ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - prayong
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สมัยก่อน ไม่มีนาฬิกา พระสงฆ์กำหนดเวลาอย่างไร จึงรู้ว่าเพล หรือ เที่ยง เมื่อ: ตุลาคม 22, 2012, 01:42:05 am
สมัยก่อน ไม่มีนาฬิกา พระสงฆ์กำหนดเวลาอย่างไร จึงรู้ว่าเพล หรือ เที่ยง
คือสงสัยมาก ๆ ครับว่า พระสงฆ์ท่านรู้ได้อย่างไร ว่าตอนนี้เพล ตอนนี้เที่ยง เพราะไม่มีนาฬิกาให้ดูกัน

 ช่วยแจกความรู้หน่อยครับ ด้วยความสงสัย

  :25: :c017:
2  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ทำความดีมาตั้งนาน แต่ไม่ให้เห็นผลดี มีเกิดขึ้นบ้างเลย จนท้อแล้ว... เมื่อ: ตุลาคม 01, 2012, 01:15:54 am
ผมทำบุญ ทำความดีมาตั้งนาน... แต่ทำไมชีวิต
ไม่เคยดีขึ้นเลย เจอปัญหารุมเร้ามาตลอด ทุกเรื่องอยู่เหมือนกัน TT...

และทุกครั้งที่เจอปัญหา ผมก็อาศัยตั้งสติและก็คิดว่าจะไม่ทำให้มันแย่ไปกว่านี้อีก
บวกกับ พยายามสวดมนต์อยู่เรื่อยๆ เพื่อที่จะให้กำลังใจตัวเองอยู่ตลอด
แต่มันไม่ค่อยดีขั้นมาเลย

จนบางครั้งไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ..

จากคุณ    : ลูกปันหยี

เป็นปัญหาน่าสนใจคะ ช่วยชี้แนวทางกันหน่อยนะคะ
 :25: :25: :c017:
3  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เสื่อม! ชาวเน็ตรุมจวกหนังสือปลุกใจเสือป่าถ่ายแฟชั่นสาวเปลือยกอดพระพุทธรูป เมื่อ: ตุลาคม 01, 2012, 01:13:09 am
เสื่อม! ชาวเน็ตรุมจวกหนังสือปลุกใจเสือป่าถ่ายแฟชั่นสาวเปลือยกอดพระพุทธรูป
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12722024/Y12722024.html

ว่อนเน็ต! ภาพสาวแก้ผ้าเปลือยกายโอบกอดพระพุทธรูป ถ่ายแบบโพสท์ท่าที่ไม่เหมาะสม ในหนังสือปลุกใจเสือป่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (29 ก.ย.) ในโลกออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงภาพที่สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ ซึ่งเป็นภาพหญิงสาวรายหนึ่งแก้ผ้าเปลือยกายโอบกอดพระพุทธรูป ถ่ายแบบโพสท์ท่าที่ไม่เหมาะสม โดยภาพดังกล่าวตีพิมพ์ในหนังสือปลุกใจเสือป่าเล่มหนึ่ง

ด้านชาวพุทธศาสนิกชนและผู้ที่ได้เห็นภาพต่างประณามการกระทำเช่นนี้ว่าไม่เหมาะสม และต้องพิจารณาลงโทษกับหนังสือเล่มดังกล่าว ที่ถือเป็นการนำรูปปั้นขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่เคารพกราบไหว้ของชาวพุทธไปกระทำย่ำยี เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังไม่สามารถระบุชัดเจนว่าหนังสือดังกล่าวทำขึ้นในประเทศใด

ข่าวจาก  :  ข่าวสด , สนุกดอทคอม
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME9EZzVOVGN6TUE9PQ==&sectionid=



ด้วยเคารพเลื่อมใสจึงเคืองขัด
จิตจึงจัดให้ขุ่นข้องต้องหมองศรี
ธรรมดาโลกใบนี้ย่อมมากมี
บางวิถีที่พลาดผิดอย่าคิดระแวง
ศาสนามั่นคงมายาวนาน
แต่เพียงการเท่านี้แค่ผาดแผลง
พุทธยังอยู่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
มัวไปแคลงมีแต่ข้องแลหมองใจ
รูปปั้นแทนพุทธองค์ทรงล้ำค่า
แม้หมูหมามาทำท่าดังหยามใส่
คุณค่านั้นยังคงยืนยาวไป
ทรงยิ่งใหญ่อยู่ในใจสาธุชน



จากคุณ    : นายแจม
4  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากได้คำ อธิบาย คำว่า บุญ กับ วาสนา คะ เมื่อ: ตุลาคม 01, 2012, 01:08:39 am
หมด บุญ หมด วาสนา สอง วลี นี้ต่างกันหรือไม่คะ
ใช้อย่างไร คะ

 ขอบคุณ ท่านที่ใจดี ทุกท่านคะ

  :88: :88: :58:
5  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบวิธีการ วางอุเบาขา ครับ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 07:20:43 am
คือ ผมฝึกวางอุเบกขา คือ วางเฉย

  การวางเฉย ของ ผม ก็คือ อะไรที่มากระทบ ก็พยายามวางเฉย ๆ และวางเฉย แต่ใจก็ไม่วางเฉย ครับ บางทีก็กรุ่น ๆ ในใจอย่างมากไม่สงบ เพราะความไม่พอใจ กับหลาย ๆ เรื่อง จึงมานั่งคิดว่า การวางอุเบกขา ที่ผมทำอยู่นั้น ถ้าจะไม่ถูก

  จึงขอความรู้เรื่องการวางอุเบกขา ด้วยครับ

  :smiley_confused1: :c017:
6  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ตามดูลมหายใจ ไม่ได้ มีแต่จะเข้าไปสภาวะ กึ่งหลับ กึ่งตื่น ต้องแก้อย่างไรครับ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 07:13:48 am
ผมพยายามฝึก อานาปานสติ คือพยายาม ดูลมหายใจเข้า และออก ในระหว่างที่ภาวนาอยู่นั้นก็พยายามที่ดูลมหายใจเข้าออก แต่ พอภาวนาไป ก็จะกลายเป็นสภาวะกึ่งหลับ กึ่งตื่น อีก และก็ไม่ไ้ด้ดูลมหายใจ ทุกอย่างหายไปหมดแม้การตามดูลมหายใจ เข้าออก ก็หายไป ด้วยครับ

   ต้องแก้อย่างไร ครับ
 :smiley_confused1:
7  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งกรรมฐาน แล้ว รู้สึกว่า ร่างกาย ว่าง ๆ ต้องทำอย่างไรต่อดีครับ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 07:11:01 am
ฝึกกรรมฐาน ในแนว พุทโธ สายหลวงปู่มั่น วันก่อนนั่งกรรมฐาน แล้ว รู้สึกว่า กาย ว่าง ๆ กลวง แล้วรู้สึก ว่ากึ่งหลับ กึ่งตื่น ต้องทำอย่างไรต่อครับ เพราะไม่รู้ว่า จะทำอย่างไรต่อครับ จะเป็นหลังนั่งกรรมฐาน ประมาณ 20 นาที ครับ

 :25:
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การปฏิบัติ ภาวนา เพื่อความสิ้นทุกข์ สิ้นกิเลส ต้องบวชทุกครั้งหรือไม่คะ เมื่อ: ธันวาคม 09, 2011, 05:58:30 am
การปฏิบัติ ภาวนา เพื่อความสิ้นทุกข์ สิ้นกิเลส ต้องบวชทุกครั้งหรือไม่คะ
คือมักจะเห็น และ พบว่าเพื่อนๆ ที่ชวนกันปฏิบัติภาวนา มักจะพูดบอก ดิฉันว่า

 เดี๋ยวไปบวช ถึงภาวนา ถ้าไม่บวช ก็ภาวนาไม่ได้

 ( บวช ในที่นี้หมายถึง บวชเป็นแม่ชี และ พระภิกษุ )

 :25: :smiley_confused1:
9  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบเรื่อง จิตสัมผัส คะ เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 07:51:13 am
คือยังไม่ค่อยจะเข้าใจ หรือ ไม่เข้าใจเลย กับ คำว่า จิตสัมผัส คะ

หมายถึง จิต ของเรา ที่กระทบ กับ สิ่งที่ลึกลับ ใช่หรือไม่คะ

 จิตสัมผัส ฝึกได้หรือไม่ คะ จัดเป็นญาน ไหนคะ

 จิตสัมผัส เป็นเรื่องที่มีมาเฉพาะตนหรือไม่คะ

 จิตสัมผัส ที่โฆษณากันอยู่ ปัจจุบันนี้ จริง หรือ หลอกลวง คะ

 :c017: :c017:

10  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หลวงปู่สงฆ์ ผจญงูเหลือม ( พระที่น่าศรัทธา อีกรูป คะ ) เมื่อ: มิถุนายน 29, 2011, 06:12:46 pm


งูเหลือมเป็นสัตว์เลือดเย็น มีลำตัวยาว สามารถกลืนกวาง หรือคนได้ทั้งตัว เพราะปากและขากรรไกรยืดได้ สามารถอ้าปากได้กว้าง ปรกติงูเหลือมจะแอบซุ่มอยู่บนคาคบไม้ รอคอยจังหวะให้เหยื่อเดินมา แล้วมันก็ทิ้งตัวลงจากต้นไม้ ใช้ร่างอันยาวรัดกายเหยื่อม้วนพันไปรอบ ๆ
แม้ งูเหลือมจะไม่มีพิษ แต่เมื่อรัดร่างของเหยื่อมันจะมีพลังมาก รัดแน่นจนเหยื่อกระดูกแตก จากนั้นมันจึงค่อยๆ กลืนเหยื่อจากด้านศีรษะเข้าไปก่อน จนเหยื่อหายเข้าไปอยู่ในท้องของมัน จากนั้นมันก็นอนอยู่นิ่ง ๆไม่กินอาหารอะไรอีก เป็นเดือน ๆ พระสงฆ์ไม่ขยับกาย แต่แผ่กุศลให้และคิดในใจว่า หากเคยทำกรรมไว้กับงูเหลือม ท่านขอมอบชีวิตให้ แต่ถ้าไม่เคยมีกรรมเวรต่อกัน ขอให้งูจงอย่าสร้างกรรมแก่ท่าน ปรากฏว่าอีกครู่เดียว งูเหลือมค่อย ๆ คลายตัวเลื้อยลงจากท่านแล้วก็หายไป
หลังจากเข้าไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทที่สระบุรีเสร็จ พระสงฆ์คิดต่อไปว่า ควรจะไปกราบนมัสการพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้ว จังหวัดพระนครด้วย จะได้ไม่เสียเที่ยวที่อุตส่าห์เดินทางมา

ขอบคุณเนื้อหา อ่านต่อ พร้อมภาพประกอบที่

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lungboon&group=9
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด เมื่อ: มิถุนายน 15, 2011, 02:45:44 am


หลวงพ่อโอภาสี เดิมชื่อ ชวน มะลิพันธ์ ถือกำเนิดที่ บ้านตรอกไฟฟ้า อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เล่าเรียนอักขระสมัยในสำนักวัดใต้ นครศรีธรรมราช แต่เนื่องจากวัดใต้ไม่มีสำนักเรียนในในสำนักวัดโพธิ์ สามเณรชวนจึงได้ถือกำเนิด ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์นี้เอง ในสำนักเรียนพระปริยัติในวัดโพธิ์สามเณรชวนเล่าเรียนปริยัติด้วยความขยันขัน แข็ง และฉลาดเฉลียวเป็นที่พอใจของเจ้าสำนักบาลีเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับออกปากว่าสิ้นประโยคนักธรรมในวัดแล้วจะส่งมาเรียนในกรุงเทพฯ ให้ถึงที่สุด สามเณรชวนได้รับการนำมาถวายตัวเป็นศิษย์ในองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรฌานวงศ์ซึ่งได้รับไว้ในพระอุปการะ และทรงทำการอุปสมบทให้เป็นภิกษุในพัทธสีมาวัดบวรโดยทรงนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ พระภิกษุชวนเล่าเรียนพระปริยัติจนสอบได้เปรียญ 7 ประโยค เข้ารับพระราชทานพัดจากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรียกกันติดปากคนทั่วไปว่า มหาชวนเปรียญเอกหลังจากได้พบกับหลวงพ่อกบแล้ว พระมหาชวนก็เก็บตัวนั่งวิปัสสนาตลอดวัน ออกบิณฑบาต และฉันเช้าเพียงครั้งเดียว จะเปิดกุฏิก็ตอนบ่าย เปิดมาก็เอาสิ่งของต่างๆ มาเผา ตอนแรกก็น้อยๆ ก่อน คนจีนแถวบางลำพูเห็นเข้าก็เรียกท่านว่า เซียน จึงพากันมาถวายของให้เผาเป็นการใหญ่

ข้อคิดเรื่องฉายาโอภาสี

         มีผู้นมัสการเรียนถามพระมหาชวนหลายต่อหลายคนด้วยกัน ด้วยคำถามที่ซ้ำๆ กันว่า "  พระมหาชวนทำไมจึงเป็นโอภาสี  "  ท่านก็ตอบออกมาเหมือนกันทุกครั้งว่า " มหาชวนมรณภาพไปแล้ว ที่อยู่นี่คือ โอภาสี  โอภาสี คือ ผู้ถวายเพลิงเป็นพุทธบูชา "  "  หลวงพ่ออายุเท่าใดแล้วขอรับ ” ใครคนหนึ่งถามด้วยความอยากรู้เป็นกำลัง หลวงพ่อโอภาสีตอบแบบให้กลับไปคิดว่า " ในโลกก็หกสิบปีแล้ว แต่อายุจริงนั้นอาตมาไม่รู้เลย มันเนินนานเป็นยิ่งนัก "

         หากจะวิเคราะห์กันถึงประเด็นนี้ ท่านผู้รู้ได้กล่าวไว้เป็นสองนัยด้วยกันคือนัยแรก วิญญาณของมหาชวนเดิมนั้นถึงวาระต้องแยกจากสังขารด้วยการมรณภาพตามธรรมดาปกติ วิสัย แต่เมื่อวิญญาณมหาชวนออกไปแล้ว วิญญาณมหาชวนของเทพ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างได้มาสวมร่างของมหาชวนบำเพ็ญบารมีธรรมต่อ ไปท่านจึงบอกว่า อายุในโลกนั้นหกสิบ แต่อายุจริงนั่นไม่รู้ นัยที่สอง เป็นปริศนาธรรมว่า จะรู้อายุไปด้วยเหตุใดกัน หกสิบแล้วก็เท่านั้นแหละ มันไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องมาเรียนรู้เลย แต่จากปากคำของผู้ที่เป็นศิษย์รับใช้มหาชวนตั้งแต่เริ่มมาอยู่วัดบวร ยืนยันว่า มหาชวนเดิมนั้นเป็นพระเรียบร้อย พูดจาเสียงเบาๆ และสำรวมมีสมณสารูปอันน่าเลื่อมใส สมกับเป็นมหาเปรียญเจ็ดประโยค

         แต่เมื่อเป็นโอภาสีแล้ว ผิดกันเป็นคนละคน พูดจาเสียงดัง และโฮกฮากมีอารมณ์ร้อนเหมือนไฟ เหมือนกันเป็นคนละคน แสดงให้เห็นว่า มหาชวนเดิมนั้นน่าจะตายไปจริงตามที่ท่านบอก และที่น่าประหลาดใจก็ คือ ตั้งแต่มหาชวนกลายเป็นหลวงพ่อโอภาสีนั้น จะสะสม  พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไว้เต็มไปหมด และท่านก็เคยถ่ายภาพในอิริยาบถที่ประคองพระบรมรูปไว้หลายครั้งด้วยกัน ผู้เขียนนั้นออกจะเชื่อผู้ที่ว่า โอภาสี คือดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่เข้ามาอาศัยสังขารของมหาชวนในการบำเพ็ญบารมี และน่าจะเป็นวิญญาณที่มาจากต่างมิติ และต่างภพ ซึ่งต้องการมาสร้างบารมีให้แก่กล้าในมนุษย์โลก

ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

         พุทธสมาคมแห่งประเทศอินเดียได้ทำจดหมายนิมนต์หลวงพ่อโอภาสีไปนมัสการสังเวช นียสถาน และให้ญาติโยมได้นมัสการอย่างใกล้ชิด หลวงพ่อรับจดหมายมาอ่าน ในจดหมายแจ้งกำหนดการให้หลวงพ่อไปอินเดียวันที่ 28 ต.ค.2498 แต่แล้วหลวงพ่อให้ศิษย์ตอบจดหมายไปว่าขอเลื่อนไปวันที่ 31 ต.ค. จะสะดวกกว่า จึงมีการเปลี่ยนหมายกำหนดการที่กำหนดไว้เดิมออกไป การไปอินเดียคราวนี้ องค์สรภาณมธุรส บ๋าวเอิง แห่งวัดสมณานัมวรวิหาร สะพานขาวได้ขอเดินทางร่วมไปกับหลวงพ่อโอภาสี โดยไปเรียนให้ทราบถึงสำนักสงฆ์บางมด หลวงพ่อโอภาสีได้ตอบว่า...“ ไม่ได้ดอกคุณ ไปคราวนี้อาตมาไปแบบพิสดารไม่มีพาสสปอร์ต ไม่มีใครไปด้วยเลยสักคน อีกอย่างหนึ่งคุณมีกิจธุระมากไปไม่ได้ จะห่วงหน้าพะวงหลังต่างๆ ”องค์สรภาณมธุรส บ๋าวเอิง ได้กล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดว่า อาตมาสงสัยอยู่แล้วว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน แต่ไม่กล้าซักถามท่าน เกรงบารมีท่านจริงๆ ไม่งั้นคงถามให้รู้เรื่องไปเลย วันที่ 31 ต.ค. ที่ประเทศอินเดีย มิสเตอร์ ยี.อี.เอิร์ด นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศอินเดีย กำลังพักผ่อนอิริยาบถในบ้าน  พลันที่ผนังเบื้องหน้าก็ปรากฏกลุ่มควันจางๆ พวงพุ่งขึ้น และจับกลุ่มกันหนาขึ้น ภายในกลุ่มควันนั้นปรากฏใบหน้าของหลวงพ่อโอภาสีขึ้น ใบหน้าของท่านดูแจ่มใสมีรัศมีกระจายออกมาอย่างสวยงาม ท่านยิ้มให้ มร.เอิร์ด อย่างเมตตา พลันกลุ่มควัน และภาพของท่านก็มลายหายไปทันที มร.เอิร์ด

         ซึ่งเคยได้ข่าวว่าหลวงพ่อจะมาอินเดียแบบพิสดารจากท่าน บ๋าวเอิง ก็รู้สึกว่า น่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ ครั้นตอนสายหน่อยกำลังจะออกจากบ้าน คนรับใช้ก็เข้ามาเรียนบอกว่า มีนักบวชในศาสนาพุทธมาคอยพบอยู่ที่ห้องรับแขก มร.เอิร์ด จึงรีบออกไปพบในห้องรับแขกนั้นเอง ร่างของหลวงพ่อโอภาสีนั่งคอยอยู่ มร.เอิร์ด เข้าไปกราบแทบเท้าท่านด้วยความเคารพ ทำไมหลวงพ่อไม่บอกล่วงหน้า ถึงเวลาที่จะมาจะได้เอารถไปรับจากสนามบิน หลวงพ่อเดินทางมาที่บ้านผมลำบากมากไหม ไม่ลำบากเลย สบายมากฉันมาตามคำพูดของฉันให้คุณได้ประจักษ์ว่า คำพูดของโอภาสีเชื่อถือได้ ฉันลองบอกว่าจะมาแล้วละก็ อะไรก็ห้ามฉันไม่ได้ ฉันมาแล้วละ เธอสบายใจได้ มร.เอิร์ด จึงให้นำน้ำชามาต้อนรับหลวงพ่อโอภาสี และขอตัวไปเตรียมตัวจะเอารถพา หลวงพ่อโอภาสีไปเที่ยวชมภายในเมือง แต่หลวงพ่อโอภาสีได้กล่าวเป็นคำสุดท้ายว่า... ไม่ต้องวุ่นวายหรอกคุณ ฉันเพียงแต่มาให้เห็นเท่านั้นแหละ ไม่ต้องวุ่นวาย มร.เอิร์ด หายไปเพียงสิบนาที ก็พร้อมที่จะนิมนต์หลวงพ่อขึ้นรถ แต่พอมาที่ห้องรับแขก ร่างของหลวงพ่อโอภาสีก็ไม่มีอยู่แล้ว จึงออกไปดูหน้าบ้านก็ไม่พบอีก จึงเรียกคนรับใช้มาสอบถาม คนรับใช้ก็บอกว่า นั่งมองดูหน้าบ้านเป็นเวลานานแล้วไม่เห็นมีพระออกมาเลย มร.เอิร์ด รู้สึกใจหายวาบไม่ยอมออกจากบ้าน เพราะเกรงว่า หลวงพ่ออาจมาเตือนอันตราย แต่แล้วในตอนบ่ายสามโมง โทรเลขด่วนก็มาถึง มร.เอิร์ด  พอฉีกโทรเลขออกอ่าน มร.เอิร์ด ก็เข่าอ่อนทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง  ข้อความในโทรเลขมีใจความว่า... “ หลวงพ่อโอภาสีมรณภาพเวลา 07.30 น. วันที่ 31 กำหนดการงดทั้งหมด ”

         หลวงพ่อโอภาสีมรณภาพตอน 07.30 น. แล้วภาพในกลุ่มควันนั้นเป็นอะไรกันแน่  มร.เอิร์ด รู้สึกเหมือนถูกทุบหัวด้วยตะลุมพุกแล้วหลวงพ่อโอภาสีที่ได้คุยกันอยู่เมื่อ ครู่มาได้อย่างไรกัน นอกจากจะเป็นกายทิพย์ของหลวงพ่อโอภาสี มร.เอิร์ด รีบจองเที่ยวบินที่ด่วนที่สุดเดินทางมาบางมด เมื่อมาถึง...ก็ได้พบศพของหลวงพ่อโอภาสีนอนมรณภาพ มีมุ้งกางไว้เหมือนคนนอนหลับร่างกายไม่แข็ง แต่นิ่มเหมือนคนนอนหลับทั่วๆ ไป เรื่องราวของหลวงพ่อโอภาสี ไปปรากฏร่างถึงอินเดียจึงปรากฏขึ้นจากปากของ มร.เอิร์ด เสียงร่ำไห้ของศิษย์จึงดังระงมขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ศพของหลวงพ่อโอภาสียังไม่ได้เผา ตั้งไว้ที่วัดโอภาสีบางมด จนถึงทุกวันนี้ และไม่เน่าไม่เปื่อย กลับแข็งเป็นหินโดยตลอด สมกับเป็นผู้อุดมด้วยศีลาจารวัตรผู้มาจากต่างมิติสวมร่างของมหาชวน ซึ่งสิ้นบุญมรณภาพไปในช่วงแห่งความตายที่วัดบวรนิเวศวิหาร ก่อนหน้ามรณภาพในต้นปี 2498 นั้น คณะศิษย์ได้ขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลเป็นเหรียญหลวงพ่ออนุญาต แต่ได้สั่งว่า “  เหรียญนี้จะไม่มีรูปโอภาสี เพราะในโลกนี้จะไม่มีโอภาสีอีกต่อไป ครุ คือ อำนาจเสมากับอุณาโลม และรัศมีคือตัวโอภาสีอีกต่อไป  ”

         เหรียญรุ่นสุดท้าย คือ เหรียญครุฑแยกเสมา อันเป็นเหรียญรุ่นแรก และ รุ่นเดียวที่ไม่มีรูปหลวงพ่อโอภาสี แม้หลวงพ่อโอภาสีจะมรณภาพไปเป็นเวลาเกือบ 39 ปีแล้ว  แต่ศิษย์ไม่เคยลืมเลือนควากตัญญูมีการจัดงานสรงน้ำรูปหล่อ และแห่รูปหล่อของหลวงพ่อเป็นประจำ และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงพ่อโอภาสีไม่เคยจากไปไหนเลย แต่อยู่กับพวกเราตลอดกาลนาน ท่านจะคอยดูแลพวกเราเสมอตราบเท่าที่พวกเรายังมีความเคารพในองค์ท่านอยู่ ทุกลมหายใจ มหาชวน มะลิพันธ์ กลายเป็นโอภาสี และโอภาสีได้กลายเป็นพุทธบุตรที่เปี่ยมด้วยพลังเทพต่างมิติ ทุกวันนี้ปัญหาที่ขบไม่แตกก็คือ ท่านหลวงพ่อโอภาสีเป็นใครนักบุญ ผู้มาจากต่างกาลเวลา หรือพระพุทธบุตรผู้มีมหาอภิญญาจิต ท่านผู้อ่านคิดว่าหลวงพ่อโอภาสีเป็นใครกันแน่

คาถาของหลวงพ่อโอภาสีที่ท่านได้มอบให้ศิษย์หมั่นท่องบ่นภาวนาได้เป็นประจำวันว่า...

 “ อิติสุคะโต  อะระหังพุทโธ  นะโมพุทธายะ  ปะฐะวีคงคา  พระภุมมะเทวา  ขะมามิหัง ”

 สวด อยู่กับบ้านป้องกันอันตราย สวดก่อนออกจากบ้านคุ้มกันอันตรายตลอดการเดินทาง ไปต่างถิ่นสวดป้องกันอันตรายต่างๆ ทั้งจากเทวดา และภูตผีปีศาจทั้งหลาย เดินไปในทางเปลี่ยวหยุดภาวนาที่ต้นไม้ใหญ่ หรือ ศาลเจ้าเรียกให้ท่านช่วยติดตามปกป้องภัยได้อีกด้วย เรียกว่า คาถาสำเร็จแห่งหลวงพ่อโอภาสี



ขอขอบคุณที่มา...www.itti-patihan.com
http://www.yorbor.com/index.php?topic=4677.0

12  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี เมื่อ: มิถุนายน 15, 2011, 02:42:02 am
ขึ้นหัวข้อไว้ แต่ไม่ใช่ รู้ประวัติครับ วานผู้รู้ช่วยโพสต์ให้อ่านด้วยครับ



หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี

ประวัติ
หลวงพ่อกบเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ให้ความเคารพ และเลื่อมใสศรัทธาชีวประวัติของท่านไม่ได้บันทึกไว้ชัดเจนเป็นแต่เพียงการเล่าขานสืบต่อกันมาว่าท่านธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่ชายป่าด้านเขาสาริกา เมื่อประมาณปลายปี 2530 โดยที่ไม่มีใครทราบวาท่านมาจากไหน ท่านมีชื่อว่าอะไรและท่านเป็นคนจังหวัดใดหลายคนอยากทราบ ได้พยายามถามท่าน ท่านมักจะตอบว่า “ **จะไปรู้ได้อย่างไร แม้แต่***เอง***ยังไม่รู้ว่า***เป็นใครมาจากไหนและ***จะไปไหนต่อ ” ซึ่งเป็นคำตอบที่นอกจากจะไม่เข้าใจแล้วยังสร้างความงุนงงให้กับผู้ถามเพิ่มขึ้นไปอีกจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบประวัติที่แท้จริงของท่าน

ที่มาของนาม “ หลวงพ่อกบ”
หลวงพ่อกบจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสาริกา ผ่านไปหลายปี ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมากครั้งหนึ่งช่วงออกพรรษาปี พ.ศ.ใดไม่ชัดเจน มีกฐินจากกรุงเทพฯมาทอดที่วัดภายหลังเสร็จสิ้น จากพิธีถวายกฐิน ญาติโยมจากกรุงเทพฯจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องค้างแรมที่วัด หลวงพ่อท่านเมตตาให้ค้างแรมในกุฏิคืนนั้นหลายคนนอนไม่หลับ เพราะไม่ได้ทานข้าวเย็นเนื่องจากที่วัดจัดให้มีไม่พอ เวลาผ่านไปประมาณ 3 ทุ่มก็บังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสพลันก็เกิดเมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้นสักครู่เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าพร้อมฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา สายน้ำไหลเจิ่งนอง ประสานเสียงร้องของกบดังไปทั่วมองลงไปที่ลานหน้ากุฏิ เต็มไปด้วยกบตัวใหญ่ๆ กระโดดโลดเต้นไปมา “ พวกเอ็งหิวไหมว๊ะ ” เสียงเอ่ยถามของหลวงพ่อทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ” หิวขอรับ” “ ถ้างั้นเอ็งรอเดี๋ยว**จะลงไปแทงกบมาให้พวกเอ็งทำต้มยำกิน ” ว่าแล้วท่านก็คว้าฉมวกลงกุฏิไปอย่างรวดเร็วพวกเขามองตามลงไปเห็นหลวงพ่อกำลังใช้ฉมวกทิ่มแทงกบตัวแล้วตัวเล่าอนิจจา!!! ศรัทธาของพวกเขาเริ่มเหือดหายไป แต่ด้วยความหิวคืนนั้นต้มยำกบหม้อใหญ่ก็ถูกกินจนเกือบหมดเช้าวันรุ่งขึ้นมีคนหนึ่งสงสัยว่า ต้มยำกบที่เขากินเมื่อคืนเป็นกบจริงๆ หรือเปล่าเขาจึงย่องเข้าไปดูในโรงครัว เมื่อเปิดฝาหม้อดู เขาก็ต้องผงะตกตลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้วยว่า สิ่งที่เห็นอยู่ในหม้อหาใช่กบไม่แต่เป็นยอดกระถิน และใบมะขามอยู่เกือบครึ่งค่อนหม้อเหตุการณ์นี้ถูกนำมาเล่าต่อๆ กันมาว่าหลวงพ่อท่านสร้างปาฏิหาริย์เสกใบไม้ให้กลายเป็นกบจนกลายมาเป็นที่มาของนามท่าน “ หลวงพ่อกบ ”
มูลเหตุแห่งความศรัทธา
ด้วยปฏิปทาอันแปลกประหลาดของหลวงพ่อกบรวมทั้งปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อกบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าฉงน และไม่สามารถหาคำอธิบายได้เป็นมูลเหตุแห่งความศรัทธา ที่คนทั่วไปเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หลวงพ่อกบท่านเป็นผู้ทรงศีลที่มีฌานสมาบัติขั้นสูง และมีพลังเร้นลับสามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปยากที่จะเข้าใจได้จึงขอนำเรื่องราวดังกล่าวมาเล่าสู่กันฟังพอสังเขป
ปฏิปทา
ปกติหลวงพ่อกบจะบำเพ็ญเพียรภาวนาในท่านั่งยองๆ เป็นเวลายาวนานติดต่อกัน คราวละ 7 – 15 วัน โดยที่ท่านไม่ลุกไปไหนเลย ไม่ฉันอาหาร น้ำหรือแม้แต่การถ่ายหนักเบาเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเข้าใจกันว่าปฏิปทาอันเหลือเชื่อของท่านเกิดขึ้นได้ เพราะท่านสามารถถอดจิตออกจากกายได้ทำให้กายไม่รับรู้ต่อสภาพความหิว และความเจ็บปวดใดๆ
- นั่งท่ายองๆ ไม่ว่าจะสวดมนต์ หรือทำกิจวัตรใดๆ และนอนตะแคงขวาเป็นประจำ
- นุ่งสบงเก่าๆ ผืนเดียว ไม่ห่อจีวร ที่คอแขวนลูกกระพรวน
- อยู่แต่ในวัดไม่เคยเดินออกไปไหนเลย
- ใช้น้ำชาและต้มเครื่องเทศเป็นยารักษาโรคชื่อเสียงของท่านถูกกล่าวขานปากต่อปากผู้คนจำนวนมากมารับการรักษาจากท่านเป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงปฏิปทาที่เต็มไปด้วยความเมตตาอย่างสูงของท่าน
ปรากฏการณ์แปลกประหลาด
- มีผู้คนจากจังหวัดต่างๆมานมัสการและทำบุญกับหลวงพ่อกบอย่างล้นหลามมิได้ขาดพวกเขาเหล่านั้นรู้จักหลวงพ่อได้อย่างไร ? ทั้งๆ ที่หลวงพ่ออยู่แต่ในวัดและชาวบ้านเขาสาลิกาก็ไม่เคยออกไปแจกซองกฐิน หรือซองผ้าป่าที่ไหนเลยถนนหนทางเข้าวัดในขณะนั้นก็ยังไม่มี มันเป็นไป ได้อย่างไร !เมื่อสอบถามดูพวกเขาเหล่านั้นพูดทำนองเดียวกันว่าได้พบเห็นหลวงพ่อกบไปบิณฑบาตที่บ้านตน ด้วยความศรัทธาจึงพากันติดตามถามหาจนมาพบท่าน และทุกอย่างเป็นจริงตามที่หลวงพ่อกบบอกไว้ทุกประการ
- บ่อยครั้งมีผู้พบเห็นท่านในเวลาเดียวกันถึง 2 แห่ง เชื่อกันว่า ท่านสามารถถอดกายทิพย์ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ได้
- ”น้ำชา และต้มเครื่องเทศ” สามารถทำให้โรคภัยไข้เจ็บของชาวบ้านหายได้อย่างไร? เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เป็นไปได้ หรือไม่ ว่า หลวงพ่อกบให้พลังจิตช่วยในการรักษา
- พลังเมตตาบารมี ? หลวงพ่อกบเป็นคนเฉยๆ หากมีคนมานมัสการท่าน ท่านเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาดูไม่ค่อยโอภาปราศรัยด้วย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกทุกคนที่มาหาท่านต่างยอมรับว่ารู้สึกศรัทธา และปลื้มปีติสุข เมื่อได้พบกับหลวงพ่อกบ
มรณภาพ
หลวงพ่อกบท่านละสังขารเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม2496 ในวันนั้นหลวงพ่อโอภาสีได้ขึ้นมาที่วัดและรับเป็นประธานในงานเผาสรีระของท่าน หลวงพ่อโอภาสีทราบได้อย่างไร ? ชาวบ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า " ไม่มีใครส่งข่าวไปบอกท่าน” เพราะหนทางไกล การคมนาคมสมัยนั้นลำบากมาก ในเรื่องนี้เข้าใจกันว่าหลวงพ่อโอภาสี ท่านคงทราบได้ด้วยฌานเช่นเดียวกัน การละสังขารของหลวงพ่อกบยังความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้คนจำนวนมาก
ทุกสิ่ง ทุกอย่างแห่งความดีและความเมตตาอารีของท่านยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของเหล่าพุทธศาสนิกชนอย่างไม่มีวันลืมตราบจนทุกวันนี้

ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บ นี้ครับ
http://www.jk-pra.com/board/read.php?tid=35
13  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / E-book:หนังสือธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 07:56:38 pm
(ขอเชิญอ่าน และ downloadครับ)

ขอเชิญอ่านและ download, E-book หนังสือธรรมะขององค์หลวงตา ได้ที่นี่ครับ

ธรรมะขององค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน (Dharma_Luangta) on Scribd

รวบรวมมาจาก http://www.luangta.com และเว็บที่มีสื่อธรรมะต่างๆ 
บางเล่มถ้าอ่าน online อาจติดปัญหาเรื่อง font ควร download มาเก็บที่เครื่องก่อนครับ

รายชื่อหนังสือ

ประวัติพระอาจารย์มั่น โดยหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/47918216?acc ... luh71fghd2

ปฏิปทาของพระธุดงคกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ - ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/47919267?acc ... a8budd6pn4

วิธีทำสมาธิแบบหลวงปู่มั่น โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/47918879?acc ... lgwrwi69l6

หยดน้ำบนใบบัว (คติธรรมและชีวประวัติของ "หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน")
http://www.scribd.com/full/47918071?acc ... 64xnvyjtpm

หลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
http://www.scribd.com/full/47941333?acc ... 25rsof489u

ชาติสุดท้าย - ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน ( พศ.2550)
http://www.scribd.com/full/47990096?acc ... sf97yd5iwj

ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า"ชาติสุดท้าย" - หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน (พศ2554)
http://www.scribd.com/full/47990323?acc ... 8tkzbq47mp

เรื่องที่คุยกันกับลูกศิษย์ ( ผู้แต่ง : เพ็ญแข กัปปิยบุตร)
http://www.scribd.com/full/47942135?acc ... qu72yrcxc2

วัดป่าบ้านตาด(รู้จักกับป่าบ้านตาด)-ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/47940856?acc ... k5mz4qmsao

ปัญญาอบรมสมาธิ - ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/47987805?acc ... 4ausnn342e

กายคตาสติ : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน , note : มีรูปทางกายวิภาค,อสุภะ ในหนังสือ
http://www.scribd.com/full/47940338?acc ... b9prc9bob3

เข้าสู่แดนอวกาศของจิตของธรรม- ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/48013291?...uba13aspzy5t1g

เข้าสู่แดนนิพพาน-พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/47915725?acc ... 30fgc004yl

ความลึกลับซับซ้อนของจิตวิญญาณ-พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.scribd.com/full/47911227?acc ... kf5q50u42s




ขอบคุณที่มา
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10292051/Y10292051.html

เห็นว่าดีนำมาฝากคะ ในช่วงรวมลิงก์คะ
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรื่องควรรู้ ผู้หญิง กับ พระ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2011, 02:35:32 am
สังฆาทิเสส ๑๓

๑.ภ ิกษุแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน ต้องสังฆาทิเสส.

๒. ภิกษุมีความกำหนดอยู่ จับต้องกายหญิง ต้องสังฆาทิเสส.

๓. ภิกษุมีความกำหนดอยู่ พูดเกี้ยวหญิง ต้องสังฆาทิเสส

๔. ภิกษุมีความกำหนัดอยู่ พูดล่อให้หญิงบำเรอตนด้วยกาม ต้องสังฆาทิเสส.

๕. ภิกษุชักสื่อให้ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน ต้องสังฆาทิเสส.

๖. ภิกษุสร้างกุฎีที่ต้องก่อและโบกด้วยปูนหรือดิน ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ จำเพาะเป็นที่อยู่ของตน ต้องทำให้ได้ประมาณ โดยยาวเพียง ๑๒ คืบพระสุคต โดยกว้างเพียง ๗ คืบ วัดในร่วมใน และต้องให้สงฆ์แสดงที่ให้ก่อน ถ้าไม่ให้สงฆ์แสดงที่ให้ก็ดี ทำให้เกินประมาณก็ดี ต้องสังฆาทิเสส

๗. ถ้าที่อยู่ซึ่งจะสร้างขึ้นนั้น มีทายกเป็นเจ้าของ ทำให้เกินประมาณนั้นได้ แต่ต้องให้สงฆ์แสดงที่ให้ก่อน ถ้าไม่ให้สงฆ์แสดงที่ให้ก่อน ต้องสังฆาทิเสส

๘. ภิกษุโกรธเคือง แกล้งโจทภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล

๙. ภิกษุโกรธเคือง แกล้งหาเลสโจทภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิก ต้องสังฆาทิเสส.

๑๐. ภิกษุพากเพียรเพื่อจะทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง สงฆ์สวดกรรมเพื่อจะให้ละข้อที่ประพฤตินั้น ถ้าไม่ละ ต้องสังฆาทิเสส

๑๑. ภิกษุประพฤติตามภิกษุผู้ทำลายสงฆ์นั้น ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง สงฆ์สวดกรรมเพื่อจะให้ละข้อที่ประพฤตินั้น ถ้าไม่ละ ต้องสังฆาทิเสส.

๑๒. ภิกษุว่ายากสอนยาก ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง สงฆ์สวดกรรมเพื่อจะให้ละข้อที่ประพฤตินั้น ถ้าไม่ละ ต้องสังฆาทิเสส.

๑๓. ภิกษุประทุษร้ายตระกูล คือประจบคฤหัสถ์ สงฆ์ไล่เสียจากวัด กลับว่าติเตียนสงฆ์ ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง สงฆ์สวดกรรมเพื่อจะให้ละข้อที่ประพฤตินั้น ถ้าไม่ละ ต้องสังฆาทิเสส.


คำอธิบาย

       สิกขาบทที่  ๓  ว่า  อนึ่ง  ภิกษุใด  กำหนัดแล้ว  มีจิตแปรปรวน  แล้ว  พูดเคาะมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ  เหมือนชายหนุ่มพูดเคาะ  หญิงสาวด้วยวาจาพาดพิงเมถุน  เป็นสังฆาทิเสส.
       
คำว่า   มาตุคาม  ในสิกขาบทนี้  ในคัมภีร์วิภังค์แก้ว่า  ได้แก่หญิงมนุษย์   เฉพาะรู้เดียงสา  พอจะเข้าใจคำหยาบหรือไม่.  คำนี้ชอบเพราะว่าอันผู้จะพูดวาจาเช่นนั้น  ก็มุ่งความเข้าใจของหญิง  ถ้าหญิงเป็นเด็กไม่รู้เดียงสา   ความปรารถนาของผู้พูดก็ไม่สำเร็จ.  วาจาชั่วหยาบนั้น  ได้แก่ถ้อยคำพาดพิงทวารเบาทวารหนักและเมถุน.   ข้อนี้

พึงรู้ด้วยอาการเคยเสพเมถุนกับสามีของเขา  บอกหรือสอนเพื่อให้เมถุนแก่สามีของเขา  ด้วยอาการอย่างนั้นอย่างนี้.

       หญิง   [อันต้องด้วยลักษณะมาตุคาม  ในสิกขาบทนี้]   เป็นวัตถุแห่งสังฆาทิเสส.   บัณเฑาะก์เป็นวัตถุแห่งถุลลัจจัย.  บุรุษเป็นวัตถุแห่งทุกกฏ.


    เป็นวินัยสงฆ์ ที่ปรับอาบัติขั้นกลาง คะ

เห็นว่ามีประโยชน์ ที่เราอุบาสิกา ทั้งหลาย ควรจะทราบไว้บ้างคะ

15  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วันก่อนตั้งใจ ใส่บาตร แต่ไม่มีพระมาบิณฑบาตร เหมือนทุกวัน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2011, 02:27:37 am
วันก่อนตั้งใจ ใส่บาตร แต่ไม่มีพระมาบิณฑบาตร เหมือนทุกวัน...

ยกข้าวถุง และ อาหาร กับของหวาน ทั้งหมด หลายชุด อธิษฐานว่า

 ข้าวของข้าพเจ้า..... เป็นต้น

แต่พระไม่มา จนกระทั่งต้องไปทำงาน ก็นำใส่รถไปด้วย เผื่อจะได้ใส่ข้างทาง

ปรากฏว่า ไม่พบพระเลย ( สงสัยมารมาบัง )

ก็เลยมีตระกร้าอาหาร เกือบ 10 ชุดติดไปถึงที่ทำงาน

พอช่วงใกล้เที่ยงนึกขึ้นมาได้ ด้วยความเสียดาย จึงนำอาหารนั้น มาแจกจ่ายเพื่อน ๆ ลูกน้องและ

ตนเองแทน ค่าอาหารชุดนี้ 15 ชุด ๆ ละ 50 บาท การสละทานวันนี้รวมเป็นเงิน 750 บาทแต่

ได้แจกจ่ายไปเป็นคนทั่วไปและตัวเอง ผิดวัตถุประสงค์

ก็เลยมาติดใจว่า เราหลงกลมาร หรือ ไม่

อาหารที่เราอธิษฐาน ใส่บาตรพระ แต่นำมาบริโภคเสียเองเพราะเหตุนี้ จัดเป็นบาป หรือ ไม่

มานั่งนึกดูแล้ว มารทำให้เราแย่ เสียกระมัง.....

ท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะ ด้วยคะ
 :17: :17: :17: :17: :17:
16  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การสวดคาถาชินบันชร ที่เจ้าประคุณสมเด็จโต มอบไว้นั้น...จัดเป็นพระปริตร ด้วยหรือไม่ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 11:08:54 pm
การสวดคาถาชินบันชร ที่เจ้าประคุณสมเด็จโต มอบไว้นั้น...จัดเป็นพระปริตร ด้วยหรือไม่ครับ
คือได้สวดมาตั้งนาน แต่พอศึกษาไป กลับไม่ใช่บทสวดที่มาในพระไตรปิฏก การสวดแบบนี้จะมี
อำนาจ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เกิดได้จริง หรือ ครับ

 อย่างที่บางคนว่า สวดสามารถขับผี กันคุณไสย เหล่านี้ เมื่อพิจารณาจากบทสวด และ คำแปลแล้ว
ผมชักไม่มั่นใจในการสวดว่าจะมีอานุภาพ ได้อย่างที่เข้าใจแบบเมื่อก่อน หรือ ผมยังมีความเข้าใจสิ่งใด
ที่ยังผิดพลาดอยู่ วาน ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ
 :25:
17  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / สนทนาธรรม ร้อยคน ร้อยธรรม ร้อยห้าปีพุทธทาส ครั้งที่ 2 29 ม.ค.54 เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 12:11:54 am


สำนักพิมพ์สุขภาพใจขอเชิญร่วมกิจกรรมสนทนา

ธรรมร้อยคน ร้อยธรรม ร้อยห้าปีพุทธทาส

ครั้งที่ 2 วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554 เวลา 14.00-15.30 น.
สวนโมกข์กรุงเทพฯ (หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ)

 

“ การ เผยแผ่พระศาสนา ด้วยการทำตนเป็นตัวอย่างแห่งบุคคลผู้มีความสุขให้ดูนี้  เป็นขั้นที่มีผลมากที่สุด แต่ก็ทำได้ยากอย่างที่สุด  และไม่อาจวางโครงการชนิดที่จะจำแนกอย่างนั้นอย่างนี้ได้ ในที่นี้ขอแต่เพียงให้ผู้ที่ได้ประสบผลอันเลิศของธรรมะแล้วเพียงใด  จงเป็นอยู่อย่างเปิดเผยเพียงนั้น เพื่อเกิดกำลังใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นก็พอแล้ว ” -พุทธทาสภิกขุ-

http://www.bia.or.th/
18  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / เเง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป โดยพิษณุ นิลกลัด เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 12:41:43 am
เเง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป โดยพิษณุ นิลกลัด

เพื่อนผมคนหนึ่งได้ ฟอร์เวิร์ดเมลว์ ข้อเขียนของคุณพิษณุ นิลกลัด มาให้อ่าน ซึ้งมาก ให้ทั้งแง่คิดในการรับมือกับความตายอย่างรู้เท่าทัน การมองโลกในแง่ดี ลองมาอ่านกันดูนะครับ ขอขอบคุณ คุณพิษณุ ที่เขียนเรื่องจริงดีๆอย่างนี้มาให้อ่านกัน

แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป
โดย พิษณุ นิลกลัด

    สัปดาห์ สุดท้ายของปี๒๕๔๘ ผมไป งานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย ๘๑ ปีที่ผมรู้จักเขามายาวนาน ๓๐ ปี ไม่ใช่ญาติแต่สนิทกันรักใคร่เสมือนญาติ ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่า
    สวด ๓ วันแล้วเผา ไม่ ต้องบอกใครให้วุ่นวาย อย่าเศร้า อย่าร้องไห้ ทุกคนต้องมีวันนี้ เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน แล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง

สวด ๓ วันเผา งานสวด ๓ คืน มีคนฟังพระสวดคืนละ ๑๔ คน คือ เมีย ลูก หลาน เขย สะใภ้ และผม ซึ่งเป็นคนนอก เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด

    วัน เผามีเพิ่มเป็น ๑๗ คน สามคน ที่เพิ่มเป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็นคนหนึ่ง เป็นแม่ค้าลอตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่าย เลยเอาลอตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงินงวดละสองใบคนหนึ่ง และคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น ทั้งสามคนบอกว่าเกือบมาไม่ทันเผาเคราะห์ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว ๓ วัน

หลังฌาปนกิจ พระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัดว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระ อภิธรรมแล้วหรือยัง พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย แต่ด้วยความที่รักและศรัทธาอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ จึง ดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือดร้อน แม้กระทั่งวันตาย



ผม สนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม ที่เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้ เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้ พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตาและให้ความเมตตา

การมีโอกาส ได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด ๓๐ ปี ทำให้ได้แง่คิดดีๆมาใช้ในการดำรงชีวิต วันหนึ่งเขารู้ว่าขโมยยกชุดกอล์ฟของผมไปสองชุดราคา ๔ แสนกว่าบาท เขาปลอบใจผมว่า ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมียครอบครัวเขา คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์

เขามี วิธีคิด “เท่ๆ” แบบผมคิดไม่ได้มากมาย เป็นต้นว่า สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเขาต่อสู้กับ โรคชรา เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์ และไตทำงานเพียง ๕ เปอร์เซ็นต์โดยไม่ปริปากบ่น แถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยที่ตัวเองต้อง หิ้วถุงปัสสาวะไป ด้วยตลอดเวลา เนื่องจากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเองไม่ได้

๖ เดือนสุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวัน นอนบ้านสี่วัน สลับกันไป เวลาลูกหลานหรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน ๑๐ นาที แต่ ๑๐ นาที ที่พูดมีแต่เรื่องสนุกสนาน เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไปเยี่ยมไข้ ทุกคนพูดตรงกันว่า “ คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม” พอแขกกลับ ลูก หลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก เขาตอบว่า "ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก”

เขา เป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่ บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้วแต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้านเพราะ ยังคุยไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์ !

๔เดือนสุดท้ายของ ชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์น จนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนก แนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรงแล้วค่อยกลับบ้าน แต่อยู่ได้ ๔ วันเขาวิงวอนหมอว่าขอกลับบ้าน หมอซึ่งรักษากันมา ๑๖ ปี ไม่ยอม เขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า “ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง คุณหมอไม่รู้หรอกว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร เพราะพอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน” หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้าน แต่กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง

๑ เดือน ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด เคลื่อนไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก เวลาลูก เมียพูดคุยด้วยต้องบอกว่า “ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที” เขากะพริบตาสองทีทุกครั้ง ! เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย

เขายังรับ รู้ แต่พูดไม่ได้ นี่กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง สิบวันก่อนพลัดพราก ภรรยากระซิบข้างหูว่า “พ่อสู้นะ” เขาไม่กะพริบตาซะแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า “สู้” เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค สู้ชนิดที่หมอออกปากว่า “คุณลุงแกสู้จริงๆ”

ตอนที่วางดอกไม้จันทน์ ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า “โรค ภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย”

“แง่ คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป” สอน ให้เรารู้ว่า... เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์ และมันสมองมหัศจรรย์ที่จะสามารถเรียนรู้ แยกแยะเรื่องดีๆและสิ่งร้ายๆในชีวิต จงใช้โอกาสดีๆที่ร่างกายและจิตใจของเรา ยังทำอะไรๆได้อย่างที่สมองสั่ง จงเรียนรู้และสร้างประโยชน์สุขให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ! หากทุกๆครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม เราพลาด อาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางที แม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที..แต่ขอให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่าการล้มหรือพลาดครั้งต่อไป เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม

ขอบคุณเนื้อหา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=asiaw&month=15-01-2011&group=7&gblog=43
19  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / คนเป็นทอมแปลงเพศแล้ว บวชพระได้หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 11:32:38 pm
คนเป็นทอมแปลงเพศแล้ว บวชพระได้หรือป่าวคะ อยากรู้คะเพราะมีเพื่อนเป็นทอมคนหนึ่งแบบว่า
บอกว่าแปลงเพศแล้ว บ่นอยากบวชพระกับเขาบ้าง เป็นไปได้หรือป่าวคะ
 :93:
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สลด..แม่กอดลูกวัย 3 วัน โดดตึก รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ดับคู่ เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 01:34:43 am
สลด..แม่กอดลูกวัย 3 วัน โดดตึก รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ดับคู่ คาดเครียดค่ารักษา-ลูกตัวเหลือง

วาน นี้ (21 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.45 น. วันที่ 21 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเกิดเหตุสลดใจ สองแม่ลูกที่เพิ่งคลอดลูกน้อยได้เพียง 3 วัน โดดจากตึกชั้น 13 ภายในโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ แขวงบางคอแหลม กทม. ตกลงมาเสียชีวิตทั้งแม่ และลูก โดยทางพยาบาลชี้แจงเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เป็นแม่ได้ขออนุญาติอุ้มลูกพาเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้น ได้หายไป เมื่อทราบอีกทีปรากฏว่า ตกลงมาเสียชีวิตดังกล่าว

นายประภาส รัชตะสัมฤทธิ์ ผอ.รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ชี้แจงว่า การโดดตึกจนเสียชีวิตของสองแม่ลูก นับว่าเป็นเรื่องที่สลดใจเป็นอย่างมาก โดยในวันนี้ หากตรวจร่างกายของสองแม่ลูกแล้วไม่พบอาการผิดปกติ ก็จะอนุญาติให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งเบื้องต้น อาการของลูกนั้น มีอาการตัวเหลืองอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องหน้าหวั่นวิตก เพราะเป็นเรื่องปกติของเด็กที่เกิดใหม่ แล้วอาจมีอาการเช่นนี้บ้าง

เมื่อถามว่า ฝ่ายแม่กังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลหรือไม่ ผอ.โรงพยาบาล กล่าวว่า ผู้เป็นแม่ไม่น่ากังวลเรื่องนี้ เนื่องจากมีบัตรที่สามารถคลอดลูกโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ทางสามี ซึ่งมีอาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง ก็มาเยี่ยมดูแลเป็นปกติ รวมถึงญาคติคนอื่น ๆ และก่อนที่จะคลอด ก็มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลถึง 9 ครั้ง และในระหว่างที่คลอด ทางพยาบาลก็ดูแลทุกชั่วโมง ซึ่งตนตอบไม่ได้ว่าสาเหตุที่แม่ต้องกอดลูกโดดลงมาจากตึกของโรงพยาบาลนั้น เกิดจากสาเหตุใดแน่ ขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับศพของสองแม่ลูก ได้ถูกส่งไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ แล้ว และทางโรงพยาบาลก็จะตรวจสอบหาสาเหตุที่สองแม่ลูกต้องตัดใจโดดตึกฆ่าตัวตาย พร้อมกันในครั้งนี้ มาชี้แจงให้สื่อมวลชนได้ทราบอีกครั้ง.

ที่มาข่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=116684
หน้า: [1]