ห้องอานาปานสติกรรมฐาน พระบรมศาสดา ตรัสว่า ดูกร ราหุล เธอจงเจริญอานาปานสติเถิด เพราะอานาปานสติที่บุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มา ดังนี้
สมเด็จพระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติกรรมฐาน อันบุคคลอบรมดีแล้ว เจริญให้มากแล้ว ทำให้ชำนาญ ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ให้บริบูรณ์ได้ ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน๔ให้บริบูรณ์ได้แล้ว ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ประการให้เจริญได้ โพชฌงค์ ๗ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมยัง วิชชา และ วิมุตติ ให้เกิดขึ้นได้ เป็นปทัฏฐานแห่งมรรค ผล นิพพาน เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ เปรียบดังผ้าขาวที่บริสุทธิ์
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสรรเสริญอานาปานสติว่าเป็น อริยวิหาร ธรรมเครื่องอยู่ของพระอริยเจ้า พรหมวิหาร ธรรมเครื่องอยู่ของพรหม และ ตถาคตวิหาร ธรรมเครื่องอยู่ของพระพุทธเจ้า อานาปานสติ ถือเอาทางลมกระทบถูก
พระโยคาวจรเจริญพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ จนบรรลุ อุปจารสมาธิ แล้วเมื่อจะเลื่อนลำดับจิตสมาธิให้ประณีตขึ้นสู่ อัปปนาสมาธิ ท่านให้เปลี่ยนเอาพระกรรมฐานที่มีปฏิภาคนิมิต, อัปปนาสมาธิ โบราณจารย์ มีสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) เป็นต้น ท่านกำหนดให้เจริญเอายัง อานาปานสติกรรมฐาน อันเป็นยอดของพระกรรมฐาน ในชั้นแรกกำหนดให้เจริญไปในทางสมถะกรรมฐานก่อน เพื่อทำให้จิตประณีตขึ้น เป็นบาทฐาน ของวิปัสสนาต่อไป เมื่อจะเจริญสมถะ ในห้อง อานาปานสติกรรมฐาน ท่านให้กำหนดรู้โดยย่อดังนี้
๑.
คณนา ได้แก่การนับ เพราะอานาปานสติกรรมฐานนี้ เป็นพระกรรมฐานที่เกี่ยวเนื่องด้วยลมหายใจ เริ่มด้วยลมหายใจออก และ ลมหายใจเข้า หายใจออกให้นับ ๑-๒-๓-๔-๕ เป็น อนุโลม เดินหน้า หายใจเข้าให้นับ ๕-๔-๓-๒-๑ เป็น ปฎิโลม ถอยหลัง
๒.
อนุพนฺธนา ได้แก่การติดตามลม เมื่อนับแล้วซึ่งลม ก็ให้มีสติกำหนดหมายตามลมหายใจเข้า – ออก อย่างต่อเนื่อง
๓.
ผุสนา ได้แก่การกระทบ เมื่อนับลมแล้วเอาสติกำหนดตามลมหายใจเข้า-ออก แล้วจึงกำหนดว่า ลมหายใจเข้า-ออก ไปกระทบที่ไหนบ้าง เช่นที่ขื่อจมูก ปลายจมูก นี้เรียกว่าการกระทบ
๔.
ฐปนา ได้แก่การตั้งมั่น นับลมแล้วจึงกำหนดสติ ติดตามลมว่า ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกไปกระทบ (ผุสนา) ที่ไหนบ้าง เมื่อรู้ว่าลมหายใจเข้าออกกระทบที่ไหนแล้ว ควรกำหนดจิตให้ตั้งมั่นอยู่ที่ ลมกระทบนั้น ทำนิมิตให้มั่นคงเช่นลมกระทบที่ปลายจมูก ก็กำหนดจิตให้ตั้งมั่นคงไว้ที่ปลายจมูก
คณนา การนับ ย่อมระงับวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
อนุพันธนา การติดตามย่อมระงับความวิตกที่หยาบและทำอานาปานสติเกิดขึ้นไม่ขาดตอน
ผุสนา การกระทบ ย่อมกำจัดความฟุ้งซ่าน และทำให้สัญญามั่นคง
ฐปนา การตั่งมั่น ย่อมทำให้จิตตั้งมั่น เป็นสมาธิ การเจริญอานาปานสติข้างฝ่ายสมถะ ต้องเจริญการนับลม การติดตามลม การกระทบของลม การตั้งมั่น ให้กำหนดไปพร้อมกัน ตามกาล ตลอดกาล การเจริญอานาปานสติฝ่ายสมถะจึงจะสำเร็จถึง อัปปนาสมาธิ
แต่เพราะจุดกระทบของลมหายใจเข้า ลมหายใจออก มีจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้พระโยคาวจรเจ้าทั้งหลาย ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับนิมิตต่างๆ(จุดที่ลมกระทบ) ทำให้พระโยคาวจรสับสน การเจริญอานาปานสติฝ่ายสมถะจึงล้มเหลว และเพื่อกำจัดความสับสน โบราณจารย์แต่ปางก่อนจึงกำหนดจุดลมหายใจเข้า ลมหายใจออก กระทบ ให้เหลือไว้เพียงเก้าแห่ง เพื่อความชัดเจนในนิมิตต่างๆ และไม่สับสน ดังนี้๑.สูญน้อยกลางนาภี (สะดือ) เป็นจุดตั้งมั่น
๒. จะงอยริมฝีปากบน
๓.ขื่อจมูก
๔. ปลายนาสิก
๕.ระหว่างตาทั้งสอง
๖.ระหว่างคิ้วทั้งสอง
๗.กลางกระหม่อมจอมเพดาน
๘.โคนลิ้นไก่
๙. หทัยวัตถุ จุดสุดท้ายคำอาราธนาสมาธินิมิต ห้องอานาปานสติ ข้าฯขอภาวนาอานาปานสติกรรมฐานเจ้า เพื่อจะขอเอายัง อุคคหนิมิต (ปฏิภาคนิมิต) ในห้องอานาปานสติเจ้านี้จงได้ ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิด ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิด ขอพระอริยสงฆ์เจ้าตั้งแรกแต่ พระมหาอัญญาโกญทัญญะเถรเจ้าโพ้นมาตราบเท่าถึงพระสงฆ์สมมุติในกาลบัดนี้จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิด ขอพระอริยสงฆ์องค์ต้นอันสอนพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิด ขอพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯ นี้เถิด
อุกาสะ อุกาสะ ในที่นี้เล่าข้าฯจะขอเชิญปฏิบัติบูชาตาม คำสอนของพระสัพพัญญูโคดมเจ้า เพื่อจะขอเอายัง อุคคหนิมิต (ปฏิภาคนิมิต) ในห้องอานาปานสติเจ้านี้จงได้ ขอจงเจ้ากูมาปรากฏบังเกิดอยู่ในจักขุทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งข้าในขณะเมื่อข้าฯนั่งภาวนาอยู่นี้เถิด อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทโธ วิชชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสสานํ พุทโธ ภควาติ
สมฺมาอรหํ สมฺมาอรหํ สมฺมาอรหํ
อรหํ อรหํ อรหํ
(หายใจออกภาวนาว่า ๑ -๒-๓-๔-๕ หายใจเข้าภาวนาว่า ๕- ๔ -๓ -๒ -๑)
อ้างอิง
คู่มือสมถะ-วิปัสสนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ
สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรมหาเถรเจ้า (สุก ไก่เถื่อน)
วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร(พลับ) บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ