สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ กรกฎาคม 22, 2015, 07:58:40 pm



หัวข้อ: ขบวนสุดท้าย ...... ไม่ได้รอใคร เพียงรอตัวเอง เท่านั้น
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กรกฎาคม 22, 2015, 07:58:40 pm
(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/hphotos-xfp1/v/t1.0-9/11738069_776448199138293_5423023705827079730_n.jpg?oh=21d739e379a52cbf9015f304662843fc&oe=5655CAFC)

ใครกำลังเซ็ง เรื่องต่าง ๆ ก็ควรอ่านไว้หน่อย
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางการเมือง การศาสนา และ การรัฐ ตลอดถึงการเรือน ผลกระทบที่เกิดขึ้น มันจะค่อย ๆ กระเพื่อมไปตามแรงใครอยู่ใกล้แรงอะไร ก็ได้รับอิทธิพลแรงนั้น จะกล่่าวได้ว่า ไม่มีแรงกระทบเลยก็ไม่ใช่ ขนาดฉันอยู่ วิเวก ก็ยังได้รับแรงกระทบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จนรู้สึก สงสารคนหาเช้ากินค่ำ ที่ลำบากแล้ว ลำบากเพ่ิมไปอีก ข้าวของเครื่องใช้ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่ารถ ค่าขนส่ง ค่าอาหาร ค่ายารักษาโรค ค่าอะไร ต่ออะไร ตอนนี้ มันพุ่งขึ้นมากกว่า ลดลง ฉันเองเข้าใจดี ผลกระทบที่เกิดก็ถึงฉันด้วย ค่าไฟฟ้า ปีนี้ 5 เดือนมานี้ เหยียบหลัก 2000 กว่าบาททุกเดือน หน่วยไฟฟ้ามันเท่ากับสองปีที่แล้ว แต่สองปีที่แล้ว จ่ายเพียง 750 - 900 บาท ค่า Gas หุุงต้ม จ่ายที่ 210 บาทตอนนี้จ่าย 460 บาท มันขึ้นมาและก็ขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้นขโมย โจร มีมากขึ้น คนตกงาน มีมากขึ้น คนหิวกระหายแต่ไม่มีก็มากขึ้น เป็นพระบิณฑบาตรไม่ได้ฉัน ประจำเพราะญาติโยมผอมแห้งแรงน้อย ผลพวงจากการบริกหารประเทศชาติของคนที่เรียกว่า นักการเมือง ทำเรื่องลำบากส่งผลทั่วประเทศ


หัวข้อ: เวลาใดที่เรารู้สึกว่า มันไม่ยุติธรรม และเราไม่สามารถจัดการนั้นได้
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กรกฎาคม 22, 2015, 07:59:15 pm
(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/hphotos-xft1/v/t1.0-9/11751789_1018639958180214_6911859740866986197_n.jpg?oh=c4841a7c5cc74ecb8995c30f63cfa9bd&oe=561A050E)
ภาพ หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน
ขอบคุณภาพประกอบจาก เฟคบุ๊ค หลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร

เวลาใดที่เรารู้สึกว่า มันไม่ยุติธรรม และเราไม่สามารถจัดการนั้นได้ ความรู้สึกด้านในตอนนั้น เราเรียกว่า ปลง หรือ เซ็ง วัยรุ่นใช้คำว่า เซ็งเป็ด ( ไม่รู้มันคืออะไร ) แต่ความรู้สึกเยี่ยงนี้เป็นเพราะว่า เราเข้าไปแบกและเกี่ยวข้องกับโลกธรรม มาก จนเสียศูนย์ คือ ความเป็นตัวเอง ถ้าขีดจำกัดมันหมด ก็ต้องหาทางระบายออกด้วยการประท้วง หรือทำอะไรสักอย่างให้โลก (ชาวบ้าน )รู้ใช่ไหม?

นับว่าปัญหานี้ ไม่ใช่แค่ปัจจุบัน แม้ครั้งพุทธกาล ความวุ่นวายก็มีอยู่ทุกที่ สุดแท้แต่ว่า ใครมีคุณธรรม ใครมีภาวะจิตแห่งพระอริยะ ก็หลุดพ้นไป เรียกว่า เหนือโลก

ดังนั้นหนทางออก พระพุทธเจ้า เรียกว่า ประตูสู่อมตะ ดังนั้นท่านทั้งหลาย ครูอาจารย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่กันเป็นร้อยปี จะไปวันไหน ก็ไม่รู้ ดังนั้นในขณะที่ท่านมีโอกาสที่จะเรียนธรรมในขบวบสุดท้ายนี้ ก็ขอให้ท่านรีบเรียนและรีบภาวนา เถิด ก่อนที่จะไม่มีครูอาจารย์ อยู่กับพวกท่านกันต่อไป

เจริญพร


หัวข้อ: Re: ขบวนสุดท้าย ...... ไม่ได้รอใคร เพียงรอตัวเอง เท่านั้น
เริ่มหัวข้อโดย: bajang ที่ กรกฎาคม 22, 2015, 11:12:11 pm
 st11 st12 st12


หัวข้อ: ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ข้อง ท่านจงมาที่นี่เถิด
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กรกฎาคม 23, 2015, 06:51:45 am
(http://i.ytimg.com/vi/vJAE38BGB_c/hqdefault.jpg)

ในเมืองพาราณสีมีกุลบุตรคนหนึ่งชื่อว่า ยสะ เป็นบุตรของมหาเศรษฐี ได้รับการบำรุงบำเรอด้วยสตรีประโคมขับกล่อม  คืนวันหนึ่ง มีปราสาท 3 ฤดู วันหนึ่ง ยสะ ได้ ตื่นขึ้นมาในยามดึก มองเห็นอาการวิปริตต่าง ๆ นานาของหญิงบำเรอตนเหล่านั้น นอนระเกะ ระกะ เหมือนดั่งคนตาย ความสังเวช สลดใจเกิดขึ้นแก่ ยสะ นั้น ราวกับว่าอยู่ในท่ามกลางป่าช้า ผีดิบ อันวางทิ้งซึ่งซากศพ ยสะ รู้สึกสลดสังเวชใจ

    จึงเปล่งอุทานออกมาว่า “ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” พร้อมกับเดินออกจากปราสาทไปอย่างไม่มีจุดหมาย เดินทางที่ไปมุ่งไปสู่ป่า อิสิปตนมฤคทายวันตามวาสนาบารมี ที่พร้อมจะได้สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคล
 
          ขณะนั้น พระสคต ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ได้เสด็จจงกรมอยู่  ได้สดับเสียง ยสะ ที่เดินบ่นพึมพำมา  จึงตรัสเรียกว่า    “ยสะ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง”
 
   อุปทฺทูต วต โภ  ที่นี่วุ่นวาย
  อุปสฺสฏฺ วต โภติ ที่นี่ขัดข้อง


 ยส อนุปทฺทูต  อิท อนุปสฺสฏฺ    ยสะ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง
 เอหิ ยส นิสีท ธมฺม เต เทเสสฺสามิ  เธอจงมาที่นี่ นั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่เธอ

            อถโข ยโส กุลปุตฺโต ภควโต อวิทูเร อุทาน อุทาเนสิ อุปทฺทูต วต โภ
อุปสฺสฏฺ วต โภติ ฯ อถโข ภควา ยส กุลปุตฺต เอตทโวจ อิท โข ยส อนุปทฺทูต
อิท อนุปสฺสฏฺ เอหิ ยส นิสีท ธมฺม เต เทเสสฺสามิ ฯ (วิ.ม. ๔/๒๖/๓๐)

พร้อมกับทรงแสดงพระธรรมเทศนา
  “อนุปุพพิกถา” และทรงแสดง “สามุกกังสิกาเทสนา (อริยสัจ ๔) ”
 แก่ยสะกุลบุตร เมื่อจบพระธรรมเทศนา ยสกุลบุตรได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันในพระพุทธศาสนา ในกาลต่อมา สหาย 54 คนของพระ ยสะก็ตามมาบรรพชา และสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคล พระอรหันตขีณาสพ รวมทั้งสิ้นขณะนั้น มีพระอรหันต์ในโลก 61 องค์ ( นับพระพุทธเจ้าด้วย )

 
https://www.youtube.com/watch?v=vJAE38BGB_c (https://www.youtube.com/watch?v=vJAE38BGB_c)


หัวข้อ: ผู้ถึงพร้อมด้วย บารมีธรรม รับฟังธรรม ตามลำดับก็สามารถบรรลุธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กรกฎาคม 23, 2015, 07:11:58 am
(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/11053099_1021469937897216_6209822122847685227_n.jpg?oh=8a0a0512fb2b4743b94268d2d9c56351&oe=5654C9BF)
ภาพพระพุทธมัชฌิมา และ หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน ณ คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม

อนุปุพพิกถา ๕ + อริยสัจ ๔ ( พหุลานุศาสนี )

การแสดงธรรมไปโดยลำดับ และผู้ฟังก็ฟังตามลำดับ เพื่อการตรัสรู้ตาม พระพุทธเจ้า สำหรับสาวกบารมี ผู้มีคุณธรรมควรพร้อมแก่การบรรลุธรรม ธรรม  ๙ ประการนี้ จัดว่าเป็นธรรมไปสู่ ประตู อมตะธรรม


พระพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อฟอกอัธยาศัยของบุคคล   
ผู้ฟังให้มีความประณีตขึ้นไปโดยลำดับ
ถ้าหากว่าผู้ฟังสามารถที่จะชำระกิเลสของตนให้เบาบางลงได้ ตามที่ทรงแสดงแล้ว
ต่อไปก็จะแสดงอริยสัจ ๔

ธรรมะทั้ง ๙ ข้อนี้  จึงเรียกว่า พหุลานุศาสนี  คือพระธรรมที่พระองค์แสดงมากที่สุด เนื่องจากเป็นการค่อย ๆ  ขัดเขลาจิตใจของผู้ฟังไปโดยลำดับ แต่เวลาแสดงจริง ๆ นั้น ไม่จำเป็นแสดงครบหมดทั้ง ๕ ข้อ  ผู้ฟังสามารถจะเรียนรู้ประพฤติปฏิบัติได้ในระดับใด ก็จะทรงแสดงไปในระดับนั้น

๑. ทานกถา คือการกล่าว คุณานิสงค์ ของการให้ทาน

๒. สีลกถา คือการกล่าว คุณานิสงค์ ของการมีศีล รักษ์ศีล

๓. สัคคกถา คือการกล่าว คุณานิสงค์ ของสวรรค์ผู้สร้างคุณธรรมความดี

๔. กามาทีนวกถา คือการกล่าวโทษแห่งการพัวพันมัวเมาในกามคุณ

๕. เนกขัมมกถา คือการกล่าวถึง คุณานิสงค์ ของ การออกบวช การบำเพ็ญ การออกจากวัฏฏะสงสาร

     โดยปกติเมื่อแสดงธรรมถึงตรงนี้แล้ว ผู้ฟังก็จะได้ โคตรภูญาณ คือ ญาณแห่งการบุคคลที่หน่ายต่อวัฏฏะสงสาร มี นิพพิทาเป็นอารมณ์ มีการพอกพูนสังเวชเป็นคุณ มีความต้องการออกจากวัฏฏะสงสาร กล่าวได้ว่า ผู้ใดได้ฟัง อนุปุพพิกถา แล้วมีโคตรภูญาณเกิดขึ้น ย่อมสำแดงว่า เคยปฏิบัติพอกพูนบารมีในการออกจากวัฏฏะสงสารมาในกาลก่อน

     เมื่อโคตรภูญาณ เกิดขึ้นแล้ว พระพุทธเจ้าก็จะทรงแสดง อริยสัจจะ ๔ ต่อไป

 ๑. ทุกข์  ๒.สมุทัย ๓.นิโรธ  ๔.มรรค

   เมื่อฟังธรรม อริยสัจจะ ๔ จบผู้ได้โคตรภูญาณ ส่วนใหญ่ จะได้ดวงตาเห็นธรรม สำเร็จคุณธรรมลำดับที่ ๑ ชื่อว่า พระโสดาบัน ต่อจากนี้ไปก็จะต้องไปภาวนา หรือ เรียนรู้ธรรมตามวาสนาบารมีของตน เพื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางพุทธสาวก ด้วยบารมีธรรมต่าง ๆ

  เจริญพร


หัวข้อ: Re: ขบวนสุดท้าย ...... ไม่ได้รอใคร เพียงรอตัวเอง เท่านั้น
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ กรกฎาคม 23, 2015, 07:44:47 am

ขออนุโมทนาสาธุ ครับ


หัวข้อ: Re: ขบวนสุดท้าย ...... ไม่ได้รอใคร เพียงรอตัวเอง เท่านั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Akira ที่ กรกฎาคม 23, 2015, 08:25:32 am
 st11 st12 st12 like1


หัวข้อ: พหุลาสาสนี ได้ยิน แล้ว ชื่นใจจริง ๆ ขอบคุณครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kittisak ที่ กรกฎาคม 23, 2015, 08:34:14 am
 st11 st12 st12 thk56 like1
นับว่าเป็นธรรมที่ได้อ่าน ยามเช้าวันพระนี้ ทำให้หัวใจ คนแก่อย่างผม เกิดปีติ จนน้ำตาไหลเลยครับ

  :25: :25: :25: