ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การศึกษาปฏิบัติภาวนา ตามธรรม ไม่จำเป็นต้องมี ครูอาจารย์  (อ่าน 13784 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

modtanoy

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-5
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 213
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ทรงตรัสแสดง พระธรรมไว้ ซึ่งถูกเรียบเรียง เป็นหนังสือชื่อว่า พระไตรปิฏก แล้ว

ดังนั้นถ้าทุกท่าน ต้องการภาวนาจริง ๆ ก็อาศัยตำรา คัมภีร์ หนังสือ พระไตรปิฏก เป็นครูอาจารย์

 อย่าไปให้ความสำคัญ กับครูอาจารย์ ซึ่งเป็น บุคคล กันมากเลยคะ เพราะการภาวนาเป็นเรื่องของเรา

เราเท่านั้นเป็นผู้ภาวนา คะ เจริญสติ ศึกษาหลักธรรม ตามพระไตรปิฏก กันเถอะคะอย่ามัวแต่ รอ ครูอาจารย์

ที่เป็นบุคคล กันเลยคะ

  :67:

 
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 
 การเดินอยู่ในมรรคแปด เป็นเรื่องเฉพาะตน
  การรู้ธรรมก็เ็ป็นปัตจัตตัง รู้ก็รู้ได้ตนเอง
  การนำพระไตรปิฎก มาเป็นครูก็ถูกต้อง


  พระพุทธองค์ตรัสว่า
  "ตนนั้นแหละ เป็นที่พึ่งแห่งตน"  "จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่"

  สมัยที่พระสารีบุตรปรินิพพาน พระอานนท์ร้องไห้ คิดว่าตัวเองขาดที่พึ่งไปอีกคน
  พระพุทธเจ้าตรัสปลอบพระอานนท์ว่า
  "สารีบุตรไม่ได้นำมรรคผลนิพพานไปด้วย มรรคผลนิพพานยังมีอยู่"

  ดังนั้นการพึ่งพาตนเอง จึงเป็นเรื่องที่ชอบธรรมแล้ว




  แต่กว่าที่เราๆจะรู้ จะเข้าใจพระไตรปิฎกได้ ผมว่าทุกคนก็ต้องผ่านการชี้แนะจากครูมาบ้าง
  อย่างน้อยก็อ่านหนังสือของท่าน ฟังเทปหรือซีดีของท่านมาบ้าง
  อีกทั้งคำสอนของครู หลายๆอย่าง เราก็ไม่เข้าใจ
  สมัยพุทธกาลมีบุคคลประเภท บัวพ้นน้ำ และบัวเสมอน้ำอยู่เยอะ
  แต่สมัยปัจจุบัน น่าจะมีบัวใต้น้ำเป็นส่วนใหญ่

 
  อย่างไรก็ตาม ผมไม่ปฏิเสธว่า ไม่มีบัวพ้นน้ำและบัวเสมอน้ำ อยู่ในปัจจุบัน
  ผมขออนุโมทนาสาธุ กับบุคคลทั้งสองประเภทนี้ด้วย

  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากให้เข้าใจว่า พระพุทธเจ้าได้สอนให้เรามี"กัลยาณมิตร" โดยตรัสไว้ว่า

  “ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อน เป็นบุพนิมิตฉันใด ความมีกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดขึ้นของอารยอัษฎางคิกมรรค แก่ภิกษุ ฉันนั้น”

  “ความมีกัลยาณมิตร เท่ากับเป็นพรหมจรรย์ (การครองชีวิตประเสริฐ) ทั้งหมดทีเดียว เพราะว่า ผู้มีกัลยาณมิตรพึงหวังสิ่งนี้ได้ คือ จักเจริญ จักทำให้มากซึ่งอารยอัษฎางคิกมรรค”


   ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ท่านก็เป็นกัลยาณมิตรของเราคนหนึ่ง




 
คำขอขมาพระรัตนตรัย

     อุกาสะ วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต มะยา กะตัง ปุญ  ญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง   ทาตัพพัง   สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
สัพพัง  อะปะราธัง ขะมะถะ เม  ภันเต,
     ข้าฯขอกราบไหว้ ขอท่านจงอดโทษแก่ข้าฯ บุญที่ข้าฯทำแล้ว ขอท่านพึงอนุโมทนาเถิด  บุญที่ท่านทำ ท่านก็พึงให้แก่ข้าฯด้วย


     สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต, อุกาสะ  ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,  อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
     ขอท่านจงอดโทษทั้งปวงให้แก่ข้าฯด้วยเถิด  ขอท่านจงอดโทษทั้งปวงที่ข้าฯทำด้วยทวารทั้งสาม(กาย วาจา ใจ)แก่ข้าฯด้วยเถิด ข้าฯก็อดโทษให้แก่ท่านด้วย


     ก่อนการทำกรรมฐาน ศิษย์กรรมฐานมัชฌิมาฯทุกคน ต้องกล่าวคำขอขมา


     "อัตตนา โจทยัทตานัง" จงเตือนตนด้วยตนเองไว้เสมอ จงกล่าวโทษโจทย์ตนไว้เป็นปกติ

     อย่าซีเรียส แค่คุยเป็นเพื่อน
      :25: :25: :25:     


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2011, 11:50:25 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้ายก ครูอาจารย์ เราออก แล้ว เอาครูอาจารย์ของคุณ ก็น่าที่จะไม่ถูก นะคะ

เราโตมา ก็เพราะ ครูอาจารย์ เบื้องหน้าเราก่อน

 ส่วนจะวัดว่า พระไตรปิฏก สำคัญกว่า ครูอาจารย์เรานั้น ก็ต้องใช้ สติ ปัญญา ไตร่ตรอง ให้รอบคอบนะคะ

  :s_hi:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การแก้ปัญหา ของ ชาวธรรม ส่วนใหญ่ จะใช้ความเงียบ สยบ ความเคลื่อนไหว
แต่ดู ๆ ไปแล้ว บางครั้งก็ไม่ได้ผล อาจจะแย่ เท่านี้ครูอาจารย์ของเรา ก็ไม่อยู่วัดแล้ว
ถ้าหากท่านทั้งหลาย ยังเงียบกันอีก เว็บนี้ต่อไปต้อง ถูกยุบแน่ เพราะการปรามาสครูอาจารย์

 ศิษย์กรรมฐาน เอาแต่นิ่งเฉย ครูอาจารย์ จึงได้เหินห่าง


 :41:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

Mario

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 208
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หัวข้อที่ขึ้น นั้นแสดงให้เห็นว่า ไม่เคารพในครูอาจารย์ สายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ นะคะ

ซึ่งเป็นสิทธิของผู้โพสต์ แต่ศิษย์ ไม่ควรนิ่ง หรือไม่โต้แย้ง

  :25:
บันทึกการเข้า
hero ผู้ปราบอธรรม มาแว้ว
มาเพราะยายกบ เป็นคนชวน
ฝากตัวด้วยไม่ถนัดเว็บ ธรรม
แต่เป็น hero ต้องไม่กลัว ธรรม

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ชื่อกระทู้ อาจจะตั้งเพื่อ ให้คนอ่าน ครับ

 ในหัวข้อ จะพูดถึง ความสำคัญของพระไตรปิฏก ( ซึ่งออกจะเป็นแนว พวกชอบแนว พุทธวัจน์ ) ก็เป็นไปได้ครับ

ดังนั้นการปฏิบัติ อ้างอิง ถ้ายึดหลักการ อริยมรรค มีองค์ 8 กับ อริยสัจจะ 4 ประการแล้ว ก็น่าที่จะมีมากกว่าในพระไตรปิฏก ตอนนี้ผมเองก็ไม่ทราบ ว่ามีผู้นำพระไตรปิฏก มาอ่านแล้วปฏิบัติตามเลย มีกี่ท่าน แต่ส่วนตัวผมเองนั้น ตอบตรง ๆ ไม่ได้ทำอย่างนั้นครับ ผมอ่านไปสารพัด ที่อยากจะอ่าน ครับ

   เช่น อ่าน วิสุทธิมรรค ปฐมสมโพธิ หลักสูตรนักธรรม พระเจ้ามิลินท์ และ หนังสือ ของครูอาจารย์ ต่าง อีกมากมายเลยนะครับ ดังนั้นทั้งหมดผมก็จะประมวลว่า ถ้าไม่ขัดกับ พระอริยะมรรค 8 และ อริยสัจจะ 4 แล้วก็ถูกต้องทั้งนั้น ที่นี้แนวทางการภาวนา นั้น ถ้าจะให้อาศัยตัวเอง

   ก็ต้องรู้ตัวเองครับ ว่า เราเป็น บัวเหล่าไหน สำหรับ ผมเองประเมิน ว่าตนเองเป็น เวไนยยะ ครับ ดังนั้นถ้าจะให้พึ่งตนเองในการศึกษา ปริยัติธรรม แล้วคงไม่สะดวก ก็ต้องเลือกเฟ้น ครูอาจารย์ อันเหมาะกับจริต นิสัย วาสนา และ บารมี ของตนครับ

    :035: :035: :035: :035: :035:
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

อย่าไปให้ความสำคัญ กับครูอาจารย์ ซึ่งเป็น บุคคล กันมากเลยคะ ...........

 

    คุณมดตะนอยคงไม่ได้เรียนหนังสือนะ......และไม่เคยกล่าวคำไหว้ครู จึงไม่รู้ว่าแม้การศึกษาในชาติใดๆ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญา......ก็มีหนังสือให้เรียนแต่ก็ยังต้องมีครู อาจารย์คอยพร่ำสอนเลย เหตุผลใดเล่าจึงกล่าวว่าแม้มีเพียงแต่หนังสือก็สามารถศึกษาได้ ไม่เช่นนั้นคุณมดตะนอยต้องเห็นผู้จบการศึกษามากมายที่อ่านหนังสือเองโดยไม่ต้องมีครู อาจารย์  แม้แต่หลวงตามหาบัว ยังมีครูอาจารย์ในการสอนปฏิบัติธรรม แล้วคุณมดตะนอยได้ระดับใดของหลวงตามหาบัวนะ.....จึงแนะนำให้อ่านหนังสือพระไตรปิฏก เพื่อปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้า..  :96:คุณเคยศึกษาหรือไม่ รู้จักคำว่า พุทธวัจนะ กับ อรรถกถา หรือเปล่า?????.........
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี

pongsatorn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ยอดเยี่ยมครับ ถ้าเราไม่ต้องมีครูอาจารย์ ที่เป็น พระสงฆ์ หรือ อริยะสงฆ์ ก็ต้องมี พระพุทธเจ้า หรือ พระธรรมอยู่ดีเป็นครูอาจารย์นะครับ

 ดังนั้นมองแง่มุมไหน อย่างไร ก็ต้องมีครูิอาจารย์ครับ

 ครูอาจารย์ เปรียบเหมือนเช่นกัลยาณมิตร

 แ่ต่ครูอาจารย์ ก็ต้องแสวงหาแบบ สัมมาทิฏฐิ ด้วยนะครับ จะได้ไม่ผิดพลาด

 ในครั้งพระพุทธกาล ก็มี เรื่อง ครู อาจารย์ ในชาดก เป็นตัวอย่าง อุทาหรณ์ สอนสั่งไว้อย่างดีนะครับ

เช่น องคุลีมาล ถูกอาจารย์สอนให้ฆ่าคนไป นิพพาน เป็นต้นดังนั้น ในยุคนี้ เราก็ต้องชั่งใจในธรรมด้วยนะครับ

เพราะ ครูอาจารย์สมัยปัจจุบัน ที่หาเป็นสัมมาทิฏฐิ มีน้อยจริง  ๆ ครับ บางท่านก็สอนให้ติดยึดวัตถถุ บางท่านก็สอนให้ทำลายวัตถุ บางท่านก็สอนให้ติดสิ่งงมงายเป็นต้น ดังนั้น ตรงนี้ต้องพิจารณาประกอบกับ อริยะมรรค 8 และ อริยสัจจะ 4 อย่างที่หลายคนได้นำเสนอไว้ครับ

  :s_hi: :13: :13: :13:
บันทึกการเข้า

modtanoy

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-5
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 213
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พึงศีกษา คาถาบทนี้ นะคะ

เย จะ อะตีตา สัมพุทธา เย จะ พุทธา อะนาคะตา
โย เจตะระหิ สัมพุทโธ พะหุนนัง โสกะนาสะโน,

พระพุทธเจ้าบรรดาที่ล่วงไปแล้วด้วย ที่ยังไม่มาตรัสรู้ด้วย
และพระพุทธเจ้าผู้ขจัดโศกของมหาชนในกาลบัดนี้ด้วย,



สัพเพ สัทธัมมะคะรุโน วิหะริงสุ วิหาติจะ,
อะถาปิ วิหะริสสันติ เอสา พุทธานะธัมมะตา,

พระ พุทธเจ้าทั้งปวงนั้น ทุกพระองค์เคารพพระธรรม
ได้เป็นมาแล้วด้วย กำลังเป็นอยู่ด้วย และจักเป็นด้วย
 เพราะธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นเช่นนั้นเอง,


ตัสฺมา หิ อัตตะกาเมนะ มะหัตตะมะภิกังขะตา
สัทธัมโม คะรุกาตัพโพ สะรัง พุทธานะสาสะนัง,

เพราะฉะนั้น บุคคลผู้รักตน หวังอยู่เฉพาะคุณเบื้องสูง
เมื่อระลึกได้ถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ จงทำความเคารพพระธรรม,

นะหิ ธัมโม อะธัมโม จะ อุโภ สะมะวิปากิโน

ธรรมและอธรรม จะมีผลเหมือนกันทั้งสองอย่างหามิได้,

อะธัมโม นิระยัง เนติ ธัมโม ปาเปติ สุคะติง,

อธรรมย่อมนำไปนรก, ธรรมย่อมนำให้ถึงสุคติ,

ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง,

ธรรมแหละย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเป็นนิจ,

ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ,

ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว, ย่อมนำสุขมาให้ตน,

เอสานิสังโส ธัมเม สุจิณเณ.

นี่เป็นอานิสงส์ในธรรมที่ตนประพฤติดีแล้ว.



จากพระดำรัส นั้นพระพุทธเจ้า ให้ความสำคัญ กับพระธรรม มากกว่า พระสงฆ์ นะคะ
เพราะพระพุทธเจ้า ทั้งปวงนั้น ทุกพระองค์ เคารพพระธรรม

 เพราะพระธรรม เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ดีแล้ว คะ
 ดังนั้น ความสำคัญ อยู่ที่พระธรรมคะ ไม่ใช่ที่บุคคล

 เพราะบุคคลอาจจะทำให้เราผิดทางได้ ถ้าเป็น มิจฉาทิฏฐิ คะ

 
บันทึกการเข้า

modtanoy

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-5
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 213
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
คุณมดตะนอยคงไม่ได้เรียนหนังสือนะ......และไม่เคยกล่าวคำไหว้ครู

 คำถามอย่างนี้ อยากให้แยกจากโลก คะ

 ถ้าเป็นทางโลก มดตะนอย ก็มีครูอาจารย์ คะ

 ถ้าเป็นทางธรรม ก็มีแต่ พระธรรม คะ พระธรรม ไม่ต้องไหว้ครู ไม่ต้องสักการะ ด้วย อามิสบูชา คะ
แต่พระธรรม ต้องภาวนา คะ ปฏบัิติ คะ เป็น ธรรมบูชา คะ

  ดังนั้นตอนนี้ ขอให้คุณ nongyao แยกประเด็น โลก กับประเด็นธรรม ออกจากหลักการนี้ด้วยคะ
ถ้าเอามาผสมปนเป ก็จะสื่อความหมายทางปฏิบัติ ภาวนาไม่ได้คะ

  ส่วนทำไม ไม่ต้องให้ความสำคัญ กับครูอาจารย์ ที่เป็นบุคคลนั้น ก็เหตุผลที่เราต้องเคารพพระธรรมคะ

บันทึกการเข้า

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระกรรมฐาน จัดเป็นพระธรรม หรือไม่ครับ

 ดังนั้น เคารพพระกรรมฐาน ก็คือ เคารพพระธรรมด้วยสินะครับ

 สงสัยว่า ต้องอธิบาย ตั้งแต่ถาดขึ้นกรรมฐาน แล้วครับว่า ทำไมต้องมีการขึ้นกรรมฐาน

  :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
เท่าที่ได้คุย และ ชักชวนเพื่อนมาขึ้นกรรมฐาน เป็น เวลา 2 ปี ที่่ผ่านมา
คนส่วนใหญ่ ก็มีความคิดเช่นเดียว หรือ คล้ายกับ คุณ modtanoy คะ

  1.เพราะกลัว การขึ้นกรรมฐาน คือ การผูกขาดความเป็นศิษย์อาจารย์ กัน
  2.เพราะไม่อยากขึ้น แต่อยากเรียน กรรมฐาน คืออยากทราบ เคล็ดลับประมาณนี้
  3.เห็นครูอาจารย์ไม่มีชื่อเสียง เทียบเท่าที่ตนเองรู้จัก บางท่าน เทียบกับครูอาจารย์ระดับใหญ่ ๆ กันเลยคะ
    เช่น นำพระอาจารย์หลวงพ่อพระครู เทียบกับ หลวงพ่อสด เป็นต้นคะ เพราะเห็นไม่มีชือเสียง จึงดูถูก
    ใช้ สิ่งเหล่านี้เป็นข้ออ้างกัน ตามแต่จะคิดคะ
   แต่วิธีการเหล่านี้เป็น วิธีการของคนที่ไม่เคารพพระธรรม ทั้งนั้น คะ ยังติดที่บุคคล ภายนอก รูปแบบ ที่เรียกว่า
ไร้รูปแบบ หรือ ขี้เกียจกัน เช่นคนหนึ่งบอกว่า เจริญสติ ดีกว่า นั่งกรรมฐาน เจริญ สติ ดีกว่า สวดมนต์ เจริญสติ ดีกว่า ไปทำบุญ และอะไรที่เรียกว่า สติ

   สติ เป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่ในโลก นะคะ

   ถ้าหาก สะลึมสะลือ แล้ว สติ จะขาดได้ เพราะคุมสติ ไม่ได้

   ในกรรมฐาน กล่าว อริยะมรรค มีองค์ 8 ไม่ใช่ องค์ 7 คะ จะเชื่อพระพุทธเจ้า หรือ จะเชื่ออะไรกันแน่ คะ

    :smiley_confused1:

    :s_hi:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

คุณมดตะนอย จะไม่เคารพพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ก็แล้วแต่...เชิญตามอัธยาศํย
 แต่..เอ...ทำไม ในอนุสติกรรมฐาน ต้องมี "สังฆานุสติ" ด้วยน้อ??


ไม่มีใครบอกว่า ให้ความสำคัญกับบุคคลเลย คุณเอามาจากไหน เราสนใจข้อธรรมจากครูบาอาจารย์ต่างหาก
 ใครปรามาสพระสงฆ์ ไม่รู้จะได้ไปนิพพานรึเปล่า?  ถ้ายังไม่อยากไปนิพพาน..ก็ตามใจ


คุณมดตะนอยครับ ได้โปรดอย่าเอาความชอบความชังส่วนตัว มาปรามาสกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ เลย
 คุณกำลังตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับ ศิษย์กรรมฐานมัชฌิมาฯ ทั้งที่วัดพลับและที่สระบุรี
 สติ..ครับ ที่คุณชอบเอ่ยถึง คุณเจริญได้แค่ไหน รู้ตัวหรือเปล่า


หากคุณเจริญสติอย่างเดียว โดยละเลยมรรคอีก ๗ องค์ อันนี้เค้าเรียกว่า มิจฉาทิฏฐิรึเปล่า

  ;)
 
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

modtanoy

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-5
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 213
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การยึด พระธรรม เป็นครูอาจารย์

   พระธรรม เป็นสภาวะ
   พระธรรม เป็นอรรถ พยัญชนะ
   พระธรรม เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง

  การเคารพพระธรรม ไม่ใช่ บุคคล ก็น่าจะถูก คะ

  :s_hi:

   ปัจจุบัน ถ้า เพื่อน ๆ สมาชิก พิจารณาดูให้ดี ถึงพระสงฆ์ สมมุติสงฆ์ ในปัจจุบันนี้ต่างล้วนส่งเสริม พระธรรม
ตามพระอริยะมรรค หรือไม่ แต่กลับนำพระธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ปนเป กับความมัวเมา งมงาย เช่น การใบ้หวย ปลุกเสก ลงเลข ลงยันต์ อักขระ อะไรปานนี้ ล้วนแล้วแต่ทำให้เรางมงาย และห่างพระธรรมมากขึ้นทุกที พระสงฆ์ในปัจจุบัน มุ่งแต่ ลาภ ยศ ชื่อเสียง ศึกษา รับเงิน และทอง หาได้เป็นไปตามแบบอย่าง ที่ควรจะเป็น


อย่างนี้ส่งเสริมความงมงาย ไม่ใช่หรือ คะ ?
พระพุทธเจ้า สอนให้พระสงฆ์ทำอย่างนี้ หรือคะ ?



   ดั้งนั้น ถ้าเราหวังยึดติด กับพระสงฆ์ ที่ำทำอย่างนี้อยู่เราก็จะได้แต่ สมมุติสงฆ์ ที่บิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ นะคะ แต่หากเรายึดพระธรรม มีอรรถ พยัญชนะ มีพุทธวัจนะ อันเป็นสาระ เราก็อยู่กับพระสงฆ์เหล่านี้ได้ ในฐานะที่ควรจะเป็น

  บุคคลใด เคารพพระธรรม ย่อมถึงแก่นสาระ แห่งธรรม คือ นิพพาน

  ในแนวทางของสายธรรม ที่ภาวนาอยู่ พระสงฆ์ที่เรียนธรรม กันจริง ๆ ไม่ทำเรื่องอย่างนี้ คะ

  ต้องอ่านเรื่อง จุลศีล มัชฌิมศีล ให้ดีนะคะ

   :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2011, 08:45:44 am โดย modtanoy »
บันทึกการเข้า

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ระดับ ผู้ทีี่ภาวนาในพระพุทธศาสนา น่าจะมีหลายระดับ นะครับ
ชีวิต จริง ๆ น่าจะไม่ผูกขาด คือ โต่งแนว นะครับ
  แต่การมีชีวิต อยู่หนุนเนื่อง ชีิวิตประจำัวัน ....... ต้องมีศิลปะ ทางธรรม

  เช่นเห็นคนแก่ ..... เดินมา
 
     คนที่ 1 พูดว่า  ยายจะตายแล้ว นะ
     คนที่ 2 สวัสดี จ้า ยายจะไปไหน จ๊ะ
     คนที่ 3 เดินไปพยุง แล้ว ทักทาย สวัสดี จ้า มีอะไรให้ช่วยบ้างจ๊ะ
     คนที่ 4 ยืนนิ่ง มองอย่างนั้น ไม่สนใจ

  อยากถามว่า คุณเป็นแบบไหน ก็ แสดงความเข้าใจหลักธรรมของคุณอย่างนั้น ครับ

  พระพุทธเจ้า เวลาพระองค์ตรัสแสดงธรรม ก็มิได้ ขวานผ่าซาก นะครับ
พระองค์ ตรัสแสดง ธรรม ที่ชื่อว่่า อนุปุพพิกถา ซึ่งมีลำัดับ แสดง ดังนี้ ครับ

   1. ทานกถา กล่าวถึงการละกิเลส เบื้องต้น ที่ควรกระทำในฐานะ มนุษย์
   2. สีลกถา  กล่าวถึงข้อปฏิบัติ เพื่อความสุขสงบ ร่มเย็น ของชีวิต ต่อ ชีิวิต
   3. สัจจะกถา กล่าวถึงแก่นสาร ความเป็นจริง ของ ธรรมทั้งหลาย ทั้งปวง
   4. อาทีินวกถา กล่าวถึงโทษของ สังสารวัฏฏ์ ที่ต้องเวียนว่าย ตาย เกิด สลับทุกข์ สลับสุข
   5. เนกขัมมะกถา กล่าวถึงแนวทางข้อปฏิบัติ อันเป็น อริยะมรรค เส้นทางพ้นจากภัยสังสารวัฏฏ์

ดังนั้น การศึกษาเข้าใจหลักธรรม เพียงมอง แล้ว ตัดสินนั้น ยังไม่ถูกเต็ม ๆ ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
ให้รอบคอบ มี สติ + สัมปชัญญะ + ปัญญา อย่ามองเพียงมุมเดียว คือ มุมของเราเท่านั้น

  :s_hi: :67:
 
บันทึกการเข้า

namtip

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

jittree

  • บุคคลทั่วไป
0
เร่าร้อน .................  เป็นทุกข์
สงบ สว่าง  สอาด.
...... เป็นสุข

 :32: :32: :32:
บันทึกการเข้า

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ควรจะธรรมวิจารณ์ ให้เข้าใจ ครับ เพราะการนิ่ง เงียบ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา

สำหรับ ปุถุชน การนิ่ง ก็คือการเก็บอารมณ์ รอ....

สำหรับ พระอริยะ ก็คือ การไม่ข้องเกี่ยว จนไม่สามารถ จะหลีกเลี่ยงความเกี่ยวข้องได้ ....

 ถ้านิ่ง ก็คือ หน้ากระดาษ ที่ว่าง

 การกระทำอย่างนี้ เหมือนแจกหนังสือ ที่ไม่มีข้อความ และ ให้ ชนทั้งหลาย ไปหาข้อความมาใส่เอง

ซึ่งนานไป ข้อความเลอะเทอะ เปรอะเปื้อนก็จะมาแทน ข้อความ ที่เรียกว่า ว่าง

  ดังนั้น คัำมภีร์ กับ ปุถุชน คน ภาวนาธรรม ยังไม่เหมาะสม
  การสนทนาธรรม ไม่ใช่ เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แต่เป็นการ ชี้ทางสว่าง
  เพื่อให้เกิด สัมมาทิฏฐิ ผมเชื่อว่า คนภาวนาธรรม จริง ๆ เมื่อถึงที่สุดแห่ง ทิฏฐิ ย่อม
พบหนทาง ที่สู่  นิพพาน ได้

  การถกธรรม ในประเทศ ธิเบต เขาใช้วิธีตบมือ กระทืบเท้า ชี้หน้า กันอย่างจัง ๆ
สำหรับเรา แค่อ่อน ๆ ครับ พิมพ์ อ่าน ไม่ต้อง มองหน้า เห็นหน้า บทความที่อ่านมาล้วนสร้าง
ประโยชน์เป็นอย่างมาก อ่านแล้ว ก็เ้ข้าใจ มุมมองของแต่ละท่าน


  แต่การนำครูอาจารย์ มากล่าวปรามาส อย่างนี้โดยตรงเลยนั้น ผมว่า เสี่ยง สำหรับผู้โพสต์นะครับ
พึงพิจารณาให้รอบคอบ เท่าที่ทราบมา พระอาจารย์ท่านเป็นพระีที่มุ่งภาวนาและปฏิบัติดี นะครับ
ความเสียสละของท่าน พระสงฆ์ทั่วไป ทำไม่ได้นะครับ เพราะเท่าที่ทราบ ปีที่ 3 แล้ว ที่ท่านปลีกวิเวก
ท่านก็มุ่งภาวนา และ อนุเคราะห์ธรรมแก่ศิษย์ใกล้ชิด เป็นส่วนใหญ่
   
   จากภาพ ที่โพสต์นั้น เป็นภาพที่ท่านช่วยเจิม ยันต์ปราสาทให้กับบ้านลูกศิษย์

   ถ้าเป็นบ้านผมเอง ผมก็จะดีใจมากครับ เพราะโอกาสที่ได้พบพระอาจารย์นั้นเป็นเรื่องยากมาก

   ที่ทราบมา แม้ศิษย์ ทีมมัชฌิมา ก็ไม่ใช่ว่าจะพบท่านได้ง่าย ๆ นะครับ







บันทึกการเข้า

tasawang

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


อ้อ เช่นนั้นเอง
คุณ modtanoy สุดยอดคร๊าบ



   
บันทึกการเข้า

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มงคล 38 ประการ บทที่ 1

   อเสวนา จ พาลานัง   การไม่คบ คนพาล

   ปณฺฑิตานญฺ จ เสวนัง  การคบ บัณฑิต

   ปูชา จ  ปูชนียานัง    การบูชา บุคคลที่ควรบูชา

   เอตมมงฺคลมุตฺตมงฺ  เป็นมงคลอันสูงสุด


    มงคล ย่อม เป็นสิ่ง ที่ตรงข้ามกับ อัปปมคล คะ

 

 :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:

   
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด ( คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล)
Keep not ill men company last you increase the number.



บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค


[๔๒๖] ธรรม ๖ อย่างที่เป็นไปในส่วนข้างเสื่อมเป็นไฉน คือ ความไม่เคารพ ๖
     ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไม่มีความเคารพ ไม่เชื่อฟัง
     ในพระศาสดา ๑
     ในพระธรรม ๑
     ในพระสงฆ์ ๑
     ในความศึกษา ๑
     ในความไม่ประมาท ๑
     ในปฏิสันถาร ๑

     ธรรม ๖ อย่างเหล่านี้เป็นไปในส่วนข้างเสื่อม ฯ


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  บรรทัดที่ ๗๐๑๖ - ๘๑๓๗.  หน้าที่  ๒๘๙ - ๓๓๔.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=7016&Z=8137&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=364


    เอาล่ะครับพี่น้อง เข้าใจเจตนาของคุณมดตะนอยแล้วหรือยัง
    เอาความชังส่วนตัว มาพยาบาทพระอาจารย์
    ศิษย์ท่านพุทธทาส น่าจะมีเธอคนเดียวที่อยู่ในสภาวะที่ "เสื่อม"
    เพื่อนทุกคน อย่าได้โกรธคุณมดตะนอย ให้อภัยเธอเถอะ
    แต่กฏแห่งกรรม คงไม่ให้อภัย"คนเสื่อม" คนนี้หรอก

    หากยังกล่าวคำปรามาสเช่นนี้ ผมจะลบกระทู้ของคุณมดตะนอยทุกกระทู้
    สุดท้ายก็จะบล็อคไอพี ไม่ให้เข้าครับ
    พิจารณาตัวเองด้วยครับ ผมรู้นะว่าคุณเป็นใคร

     :49:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


 อยากให้ศึกษา เข้าใจเรื่อทิศ 6 ครับ พระดำรัสของพระพุทธเจ้า เช่นกันครับ
 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

indy

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 101
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องที่กล่วมานี้ มันอยู่ที่ภูมิธรรมของแต่ละคน ว่าจะตีความอย่างไร
ข้อดีอย่างหนึ่งของการมีครูอาจารย์คือการที่จะช่วยให้เราไม่หลงตัวเองจนเกินไป ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเราสมมติได้ฌาณ8  เราจะนึกถึงว่าครูท่านช่วย ความดีทั้งหมดต้องยกให้ท่านด้วย ถ้าเราพิจารณาอย่างนี้
จะลดมานะทิฎฐิ ซึ่งจะเป็นตัวขวางอย่างมากที่จะทำให้เราเห็นธรรมจริงๆ

สำหรับผมครูบาอาจารย์สำคัญที่สุด ท่านมาช่วยเราตลอด ผมมักกราบห้าครั้ง ตรงนี้มันเป็นศรัทธา

การที่ตีความว่าไม่จำเป็นต้องมีครูนั้น ผมคิดว่าไม่ผิดหรอก พระท่านอยากให้เราพึ่งตนเอง
หรืออาจจะเป็นการบำเพ็ญอีกแบบหนึ่ง แต่จิตเราก็อาจจะแข็งกระด้างไปได้ ทำให้บรรลุช้าไปนิดนึง
การคิดแบบนี้คงไม่ถึงกับปรามาสหรอก  แต่อาจจะเป็นลังเลสงสัยมากกว่า
บันทึกการเข้า

Skydragon

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างอิง จากเืรื่อง ดาบมังกรหยก

 

  เมื่อ จูหยวนจาง กรำศึกบ่อยครั้ง จนได้เป็น ขุนพล ให้กับสำนัก เม้งก่า
  ลูกน้อง คนหนึ่งก็นำความคิดมากระตุ้น ลูกพี่ ว่า
    "ท่านกรำศึกมากมาย แต่ผลงานอยู่ที่ ประมุข คนที่จะได้เป็นฮ่องเต้ กับเป็นประมุขไม่ใช่ท่าน"

  จูหยวนจาง นิ่งคิด อยู่หลายวัน แล้วก็ได้เชิญประมุข มาทานเลี้ยง แล้ววางยาสลบจับประมุขไปขัง
   แต่ประมุขไม่ได้สลบ เป็นแต่แกล้งสลบ
   
  แล้วจัดฉาก แสร้งเข้าไปพูด ตอนประมุขหลับอยู่ ที่แสร้งหลับ
   
   ::  ข้าไม่อยากทำอย่างนี้เลย แต่เป็นเพราะความจำเป็น ที่ต้องรักษาขวัญกำลังใจลูกน้อง ..... ร่ายยาว
 เอาเป็นว่า พูดจาว่า ถ้าประมุขยังอยู่ ก็จะทำขวัญกำลังใจ ไพร่พลเสีย หากประหาร จูหยวนจาง ก็จะไม่มีใครทำศึก ให้อีก

    ประมุข ( เตียบ้อกี้ ) ลุกนั่ง แล้วกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น
    ข้า ก็ขอลาออก จากการเป็นประมุข ท่องเที่ยวไปส่วนตัว นับตั้งแต่วันนี้ ขอท่านจงบริหาร พรรค และ ความสุขของประชาชน ด้วย

    ว่าแล้ว ก็จากไป

ถึงแม้ วันนี้มาใหม่ ในแนวยุทธภพ ก็ให้แนวคิด แก่ทุกท่านด้วย เดี๋ยววันต่อไปจะมาพูด กลยุทธ์ ในสามก๊ก ด้วยครับ เมื่อสั่งขุนพล ทำศึก ชนะ แล้ว ฆ่า ขุนพลทิ้ง 5 5 5 5 5 5
 

  อันที่ จริง เรื่องมันยาว แต่เล่า สั้น ๆ พอให้ท่านทั้งหลาย เห็นภาพ...... และแผน อันแยบยล

  ที่เหลือ ท่านทั้งหลาย นึกต่อเอาเอง ครับ..... ถ้าไม่เข้าใจก็เข้าไปดูเรื่องนี้ ตอนใกล้จบ เลยนะครับ


 :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:

ลิงก์ตอนจบ แบบไต้หวัน ถึงจะไม่ตรงกับต้นฉบับของกิมย้ง เท่าไหร่ ก็พอเห็นภาพได้

http://www.oknation.net/blog/chaichana/2009/04/30/entry-1




 

 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 17, 2011, 08:41:35 am โดย Skydragon »
บันทึกการเข้า

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณมดตะนอยค่ะ ข้อธรรมของพระพุทธเจ้าที่กล่าวไว้ ทุกข้อและทุกเรื่อง หากไม่มีพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเป็นผู้เรียบเรียงและเก็บข้อความนั้นไว้ในสงฆ์สาวกของท่านตั้งแต่ครั้งพุทธกาล มีรึ ! ที่คุณจะมีโอกาสมาใช้วาจาจาบจ้วงเช่นนี้ คิดและปรับจิตของคุณเสียไหม่ ไม่เช่นนั้นธรรมชั้นสูงที่คุณควรบรรลุ อาจจะไม่มีโอกาสได้บรรลุ

ปรารถนาดีจากใจ...(ความสงสัยในสงฆ์อาจมีกันได้ แต่การมองไม่เห็นความสำคัญของพระสงฆ์นี้ยากที่จะอภัยได้) ขอความสว่างจงเกิดมีในใจของคุณเพื่อความเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป

พระรัตนตรัยต้องประกอบด้วยองค์ 3 พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  อย่าลืม แต่ถ้ายังปรารถนาจะลืม ก็ทางใครทางมัน 
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี

sayamol

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 95
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณ Skydragon นำเสนอเรื่อง กำลังภายใน แต่อ่านเนื้อเรื่อง หลายรอบแล้ว ไม่ทราวว่าเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้คะ
ยังไม่ค่อยจะแจ้ง หรือเข้าใจ พยายามทำความเข้าใจ อยู่คะ

 :41: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า
จริงใจ อ่อนน้อม พรั่งพร้อมด้วยความรู้
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

pinmanee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 163
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
อันที่ จริง เรื่องมันยาว แต่เล่า สั้น ๆ พอให้ท่านทั้งหลาย เห็นภาพ...... และแผน อันแยบยล

  ที่เหลือ ท่านทั้งหลาย นึกต่อเอาเอง ครับ..... ถ้าไม่เข้าใจก็เข้าไปดูเรื่องนี้ ตอนใกล้จบ เลยนะครับ

คิดว่า ข้อความ ที่สำคัญอยู่ตรงนี้มากกว่า คะ

  :97:

 
บันทึกการเข้า

เสริมสุข

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 223
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
"ผู้ใด ไม่โกรธ ไม่สะดุ้ง
ไม่โอ้อวด ไม่รำคาญ ไม่คะนอง
พูดด้วยปัญญา ไม่ฟุ้งซ่าน
ผู้นั้นแลชื่อว่า เป็นมุนี มีวาจาสำรวมแล้ว"

อกฺโกธโน อสนฺตาสี อวิกตฺถี อกุกฺกุจฺโจ
 มนฺตาภาณี อนุทฺธโต ส เว วาจายโต มุนิ.

 [( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๐๐. ขุ. มหา. ๒๙/๒๕๗]
บันทึกการเข้า
อยากได้รับความสุข จาก ธรรมะ อยากได้รับ ..... แหมก็อยากนี้จ๊ะ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ที่คุณ modtanoy อ้างมา

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑
ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค


จุลศีล
             [๑๐๓] ดูกรมหาบพิตร อย่างไร ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล.
             ๑. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา
มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ข้อนี้เป็นศีลของ
เธอประการหนึ่ง.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หน้าที่  ๖๐.

             ๒. เธอละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ รับแต่ของที่เขาให้ ต้องการแต่ของที่
เขาให้ ไม่ประพฤติตนเป็นขโมย เป็นผู้สะอาดอยู่ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
             ๓. เธอละกรรมเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล
เว้นขาดจากเมถุนอันเป็นกิจของชาวบ้าน แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
             ๔. เธอละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำ
เป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอ ประการหนึ่ง.
             ๕. เธอละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น
เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตก
ร้าวกัน สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อม
เพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน แม้ข้อนี้
ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
             ๖. เธอละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก
จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ พอใจ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
             ๗. เธอละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิง
อรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์
โดยกาลอันควร แม้ข้อนี้เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
             ๘. เธอเว้นจากการพรากพืชคามและภูตคาม.
             ๙. เธอฉันหนเดียว เว้นการฉันในราตรี งดจากการฉันในเวลาวิกาล.
             ๑๐. เธอเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรีและดูการเล่น อันเป็นข้าศึกแก่กุศล
             ๑๑. เธอเว้นขาดจากการทัดทรงประดับ และตบแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอมและ
เครื่องประเทืองผิว อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว.
             ๑๒. เธอเว้นขาดจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่.
             ๑๓. เธอเว้นขาดจากการรับทองและเงิน.
             ๑๔. เธอเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หน้าที่  ๖๑.

             ๑๕. เธอเว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ.
             ๑๖. เธอเว้นขาดจากการรับสตรีและกุมารี.
             ๑๗. เธอเว้นขาดจากการรับทาสีและทาส.
             ๑๘. เธอเว้นขาดจากการรับแพะและแกะ.
             ๑๙. เธอเว้นขาดจากการรับไก่และสุกร.
             ๒๐. เธอเว้นขาดจากการรับช้าง โค ม้า และลา.
             ๒๑. เธอเว้นขาดจากการรับไร่นาและที่ดิน.
             ๒๒. เธอเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรมและการรับใช้.
             ๒๓. เธอเว้นขาดจากการซื้อการขาย.
             ๒๔. เธอเว้นขาดจากการโกงด้วยตราชั่ง การโกงด้วยของปลอม และการโกงด้วยเครื่อง
ตวงวัด.
             ๒๕. เธอเว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวง และการตลบตะแลง.
             ๒๖. เธอเว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น และกรรโชก
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(จาก : http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=9&A=1435&w=%A8%D8%C5%C8%D5%C5&pagebreak=1 )

ไม่เห็นจะมีที่เกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย  เป็นว่า เหตุผลของคุณตกไป(ไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม)

การที่คุณ รักนับถือ ครูบาอาจารย์ของคุณ ( ในกรณีที่คุณเป็นชาวพุทธ) ก็ไม่จำเป็นที่จะไปโจมตีผู้อื่่น หรือคุณถูกฝึก  ถูกสอนมาแบบนั้น  หรือ(คุณมิใช่คนในศาสนา)เพียงจ้องจะทำลายเท่านั้น 

คุยส่วนตัวกันได้นะจ๊ะ เพื่อจะคล้อยตาม เห็นด้วยกับคุณ มีเมล์ไหม
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม