ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - pichai
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมสร้างพระวิหารหลวงวิหารพระพุทธเมตตา กว้าง 14 เมตร ยาว 25 เมตร เมื่อ: มกราคม 14, 2013, 07:05:25 pm
(เปลี่ยนแบบวิหารใหม่ราคา 6,000,000 บาท)ขอเชิญร่วมสร้างพระวิหารหลวงวิหารพระพุทธเมตตา กว้าง 14 เมตร ยาว 25 เมตร ประดิษฐานพระพุทธเมตตาหยก ณ วัดราชสิทธาราม เสา 22 ต้น(จารึกชื่อที่เสา) ราคา 100,000 บาท

ติดต่อที่ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม โทร. 084-651- 7023
หรือโอนเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย บัญชีออมทรัพย์ สาขาโพธิ์สามต้น
เลขที่บัญชี 067-2- 83847-9 ในนามพระวีระ สุขมีทรัพย์ (คณะสงฆ์ วัดราชสิทธารามร่วมเป็นเจ้าภาพ)

วางศิลาฤกษ์ วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 09.09 น.

รายการก่อสร้าง
1.เสา 22 ต้นราคา 100,000 บาท= 2,200,000 บาท
2.ประตู 4 ช่องๆละ 100,000 บาท= 400,00บาท
3.หน้าต่าง 10 ช่องๆละ 50,000 บาท = 500,000 บาท
4.ช่อฟ้า 4 ช้อ ๆละ 100,000 บาท = 400,000บาท
5.ใบละกา 8 ใบๆละ 20,000 บาท= 160,000 บาท
6.หน้าบัน 2 ด้านๆละ 100,000 บาท = 200,000 บาท
7.กระเบื้องปูพื้น 300 ตารางเมตรๆละ1,000บาท =300,000 บาท
8.กระเบื้องมุงหลังคา = 300,000 บาท




http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ผู้ว่าฯ ลพบุรี สั่งการให้ตำรวจท้องที่เร่งติดตามคดีคนร้ายขโมยตัดองค์พระสีวลี เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 01:18:50 pm


ผู้ว่าฯ ลพบุรี สั่งการให้ตำรวจท้องที่เร่งติดตามคดีคนร้ายขโมยตัดองค์พระสีวลี พระพุทธเก่าแก่ประจำหมู่บ้านของวัดสามัคคีประชาราม ระบุถือเป็นการย่ำยีพระพุทธศาสนา

ความคืบหน้า คดีโจรใจบาปลักลอบตัดองค์พระสีวลีขนาดใหญ่ความสูง 1.80 เมตร ซึ่งเป็นพระพุทธเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน ของวัดสามัคคีประชาราม อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี

โดยเช้าวันนี้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้สั่งการไปยัง พ.ต.ท. สำเริง จันทวี รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.โคกเจริญ ให้เร่งติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม และยังเป็นการกระทำย่ำยี่ต่อชาวพุทธ รวมถึงชาวบ้านในอำเภอโคกเจริญเป็นอย่างมาก เพราะพระสีวลี องค์นี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านและเป็นจุดยืดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อองค์พระหายไปก็สร้างความไม่สบายใจต่อชาวบ้านที่นี่เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าราคาอาจจะไม่มากมายแต่มีคุณค่าทางจิตใจ

ด้าน พ.ต.ท. สำเริง จันทวี รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.โคกเจริญ เปิดเผยว่าขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ต่างๆ โดยเน้นไปที่ร้านรับซื้อทองเหลืองเก่า ร้านรับซื้อวัตถุโบราณ เนื่องจากองค์พระสีวลี ปรางค์ยืนสมาธิ หล่อด้วยโลหะผสมทองเหลือง น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม คาดว่าคนร้ายน่าจะนำไปหลอมนำทองเหลืองจากองค์พระไปขาย เบื้องต้นกลุ่มคนร้ายที่มาก่อเหตุต้องมีไม่ต่ำกว่า 4 คน เพราะพระมีองค์ใหญ่และน้ำหนักมาก เชื่อไม่ใช่คนในพื้นที่อย่างแน่นอน ซึ่งทางตำรวจจะเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว







ขอบคุณที่มาข่าว
www.krobkruakao.com/ภาพเกี่ยวข้อง/news/57841/121024/ลพบุรี-ผู้ว่าฯ-สั่งเร่งตามจับคนร้ายขโมยพระศิวลี.html
3  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งสมาธิ และ เห็นแบบนี้ ใช่แบบนี้หรือไม่ครับ เมื่อ: มีนาคม 19, 2012, 09:32:23 pm
อยากได้รับคำแนะนำเพิ่มจากเว็บ มัชฌิมา ครับ เพราะอ่าน ๆ มาแล้วก็จะคล้าย ๆ กันอย่างนี้ครับ
ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือยัง หรือ ยังเป็นเพียงเบื้องต้น จะแก้ไข หรือ ส่งเสริม อย่างไรดีครับ


นั่งสมาธิ บริกรรมไปเรื่อยๆเพลินๆจนจิตสงบ รู้สึกโปร่งเบาสบาย ลอยๆ
สักพักเริ่มเห็นแสงสว่างแวบๆ จากนั้นตาก็มองเห็นทั้งๆที่ตนเองหลับตาอยู่ค่ะ
มองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงด้านหน้าเหมือนเวลาเราลืมตาค่ะ

แรกๆก็เกิดความลังเลว่าตนอาจจะเคลิ้มเพราะความสบายจนหนังตาลอยเปิดออก
ก็พยายามเกร็งหนังตาให้แน่นเข้าไว้ ;( สักพักก็เริ่มมีแสงและค่อยๆมองเห็นข้างหน้าอีก
ที่นี่ก็เริ่มสังเกตสิ่งที่เห็นแตกต่างกันระหว่างหลับตากับลืมตาบ้าง
เช่น เสื้อของคนที่นั่งด้านหน้า ลืมตาจะเห็นเสื้อเป็นลายทาง แต่ขณะหลับตานั้นไม่เห็นลายของเสื้อ
หลับตาเห็นแสงไฟจากใต้โต๊ะ แต่ลืมตาจะไม่เห็นแสงไฟใต้โต๊ะเป็นต้น

ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองสับสนมากค่ะ เพราะส่วนตัวเป็นคนเวลานอนหลับสนิทตาจะเปิดขึ้นนิดนึงค่ะ
แฟนก็บอกว่า บางทีตาเราอาจจะลอยขึ้นมาเพราะความเบาสบาย

ต้องบอกก่อนว่าเราเพิ่งเริ่มปฎิบัติได้ไม่นาน ไม่คิดว่าตนจะมีพลังมากพอสามารถมองทะลุหนังตาค่ะ
และบางวันจิตก็ไม่ได้สงบตลอด โดยเฉพาะวันที่เจอผู้คนเยอะๆ


เพราะความลังเลสงสัย ทำให้เราติดอยู่ตรงนี้ทุกครั้งเลยค่ะ ไม่ก้าวหน้าสักที ;(
ทุกครั้งที่เห็นก็จะพะวงกับหนังตาตนเอง หลุดสมาธิอยู่หลายครั้ง
เคยถามอาจารย์ค่ะ ท่านบอกว่าอย่าไปสนใจ...
แต่ก็ไม่กล้าถามต่อว่า 1) สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้นเป็นเรื่องปกติไหม
และที่สำคัญ 2) มีวิธีไหนที่ทำให้เราไม่ติดอยู่ตรงนี้ค่ะ

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
และขอให้ผลบุญที่ทุกท่านเสียสละเวลาเป็นวิทยาทานนั้น
ส่งผลให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มากพร้อมด้วยโลกทรัพย์ ธรรมทรัพย์ค่ะ :)

จากคุณ    : IceCappuccino
4  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากจะขอคำแนะนำและอุบายสมาธิ จากผู้รู้ว่าเราควรทำอย่างไร เมื่อ: มีนาคม 19, 2012, 09:23:15 pm
นำมาอีกครั้ง คิดว่าน่าจะได้คำตอบที่ดี ที่นี่ครับ



สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกท่าน เนื่องจากเราเคยไปปฏิบัติธรรมโดยการดูลมหายใจเข้าออก แต่ไม่ได้ใช้คำบริกรรมใดๆ และกลับมาบ้านก็ยังทำด้วยวิธีดูลมหายใจเหมือนเดิม เห็นลมหายใจละเอียดขึ้นๆ จนเหมือนไม่ได้หายใจ ก็อยู่แค่นั้น ไม่ก้าวหน้า เราไปต่อไม่ถูกค่ะ

จนกระทั่งเราได้ไปกราบพระอาจารย์หลายๆ รูป ซึ่งส่วนใหญ่ท่านก็ให้แนะนำให้ภาวนาพุทโธแต่กลับมาทำแล้ว ฟุ้งซ่านและทำไม่ต่อเนื่อง  จึงได้ไปเรียนหลักสูตรสมาธิ ก็ใช้คำบริกรรม พุท -โธ แต่เหมือนจิตมันเคยชินการดูลมหายใจ พอลองภาวนาพุทโธ แล้วเหมือนจะยัง งงๆ กับตัวเองน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าจะจับจุดตรงไหน เริ่มพุทโธช้าหรือเร็วอย่างไร

อยากจะขอคำแนะนำและอุบายจากผู้รู้ว่าเราควรทำอย่างไร

1.ความเร็วในการบริกรรม
2. การดูลมหายใจก็คือการบริกรรมใช่ไหมคะ เราสามารถพุทโธ ตามลมหายใจ เข้าออกได้ไหมคะ แต่บางทีจังหวะลมหายใจเข้าออกมันไม่เท่ากัน
และอีกข้อนึงคือ ปกติเราจะมีฐานคือรู้สึกอยู่ ตรงกลางลิ้นปี่ เวลาที่หายใจเข้าออก อย่างนี้ถูกต้องไหมคะ

ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

จากคุณ    : ศรารัศมิ์

 :c017: :c017: :c017:
5  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญคณะศิษย์หลวงปู่ขุ้ยร่วมงานฉลองเจดีย์พระธาตุอรหันต์ 108 1-5 พ.ค.55 และ 20 พ.ค เมื่อ: มีนาคม 13, 2012, 09:08:14 pm


เชิญคณะศิษย์หลวงปู่ขุ้ยร่วมงานฉลองเจดีย์พระธาตุอรหันต์ 108 1-5 พ.ค.55 และ 20 พ.ค.55

http://www.web-pra.com/Forum/Topic/Show/52528/Page/1
6  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เมื่อภิกษุสอนให้คนฆ่าตัวตาย ( เรื่องจริงครั้งพุทธกาล ) เมื่อ: กันยายน 17, 2011, 12:47:29 pm
พระวินัยปิฎก  มหาวิภังค์  [๑.  ปาราชิกกัณฑ์]
 ปาราชิกสิกขาบทที่  ๓  พระบัญญัติ



เรื่องพระฉัพพัคคีย์ ( ผู้ที่ออกบวชอาศัยศาสนาเป็นเครื่องอยู่ )

            [๑๖๘]    สมัยนั้น    อุบาสกคนหนึ่งล้มป่วย    เขามีภรรยารูปงาม    น่าดู    น่าชมพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ชอบภรรยาของเขาจึงปรึกษาว่า    “ถ้าอุบาสกยังมีชีวิต    พวกเราจักไม่ได้นาง    มาช่วยกันกล่าวพรรณนาคุณความตายให้เขาฟังเถิด”    จึงเข้าไปหาอุบาสกกล่าวว่า    “อุบาสก    ท่านทำคุณงามความดี    ทำที่ต้านทานความขลาดกลัวไว้แล้ว    ไม่ได้ทำชั่ว    ไม่ได้ทำบาปหยาบช้าทารุณอะไรไว้    ท่านสร้างแต่คุณงามความดี    ไม่สร้างกรรมชั่วเลย    จะมีชีวิตอยู่อย่างลำบากยากเข็ญไปทำไม    ท่านตายเสียดีกว่า    หลังจากตายแล้วจักไปบังเกิดในสุคติ    โลกสวรรค์    จักเอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ    ๕    อันเป็นทิพย์”

            [๑๖๙]    อุบาสกเห็นจริงว่า    “ท่านกล่าวจริง    เพราะเราทำคุณงามความดี    ทำที่ต้านทานความขลาดกลัวไว้แล้ว    ไม่ได้ทำชั่ว    ไม่ได้ทำบาปหยาบช้าทารุณอะไรไว้เราสร้างแต่คุณงามความดี    ไม่สร้างกรรมชั่วเลย    จะมีชีวิตอยู่อย่างลำบากยากเข็ญไปทำไม    เราตายเสียดีกว่า    หลังจากตายแล้ว    จักไปบังเกิดในสุคติ    โลกสวรรค์    จักเอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ    ๕    อันเป็นทิพย์”    จึงรับประทานอาหารแสลง    กินของแสลง





ดูภาพยนต์เรื่องนี้ แล้วเห็นแก่นสารของคนที่เพียงแต่งกายเป็นสงฆ์ เป็นพระเท่านั้น จริง ๆ ครับ

7  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / จรณะ ๑๕ คือ สำหรับ ผู้ที่ถึงการบรรลุธรรม ด้าน วิชชา 3 ขึ้นไป เมื่อ: กันยายน 17, 2011, 12:39:19 pm
จรณะ ๑๕ คือ
                (๑) สีลสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยศีล
                (๒) อินทรียสังวร การสำรวมอินทรีย์
                (๓) โภชเนมัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภค
                (๔) ชาคริยานุโยค การหมั่นประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่น
                (๕) มีศรัทธา ความเชื่อต่อพระรัตนตรัย
                (๖) มีหิริ ความละอายแก่ใจเมื่อจะทำอกุศล
                (๗) มีโอตตัปปะ มีความเกรางกลัวต่อการทำอกุศล
                (๘) เป็นพหูสูต เป็นผู้ได้สำเร็จด้วยการฟังมาก อบรมมาก
                (๙) วิริยารัมภะ ปรารภความเพียร
                (๑๐) มีสติมั่นคง ไม่ปราศจากสติปัฏฐาน เป็นไปเืพื่อการดับทุกข์ ดับกิเลส
                (๑๑) มีปัญญา เป็นสัมมาทิฏฐิ
                (๑๒) ปฐมฌาน เข้าถึงองค์แห่ง วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
                (๑๓) ทุติยฌาน  เป็นผู้ละ จาก วิตก วิจาร  เข้าถึง ปีติ
                (๑๔) ตติยฌาน เป็นผู้ละจาก วิตก วิจาร ปีติ เข้าถึง สุข
                (๑๕) จตุตถฌาน เป็นผู้ละจาก วิตก วิจาร ปีติ สุข เ้ข้าถึง เอกัคคตา





8  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมพิธีเททองหล่อรูปเหมือนพระป่ากรรมฐาน ครั้งที่ 6 ณ สวนแสงธรรม 3 องค์ เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2011, 10:27:55 am
ขอเชิญร่วมพิธีเททองหล่อรูปเหมือนพ่อแม่ครูอาจารย์พระป่ากรรมฐาน ครั้งที่ 6 ณ สวนแสงธรรม กทม.

ขอเชิญร่วมพิธีเททองหล่อรูปเหมือนพ่อแม่ครูอาจารย์พระป่ากรรมฐาน ครั้งที่ 6
ณ สวนแสงธรรม ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
เพื่อประดิษฐานภายในองค์พระธุตังคเจดีย์ วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ


ในครั้งที่ 6 นี้ จะประกอบพิธีเททองหล่อรูปเหมือนพ่อแม่ครูอาจารย์ จำนวน 3 องค์ คือ

1. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

2. หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

3. หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

กำหนดการ
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2554
เวลา 07.00 น. พระสงฆ์ออกบิณฑบาต
เวลา 08.00 น. พระสงฆ์ฉันภัตตาหาร
เวลา 10.00 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธีเททองหล่อรูปเหมือนองค์พ่อแม่ครูอาจารย์

สวนแสงธรรม โทร.02-444-2812

จากคุณ    : olarnz
9  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watsriaphaiwan.org/ วัดศรีอภัยวัน ( หลวงปู่ท่อน ) จ.เลย เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2011, 10:22:06 am


http://www.watsriaphaiwan.org/

วัดศรีอภัยวัน


10  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมสร้างพระธาตุเจดีย์ วัดศรีอภัยวัน เลย 13 ต.ค.54 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2011, 10:16:39 am
ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล จำนวน84,000 กอง กองละ  1,000บาท หรือตามกำลังศรัทธา
เพื่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์  บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและอัฐบริขาร

พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)

วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย

 

กำหนดวางศิลาฤกษ์

วันที่ 14 ต.ค. 2554  วางศิลาฤกษ์ เพื่อสร้างมหาธาตุเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและอัฐบริขาร พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)

วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย (จากเดิมจะวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ 16 ต.ค. 2554)

วันที่ 15 ต.ค. 2554 ตั้งองค์กฐิน

วันที่ 16 ต.ค. 2554 ทำพิธีทอดกฐิน

 

ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญ โดยวิธีดังนี้

1. ถวายหลวงปู่ได้โดยตรง โดยระบุในใบปวารณาบัตรว่า “เพื่อสร้างพระมหาเจดีย์”

2. ธนาณัติสั่งจ่าย ตู้ ป.ณ. นาอ้อ 42100

3. โอนเงินผ่านธนาคาร ชื่อบัญชี พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (เพื่อสร้างเจดีย์)

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเมืองใหม่บางพลี บัญชีออมทรัพย์ หมายเลขบัญชี 320-4-95366-3

(สำหรับท่านที่ต้องการใบอนุโมทนาบัตร กรุณาส่งสำเนาเอกสาร การทำบุญ พร้อมชื่อสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ไปที่วัด ศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย 42000)

 

คลิกที่รูปภาพเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม





http://www.watsriaphaiwan.org/
11  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ธรรมบทวิจารณ์ เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2010, 07:33:39 am
ธรรมบทวิจารณ์

โดย หลวงตาชัยยัสสุ

ความนำเบื้องต้น

คัมภีร์ธรรมบท เป็นคัมภีร์ที่มีเสน่ห์คัมภีร์หนึ่ง เพราะแสดงเนื้อหาของธรรมะเป็นบทร้อยกรองสั้น ๆ ใช้ภาษาที่กะทัดรัด  แต่ แฝงไว้ด้วยนัยสำคัญ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีภูมิธรรมมาพอสมควรแล้วที่จะได้ใช้บทธรรมะเหล่านี้ใน การประมวลความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไป เสมือนเป็นการทบทวน หรือตอกลิ่มธรรมให้มั่นคงยิ่งขึ้น หรือแม้แต่ผู้ที่มีภูมิธรรมมาน้อย สะสมบารมีมายังไม่มากนัก อรรถกถาจารย์ท่านก็ยังมีเมตตาขยายความเป็นร้อยแก้วพร้อมทั้งยกนิทานขึ้นมา ประกอบเป็นบุคลาธิษฐาน ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน ทั้งยังช่วยเสริมความเข้าใจหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่สำคัญ ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่คณะสงฆ์ให้บรรจุคัมภีร์ธรรมบทเป็นหลักสูตรสำหรับพระมหา เปรียญทั้งหลาย และด้วยเหตุนี้ คัมภีร์ธรรมบท จึงเป็นคัมภีร์แรกที่ผู้เขียนรู้จักตั้งแต่เริ่มบวชเรียนในพระพุทธศาสนา และถือเป็นคัมภีร์ที่มีอิทธิพลต่อระบบความคิดความอ่าน ตลอดความเข้าใจเรื่องพระพุทธศาสนาของผู้เขียนในลำดับต้น ๆ  ตลอด ระยะเวลา ๒๐ กว่าปีที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์นี้ ทั้งในฐานะเป็นนักเรียน และอาจารย์สอนบาลี มีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า ทุกครั้งที่หยิบคัมภีร์นี้ขึ้นมาอ่าน ก็จะได้แง่มุมใหม่ ๆ เสมอ ทำให้เกิดความคิดว่า และความตั้งใจอยู่ลึก ๆ ที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้นออกมาแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นประโยชน์ใน การศึกษาพระพุทธศาสนาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

อย่างที่ได้ปรารภข้างต้นว่า หัวข้อธรรมในคัมภีร์ธรรมบท เป็นร้อยกรองสั้น ๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด  ๔๒๓ บท  จัดเป็นหมวดหมู่ได้ ๒๖ หมวด หมวดหนึ่ง ๆ ต่ำสุด  มี ๑๐ พระคาถา สูงสุด มี ๔๒ พระคาถา มีนิทานประกอบเป็นบุคลาธิษฐาน จำนวน ๓๐๕ เรื่อง ซึ่งจะได้ทยอยนำมาวิเคราะห์ วิจารณ์เป็นตอน ๆ ตามกำลังแห่งสติปัญญาต่อไป

เรื่องที่ ๑

พระจักขุบาละ

          เรื่อง ราวของพระจักขุบาล เป็นตัวอย่างที่พระอรรถกถาจารย์ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะการตามให้ผล ของกรรมชั่วในอดีต ทั้งนี้เพื่อขยายความพระพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่เหล่าภิกษุ ๓,๐๐๐      รูป ขณะที่ทรงประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี ใจความของพระคาถาที่ทรงแสดงมีว่า

ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่

สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้ว พูดอยู่ก็ดี

ทำอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมไปตามเขา เพราะเหตุนั้น

ดุจล้ออันหมุนไปตามรอยเท้าโค ผู้นำแอกไปอยู่ฉะนั้น

          เรื่องมีอยู่ว่า พระจักขุบาลนั้น ในอดีตท่านเป็นลูกคหบดีผู้มั่งคั่ง เมื่อบิดามารดาขอท่านเสียชีวิตไปแล้ว ก็ได้รับตำแหน่งเศรษฐีแทน  ต่อ มาได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จึงคิดสละตำแหน่งออกบวช เพราะมองเห็นว่า ฆราวาสนั้นคับแคบ โอกาสที่จะบำเพ็ญสมณธรรมให้สมบูรณ์นั้นยาก  จึง ได้สละสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดให้น้องชายครอบครองแทน ส่วนตนก็ออกบวช เรียนพระกัมมัฏฐานจากสำนักของพระพุทธเจ้าแล้วก็ออกธุดงค์พร้อมกับภิกษุร่วม อุดมการณ์กลุ่มหนึ่ง

          ใน ช่วงระหวางออกธุดงค์นั้น ท่านพร้อมคณะก็ได้อาศัยหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ปักกลดจำพรรษา และบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก กระทั่งตาบอดทั้งสองข้าง เพราะท่านสมาทานไม่ยอมเอนหลังนอนตลอดพรรษา แม้จะมีหมอคอยดูแล และเยียวแล้วก็ตาม แต่เพราะปฏิญญาที่ท่านทำเอาไว้ว่าจะไม่เอนหลัง ทำให้การรักษาไม่เป็นผล แม้จะได้รับการขอร้องจากหมอหลายครั้ง แต่ท่านก็ยังยืนยันไม่ยอมหนอนหยอดตา ว่ากันว่า นี่เป็นเพราะผลของกรรมเก่าที่ท่านเคยทำเอาไว้ในอดีตชาติเมื่อครั้งเป็นหมอ รักษาตา ครั้งนั้นท่านก็เคยทำให้หญิงชราคนหนึ่งตาบอด ด้วยการใส่ยาพิษทำลายดวงตา เพียงแค่เพราะไม่พอใจที่หญิงชราคิดโกงค่ารักษา สอดคล้องกับพระคาถาธรรมบทที่ข้างต้นที่ว่า ใจนั้นเป็นหัวหน้า เป็นประธานในการกระทำทุกอย่าง  หากใจเสียแล้ว พฤติกรรมที่แสดงออกมา รวมทั้งผลที่เกิดขึ้น ย่อมเสียหายตามไปด้วย  นี่เป็นเนื้อความสำคัญหลักของเรื่องพระจักขุบาล

          นอกจากเนื้อหาสำคัญหลักที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจิตในแง่ที่เป็นประธาน เป็นใหญ่ในกิจทั้งปวงแล้ว  เรื่องราวของพระจักขุบาลยังสะท้อนให้เห็นแง่มุมอื่นที่น่าสนใจสรุปเป็นข้อ  ๆ ดังนี้

          ๑. คติความเชื่อว่าต้นไม้ใหญ่มีผีสางเทวดาสิงสถิตอยู่ และสามารถให้คุณให้โทษแก่มนุษย์ได้ ด้วยคติความเชื่อเช่นนี้ ทำให้เกิดประเพณีการไหว้ หรือการเซ่นสรวงเพื่อขอโชคลาภ

          เศรษฐี ผู้เป็นบิดาของพระจักขุบาล ได้แต่งงานอยู่กินกับภรรยามาหลายปี แต่ไม่มีบุตรไว้สืบสกุล แม้จะพยายามทุกวิถีทางแล้วก็ตาม ในที่สุดเมื่อหมดหนทาง ก็หันมาพึ่งสิงศักดิ์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกอยู่เหมือนกัน หลังจากที่ได้ทำพิธีเซ่นสรวงภรรยาเศรษฐีได้ตั้งครรภ์คนแรก และคนที่สองตามมา

          จาก ประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับบุคคลในลักษณะอย่างนี้เอง ทำให้ความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์เป็นสิ่งที่มีคู่กับมากับสังคมมนุษย์ นับตั้งแต่อดีต กระทั่งถึงปัจจุบัน จะเห็นได้จาก อะไรก็ตามที่ซับซ้อนไม่สามารถมาอธิบายด้วยเหตุและผลง่าย ๆ ก็มักจะโยนภาระให้เป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์ไป

          ๒. อนาถปิณฑิกเศรษฐี เป็นเศรษฐีใจบุญ มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ถึงกับสร้างวัดเชตวันถวาย ในเรื่องพรรณนาถึงศรัทธาของเศรษฐีไว้ว่า ท่านจะวัดทุกวัน ๆ  ละ ๒ เวลา ตอนเช้าไปถวายภัตตาหาร หลังฉันเสร็จก็มีน้ำปานะไปถวาย นอกจากนั้นในแต่ละวัน ก็มีการนิมนต์พระสงฆ์ไปฉันที่อยู่เนือง ๆ นิมนต์แต่ละครั้งก็มีแต่หลักพัน

          เป็น ผู้มีศรัทธาแรงกล้าถึงปานนี้ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เศรษฐีไม่เคยทำเลยก็คือ การทูลถามปัญหากับพระพุทธเจ้า โดยมีความคิดเกรงใจอยู่ลึก ๆ ว่า “ไม่อยากให้พระพุทธเจ้าลำบาก” ขณะที่พระพุทธเจ้ากลับทรงคิดตรงกันข้ามว่า อนาถปิณฑิกเศรษฐีนี้ เกรงใจไม่เข้าเรื่อง ดังนั้น แม้อนาถปิณฑิกเศษฐีจะไม่เคยทูลถามปัญหา ก็จะทรงแสดงธรรมให้ฟังทุกครั้ง

          นี่ก็เป็นข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะบางคนก็มีลักษณะ “เกรงใจไม่เข้าเรื่อง” ซึ่งการเกรงใจในลักษณะนี้ ไม่เป็นผลดี และอาจกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เสียประโยชน์ หรือเกิดโทษตามมา ในความเป็นจริงมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เช่น เห็นคนทำผิด แต่ก็เกรงใจ ไม่กล้าบอก ไม่กล้าตักเตือน กลัวว่าเขาจะเสียใจ หรือกลัวว่าเขาจะเกลียดตน เป็นต้น

          ๓. ธุระ หรืองานของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ว่าโดยสรุปแล้วมี ๒ ประการ คือ คันถะธุระ ได้แก่การศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และ วิปัสสนาธุระ ได้แก่การฝึกฝนอบรมทางจิตเพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพาน บวชมาแล้วต้องทำธุระ ๒ ประการนี้ให้สมบูรณ์ไม่อย่างใดก็ต้องอย่างหนึ่ง การทำธุระเหล่านี้ เรียกรวม ๆ ว่า สิกขา หรือ ศึกษา กล่าวตามสำนวนโวหารทั่วไปก็คือ บวชมาแล้วต้องศึกษา ถ้าไม่ทำธุระนี้ ก็ต้องสึกออกไป  ซึ่งการสึกจากพระ ท่านก็เรียกว่า ลาสิกขา คือไม่เอาธุระของความเป็นพระอีกต่อไปแล้ว

          ๔. วัดกับบ้าน อิงอาศัยกัน ซึ่งจากเรื่องพระจักขุบาล จะได้เห็นตัวอย่างของการพึ่งพาอาศัยกัน พระพึ่งปัจจัย ๔ จากชาวบ้าน ขณะที่ชาวบ้านก็ได้อาศัยพระ อาศัยวัดช่วยขัดเกลาอุปนิสัยใจในเรื่องของทาน ศีล ภาวนา ต่างฝ่ายต่างสงเคราะห์ประโยชน์ซึ่งกันและกัน สังคมก็อยู่เป็นสุข

          ๕. มักมีคำถามเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันว่า  พระ ทำผิด กับฆราวาสญาติโยมทำผิด ใครผิดมากกว่ากัน ส่วนใหญ่คำตอบส่วนมากมักจะลงที่พระ หรือบางทีอาจจะเปรียบในลักษณะอื่น เช่น ชาวบ้านธรรมดาทำผิด กับผู้รักษากฎหมายทำผิด ใครผิดมากกว่ากัน คำตอบก็จะมาลงที่ผู้รักษากฎหมาย เป็นต้น แต่ในเรื่องพระจักขุบาลนี้ มีคำเฉลยที่อาจจะแตกต่างจากความรู้สึกเรา นั่นคือแทนที่จะบอกว่าใครผิดมากกว่าใคร กลับตอบว่า “ผิดทั้งนั้น” หรือ “ผิดเหมือนกันนั่นแหละ” ซึ่งเป็นการเพ่งเฉพาะตัวพฤติกรรมที่เป็นความผิด โดยที่ไม่เพ่งถึงสถานะของบุคคล

          ๖. ชาย-หญิง มีธรรมชาติที่ดึงดูดใจของกันและกันเสมอ เช่น เสียงของผู้หญิงมักเป็นที่ดึงดูดใจของชาย ขณะที่เสียงของชายก็มักเป็นที่ดึงดูดใจของหญิง  รูปร่างและลักษณะท่าทางของหญิงย่อมดึงดูดใจต่อชาย ขณะที่รูปร่างและลักษณะของชายก็ย่อมดึงดูดใจหญิง

ลักษณะ การดึงดูดกันเช่นนี้ ถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนโดยธรรมชาติ หากมนุษย์ไม่สามารถควบคุมแรงขับเคลื่อนทางธรรมชาติดังกล่าวนี้ ย่อมเปิดช่องให้กระทำความเสียหายได้โดยง่าย  เช่น กรณีของสามเณรผู้เป็นหลานของพระเถระ ที่ “หลงเสียงนาง” จนต้องสึกหาลาเพศไปในที่สุด

๗. บทบาทของเทวดาในพระพุทธศาสนา  ใน คัมภีร์ธรรมบท หรือคัมภีร์อื่น ๆ ทางพระพุทธศาสนา เราจะพบบทบาทของเทวดาที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในหลาย ๆ ลักษณะ โดยเฉพาะการช่วยส่งเสริมให้คนได้ทำความดี และป้องกันไม่ให้ทำความชั่ว  รวมทั้งการลงมาแสวงบุญในโอกาสต่าง ๆ  เช่น ลงมาใส่บาตรพระอรหันตสาวกบ้าง ลงมาปัดกวาดลานวาดบ้าง ลงมาอุปัฏฐากบำรุงพระพุทธเจ้าบ้าง

กรณีของพระจักขุบาลก็เช่นเดียวกัน ท้าวสักกะจอมเทพได้เข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือพระเถระในเรื่องของการเดินทาง  ใน คัมภีร์ท่านเล่าไว้น่ารักมาก กล่าวคือ ท้าวสักกะได้ปลอมตัวมา พร้อมกับทำเสียงเดินไปใกล้พระเถระ จากนั้นก็อาสาจับไม้เท้านำทางพระเถระกระทั่งถึงเมืองสาวัตถี  ซึ่งก็ทำให้พระเถระมาถึงเมืองไวเป็นที่ผิดสังเกต จึงได้สอบถามไล่เลียงดู  แม้คนนำทางจะบอกว่า รู้ทางลัด แต่พระเถระก็กำหนดได้ว่า  ผู้ที่เดินจูงไม้เท้าตนเองนั้นต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

๘. ประการสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ และหัวใจของคำสอนเรื่องกรรมด้วย ก็คือเรื่องเจตนา ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า “เจตนานั่นแหละเป็นกรรม” หมายความว่า กรรมดี ชั่ว, ความถูก ผิด ในแต่ละครั้ง แต่ละกรณี ใช้เจตนาเป็นสำคัญในการชี้วัด
12  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การ์ตูน มองส่วนดี ก่อน ชี้แจง ส่วนที่เสีย ( ดีจังไหม ) เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2010, 07:23:02 am


ทุกครั้้ง ที่ผมนึกถึงการ์ตูนนี้ ผมก็จะลดความรุนแรงทางจิต ที่จะกระทำออกไปได้ หลายครั้ง

ลองฝึกสาระ จากการ์ตูน นี้ดูสิครับ

 :25:
13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / เชิญเที่ยวงาน นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ วัดสระเกศ ภูเขาทอง 14 - 23 พ.ย.53 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2010, 07:09:48 am

เชิญ เที่ยวงานวัดบรรยากาศย้อนยุคกลางกรุงเทพหมานคร พิธีอัญเชิญและขบวน แห่ผ้าแดง เพื่อนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นพิธีที่ทำให้เกิดสิริมงคลต่อชีวิตเป็นอย่างย่ิ่ง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

 งานประกอบด้วย เทศกาลงานบุญ, เทศกาลงานวัด (แบบย้อนยุค) และ เทศกาลงานสมโภชองค์พระบรมสารีริกธาตุ

อย่าลืมชวนเด็กรุ่นใหม่ปลีกเวลาจากศูนย์การค้ามาซึมซับบรรยากาศแห่งความเป็นไทยกันครับ


งานภูเขาทอง วัดสระเกศ ปี 2553

สถานที่:งานภูเขาทอง วัดสระเกศ

วันที่ :17 พ.ย. 2553  - 23 พ.ย. 2553

งานภูเขาทอง

วันอาทิตย์ ที่ ๑๔
เวลา ๖.๐๐ น. มีพิธี แห่งผ้าแดง รอบเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ให้่สวมชุดไทยโบราณ หรือชุดสุภาพ ร่วมพิธี จัดริ้วขบวนตามแบบสมัยรัชกาลที่ ๕
วันที่ ๑๗ - ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
ทุกค่ำคืน มีเทศกาลเปิดให้นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ มีการละเล่น หรือของสำหรับรับประทาน เป็นต้น ตลอด ๗ วัน ๗ คืน

ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

เที่ยวให้สนุกครับ สาธุ www.watsraket.com
14  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / บทความ การวิปัสสนา โดย อาจารย์ชยานนท์ วูวนิช เมื่อ: ตุลาคม 29, 2010, 07:02:08 am
หลักการปฏิบัติวิปัสสนาการรมฐานโดยย่อ
โดย
อาจารย์ชยานนท์ วูวนิช
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลักสำคัญของวิปัสสนา
(ข้อมูลจากสำนักต้นตำรับพองหนอ-ยุบหนอ (พม่า) โดยชยานนท์ วูวนิช)
หลักสำคัญ ที่ผู้ปฏิบัติธรรม จะต้องเข้าถึงและเข้าใจอย่างถ่องแท้คือปรากฏการณ์ของกาย (รูป)
และใจ (นาม) 3 อย่างดังนี้
1) สภาวะลักษณะ : ลักษณะพิเศษเฉพาะของปรากฏการณ์ธรรมชาติของกาย ( รูป) และใจ (
นาม)
2) สังขตะลักษณะ : ลักษณะ ต้น กลาง ปลาย ของปรากฏการณ์ทั้งหมดของ กาย ( รูป) และใจ
( นาม)
3) สามัญลักษณะ : ลักษณะสากลทั่วไปของปรากฏการณ์ทั้งหมดของกาย ( รูป) และใจ (
นาม) ( ความไม่เที่ยง ความทุกข์ ความไม่มีเรา)
1) สภาวะลักษณะ ลักษณะพิเศษเฉพาะของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ของกาย (รูป) และใจ (นาม)
มีดังนี้ ธาตุใหญ่ 4 (มหาภูตรูป)
1.1 ปฐวี (ธาตุดิน) มีลักษณะพิเศษ คือ อ่อนแข็ง
1.2 เตโช (ธาตุไฟ) มีลักษณะพิเศษ คือ เย็น ร้อน (อุณหภูมิ)
1.3 วาโย (ธาตุลม) มีลักษณะพิเศษ คือ เคลื่อนไหว สั่นสะเทือน พัดไปมา เคร่ง ตึง แน่น
ผลักดัน เบา เป็นต้น
1.4 อาโป (ธาตุน้ำ) มีลักษณะพิเศษ คือ เกาะกุม (ทำให้) เหนียว ซึ่งเป็นสภาวะทางกาย
(สำหรับอาโปธาตุนั้นเห็นได้ยาก และมักผสมอยู่กับธาตุอื่น) ส่วนสภาวะทางจิต เช่น การ
โกรธ มีอาการดุร้าย เดือดดาล ความโลภ มีสภาวะจิตที่ยึดติด ส่วนอาการเครียด อาการ
ฟุ้งซ่าน อาการง่วง อาการเหม่อลอย จะมีอาการเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของมัน
การปรากฏชัดของธาตุนั้น แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน สำคัญอยู่ที่การกำหนดและสังเกตุรู้อาการ
ของสภาวะธาตุนั้น ๆ การกำหนดสภาวะโดยปราศจากความคิด วิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์ คิดหาเหตุผล
และทดลอง จะช่วยให้ได้ผลดี มีประสบการณ์ที่ก้าวหน้ารวดเร็ว ต้องกำหนดรู้อาการปัจจุบัน ที่
15  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรื่องของเหรียญ สเคล่า เมื่อ: สิงหาคม 09, 2010, 10:40:05 pm
มีการโฆษณา ทาง ทีวีดาวเทียม ช่อง mv varaity บ่อย ๆ เรื่อง

พลังอำนาจของเหรียญ สเคล่า ไม่ทราบว่าเพื่อน สมาชิก มีข้อมูล หรือเคยใช้บ้างหรือป่าวครับ

เพราะตอนนี้ เพื่อนผมคะยั้น คะยอ ให้บูชา ทั้งชุดเลย

ผมเคยถามพระอาจารย์ ครั้งหนึ่ง ท่านยิ้มแล้วไม่ตอบ ก็เลยคิดว่าถามเพื่อน ๆ สมาชิกบ้างดีกว่า

 :25: :17:
16  พระไตรปิฏก / พระธรรมตามพระไตรปิฏก / ืืำิืทำไม พระไตรปิฏก ไม่ตรงกัน เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2010, 09:21:42 am
ในประเ้ทศไทย เราก็มีพระไตรปิฏก อยู่ที่การพิมพ์หลายแบบ

เช่น

ฉบับย่อของ เล่มเดียว

ฉบับสยามรัฐ

ฉบับบมหามกุฏ

ฉบับจุฬา

ฉบับชาวบ้าน

ฉบับนักอภิธรรม


และผมไปอ่าน ของ มหายาน ก็ไปอีกแบบ


สรุปแล้ว พระไตรปิฏก ก็ยังมีการบันทึกไม่ตรงกัน

ถ้าเรา ผู้ศึกษา นับถือโดยเฉพาะในประเทศไทยนี้ คณะสงฆ์ ก็เป็นส่วนของ หินยาน เถรวาท

คือยึดและปฎิบัติตามการภาวนา ตามแบบของตามคำสอน พระเถระ

ถ้า่เราวิเคราะห์ออกไปเรื่อยไป ก็อาจจะไม่ได้พบทางที่ถูกต้อง

เพราะจิต ต้องหาเหตุ และ เหตุ

ต้องรวมใจ ให้เห็น ใจเรา ครับ

แต่เวทีแห่งนี้ มีไว้เพื่อ แสดงไว้พูดคุย นะครับ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการปรามาส พระรัตนตรัย ด้วยนะครับ
 :25: :25: :25:

 
17  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การไม่เบียดเบียนกัน เป็นสุขในโลก เมื่อ: เมษายน 28, 2010, 08:23:23 am
วันนี้ผมไปทำบุญกับพระอาจารย์มาในตอนเช้า ท่านก็ฝากกระดาษแผ่นหนึุ่่งมาขอร้องให้ผมมาช่วยโพสต์ให้ในเว็บท่าน เพราะต้องการส่งข่าวให้กับลูกศิษย์ที่ติดตามการเป็นอยู่ของท่าน ซึ่งผมก็ดีใจที่ท่านแวะมาเยี่ยมเยียนและพักในไร่ผม 5 วันบ้า่ง 3 วัน ซึ่งครั้งนี้ท่านมาอยู่ก็ 4 วันแล้วเห็นว่าวันนี้จะเข้าไปที่สระบุรี



ถ้าผม ผิดถูกตกหล่นอย่างไร ก็ขออภัยด้วยนะครับ เพราะก็อาศัยให้ลูกสาวพิมพ์ให้อีกที ผมเองก็ใช้คอม ๆ ไม่เป็นเห็นลูกสาวต่อจากโทรศัพท์ มือถือ ยิ่งไปใหญ่เลยไม่ถนัดครับ



อัพยา ปัชฌัง สุขัง โลเก
การไม่เบียดเบียน กัน นำมาซึ่งความสุข


สำหรับวันนี้ อาตมาก็ลืมไปว่า เป็นวันพระพี่งจะรู้จากโยมมาทำบุญกันตอนเช้า 1 คน

ช่วงนี้เป็นช่วงที่อาตมา มาฝึกอบรมตนเองอยู่ ที่มวกเหล็ก....

เมื่อวานฝนตกอย่างหนัก ทำให้กระต๊อบมุงแฝก ดูไม่จืด เลยเพราะว่าลมแรงมาก และตกแรงมาก นับว่าตกเป็นวันแรกของปีเลย ที่สระบุรี

ในช่วงเช้า ไม่สามารถใช้ กระต๊อบได้เนื่องจาก บรรดามดง่าม แมงเม่า ได้พากันอพยพเข้ามาอาศัยในกระต๊อบ
ตอนแรก ก็จะบ่น นิดหนึ่งว่า

แหม ขนาดกระต๊อบหลังน้อย ๆ ก็ยังไม่ให้ข้าได้อยู่กันอีกหนอ เจ้ามดง่าม

ถ้าเป็นญาตโยมจะทำอย่างไร ดี

กำจัด หรือ ป้องกัน อะไรได้

การกำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่า บรรพชิตเลย
การทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็น สมณะเลย

สรุปแล้วเพราะเราเป็น ศิษย์พระตถาคต ก็ต้องนั่งมองดู มดทั้งหลาย บุกเข้ามาซึ่งตอนนี้ มันก็ประสพความสำเร็จในการยึดพื้นที่ และครอบครองได้โดยสมบูรณ์

อ้าวแล้วคืนนี้ เราจะไปอยู่ที่ไหนกัน นี่ ทำอย่างไรดี เพราะมดพวกนี้ก็ไม่รู้ด้วยว่านี่เป็นอาณาเขตของเรา
อย่างนั้นเดี๋ยวเรา ก่อกองไฟต้มน้ำร้อนสักหน่อย ถ้าอย่างไรเสีย มดไม่ชอบควัน เราก็โบกควันเข้าไปในกระต๊อบ
เมื่อมดได้กลิ่นควันไฟ แล้วจะได้อพยพออกจากที่พักเรา

คิดดังนั้น ก็จัดการต้มน้ำร้อนอันเป็นปกติ ของทุกวัน ควันจากฟืนก็โขมงเข้าในกระต๊อบ พอสมควรเหมือนทุกวัน
แต่ เอ ทุกวันเราก็ต้มน้ำร้อนอย่างนี้ แล้วมดมันจะหนีไปหรือนี่

คิดดังนั้น ก็ตามพิสูจน์ดู ว่าเป็นอย่างไร

ตามที่คิดไว้ จริง ๆ มดไม่ได้อพยพไปไหนเลย กลับแตกซ่านไปตามพื้น ทั่วไปขึ้นไปบนจีวร ผ้า ถุงย่ามและเสื่อ

ทำอย่างไรดีนี่

ดังนั้น คืนนี้ก็สละที่นอนตรงนี้ ให้มดก็แล้วกัน
ขนเสื่อ ที่มดไต่กันยุบยับ ไปเคาะอย่างระวัง จัดการนำเสื่อไปปู แต่มองไปทางไหน ก็มีแต่พื้นที่ ๆ เปียกไปหมด
ก็ฝนมันตกเมื่อคืน นี้ นี่ อย่างไร ดี

เมื่อกระต๊อบโดนยึด ก็เลยไปอาศัยก้อนหินก้อนหนึ่ง เพื่อที่จะได้นั่งพักผ่อน สักหน่อยว่าจะเอนกาย พักผ่อน สัก 2 ชั่วโมง เพราะเมื่อคืน ยังไม่ได้นอนเลย เฮ้อ.......

กลับวัดดีกว่าไหม ?

หรือไปหาโยมให้มาจัดการให้ ?


พิมพ์มาซะยืดยาว แต่ ความจริง คืออะไร ?

จึงขอนำพุทธพจน์ นี้ มาฝากให้ อย่างไรเสีย ต้องขอบคุณโยมพิชัย ด้วยถ้า ญาตโยมได้อ่านกัน เพราะอาตมาเขียนเป็นกระดาษบอกให้โยมไปช่วยโพสต์ ให้ในเว็บหน่อย

อายุ วรรโณ สุขัง พะลัง

เจริญพร

ธัมมะวังโส ภิกษุ



ผมนั่งอ่านกลับ ลูกสาว ตอนแรกก็หัวเราะกันว่า พระอาจารย์มีอารมณ์ขันจริง ๆ แต่พอผมได้กลับไปพบท่านในตอนสาย ๆ ก็เห็นท่านนั่ง อยู่ก้อนหินที่เดิม และไปดูที่กระต๊อบ ผมจะจัดการพวกมดให้ท่านกลับบอกว่า ปล่อยไว้อย่างนั้นก่อน

 :25:
หน้า: [1]