ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.  (อ่าน 10078 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.
« เมื่อ: มีนาคม 18, 2014, 10:50:16 am »
0

เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.

เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในชั้นบาลีและอรรถกถาหลายแห่งด้วยกัน ปัญหามีอยู่ว่า แต่ละแห่งเรียงอักษรไว้ต่างกัน
   -  แห่งแรกเป็นที่แผ่หลายโดยทั่วไป คือ ทุ. สะ. นะ. โส. อยู่ในชั้นอรรถกถา
      อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕ เรื่องบุรุษคนใดคนหนึ่ง
      http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=15&p=1
   - แห่งที่สองอักษรเรียงดังนี้ ส. โส. น. ทุ. อยู่ในอรรถกถา
      อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค โกสลสังยุตต์ ปฐมวรรคที่ ๑ ยัญญสูตรที่ ๙
      http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=349
   - แห่งที่สามอักษรเรียงดังนี้ ส. น. ทุ. โส. อยู่ในบาลีและอรรถกถา
      พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
      ๑๕. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ ว่าด้วยบุพกรรมของเปรตเศรษฐีบุตร
      http://www.84000.org/tipitaka/read/?26/135
      ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=135
               
      เรื่องที่อยู่ในชั้นบาลีเป็นเรื่องน่าเชื่อถือที่สุด ขอยกมาแสดงดังนี้

 ask1 ask1 ans1 ans1

พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๖
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๑๕. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ ว่าด้วยบุพกรรมของเปรตเศรษฐีบุตร


พระศาสดาได้ตรัสพระคาถาที่เปรต ๔ ตน ปรารภจะกล่าวคนละคาถาให้บริบูรณ์ว่า
     [๑๓๕] เมื่อพวกเราพากันหมกไหม้อยู่ในนรก ๖ หมื่นปีเต็มบริบูรณ์ โดยประการทั้งปวง เมื่อไรที่สุดจักมี.(คาถาที่ ๑)
     ที่สุดไม่มี ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ เพราะเรากับท่านได้ทำบาปกรรมไว้.(คาถาที่ ๒)
     พวกเราเหล่าใดไม่ให้ของที่มีอยู่ พวกเราเหล่านั้นย่อมเป็นอยู่ลำบาก เมื่อไทยธรรมมีอยู่ พวกเราไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน.(คาถาที่ ๓)
     เรานั้นไปจากเปตโลกนี้ ได้กำเนิดเป็นมนุษย์แล้ว จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ สมบูรณ์ด้วยศีล ทำกุศลให้มากเป็นแน่.(คาถาที่ ๔)

         จบ เสฏฐิปุตตเปตวัตถุที่ ๑๕.

 ask1 ask1 ans1 ans1

พระไตรปิฎก ภาษาบาลี (ฉบับสยามรัฐ) เล่มที่ ๒๖
สุตฺตนฺตปิฏเก เล่มที่ ๑๘ ขุทฺทกนิกายสฺส วิมานวตฺถุ-เปตวตฺถุ-เถรคาถา-เถรีคาถา


[๑๓๕] ฏฺฐี วสฺสสหสฺสานิ ปริปุณฺณานิ สพฺพโส นิรเย ปจฺจมานานํ กทา อนฺโต ภวิสฺสติฯ (คาถาที่ ๑)
          ตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ ตถา หิ ปกตํ ปาปํ มม ตุยฺหญฺจ มาริสฯ (คาถาที่ ๒)
          ทุชฺชีวิตมชีวมฺห เย สนฺเต น ททมฺหเส สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ ทีปํ นากมฺหมตฺตโนฯ (คาถาที่ ๓)
          โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา โยนึ ลทฺธาน มานุสึ วทญฺญู สีลสมฺปนฺโน กาหามิ กุสลํ พหุนฺติฯ (คาถาที่ ๔)

                   เสฏฺฐิปุตฺตเปตวตฺถุ ปณฺณรสมํ ฯ


ที่มา http://etipitaka.com/compare?utf8=%E2%9C%93&lang1=thai&volume=26&p1=200&lang2=pali&commit=%E2%96%BA
ขอบคุณภาพจาก http://4.bp.blogspot.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2014, 10:54:34 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 18, 2014, 11:17:43 am »
0

อรรถกถา ขุททกนิกาย เปตวัตถุ มหาวรรคที่ ๔
๑๕. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ

      อรรถกถาเสฏฐิปุตตเปตวัตถุที่ ๑๕              
     เรื่องเปรตผู้เป็นบุตรเศรษฐีนี้ มีคำเริ่มต้นว่า สฏฺฐิวสฺสสหสฺสานิ ดังนี้.

     เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร.?
     พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันกรุงสาวัตถี.
     ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงประดับตกแต่งแล้วเสด็จขึ้นคอช้างเผือกประเสริฐ เสด็จเลียบพระนครด้วยราชฤทธิ์อันใหญ่ ด้วยราชานุภาพอันใหญ่ ทรงทอดพระเนตรเห็นแล้ว หญิงคนหนึ่งมีส่วนเปรียบด้วยนางเทพอัปสรเพราะสมบูรณ์ด้วยรูป เปิดหน้าต่างชั้นบนปราสาท ในเรือนหลังหนึ่งแลดูการตบแต่งองค์พระราชานั้น มีจิตกลุ้มรุมด้วยความฟุ้งแห่งกิเลสที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันในอารมณ์ที่ไม่เคยเห็น
     แม้จะมีชนในพระราชวังผู้สมบูรณ์ด้วยคุณวิเศษมีตระกูล รูปและอาจาระเป็นต้น ก็มีจิตปฏิพัทธ์ในหญิงนั้น ด้วยอำนาจจิตที่ข่มได้ยาก เกิดเร็วดับเร็วเป็นสภาวะ จึงได้ให้สัญญาแก่บุรุษผู้นั่งอยู่หลังพระอาศน์ว่า เธอจงตรวจดูปราสาทนี้และหญิงนี้ แล้วเสด็จเข้าไปยังพระราชนิเวศน์.

     เรื่องอื่นทั้งหมดพึงทราบโดยนัยที่มาแล้วในเรื่องอัมพสักขรเปรตนั้นแล.
     ส่วนความแปลกกันมีดังต่อไปนี้ :-
     ในเรื่องนี้ บุรุษมาในเมื่อพระอาทิตย์ยังไม่อัศดงคต เมื่อเขาปิดประตูเมือง จึงวางดินสีอรุณและดอกอุบลที่ตนนำมา ไว้ที่บานประตูเมือง แล้วไปยังพระเชตวันมหาวิหารเพื่อจะนอน.
     ฝ่ายพระราชาเสด็จเข้าที่ประทับบนที่บรรทมอันเป็นศิริ ในเวลามัชฌิมยาม
     ได้ทรงสดับอักขระ ๔ ตัวเหล่านี้ คือ ส น ทุ โส
     ด้วยเสียงขรม เหมือนเปล่งออกด้วยลำคอใหญ่


      :sign0144: :sign0144: :sign0144:

     ได้ยินว่า ในอดีตกาล เศรษฐีบุตร ๔ คนชาวเมืองสาวัตถี มัวเมาด้วยความเมาในโภคทรัพย์ ได้ประสบอกุศลเป็นอันมากด้วยอำนาจกรรมที่ส้องเสพภรรยาคนอื่น ในเวลาเป็นหนุ่ม ภายหลังทำกาละแล้วบังเกิดในโลหกุมภี ใกล้นครนั้นนั่นเอง ไหม้อยู่ถึงขอบปากโลหกุมภีประสงค์จะกล่าวคาถาคนละคาถา จึงได้กล่าวเพียงอักขระต้นแห่งคาถาเหล่านั้นที่ตนเปล่งขึ้น ได้รับเวทนาก็กลับลงสู่โลหกุมภี.

     ฝ่ายพระราชาทรงสดับเสียงนั้น สะดุ้งตกพระทัย ทรงสลด เกิดขนพองสยองเกล้า ทรงให้ราตรีที่เหลือนั้นล่วงไปโดยลำบาก พอราตรีสว่างจึงรับสั่งให้เรียกปุโรหิตมาแล้วตรัสเล่าเรื่องนั้น.

     ปุโรหิตเป็นคนติดลาภรู้ว่าพระราชาสะดุ้งตกพระทัย จึงคิดว่าอุบายอันเป็นเหตุให้เกิดลาภแก่เราและแก่พวกพราหมณ์ เกิดขึ้นแล้วแล จึงทูลว่า ข้าแต่มหาราช อุปัทวันตรายอย่างใหญ่หลวงนี้เกิดขึ้นแล้วหนอ ขอพระองค์จงบูชายัญอันประกอบด้วยหมวด ๔ แห่งวัตถุทั้งปวง.


      :32: :32: :32:

    พระราชาทรงสดับคำของปุโรหิตนั้นแล้ว จึงสั่งอำมาตย์ทั้งหลายว่า เออ พวกเธอจงตระเตรียมอุปกรณ์ยัญ ๔ หมวดแห่งวัตถุทั้งมวล.

      พระนางมัลลิกาเทวี ได้ทรงสดับดังนั้น จึงทูลพระราชาอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า เพราะเหตุไร พระองค์ทรงสดับคำของปุโรหิตนั้นแล้ว จึงมีพระประสงค์จะกระทำกิจ คือการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์เป็นอันมาก พระองค์ควรทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระญาณอันเที่ยวไปไม่ติดขัดในที่ทั้งปวง มิใช่หรือ. และพระองค์ควรปฏิบัติอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์แก่พระองค์.
      พระราชาทรงสดับคำของพระเทวีแล้ว เสด็จไปเฝ้าพระศาสดากราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.



      พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร เหตุจากเสียงนั้นที่จะเป็นอันตรายอะไรๆ แก่พระองค์หามีไม่ ดังนี้แล้ว จึงได้ตรัสประวัติของสัตว์ผู้เกิดในโลหกุมภีเหล่านั้น ตั้งแต่ต้นจึงได้ตรัสคาถาที่เปรตเหล่านั้นเริ่มเปล่งแต่ละตน ให้บริบูรณ์ว่า :-

     (คาถาที่ ๑. ส) เมื่อพวกเราพากันหมกไหม้ในนรก หกหมื่นปีเต็มบริบูรณ์ โดยประการทั้งปวง เมื่อไรที่สุดจักมี.
     (คาถาที่ ๒. น) ที่สุดไม่มี ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ เพราะเรากับท่านได้ทำบาปกรรมไว้.
     (คาถาที่ ๓. ทุ) พวกเราเหล่าใดไม่ให้ของที่มีอยู่ พวกเราเหล่านั้นย่อมเป็นอยู่ลำบาก เมื่อไทยธรรมมีอยู่ พวกเราไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน.
     (คาถาที่ ๔. โส) เรานั้นไปจากเปตโลกนี้ ได้กำเนิดเป็นมนุษย์แล้ว จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ สมบูรณ์ด้วยศีล ทำกุศลให้มากเป็นแน่.

     st12 st12 st12

     บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สฏฺฐิวสฺสสหฺสานิ แปลว่า หกหมื่นปี.
     ได้ยินว่า สัตว์ผู้เกิดในโลหกุมภีนรกนั้น จมลงไปเบื้องล่างถึงพื้นภายใต้สามหมื่นปี แม้ขึ้นมาข้างบนจากพื้นล่างนั้นถึงส่วนขอบปากสามหมื่นปีเหมือนกัน, ด้วยสัญญานั้น เปรตนั้นประสงค์จะกล่าวคาถาว่า
     สฏฺฐิวสฺสสหสฺสานิ ปริปุณฺณานิ สพฺพโส พวกเราหมกไหม้อยู่ในนรก หกหมื่นปีเต็มบริบูรณ์โดยประการทั้งปวง ดังนี้ จึงกล่าวว่า ส ประสบเวทนาเกินประมาณ ล้มคว่ำหน้าลง.

     ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคาถานั้นให้บริบูรณ์แก่พระราชา.
     แม้ในคาถาที่เหลือก็นัยนี้.
     บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กทา อนฺโต ภวิสฺสติ ความว่า เมื่อพวกเราหมกไหม้อยู่ในโลหกุมภีนรก เมื่อไรหนอที่สุดแห่งทุกข์นี้จักสิ้นสุดลง.
     บทว่า ตถา หิ ความว่า ที่สุดแห่งทุกข์นี้ย่อมไม่มีแก่ท่านและแก่เรา ที่สุดจักไม่ปรากฏฉันใด พึงกล่าวเปลี่ยนวิภัติว่า ท่านกับเราได้กระทำกรรมอันลามกไว้ฉันนั้น คือโดยประการนั้น.


      :91: :91: :91:

     บทว่า ทุชฺชีวิตํ ได้แก่ ชีวิตอันวิญญูชนพึงติเตียน.
     บทว่า เย สนฺเต ความว่า พวกเราเหล่าใด เมื่อไทยธรรมมีอยู่ คือปรากฏอยู่.
     บทว่า น ททมฺหเส แปลว่า ไม่ได้ให้แล้ว.
     เพื่อจะกระทำเรื่องที่กล่าวแล้วนั้นแลให้ปรากฏชัด ท่านจึงกล่าวว่า เมื่อไทยธรรมมีอยู่ พวกเราไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน ดังนี้.

     บทว่า โสหํ ตัดเป็น โส อหํ แปลว่า เรานั้น.
     ศัพท์ว่า นูน เป็นนิบาตลงในอรรถว่าปริวิตก.
     บทว่า อิโต ได้แก่ จากโลหกุมภีนรกนี้.
     บทว่า คนฺตฺวา แปลว่า ไปปราศแล้ว.
     บทว่า โยนึ ลทฺธาน มานุสึ ได้แก่ ได้กำเนิดมนุษย์ คืออัตภาพมนุษย์.


      :03: :03: :03:

     บทว่า วทญฺญู ได้แก่ ผู้มีการบริจาคเป็นปกติ. หรือผู้รู้ถ้อยคำของผู้ขอ.
     บทว่า สีลสมฺปนฺโน ได้แก่ ผู้ถึงพร้อมด้วยศีลและอาจาระ.
     บทว่า กาหามิ กุสลํ พหุ ความว่า เราไม่ถึงความประมาทเหมือนในกาลก่อนจักกระทำ คือก่อสร้างกุศล คือบุญกรรมไว้ให้มาก คือให้เพียงพอ.

     พระศาสดาครั้นตรัสพระคาถาเหล่านี้แล้ว จึงทรงแสดงธรรมโดยพิสดาร.
     เมื่อจบเทศนา บุรุษผู้นำดินเหนียวและดอกอุบลแดง ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. พระราชาทรงเกิดความสังเวช ทรงละความเพ่งเล็งในหญิงที่ผู้อื่นหวงแหน ได้เป็นผู้ยินดีแต่ภรรยาของตน ฉะนี้แล.

               จบอรรถกถาเสฏฐิปุตตเปตวัตถุที่ ๑๕           


ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=135
เนื้อความในพระไตรปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=4911&Z=4922   
ขอบคุณภาพจาก http://bbznet.pukpik.com/ , http://share.psu.ac.th/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2014, 11:26:31 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 18, 2014, 01:57:55 pm »
0
 st12 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 18, 2014, 08:35:23 pm »
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
[๑๓๕] สฏฺฐี วสฺสสหสฺสานิ ปริปุณฺณานิ สพฺพโส นิรเย ปจฺจมานานํ กทา อนฺโต ภวิสฺสติฯ (คาถาที่ ๑)
          นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ ตถา หิ ปกตํ ปาปํ มม ตุยฺหญฺจ มาริสฯ (คาถาที่ ๒)
          ทุชฺชีวิตมชีวมฺห เย สนฺเต น ททมฺหเส สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ ทีปํ นากมฺหมตฺตโนฯ (คาถาที่ ๓)
          โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา โยนึ ลทฺธาน มานุสึ วทญฺญู สีลสมฺปนฺโน กาหามิ กุสลํ พหุนฺติฯ (คาถาที่ ๔)


(คาถาที่ ๑. ส) เมื่อพวกเราพากันหมกไหม้ในนรก หกหมื่นปีเต็มบริบูรณ์ โดยประการทั้งปวง เมื่อไรที่สุดจักมี.
(คาถาที่ ๒. น) ที่สุดไม่มี ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดย่อมไม่ปรากฏ แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ เพราะเรากับท่านได้ทำบาปกรรมไว้.
(คาถาที่ ๓. ทุ) พวกเราเหล่าใดไม่ให้ของที่มีอยู่ พวกเราเหล่านั้นย่อมเป็นอยู่ลำบาก เมื่อไทยธรรมมีอยู่ พวกเราไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน.
(คาถาที่ ๔. โส) เรานั้นไปจากเปตโลกนี้ ได้กำเนิดเป็นมนุษย์แล้ว จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ สมบูรณ์ด้วยศีล ทำกุศลให้มากเป็นแน่.


 ถ้าเข้าใจง่าย ๆ ก็ตามนี้ นะคะ

  thk56 thk56 thk56
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เมื่อยามมีชีิวิต อยู่ ไม่ประกอบศีล ทาน เมื่อตายไป จึงเสียใจในภายหลัง

  น่าจะเป็นความหมายนี้ นะคะ อะไรก็ตาม มักคิดได้ เมื่อสิ่งนั้นไม่มีแล้ว

 ย้อนรอยกลับมาที่พระธรรม ตอนนี้พระธรรม มีอยู่ คนไม่สนใจกัน เมื่อพระธรรม อัตตรธาน หายไปหมด วันนั้นก็คงต้องมานั่งเสียใจ และ ร้องเรียก โหยหา กัน

  ผู้แจกธรรม ในวันนี้ก็เช่น กัน เห็นว่า มีชีวิตอยู่ ก็เลยไม่สนใจกัน
  เมื่อผู้แจกธรรม หมดสิ้นไป ก็มานั่ง คร่ำครวญว่า เสียดาย จัง

  ความหมายน่าจะเป็นเช่นนี้ นะคะ

 :49: :88: :58:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 25, 2014, 02:43:44 pm »
0
เป็นเรื่อง วิจัย วิจารณ์ธรรม น่าอ่าน ความหมายชัดเจน ในเรื่องของ เปตรทั้ง 4 ที่โผล่ขึ้นมากล่าวเพียง 1 คำ ของคาถา ได้เท่านั้นกว่าจะกล่าวได้หมดทั้งคาถา ต้องใช้เวลากี่แสนกัปป์

  ยามเป็น หลงงมงาย
  ยามตาย คิดถึงบุญกรรม
  ยามเป็น ก็ขี้เกียจ
  ยามจะตาย ทำจะเป็นอยากขยัน

  :88:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เปรตผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 26, 2014, 12:23:46 am »
0
ทุ   สะ   นะ   โส

สำหรับสี่พยางค์ข้างต้นเป็นคาถาหัวใจเปรต ที่มีไว้เตือนสติพวกที่มีจิตสันดานต่ำชอบเอาเมียคนอื่น

ผมได้มีโอกาสกล่าวคาถานี้กับพระอาจารย์ในคราที่ไปร่วมงานบุญวันเกิดพระอาจารย์จิ๋ว...ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2014, 12:34:37 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา