จึงเป็นเหตุที่มาของฉายานี้ ซึ่งในภายหลังท่านบอกให้ปลี่ยนเป็น “หลวงตาฮาวัด” แทน

พระอาจารย์ในดง
ชื่อนี้ลูกศิษย์ลูกหาหลายคน ใช้เรียกมาเป็นเวลาหลายสิบปี และเคยมีการเขียนถึงในหนังสือหลายเล่มจนเป็นที่กล่าวกันว่า ผู้ใดพบพระอาจารย์ในดง ผู้นั้นได้พบขุมวิชาแห่งสำนักวัดมะขามเฒ่า ซึ่งผู้ที่จะพบได้นั้นต้องมีมานะพากเพียร ธุดงค์เข้าป่าไปด้วยความตั้งใจเท่านั้น จึงจะได้พบซึ่งจะได้รวบรวมเรื่องราวทั้งหลายนี้มาเผยแพร่ในตอนต่อๆไป

อาจารย์ดำ หลวงปู่ดำ
เนื่อง จากหลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปงานพิธีต่างๆ และพุทธาภิเษกอยู่บ่อยครั้งซึ่งท่านจะบอกลูกศิษย์ทั้งหลายว่าไม่ต้องมาดูแล ท่านจะไปเอง กลับเอง ไม่ต้องเป็นภาระกับใคร ดังนั้นเองเมื่อท่านไปถึงงานจึงไม่มีใครรู้จักซึ่งท่านก็จะหลบพักผ่อนอยู่ ตามลำพังจนถึงเวลาปลุกเสกท่านจึงจะเข้าไปนั่งปรกจนเสร็จแล้วลุกกลับออกจาก งานทันที จะไม่นั่งอยู่จนจบพิธี ดังนั้นเอง ผู้จัดงานทั้งหลายและโฆษกงานก็ดีจึงไม่รู้จักท่าน ไม่รู้ว่ามายังไง เมื่อไร และชื่ออะไร จึงต่างก็เรียกท่านตามรูปพรรณสัณฐานว่า อาจารย์ดำ หลวงปู่ดำ บางครั้งเรียก หลวงพ่อใหญ่ ก็มี

ท่านเจ้าคุณ พระสุนทรธรรมรส
ใคร จะคิดว่า หลวงตาแก่ๆ รูปหนึ่งจะเคยมีศักดิ์เป็นถึงท่านเจ้าคุณ รองเจ้าคณะ 1 แห่งวัดสุทัศน์เทพวราราม วัดใหญ่กลางกรุงนี่เอง แต่ในสายวัดสุทัศน์แล้วมีพระผู้ใหญ่หลายรูปเดินทางไปกราบพบหลวงปู่อยู่บ่อย ครั้ง เนื่องจากในสมัยที่ท่านเป็นพระสุนทรธรรมรสนั้น ก็ได้ชื่อว่า เป็นพระนักเทศน์ นักธรรม เป็นปราชญ์แห่งธรรม ซึ่งนั่นก็ลุล่วงมาร่วม 50 ปีแล้ว (ท่านจำพรรษาอยู่วัดสุทัศน์ตั้งแต่ พ.ศ. 2493-2511ทั้งสิ้น 18 พรรษา) ก่อนออกธุดงค์ไป จนกล่าวได้ว่า หลวงปู่เป็นปรมาจารย์ผู้อาวุโสสูงสุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในสายสำนักวัดสุทัศน์ และได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกครั้งสำคัญๆ ในสมัยนั้นด้วย
แต่เมื่อถามหลวง ปู่ว่าชื่อฉายาที่มากมายนี้ท่านชอบให้ลูกศิษย์เรียกชื่อไหนท่านจะยิ้มและตอบ ว่า เรียกพระอาจารย์เขาหงส์สิดี และนั่นจึงเป็นที่มาของฉายา “พระอาจารย์เขาหงส์”




เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับ วารสาร รายการโทรทัศน์ ได้เผยแพร่เรื่องราวของหลวงปู่ในนามของ “หลวงตาฮาร์วาร์ด” ผู้ชำนาญในการใช้สมุนไพรโบราณและตัวยาในแผนปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่มาของฉายานี้ก็มาจากเมื่อครั้งก่อนบวชนั้นท่านได้สำเร็จการศึกษาสูง สุดในระดับปริญญาเอก หรือเป็นด๊อกเตอร์ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนั่นเอง ซึ่งต่อมาได้อุปสมบท ณ อุโบสถวัดสุทัศน์เทพวราราม โดยมี สมเด็จพระสังฆราชแพ เป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากนั้นหลวงปู่ยังได้ศึกษาวิชาพุทธาคมในสายหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า โดยมีองศ์หลวงปู่ปลื้มผู้เป็นน้องร่วมสายโลหิตของหลวงปู่ศุขเป็นผู้ฝึกสอน ให้โดยตรง และหลวงปู่ปลื้มผู้นี้เองที่เป็นผู้สร้างวัตถุมงคลพระเครื่องต่างๆ ให้แก่องค์หลวงปู่ศุขในขณะนั้น และเป็นสมภารเจ้าผู้ครองวัดมะขามเฒ่าในเวลาต่อมา

ที่มา
http://www.pantown.com/board.php?id=35272&area=4&name=board16&topic=1&action=view
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระที่ อายุยืนถึง 128 ปี นอกจากหลวงปู่สี ฉันทสิริ แล้วยังมีมากกว่านี้อีกมั้ยครับ
ในสมัยพุทธกาลก็มีพระพากุละเถระ อายุถึง 162 ปี รองลงมา พระอานนพระกัสปะ ประมาณ 120 ปีครับ

และต้องบุญด้วยอะไรครับ และสามารถปรับเข้ากับแนวคิดปัจจุบันได้อย่างไรครับ



ธรรมเป็นเหตุให้อายุสั้นและอายุยืน [ทุติยอนายุสสสูตร]

พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต เล่มที่ 36 หน้าที่ 267

๖. ทุติยอนายุสสสูตร
ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุให้อายุสั้น และอายุยืน
[๑๒๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นเหตุให้อายุสั้น ๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลย่อมไม่กระทำความสบายแก่ตนเอง ๑

ไม่รู้จักประมาณในสิ่งที่สบาย ๑

บริโภคสิ่งที่ย่อยยาก ๑

เป็นคนทุศีล ๑

มีมิตรเลวทราม ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นเหตุให้อายุสั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ธรรม ๕ ประการนี้ เป็นเหตุให้อายุยืน ๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลย่อมเป็นผู้ทำความสบายแก่ตนเอง ๑

รู้จักประมาณในสิ่งที่สบาย ๑

บริโภคสิ่งที่ย่อยง่าย ๑

เป็นผู้มีศีล ๑

มีมิตรดีงาม ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ธรรม ๕ ประการนี้แล เป็นเหตุให้อายุยืน
จบทุติยอนายุสสสูตรที่ ๖

ธรรมวาทะของพระพากุละ


ผู้ผลัดวันประกันพรุ่ง ย่อมทำลายเหตุแห่งความสุข และย่อมเดือดร้อนในภายหลัง บุคคลพูดอย่างไรพึงทำอย่างนั้น อย่าเป็นคนพูดอย่างทำอย่าง เพราะบุคคลผู้พูดอย่างทำอย่าง ผู้รู้ย่อมดูหมิ่นได้

พระนิพพานอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ไม่มีความโศก ไม่มีธุลี คือ กิเลส เกษม (ไม่ถูกกิเลสรบกวน) ดับความทุกข์ทั้งสิ้น เป็นสุขที่แท้จริง
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา