ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - pornpimol
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ถามวิธีการ จัดโต๊ะหมู่ บูชา แบบ 5 7 9 คะ ควรตั้งทำอย่างไร เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 08:39:15 am
ถามวิธีการ จัดโต๊ะหมู่ บูชา แบบ 5 7 9 คะ ควรตั้งทำอย่างไร

   อยากทำห้องพระ แต่ยังไม่รู้ว่า จะเลือกซื้อโต๊ะหมู่ อย่างไร ดีคะ เพราะไม่รู้ควรตั้งวางอย่างไร

  ที่สำคัญ มีพระพุทธรูปอยู่ สามองค์ คะ

    คือ พระแก้วมรกต  พระพุทธโสธร และ พระพุทธชินราช ควรจะยกวางตั้งองค์ไหนเป็นประธาน อย่างไร ช่วยหน่อยคะ

   thk56
2  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เราจะรู้จริต เราได้อย่างไรคะ คือไม่ทราบตนเองจริต ไหนคะ เมื่อ: มกราคม 30, 2013, 09:23:45 am
เราจะรู้จริต เราได้อย่างไรคะ คือไม่ทราบตนเองจริต ไหนคะ

   เพราะหลาย ๆ ท่านกล่าวว่า ถ้าจะปฏิบัติภาวนา ต้องรู้จริต ของตนเองก่อนคะ


  thk56
3  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระสารีบุตร มีอากัปกิริยาประดุจลิง เป็นเพราะ นิสัยเนื่องด้วยชาติก่อน ๆ หรือว่า เมื่อ: มกราคม 11, 2013, 11:00:35 am
 พระสารีบุตร มีอากัปกิริยาประดุจลิง   เป็นเพราะ นิสัยเนื่องด้วยชาติก่อน ๆ หรือว่า มีเหตุผลอื่นที่แฝงอยู่

 โดยปกติพระอรหันต์ เวลาที่ตื่นอยู่ย่อมประกอบด้วยสติ ดังนั้น สติ ท่านขาดหรืออย่างไร จึงแสดงอาการเป็น ลิง ในการกระโดด ข้ามคู วิ่งข้ามคู


  คือ ถ้าหลับ นั้นว่าไปอย่าง นะคะ

  :smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1:
4  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / โฆษณา CP ความรักของแม่ไม่สิ้นสุด มันอาจจะมีความหมายที่มากกว่านั้น เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2012, 02:00:11 pm
โฆษณา CP ความรักของแม่ไม่สิ้นสุด มันอาจจะมีความหมายที่มากกว่านั้น



 อัปโหลดโดย p4pik4 เมื่อ 2 ธ.ค. 2010

โฆษณา CP ความรักของแม่ไม่สิ้นสุด

5  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อยากทราบว่า ชาวธรรมที่นี่ ถ้าได้อ่านข่าวที่พระระดับเจ้าอาวาส กินเหล้าขับรถซิ่ง แล้ว มีคว เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 11:51:21 am
อยากทราบว่า ชาวธรรมที่นี่ ถ้าได้อ่านข่าวที่พระระดับเจ้าอาวาส กินเหล้าขับรถซิ่ง แล้ว มีความเห็นอย่างไรคะ
ตามเนื้อเรื่อง

     กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.เริ่งศักดิ์ สุวรรณศรี พงส.(สบ.3) สภ.เมืองร้อยเอ็ด รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันใกล้ทางเข้าโรงเรียนสอนคนตาบอด ต.ดงลาน อ.เมือง จึงรีบไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง นิสันสีบอร์น ทะเบียน  กค 3776 ร้อยเอ็ด จอดอยู่ไหล่ทาง สภาพด้านข้างฝั่งคนขับมีร่องรอยถูกชนได้รับความเสียหาย โดยมีนายบรรพต เสริฐวิชา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 11 ต.ขอนแก่น อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เจ้าพนักงานคอมพิวเตอร์ระดับ 5 สำนักงานสรรพากรพื้นที่ร้อยเอ็ด คนขับยืนรอหน้าเซ็ง ให้การว่า เพิ่งถูกรถเก๋งไม่ทราบทะเทียนเฉี่ยวชนแล้วขีบหลบหนีไปตามเส้นทางถนนเลี่ยงเมือง เจ้าหน้าที่จึงรีบวิทยุแจ้งสกัดจับ

โดยเพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบรถต้องสงสัยขับหลบเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด จึงติดตามไปตรวจสอบ ปรากฏว่าพบรถเก๋ง โตโยต้า โคโรลล่า สีบออนซ์เงิน แต่งซิ่งโหลดเตี้ย ทะเบียน ฌจ 7276 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในมุมมืด สภาพด้านข้างมีรอยเฉี่ยวชนเป็นทางยาว ยางหน้าด้านขวาแตก ที่เบาะคนขับพบพระหนึ่งฤทัย สุจิตโต อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านโนนขาม หมู่ 10 ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด นั่งหมดสภาพคาจีวร ในอาการเมาสุราพูดจาไม่รู้เรื่อง อ้างว่าไม่ใช่คนขับ แต่เมื่อเค้นถามจึงยอมรับว่า เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวเอง จึงคุมตัวไปโรงพักเพื่อเป่าแอลกอฮอล์ ซึ่งผลปรากฏว่ามีระดับแอลกอฮอล์สูงถึง 215 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปดำเนินการสึกที่วัดสระทอง และคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.

http://www.dailynews.co.th/crime/136507


   เพื่อน ๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไร กันจ๊ะ
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "กล้วยผง" ชงกิน สิ้นท้องเสีย เมื่อ: เมษายน 04, 2012, 11:07:35 am


“กล้วยผง“ ชงกิน สิ้นท้องเสีย
อะไรที่ทำง่าย คนไทยก็อุปมาว่าง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก  สำหรับนักกินซึ่งเสี่ยงต่อโรคท้องเสียได้ง่ายหรือโรคกระเพาะอาหารที่อาจมา เยือนด้วยนิสัยการรับประทานที่ไม่ค่อยเป็นเวลา เราก็มีวิธีแบบกล้วยๆ มาแนะ นำให้คุณทำเตรียมติดตัวไว้ใช้เมื่อภัยในท้องมาถึง

กล้วยผงแก้ท้องเสีย
นำ กล้วยมาปอกเปลือก (กรุณาใส่ผ้ากันเปื้อนขณะทำ เพราะอาจเลอะเสื้อได้ และถ้า ใครผิวบางให้ใส่ถุงมือกันยางกล้วยกัดให้คัน) จากนั้นฝานเป็นแว่นบางๆ ตามขวาง เรียงใส่กระด้งตากจนแห้งสนิท ถ้าใครมีเตาอบ ให้นำกล้วยไปอบด้วยไฟ 50 องศาเซลเซียสนาน 4 ชั่วโมงจนแห้งสนิท นำไปปั่นให้ ละเอียด แล้วนำไปร่อนด้วยแร่งเบอร์ 100 เก็บใส่ภาชนะมีฝาปิดสนิทหรือ สุญญากาศยิ่งดี จะเก็บไว้ใช้งานได้ราว 3 เดือน ซึ่งวิธีสังเกตว่ากล้วยผงยัง ไม่หมดอายุก็คือ เวลาตักใช้ผงกล้วยยังแห้งร่วน หากเริ่มสัมผัสได้ถึงความ ชื้นก็ไม่ควรนำไปใช้ เพราะอาจเกิดเชื้อราได้

วิธีใช้  
เมื่อ มีอาการท้องเสียหรือปวดท้องโรคกระเพาะ ให้ชงผงกล้วย 1 - 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำ ร้อนแล้วดื่มเมื่อมีอาการ เท่านี้อาการท้องเสียก็เป็นเรื่องกล้วยๆ แล้ว  ทว่าบางครั้งผงกล้วยอาจทำให้ท้องอืดได้ แนะให้แก้ไขโดยดื่มน้ำขิงเพื่อแก้ อาการดังกล่าว
ที่กล้วยผงสามารถเยียวยาอาการดังกล่าวได้นั้น ก็ เพราะในกล้วยมีสารรสฝาดชื่อว่า "แทนนิน"ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคอันเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ท้องเสีย ทั้งยังมีสารเพ็กตินสามารถช่วยเคลือบกระเพาะจึงช่วย ป้องกันโรคกระเพาะได้
 
Tips
ผู้ ที่ไม่มีเตาอบ ควรทำกล้วยผงไว้ใช้แต่น้อย เพื่อป้องกันตัวยาใช้ไม่หมดแล้ว ขึ้นรา โดยอาจเริ่มทำจากกล้วย 1 หวี ถือว่ายังสามารถเก็บไว้ใช้ได้หากอบ กล้วยผงจนแห้งสนิทและมีกระบวนการบดและร่อนที่สะอาดแล้ว แนะนำให้กรอกใส่ แคปซูลแล้วเก็บไว้ในกระปุกที่มีฝาปิดสนิท จะช่วยให้เก็บไว้ใช้ได้นาน 6  เดือน
7  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญฟังธรรมที่บ้าน จิตสบาย คะ 26 ก.พ.2555 ( พระไพศาล วิศาโล ) เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2012, 05:35:25 pm
ขอเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังพระธรรมเทศนาจาก 

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ

ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555
เวลา 13.00 - 14.30 น.

ณ ศาลาไตรสิกขา 
บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2

http://www.jitsabuy.com/index.php?option=com_content&view=article&id=482&Itemid=255

รถประจำทางที่ผ่าน สาย 157, 123, ปอ.พ.79
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392 เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น.
หยุดวันพุธ




http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11734547/Y11734547.html

โครงการที่นี่ ไม่มี ยุบ หรือ เลิก คะ มีแต่วันหยุด
8  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / กลุ่มสมาธิ จุฬา ขอเชิญฟังธรรม จาก หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล 27 ก.พ.2555 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2012, 05:20:54 pm
กลุ่มสมาธิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขอเชิญคณาจารย์ นิสิต บุคคลากร และสาธุชนทุกท่าน

เข้าร่วมกราบนมัสการ ฟังธรรม โดย

"พระพิศาลศาสนกิจ "(หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล)
ศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล , หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

...
ในหัวข้อธรรมบรรยาย "ใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นสุข"

ในวันจันทร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เวลา ๑๖.๓๐ - ๑๙.๓๐ น.
ณ ห้องสมุดสุภา ศิริมานนท์ (๒๑๑) คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ

พร้อมกันนี้จะได้ร่วมทอดผ้าป่า สร้างพระพุทธรูป ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
และทอดผ้าป่าบวชพระภิกษุ สามเณร ๘๔ รูป ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง

จึงขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าอบรมธรรรม ปฏิบัติภาวนา ฟังธรรมเทศนา บำเพ็ญกุศลตามอัธยาศัย

โอกาสที่จะได้กราบนมัสการพระปฏิบัติดี ระดับเกศาของท่านแปรสภาพเป็นพระธาตุ แม้ยังไม่ละสังขาร โอกาสที่จะได้นมัสการและทำบุญกับท่านอย่างใกล้ชิดแบบนี้หาได้ยากครับ

ท่านที่นำรถส่วนตัวมา แนะนำให้ไปจอดที่ จามจุรีสแควร์แล้วเดินมาประมาณ ๕๐เมตรครับ

หรือสามารถนั่งMRT ลงที่สถานีสามย่าน เดินอีก ๕๐เมตร

ท่านจะมาช่วงเวลาใดก็ได้แต่ขอให้มาก่อน ๑๙.๓๐ น.ครับ

สอบถามรายละเอียด 0845433962 รุ่ง





http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11736192/Y11736192.html
9  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อย่างไร ชื่อว่า ทำใจให้บริสุทธิ์ เมื่อ: ธันวาคม 26, 2011, 11:45:44 am
คือได้ยินมาว่า การทำจิตให้บริสุทธิ์ เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ

แต่สงสัยว่า ทำอย่างไรจะทำให้จิตใจเรา บริสุทธิ์ ได้ คะ และมีความเกี่ยวข้องอย่างไร กับการพ้นจากสังสารวัฏ เพราะถ้าเป้าหมาย ของการภาวนานั้น ต้องการพ้นจากสังสารวัฏ แล้ว เกี่ยวอะไรกับการทำใจให้บริสุทธิ์

 คือ ถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ นะคะ เหมือนเราเป็นผ้าชิ้นหนึ่ง ที่สกปรกด้วยกิเลส แล้วจะมีวิธีใดที่จะทำให้ผ้าสกปรก เก่า ๆ ขาด ๆ นั้น บริสุทธิ์ ได้คะ


  :smiley_confused1: :c017:
10  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำบุญ ใส่บาตร แล้ว พระไม่ได้ ฉัน เอาไปแจกต่อ ได้บุญอย่างไรคะ เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:27:45 pm
คือ มีความตั้งใจ ตื่น แต่ ตี3 ตั้งใจ ทำอาหาร อย่างประณีต เป็นอาหารที่มีราคาแพง ได้ทำบุญใส่บาตรกับพระสงฆ์ แต่ ปรากฏว่า พระสงฆ์ไม่ได้ฉัน กลายเป็นชาวบ้าน ซึ่งเป็นศิษย์กับนำไปทาน ต่อ เพราะมีผู้พูดให้ฟัง ชื่ออาหารอันปราณีต ที่เราไว้นั้น คนที่นำไปทาน เที่ยวพูดว่า เป็นลาภปาก อย่างนี้

  อยากทราบว่า การที่เราถวาย พระ แล้ว พระไม่ได้ ฉัน เราได้บุญหรือไม่ ?

  ส่วนคนที่ นำอาหารเราไปทานนั้น มีผลกรรมอย่างไร และ เราจะได้รับผลกรรม อันเป็นสาเหตุ ให้เขาเป็นบาปหรือไม่ คะ

   :25: :25: :smiley_confused1:
11  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ๏ The Metta compassionate mantra ๏ แผ่เมตตาแปล เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2011, 09:58:07 am
๏ The Metta compassionate mantra ๏ แผ่เมตตาแปล



uploadโดย Preecha79
12  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อยากทราบความหมาย ของคำว่า สันโดษ คะ เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 10:07:11 am
อยากทราบความหมาย ของคำว่า สันโดษ คะ

 เพราะส่วนตัว ความสันโดษ นั้นหมายถึงการที่เราไม่ต้องยุ่งกับโลก กับสังคม ใช่หรือไม่คะ

 เช่นเราปฏิบัติภาวนา ของเรา ใครจะเป็นอย่างไร ก็ช่าง อย่างนี้หมายถึงว่าเป็นความสันโดษ ใช่หรือไม่คะ

  :c017:
13  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ระหว่าง ถือ ตน เป็นฤาษี กับ บวชเป็น พระภิกษุ โอกาสสำเร็จเป็นพระอรหันต์ใคร... เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2011, 09:02:45 pm
ระหว่าง ถือ ตน เป็นฤาษี กับ บวชเป็น พระภิกษุ โอกาสสำเร็จเป็นพระอรหันต์ใครมีโอกาสสำเร็จ ก่อนกันคะ

ในประเทศไทย การเป็นฤาษี นี้ต้องทำอย่างไร บ้างคะ

ฤาษี ถ้าจะเป็นต้องทำอย่างไรบ้างคะ ( ถามเพื่อรู้นะคะ ไม่ใช่จะไปเป็นฤาษีตามนะคะ )


ขอบคุณคะ






ชาวกรุง เก่าโวย พระก้มลงกราบเท้าฤาษีกลางงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลวัดดัง เจ้าคณะจังหวัดจวกยับไม่เหมาะสม ทำไปได้ไง เชื่อเป็นพระจากนอกพื้นที่ ชาวบ้านที่เข้าร่วมพิธีสงสัยแค่เป็นพระหน้าม้า ก้มกราบทำให้ดูศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่สำนักพุทธเต้นสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันควัน

ความไม่สบายใจของชาวพุทธเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อมีพระสงฆ์บางรูปบางกลุ่ม ก้มกราบเท้าฤาษี เมื่อวันที่ 11 เมษายน ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมดังกล่าว พร้อมกับนำภาพมาให้ดูด้วย จากการตรวจสอบรายละเอียดที่มาที่ไปพบว่า เป็น ภาพในพิธีพุทธาภิเษก งานพระธรรมบุญหล่อพระพุทธรูปเชียงแสน (สิงห์ 1) ที่วัดรามพงศาวาส หรือวัดมอญ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ เมื่อช่วงสายของวันที่ 10 เมษายน ในพิธีมีพิธีพราหมณ์ บวงสรวงเทวดา และพิธีสงฆ์ มีพระสงฆ์มาร่วมกว่า 700 รูป

ทั้งนี้ในพิธีดังกล่าวมีพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปเชียงแสน สิงห์ 1 เนื้อสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 31 นิ้ว จำนวน 2 องค์ และขนาดหน้าตักกว้าง 19 นิ้วจำนวน 2 องค์ และหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อสำริด จำนวน 1 องค์ หน้าตัก 45 นิ้ว พระสิวลีสูง 2 เมตร จำนวน 1 องค์ และหล่อรูปเหมือนพระเจ้าตากสินนั่งบัลลังก์ จำนวน 1 องค์ ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 5 องค์ ซึ่งในพิธีมี เจ้าคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพ ฯ เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัยและเททองหล่อพระพุทธรูป ทั้งยังมีเกจิดังของ จ.พระนครศรีอยุธยา คือ พระครูสังวรสมณกิจ หรือหลวงปู่ทิม วัดพระขาว อ.บางบาล มาเป็นองค์ประธานดับเทียนชัยด้วย

ทว่าประเด็นที่สร้างความเคลือบแคลงใจให้ชาวพุทธ ก็คือ ในพิธีดังกล่าวโดยเฉพาะช่วงที่มีพิธีบวงสรวง ปรากฏว่า มีหลวงปู่คูบาเกศแก้ว ซึ่งเป็นฤาษีชื่อดังใน จ.หนองบัวลำภู เดินทางมาร่วมในพิธีบวงสรวงและพุทธาภิเษกด้วย แต่ ระหว่างทำพิธีนั้นปรากฏว่า มีบรรดาลูกศิษย์ รวมทั้งพระภิกษุเข้าไปก้มลงกราบที่เท้าของหลวงปู่คูบาเกศแก้ว ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งมองว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างมาก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อเป็นการปรามพฤติกรรมดังกล่าว ที่อาจจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป

นายสมศักดิ์ อายุ 42 ปี หนึ่งในผู้ร่วมงาน บอกว่า มีโอกาสไปร่วมงานดังกล่าวด้วย ตอนทำพิธีบวงสรวงก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรพิเศษ เพราะมีทั้งพราหมณ์และฤาษีมาร่วมพิธีบวงสรวง กระทั่งฤาษีแจกสติกเกอร์ให้นำไปติดรถ และติดตามบ้านบอกว่าต้องการให้คนทำความดี โดยสติกเกอร์เป็นรูปของฤาษี มีใจความว่า ให้ทำความดี ละเว้นชั่ว ละเว้นบาป แต่ความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของฤาษีตนไม่เชื่อเท่าไร ยิ่งเห็นพระไปกราบอย่างก็รู้สึกงง คิดว่าน่าจะเป็นพระที่เป็นหน้าม้า เพื่อเสริมบารมีของฤาษีมากกว่า จริงๆ แล้วพระไม่น่าจะกราบ เพราะว่าพระถือศีลมากกว่าฤาษีเสียอีก

พระเทพวรเวที เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ทราบเรื่องนี้แล้วแต่เป็นเรื่องของพระในนิกายธรรมยุตที่ประกอบพิธีกรรม เรื่องนี้อาตมาไม่เห็นด้วย และเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทราบว่าพระที่กราบนั้นเป็นพระมาจากที่อื่น ไม่ใช่พระที่พระนครศรีอยุธยา ไม่รู้ทำไปได้อย่างไร เพราะฤาษีไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปกราบขนาดนั้น เรื่องนี้พระย่อมรู้ดี

เรื่องนี้ นายประดิษฐ์ แก้วมณี ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชี้แจงว่า ได้รับทราบเรื่องแล้ว และจะขอดูภาพเพื่อที่จะไปสอบถามกับทางวัด ส่วนงานที่จัดขึ้นนั้นยอมรับว่าตนก็เดินทางไปร่วมพิธีด้วย แต่ช่วงที่พระลงไปกราบฤาษีนั้น ตนและพระผู้ใหญ่เดินทางกลับไปแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นพระที่อื่น แต่พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะพระสงฆ์ถือศีลมากกว่าผู้ทรงศีลหรือฤาษีอยู่แล้ว ดังนั้น จะได้ตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป

นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว แต่การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสมอยู่แล้ว เพราะพระสงฆ์เป็นเสมือนตัวแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้นำจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งในรัตนตรัยไปก้มลงกราบฤาษี อย่างไรก็ตาม จะรอฟังรายงานจากผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก่อนหากตรวจสอบว่า เป็นเรื่องจริง จะแจ้งไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองให้ตักเตือนพระสงฆ์กลุ่มดังกล่าวให้ระมัดระวัง ในการปฏิบัติตน ส่วนจะมีการลงโทษหรือไม่อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับทางเจ้าคณะผู้ปกครองจะเป็นผู้ตัดสินต่อไป   
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2011, 08:58:38 pm


อยากทราบประวัติ พระแก้วมรกต คะ
ไปกราบหลายหนแล้ว ยังไม่ทราบประวัติจริง เลยคะ

จริง ๆ แล้ว พระแก้วมรกต นี้เป็นสมบัติของประเทศลาว หรือ ของประเทศไทยคะ

ใครรู้ช่วยเล่าให้อ่านหน่อย นะคะ

 :25: :c017:
15  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การศึกษาที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2011, 07:31:32 am
การศึกษาที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา
[๑๐] เมื่อภิกษุพิจารณาเห็นว่าตนละนิวรณ์ ๕ ได้แล้ว ย่อมเกิดปราโมทย์ มีปึติในใจ มีกายสงบ มีสุข จิตตั้งมั่น ปราศจากอกุศลกรรม บรรลุปฐมฌาน อันมี วิตก วิจาร ปีติ และสุขเกิดจากวิเวกอยู่ สัญญาเกี่ยวด้วยกามที่มีอยู่ก่อนย่อมดับไป สัญญาอันมีปีติและสุขเกิดจากวิเวกย่อมเกิดขึ้น นี้แหละ คือการศึกษา [ฝึกอบรมตน] ข้อหนึ่ง ที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา
     เมื่อวิตก วิจารสงบไป ภิกษุย่อมบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสภายในจิต มีปึติและสุขเกิดจากสมาธิอยู่ สัญญาอันมีปีติและสุขเกิดจากวิเวกที่มีอยู่ก่อนย่อมดับไป สัญญาอันมีปีติและสุขเกิดจากสมาธิย่อมเกิดขึ้น นี้แหละคือการศึกษาข้อหนึ่ง ที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา
     เมื่อปีติสงบระงับไป ภิกษุย่อมบรรลุตติยฌาน อันมีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข สัญญาอันมีปีติและสุขเกิดจากสมาธิที่มีอยู่ก่อนย่อมดับไป สัญญาอันประกอบด้วยสุขเกิดจากอุเบกขาย่อมเกิดขึ้น นี้แหละ คือการศึกษาข้อหนึ่ง ที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา
     เมื่อละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้ ภิกษุย่อมบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์ด้วยอุเบกขาอยู่ สัญญาอันประกอบด้วยสุขเกิดจากอุเบกขาที่มีอยู่ก่อนย่อมดับไป สัญญาอันประกอบด้วยอทุกขมสุขย่อมเกิดขึ้น นี้แหละ คือการศึกษาข้อหนึ่ง ที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา
     เมื่อล่วงพ้นรูปสัญญา ละปฏิฆสัญญาได้ ไม่ใส่ใจในสัญญาทั้งปวง ภิกษุย่อมบรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งมีอารมณ์ว่า อากาศไม่มีที่สุด รูปสัญญาที่มีอยู่ก่อน ย่อมดับไป สัญญาอันประกอบด้วยอากาสานัญจายตนฌาน ย่อมเกิดขึ้น นี้แหละ คือการศึกษาข้อหนึ่ง ที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา
     เมื่อล่วงพ้นอากาสานัญจายตนฌานโดยสิ้นเชิงแล้ว ภิกษุย่อมบรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ซึ่งมีอารมณ์ว่า วิญญาณไม่มีที่สุด สัญญาอันประกอบด้วยอากาสานัญจายตนฌานที่มีอยู่ก่อนย่อมดับไป สัญญาอันประกอบด้วยวิญญาณัญจายตนฌาน ย่อมเกิดขึ้น นี้แหละ คือการศึกษาข้อหนึ่ง ที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา
     เมื่อล่วงพ้นวิญญาณัญจายตนฌานโดยสิ้นเชิงแล้ว ภิกษุย่อมบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ซึ่งมีอารมณ์ว่า ไม่มีอะไร สัญญาอันประกอบด้วยวิญญาณัญจายตนฌานที่มีอยู่ก่อนย่อมดับไป สัญญาอันประกอบด้วย อากิญจัญญายตนฌาน ย่อมเกิดขึ้น นี้แหละ คือการศึกษาข้อหนึ่ง ที่เป็นเหตุเกิดและเหตุดับสัญญา



16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เผยภาพน้ำท่วมจีน หลังฝนตกหนัก ทำเขื่อนแตก..!! เมื่อ: มิถุนายน 20, 2011, 02:47:06 pm
เผยภาพน้ำท่วมจีน หลังฝนตกหนัก ทำเขื่อนแตก..!!

Mthai News : สำนักข่าวของจีน รายงานว่า เกิดเหตุฝนตกหนักทางตะวันออกของมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน จนทำให้เขื่อนแตก และเกิดน้ำท่วม
ทั้งนี้ ฝนที่ตกไม่หยุด ส่งผลให้น้ำท่วมหมู่บ้านไป 18 หมู่บ้าน เกิดดินโคลนถล่มบ้านเรือน 2,500 หลัง และน้ำท่วมตัดถนนขาดอีก 350 สาย
อย่าง ไรก็ตาม ขณะนี้จีนต้องอพยพผู้คนกว่า 120,000 คนไปอยู่ที่ปลอดภัย มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มกว่า 170 คน และยอดผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง
MThai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย










17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จัดให้ครับ... คลิป เด็กชายกำพร้าวัย 12 ขับร้องเพลง แม่ในฝัน ทำน้ำตาท่วมห้องส่ง!! เมื่อ: มิถุนายน 20, 2011, 02:42:32 pm
สุดซึ้ง! เด็กชายกำพร้าวัย 12 ขับร้องเพลง แม่ในฝัน ทำน้ำตาท่วมห้องส่ง



Mthai news: ความ รัก นั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยเพียงการอยู่ร่วมกัน แต่เด็กชายอูตามู (Uudamu)วัย 12 ปีจากมองโกเลีย ถ่ายทอดบทเพลงไปยังแม่ที่อยู่บนสวรรค์ เขาเสียแม่ไปตอนอายุ 8 ขวบ ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุเมื่อตามูอายุได้ 11 ปี
อู ตามู บอกว่า ชอบร้องเพลงตั้งแต่ยังเด็ก เพราะแม่ชอบเวลาที่ตนร้องเพลง และหวังว่าบนเวทีไชน่า กอท ทาเลนท์แห่งนี้ จะร้องขับกล่อมบทเพลงได้สมบูรณ์ที่สุด

เมื่อพิธีกรชายคนหนึ่งถามว่า ความฝันของเธอคืออะไร เขาตอบว่า ความฝันของเขาก็เหมือนกับหยดน้ำหมึก เมื่อแต่งแต้มลงบนผืนโลก โลกของเราจะกลายเป็นสีเขียว จาก นั้นอูตามู ก็ขับร้องเพลง “เอ่อจี่ อิน เดอะดรีม ” ซึ่งเอ่อจี่ นั้นแปลว่า แม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดถึงแม่ ก็จะขับร้องเพลงนี้ให้แม่ทีฟังเขาอยู่บนสวรรค์

การ แสดงของ อูตามู  เรียกน้ำตาจากคนดู ด้วยน้ำเสียงที่สื่อมาจากจิตใจ และบทเพลงที่สื่อความหมาย ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างซาบซึ้ง และได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้องส่ง

หลังจากร้องเพลงจบพิธีกรหญิงถามตามูว่า เมื่อตามูอยู่คนเดียว แล้วจะทำอย่างไร ตามูตอบว่า จะฝันถึงแม่ทุกคืน และระลึกอยู่เสมอว่า แม่ยังอยู่เคียงข้างตลอดเวลา สร้างความประทับใจจากผู้ชมรวมทั้งพิธีกรหญิง ที่ชื่นชมว่า อูตามูเป็นเด็กดี หลายๆคนรักและเอ็นดู  และพ่อและแม่ของอูตามูก็จะอวยพรให้ตามูด้วย เมื่อตามูโตขึ้นก็หวังว่าจะเป็นคนดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ตามูอยากจะบอกอะไรกับพ่อแม่มั้ย??
ตามูตอบว่า แม่ ผมคิดถึงแม่..
การ แสดงครั้งนี้ ตามูผ่านเข้ารอบไป พร้อมความประทับใจจากเรื่องราวชีวิตของตามู ที่เขาถ่ายทอดออกมาโดยไร้น้ำตา แสดงถึงความอดทนอดกลั้นจากเด็กด้วยวัยเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้น
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 'แพลงกิ้ง' ข่าวฮิตวัยรุ่น เล่นสร้างสรรค์ แบ่งปันไอเดีย เมื่อ: มิถุนายน 20, 2011, 02:41:03 pm


'แพลงกิ้ง' ข่าวฮิตวัยรุ่น เล่นสร้างสรรค์ แบ่งปันไอเดีย


ข่าว“แพลงกิ้ง” ถูกวิจารณ์อย่างหนาหูในโลกออนไลน์ ถึงความอันตรายและกาลเทศะของการแชะภาพ แต่จากความนิยมในไทยได้สะท้อนภาพแฟชั่นที่ยังเป็นเพียงเปลือกนอกซึ่งรับมา สิ่งหนึ่งที่ยังขาดคือเนื้อในอันแฝงอยู่และน่าส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้าง สรรค์ในแก่นแท้เพื่อส่วนรวม   
   
พงศกร อารีศิริไพศาล อาจารย์ประจำภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศ ศาสตร์ ม.กรุงเทพ มองว่า การ ถ่ายภาพ “แพลงกิ้ง” ต้นกำเนิดมาจากวัยรุ่นในประเทศอังกฤษถ่ายเล่นเพื่อความสนุกสนาน จากกระแสดังกล่าวในประเทศยุโรปทำให้แพร่กระจายมาสู่เอเชีย เช่น ออสเตรเลีย และไต้หวันที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อ รณรงค์เรื่องสุนัขจรจัด
   
จากกระแส ดังกล่าวที่เข้ามาในไทยเป็นผลจากแฟชั่นและมีคนต้นแบบที่มีชื่อเสียงถ่ายภาพ ลงในโลกออนไลน์ สิ่งที่ยังขาดคือ การสร้างเรื่องราวอย่างสร้างสรรค์ เช่น ไต้หวันนิยมไปถ่ายตามแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเชิญชวนให้คนที่เห็นไปเที่ยวใน สถานที่นั้น ผิดจากไทยที่รับกระแสมาเพื่อคลายเครียดเสียส่วนใหญ่ ปัญหาที่ตามมาคือการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ซึ่งผู้ที่ให้ลงภาพในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควรมีข้อความเตือนให้ผู้ที่เข้ามาชมนำไปถ่ายเล่นโดยไม่สร้างความเดือดร้อน ให้กับผู้อื่นหรือเป็นอันตรายต่อตัวเอง ขณะเดียวกันองค์กรภาครัฐ เช่น การท่องเที่ยวน่าจะใช้โอกาสนี้โปรโมตแหล่งท่องเที่ยวให้กับวัยรุ่น โดยจัดการประกวดถ่ายภาพ “แพลงกิ้ง” ประเภทต่าง ๆ
   
“ท่าแพลงกิ้ง คือ ท่านอนราบแขนชิดแนบลำตัวเหมือนเป็นการทำตัวแข็งตรง จะมีกฎของแต่ละกลุ่มที่กำหนดไว้โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนอนเหมือนแกล้งตาย โดยส่วนประกอบภาพที่สำคัญ เช่น สถานที่จะถ่ายหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่นำมาเป็นส่วนประกอบ ระยะแรกที่ได้ความนิยมเนื่องจากมีการแข่งขันกันถ่ายลงเฟซบุ๊กเป็นที่สนุก สนานจนสามารถแพร่กระจายไปทั่วโลก”
   
จากกระแสความไม่เห็นด้วยที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องรับฟัง ทุกอย่างขึ้นกับ ตัวผู้ที่ไปถ่ายที่จะต้องมีสำนึกในการไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น สำหรับผู้ใหญ่เองควรแนะนำลูกหลานไม่ให้ไปถ่ายในที่อันตราย ไม่ควรต่อต้านอย่างรุนแรงเพราะวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ชอบการต่อต้าน เนื่องจากยิ่งต่อต้านมากเด็กจะแสดงออกอย่างรุนแรงมากขึ้น
   
ศิลปะของการถ่ายภาพ “แพลงกิ้ง” คือ ต้องใช้ความคิดมาก ตั้งแต่ก่อนถ่ายว่าจะไปถ่ายที่ไหนในมุมมองอะไร โดยผู้ที่ถ่ายต้องมีแนวคิดในการจับภาพในทิศทางที่มีมิติไม่ใช่แค่ภาพแนวขวาง ซึ่งพอถ่ายเสร็จแล้วต้องตั้งชื่อรูปแล้วจึงโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ให้เห็นว่ากว่าจะได้รูปนี้สักภาพต้องใช้ความคิดและไอเดียสูง เพราะภาพแบบนี้จะไม่เห็นหน้า แต่ต้องมีส่วนประกอบอื่น ๆ เข้ามาเสริมเพื่อให้ภาพเกิดลูกเล่นใหม่ ๆ
     
“การ เตรียมตัวก่อนถ่ายภาพต้องมีการประเมินถึงสถานที่เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อ ตนเอง และต้องไม่ใส่เสื้อผ้าที่เมื่อลงไปนอนจะไม่เรียบร้อย จากความนิยมของท่าแพลงกิ้งทำให้เริ่มมีท่าใหม่เกิดขึ้นอย่างท่าสะพานโค้งที่ จะเกิดกระแสฮิตเท่าหรือไม่ต้องคอยดู”
     



ด้าน พิชชาภา กาเตชะ ผู้ดูแลเว็บไซต์ FACEDOWN.in.th ซึ่งเปิดขึ้นเพื่อโพสต์ภาพ “แพลงกิ้ง” บอกว่า เว็บไซต์ได้เปิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้จักการนอนคว่ำ (แพลงกิ้ง) มีคนเข้ามาชมเว็บประมาณ 80-100 คน/วัน รูปนอนคว่ำที่โพสต์ลงเว็บจะมาจากทางบ้านเป็นส่วนน้อย เนื่องจากยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่ก็ทำเว็บมาเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดที่มีข่าวว่า ชายชาวต่างชาตินอนคว่ำแล้วตกตึกตาย ตอนนั้นคนเข้าชมเว็บเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,000-1,500 คน/วัน แต่สิ่งที่ตามมาคือความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยเช่น เป็นเรื่องไร้สาระ หรือสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
   
“แรก ๆ ส่วนใหญ่เป็นชื่อเสียมากกว่าชื่อเสียง แต่ระยะ    หลัง ๆ นี้ ความนิยมเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก จากที่ไม่ค่อยมีใครส่งรูปเข้ามาก็มีมากขึ้น ประมาณวันละ 10-20 รูป คิดว่าหลังจากนี้ น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น พร้อมกับไอเดียการนอนคว่ำในสถานที่ใหม่ ๆ ที่หลากหลายขึ้น”
   
เสน่ห์ของการถ่ายภาพโดยการนอนคว่ำอยู่ตรงที่เวลามีคนมาดูรูปนอนคว่ำตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วชวนให้สงสัยว่า ทำไปทำไม หรือกล้าได้อย่างไร คนที่อยากถ่ายรูปนอนคว่ำต้องมีความพร้อม 2 สิ่งคือ ความกล้าและกล้องพร้อม แล้วลงไปนอนถ่าย
   
หลัก การโพสท่าที่ปฏิบัติตามกันมาคือ ผู้ถูกถ่ายต้องอยู่ในท่านอนคว่ำ มือแนบลำตัว ขาชิดกัน แต่สำหรับบางคนท่าไหนก็ได้ ขอให้อยู่ในลักษณะหน้าคว่ำลงไปก็พอ
   
หากพูดถึง ลูกเล่น ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ไปถ่าย ยกตัวอย่าง เช่น คนหนึ่งนอนถ่ายหน้าบ้านจะดูเป็นการนอนคว่ำธรรมดา เปรียบเทียบกับอีกคนหนึ่ง ไปถ่ายในสถานที่ที่คนพลุกพล่าน หรือถ่ายในท่ายากจะมีคนโหวตให้
   
ส่วน ข้อควรระวังจะเกี่ยวกับความเสี่ยงของสถานที่ที่ไปถ่าย อย่างเช่น บนตึกสูง บนระเบียง บนถนน หรืออะไรก็ตาม   ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ และอีกอย่างคือ ที่ที่คนพลุกพล่าน บางทีเราไปถ่ายอาจจะเกะกะทางเดินคนอื่น หรือไปทำให้ใครเดือดร้อน จึงขอให้ระมัดระวังตรงนี้ด้วย
   
อนาคตคน ที่นิยมนอนคว่ำยังเป็นแค่คนกลุ่มเล็ก ๆ แต่มีแนวโน้มว่าจะมีคนรู้จักมากขึ้น ซึ่งน่าจะมีคนนิยมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่ต้องตระหนักก็คือ กิจกรรมแบบนี้ มักเป็นกิจกรรมที่นิยมทำกันเพียงระยะเวลาแค่ช่วงหนึ่ง พอมีกิจกรรมใหม่ ๆ เข้ามา อาจทำให้ความนิยมลดลงก็เป็นได้
   
ทุก สิ่งทุกอย่างล้วนมีด้านบวกและด้านลบขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ ซึ่งความสุขในการแสดงออกสำคัญอย่างยิ่ง แต่ควรอยู่ในกรอบที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น.

นัยของ 'แพลงกิ้ง'

การ ทำท่าแพลงกิ้งในหมู่สาวไต้หวันส่วนหนึ่งเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนหันมาสนใจสุนัข จรจัด และแหล่งท่องเที่ยวในไต้หวัน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีในอินเทอร์เน็ต 
   
กฎเหล็ก 3 ข้อในการทำท่านี้คือ ไม่รบกวนชาวบ้าน ไม่เสี่ยงอันตราย       ไม่ทำลายสิ่งของสาธารณะ ซึ่งการนอนราบคว่ำหน้าบนพื้นที่แปลก ๆ คล้ายกับคนเสียชีวิตเป็นการทำท่าที่ยากพอสมควร เพราะต้องมีการจัดความสมดุลของร่างกายให้พอดี จากนั้นก็ถ่ายภาพ จนกลายเป็นเกมอย่างหนึ่งที่เล่นกันสนุกสนานแพร่หลายในโลกออนไลน์
19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เรื่องของพระที่คุณไม่รู้.....อ่านก่อน ถึงจะเข้าใจ เมื่อ: มิถุนายน 17, 2011, 12:16:29 pm
* พระที่บวชแล้วเรียนทางโลก แล้วสึกมาเป็นราชบัณฑิต ก็มีถมไปนะครับ --แต่คุณคงไม่รู้

   * ส่วนที่บวชเพราะยากจน แล้วเรียนทางโลก แล้วเรียนธรรมะด้วย เติบโตเป็นพระผู้ใหญ่ และได้รางวัลเป็นมหาปราชญ์ของโลก ก็มีให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหลายรูปนะครับ --แต่คุณคงไม่รู้

   * ส่วนที่บวช เพราะศรัทธาทั้ง ๆ ที่ทางบ้านก็ร่ำรวยมาก่อนแล้ว แต่ไม่สึก ร่ำเรียนทั้งนักธรรม-บาลี และทางโลกจบปริญญาเอก และกำลังทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแข็งขัน จนทั่วโลกยอมรับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาโลก จัดประชุมพุทธศาสนิกชนโลกติดต่กันมายาวนาน เป็นชื่อเสียงแก่ประเทศชาติ จนชาวไทยทั่วไปยกย่องสรรญเสริญ และเป็นที่เจริญศรัทธาแก่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งประเทศนี้ ก็มีนะครับ----- แต่คุณคงไม่รู้

     * ที่บวชแล้วเรียนทั้งบาลีนักธรรม ทั้งทางโลก จนสามารถพูดเป็นภาษาอังกฤษได้ และเจริญสมณศักดิ์ จนเป็นพระสังฆราชก็มีนะครับ สามารถตรัสเป็นภาษาอังกฤษโดยพระองค์เองเมื่อมีคนต่างชาติเข้าเฝ้าก็มีนะ ครัย  ---แต่คุณคงไม่รู้

   (สมเด็จ พระสังฆราชพระองค์ปัจจุบัน แม้ไม่เข้าเรียนในห้องเรียนแบบพระที่เรียนทางโลกทั่ว ๆ ไป แต่พระองค์สนพระทัยในวิชาการทางโลก และทรงเรียนด้วยพระองค์เองในหลาย ๆ สาขาวิชา (ก็ถือว่าเรียนเช่นกัน))

 

     * ที่บวชแล้วเล่าเรียนทั้งปริยัติธรรมและเรียนทางโลก จนจบปริญญาเอก แล้วหันไปสร้างวัดในแนววัดป่า ในประเทศไทย และมีผู้เคารพศรัทธาจำนวนมาก ก็มีนะครับ --แต่คุณคงไม่รู้

     * ที่บวชแล้วเรียนทั้งทางโลกและทางธรรม แล้วไปสร้างวัดในต่างประเทศ ชักนำผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเป็นที่พึ่งทางใจของชาวไทยที่ไปทำมาหากินในต่างประเทศ ก็มีเยอะนะครับ  ---แต่คุณคงไม่รู้

    ที่บวชแล้ว ร่ำเรียนทั้งทางโลกทั้งทางธรรมจนเป็นพระผู้ใหญ่วันดีคืนดี เห็นว่าตนเองหมดวาสนา ทางพระ ก็สึกมาแล้วประกอมสัมมาชีพอย่างขยันหมั่นเพียร ตามแนวทางพุทธที่ตนเรียนมา จนกลายเป็นมหาเศรษฐี มีสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง พิมพ์เฉพาะหนังสือพุทธศาสนา ขายเผยแผ่พระธรรมที่ถูกต้องแก่คนไทยพุทธและทั่ว ๆ ไป  (อาจจะมีบางเล่มที่คุณได้ซื้อมาอ่าน--คุณคงไม่รู้เช่นกัน)

     และเมื่อตายไปก็ตายอย่างสุขสงบ ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลาน ลูกหลานก็ดำรงตนตามแนวบิดา สร้างโรงทาน สร้างสถานฟังธรรมปฏิบัติธรรม แยกสัดส่วนในบริเวณบ้าน อย่างสวยงาม เป็นสัปปายะ

     นิมนต์พระมาเทศน์ประจำ ทั้งพระป่าพระเมือง บริการผู้ฟังธรรมด้วยอาหารชั้นดีระดับโรงแรมหรูฟรี ๆ เสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และหมั่นทำบุญกุศลบริจาคให้แก่วัดวาอารามและส่วนที่เป็นสาธารณกุศลสม่ำเสมอ ก็มีนะครับ---แต่คุณก็คงไม่รู้อีกเช่นกัน

     * ที่บวชแล้วร่ำเรียนมา แล้วมีความรู้ความสามารถ จนประชาชนเลือกเข้าไปนั่งในสภา และเป็นเพียงไม่กี่คนในสภานั้นที่รู้เรื่องศาสนา และองค์กรของพระสงฆ์ ดีกว่าใคร ๆ จนนายกรัฐมนตรีหลาย ๆ ยุคหลาย ๆ สมัย ไม่ว่าจะมาจากพรรคใด ต้องขอคำปรึกษา หากเป็นเรื่องทางศาสนาพุทธ ก็มีนะครับ --แต่คุณก็คงไม่รู้

    * ที่บวชนานจนเป็นมหาเปรียญ และเรียนทางโลกด้วยในขณะบวช แล้วสึกออกมา ตั้งใจทำธุรกิจเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศนี้ และเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ในปัจจุบันครอบครัวของเขาก็ยังทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องมีศรัทธา มั่นคง ก็มี.....แต่คุณคงไม่รู้

    * ที่เรียนจนจบเป็นมหาเปรียญ และเรียนทางโลกจนจบปริญญาในขณะเป็นพระ  แล้วสึกออกมา เป็นผู้นำทางธุรกิจ และเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มนักธุรกิจ ที่มีเพื่อน ๆ นักธุรกิจไม่ค่อยสนใจศาสนาให้หันมาทำบุญกับวัดวาอาราม และสนับสนุนด้วยเงินทุน ให้พระสงฆ์ที่ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัตจิธรรม อย่างแข็งขัน (รายนี้ผมรู้จักเป็นส่วนตัวด้วย เพราะพบกันในการประชุม ของกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพยายามคืนกำไรให้สังคม ด้วยการจัดตั้งเป็นองค์กร มาร่วมกันบริจาคเงินและอุทิศตนเองบ้าง ในยามว่างทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ แก่สาธารณะ และทุกคนทำแล้วมีความสุขใจ เป็นบุญ อิ่มเอิบใจ)  ---แต่คุณก็คงไม่รู้เช่นกัน

     * และที่สุดของที่สุด ที่บวชนานไม่ต่ำกว่า 20 ปี แล้วร่ำเรียนทั้งทางโลก ทั้งทางธรรม จากนั้นก็สึกออกไป เป็นพระเจ้าแผ่นดินของประเทศนี้

      ทรงทำคุณูปการแก่ประทศนี้อย่างยิ่งใหญ่ ทั้งทางด้านการศึกษา ของพระและของประชาชน ทรงเป็นต้นแบบของพุทธศาสนิกชนที่ดีในด้านการเป็นผู้รู้พระพุทธธรรม และทรงไม่ผูกเวรกับศรัตรูเก่า ทรงอภัย และทรงยกย่องผู้ที่เป็นบัณฑิต แม้เคยเป็นผู้ที่เคยขัดแย้งกับพระองค์มาก่อนก็ตาม

     ทรงเป็นต้นแบบของพระมหากษัตริย์ ในลำดับต่อมา ที่ทรงนำพาประเทศไทยเราให้รอดพ้น จากการเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก และทรงเป็นต้นคิดในการสนับสนุนให้พระที่เคร่งครัดในการปฏิบัติ ได้มีความสงบสุข โดยการหลีกเร้นอยู่ในวัดที่เรียกว่าวัดป่า อย่างที่คุณและคนอีกมาก กำลังศรัทธาอยู่ด้วยในขณะนี้----แต่คุณก็คงไม่รู้อีกนั่นแหล่ะ

  เชื่อผมเถอะครับ ว่า ยังมีพระที่บวชแล้วเรียนทางโลก และเรียนทางธรรม แล้วสึกออกมา เป็นอุบาสกที่ดี ๆ อีกมากมาย และที่ยังไม่สึก ก็เป็นพระที่ดี ๆอยู่ในวัดอีกมากมาย
จาก : รถเรณู
20  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อัปปนาจิต อัปปนาสมาธิ อัปปนาฌาน เหมือนกันหรือ ต่างกันอย่างไรคะ เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 10:13:46 am
อัปปนาจิต อัปปนาสมาธิ อัปปนาฌาน เหมือนกันหรือ ต่างกันอย่างไรคะ

ขอท่านผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยอธิบาย ด้วยคะ

 :25:
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หลักธรรม 4 ข้อ เพื่อความมั่งคั่งของครอบครัว เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 06:32:50 pm
หลักธรรม 4 ข้อ เพื่อความมั่งคั่งของครอบครัว
 

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://2.bp.blogspot.com

       ในการใช้ชีวิตคู่ครองเรือน สามีภรรยาหรือผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว
นอกจากจะปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่อการสร้างตนทางเศรษฐกิจ
เช่น หลักการขยันหาทรัพย์ หลักการใช้จ่ายทรัพย์ เป็นต้นแล้ว
เพื่อให้ครอบครัวหรือตระกูลมีหลักฐานมั่นคง
ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีควรปฏิบัติตามหลักธรรม
ที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบตระกูลหรือครอบครัวของตน
โดยปฏิบัติตามหลักธรรมสำหรับดำรงความมั่งคั่งของตระกูลให้ยั่งยืน
หรือเหตุที่ทำให้ตระกูลตั้งอยู่ได้นาน ซึ่งเรียกว่า กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ อย่าง คือ

๑. นัฏฐคเวสนา ของหายหมดไป รู้จักหามาไว้

๒. ชิณณปฏิสังขรณา ของเก่าของชำรุด รู้จักบูรณะซ่อมแซม

๓. ปริมิตปานโภชนา รู้จักประมาณในการกิน การใช้

๔. อธิปัจจสีลวันตสถาปนา ตั้งหญิงหรือชายมีศีลธรรมเป็นแม่บ้านพ่อเรือน

       ผู้ครองเรือนแม้ว่าจะสามารถตั้งตัวจนครอบครัวมีหลักฐานมั่นคง
มีทรัพย์สมบัติมาก มีบริวารพวกพ้องมาก
แต่ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามหลักธรรม
ที่เป็นเหตุทำให้ตระกูลมั่งคั่งตั้งอยู่ได้นานทั้ง ๔ ประการข้างต้นนี้แล้ว
ไม่ช้าไม่นาน ครอบครัวหรือตระกูลย่อมถึงความวิบัติล่มจม
ชีวิตครองเรือนหรือชีวิตครอบครัวก็จะมีอุปสรรคทันที
ซึ่งเหตุแห่งความวิบัติหรือล่มจมของครอบครัว
ก็มีนัยตรงกันข้ามกับ หลักกุลจิรฏฐิติธรรมทั้ง ๔ ประการ นั้น ดังนี้

๑. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายไป

๒. ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า

๓. ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ

๔. ตั้งหญิงหรือชายทุศีลให้เป็นแม่บ้านพ่อเรือน

เหตุ ๔ ประการนี้ เป็นเหตุให้ตระกูลหรือครอบครัวที่มีทรัพย์สมบัติ
จะตั้งอยู่ดำรงความมั่งคั่งไม่ได้นาน คือจะล่มจมลงในไม่ช้า มีอธิบายดังนี้

๑. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายไป
หมายถึง เมื่อมีสิ่งของพัสดุเครื่องใช้ต่างๆหายไป หมดไป
ก็ไม่รู้จักหามาไว้คืน สิ่งของต่างๆที่สูญหายไป
หรือเงินทองที่ใช้สอยไปทุกวันๆ หากไม่ตามคืนหรือไม่หาทางนำมาชดเชย
เพราะมัวแต่คิดว่ามีมาก ไม่มีวันหมดหรือไม่เป็นไรแล้ว
ทรัพย์สินหรือเงินทองสิ่งของก็จะร่อยหรอไปทุกๆวัน
ผู้ครองเรือนจำต้องอุดรอยรั่วนี้

๒. ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า
หมายถึง ไม่รู้จักบูรณะซ่อมแซมของเก่าหรือของที่ชำรุด
ปล่อยให้เสียไปตามกาลเวลา พัสดุหรือวัสดุสิ่งของเครื่องใช้ไม้สอย
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ เสื้อผ้า หรืออะไรอื่น
หากชำรุดไปหรือเสียหายไปตามกาลเวลา
ก็อาจซ่อมแซมปรับปรุงเปลี่ยนแปลง สภาพให้เหมือนเดิม
หรือนำไปใช้ในกรณีอื่นได้ แต่ถ้าผู้ครองเรือนประมาท ทิ้งขว้างให้เสียหาย
โดยซื้อใหม่เปลี่ยน ใหม่อยู่เรื่อยๆ ก็สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุเรื่อยๆเช่นกัน
นี่ก็เป็นรอยรั่วที่จำเป็นต้องอุดอีกรอยหนึ่ง

๓. ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ
หมายถึง ไม่รู้จักประมาณในการกินในการใช้ทรัพย์สมบัติ
กินใช้อย่างฟุ่มเฟือย ในการใช้สิ่งของก็ดี ใช้เงินทองก็ดี
จำต้องใช้อย่างทะนุถนอม ใช้อย่างประหยัด ใช้ให้สมคุณค่า
ผู้ครองเรือนที่ดีจำต้องมีความมัธยัสถ์ในการใช้สอย
ไม่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ ให้เข้าทำนอง
“ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน”
หากไม่รู้จักกินใช้ ก็จะถึงความวิบัติในไม่ช้า นี่ก็เป็นรอยรั่วที่ควรอุดเช่นกัน

๔. ตั้งหญิงหรือชายทุศีล ให้เป็นแม่บ้านพ่อเรือน
หมายถึง ไม่ตั้งคนดีมีศีลธรรมเป็นพ่อบ้านแม่เรือน
แต่กลับไปตั้งคนไม่มีศีลธรรมหรือคนประพฤติชั่วมัวเมาในอบายมุขมาเป็นใหญ่
คือเป็นพ่อบ้านหรือเป็นแม่เรือนที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในครอบครัว
ไม่ช้าไม่นานก็จะเป็นเหตุนำ
พาให้ตระกูลที่มั่งคั่งมาแต่เดิม ต้องล่มจมไปในที่สุด

    ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงหลักความจริงที่ว่า ผู้เป็นแม่บ้าน พ่อเรือน
หรือเป็นพ่อบ้านแม่บ้านจะต้องเป็นคนมีศีลธรรม เป็นคนดี
เช่น เป็นคนซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ เป็นคนมีหลักเบญจศีลเบญจธรรม งดเว้นอบายมุขได้
บุคคลประเภทนี้สมควรยกย่องหรือตั้งให้เป็นผู้บริหารครอบครัว
บริหารกิจการของครอบครัว คือ ให้เป็นพ่อบ้านหรือแม่เรือนในการครองเรือนนั้น
หากพ่อบ้านหรือแม่บ้านคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนเป็นคนทุศีล
ไม่มีคุณธรรมต่างๆ ดังยกตัวอย่างข้างต้นนั้น
ครอบครัวและการครองเรือนก็จะพบกับความวิบัติและล่มจมในที่สุด
รอยรั่วที่ ๔ นี้เป็นรอยรั่วใหญ่ที่อุดได้ยาก
และเป็นเหตุให้เกิดรอยร้าวข้างต้น ได้ง่าย

เพราะฉะนั้น ผู้ครองเรือนที่ปรารถนาจะให้การครองเรือนของตนมีสวัสดิภาพ
ปลอดภัย และมั่งมีศรีสุขตลอดไป พึงระวังเหตุแห่งความวิบัติทั้ง ๔ ประการนี้
มิให้เกิดขึ้นแก่ตนเองและครอบครัวของตนได้

(จากส่วนหนึ่งของหนังสือพุทธธรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 107 ตุลาคม 2552 โดยแก้ว ชิดตะขบ นักวิชาการศาสนา)


ขอบคุณธรรมจักรดอทเนต
22  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ระหว่าง พุทธมหายาน กับ พุทธหินยาน นั้น ควรนับถือหลักธรรม แบบไหนที่เป็นกลาง ได้คะ เมื่อ: มิถุนายน 06, 2011, 10:02:27 am
ระหว่าง พุทธมหายาน กับ พุทธหินยาน นั้น ควรนับถือหลักธรรม แบบไหนที่เป็นกลาง ได้คะ

ตามกระทู้ เลยนะคะ ว่า พุทธมหายาน กับ พุทธหินยาน

 นิกายไหน ที่มีคำสอน ถูกตรงที่สุด คะ

 ปล. ไม่ได้ต้องการให้กระทู้ไปในแนวแตกแยกนะคะ

  :c017:
23  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เทวดา ในพุทธ กับ ฮินดู ต่างกันอย่างไร ? เมื่อ: มิถุนายน 06, 2011, 09:59:17 am
คือบางครั้ง ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่า ตอนนี้เรากำลัง นับถือ เทวดา แบบ พุทธ หรือ แบบ ฺฮินดู คะ
ดังนั้นขอตั้งคำถาม กับผู้ดูแล บอร์ด เลยนะคะ ว่า เทวดา ของ พุทธ กับ ฮินดู ต่างกันอย่างไรคะ

 :c017: :25: :88:
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชีวิตคืออะไร ......นางแบบจีนโหมงานหนักจนสิ้นใจ..!! เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2011, 08:39:30 am
นางแบบจีนโหมงานหนักจนสิ้นใจ..!!

       
        ชื่อของนางแบบสาว "อ้ายเหว่ยเหว่ย" อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักอะไรมากมาย แต่ข่าวการเสียชีวิตของเธอกลายเป็นข่าวใหญ่ ที่สื่อในประเทศจีนต่างให้ความสนใจ เพราะมันมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก ที่สะท้อนไปถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยการปากกัดตีนถีบ และแข่งขันของคนรุ่นใหม่
       
       เมื่อวันที่ 16 พ.ค. มีเปิดเผยถึงข่าวเศร้าว่า นางแบบสาวชาวจีน อ้ายเหว่ยเหว่ย ได้สิ้นลมลงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ค. ที่โรงพยาบาลในมณฑลฝูเจี้ยน จากสาเหตุการป่วยเป็น ลูคีเมีย หรือ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน อันเป็นผลจากการทำงานหนักมาอย่างยาวนาน
       
       นางแบบ สาววัย 22 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวจีน จากผลงานหลาย ๆ ชิ้นที่ถูกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์รวมถึงภาพถ่ายแบบโปรโมตกิจกรรมการแข่งขัน ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2010 ของเว็บไซต์แห่งหนึ่ง และเป็นนางแบบชื่อดังในแวดวงเกมออนไลน์ นอกจากนั้นเธอยังทำงานเบื้องหลังเป็นกรรมการผู้จัดการของสื่อท้องถิ่นแห่ง หนึ่งด้วย
       
       ซึ่งที่ผ่านมา อ้ายเหว่ยเหว่ย ได้รับการจดจำจากบรรดาคนใกล้ชิด รวมถึงแฟน ๆ ในฐานะ “สาวบ้างาน” ที่ทำงานหนักจนเรียกว่าละเลยการดูแลรักษาสุขภาพ โดย จูซิ่ง ผู้จัดการส่วนตัวของเธอ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนี้ได้ “การทำงานข้ามวันข้ามคืนถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอ บางทีก็ทำงานติดต่อโดยไม่ได้พักผ่อนเลยถึง 3 วันติดต่อกันเลย”
       
       “อ้ายเหว่ยเหว่ย ยังมีปัญหาเกี่ยวกับท้อง เพราะเธอกินอาหารไม่ค่อยเป็นเวลา ป่วยเป็นหวัดบ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่ค่อยจะคิดมากเกี่ยวกับปัญหาพวกนี้ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่นางแบบทุกคนต้องเผชิญอยู่แล้ว”
       
       จากข้อมูลของผู้จัดการส่วนตัวรายนี้ นางแบบสาวผู้ล่วงลับเกิดและเติบโตมาในเจียงซู จนกระทั่งตัดสินใจเดินทางจากบ้านเกิดตั้งแต่มีอายุเพียง 16 ปี และเริ่มต้นทำงานเสริมตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในวิทยาลัยศิลปะ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษา ในปี 2006 เธอได้เดินทางไปที่ ฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน เพื่อเข้าสังกัดของ Julong Network กระทั่งเมื่อเรียนจบจึงรับงานอย่างเต็มตัว
       
       “แค่กินข้าวโอ๊ตนิดเดียวตอนเช้า ตอนนี้ฉันก็เริ่มปวดท้องอีกแล้ว” อ้ายเหว่ยเหว่ย เขียนในบล็อคส่วนตัวของเธอเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา “เทศกาลโคมไฟก็ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว คิดถึงพ่อมาก ๆ ค่ะ”
       
       หนึ่งสัปดาห์หลังจากเทศกาลโคมไฟ เริ่มมีสัญญาณอันตรายเกิดขึ้น เมื่อเธอเกิดเป็นลมระหว่างทำงาน กระทั่งแพทย์ตรวจพบของอาการลูคีเมีย หลังเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลใน ฝูโจว ... “ตอนที่อาการของเธอ เริ่มแย่ กำหนดงานต่าง ๆ ก็เริ่มถูกยกเลิก อ้ายเหว่ยเหว่ย ก็ยังยืนกรานจะทำงานต่อไป และปกปิดเรื่องความร้ายแรงของอาการป่วยเป็นความลับ ท้ายที่สุดเธอได้จากไปอย่างสงบ มีพ่อแม่ และแฟนหนุ่มอยู่เคียงค้าง”
       
       การเสียชีวิตของ อ้ายเหว่ยเหว่ย ถูกประกาศผ่านบล็อค และเว็บไซต์ของบริษัทต้นสังกัด ซึ่งฝ่ายผู้จัดการส่วนตัวยืนกรานว่า นี่ไม่ใช่การประโคมข่าวเพื่อเรื่องทางธุรกิจอย่างที่มีคนกล่าวหา เพราะไม่มีใครที่จะคิดเล่นตลกกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
       
        การเสียชีวิตของนางแบบวัย 22 ปี กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่ต่างร่วมไว้อาลัยกับเรื่องเศร้าครั้งนี้ หลายฝ่ายแสดงความเสียใจ ที่นางแบบผู้มีรูปกายภายนอกงดงามสดใส ต้องมาเสียชีวิตทั้ง ๆ ที่มีอายุน้อยแบบนี้ ในเวลาเดียวกันเรื่องที่เกิดขึ้น ยังกลายเป็นการจุดประเด็น ให้มีการพูดถึงการจัดความสมดุลระหว่าง หน้าที่การงาน และการรักษาสุขภาพ ในหมู่คนรุ่นใหม่ด้วย
       
        เฉินจุนหมิ่น นักโลหิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ฝูโจว ได้กล่าวว่า ลูเคียเมีย เป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับการได้รับสารรังสี หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส เมื่อร่างกายอ่อนแอได้เช่นเดียวกัน
       
       ซึ่งการเสียชีวิตจากการทำงานหนักไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นใน เมืองจีน เพราะก่อนหน้านี้มีหญิงสาววัย 25 ปี ต้องเสียชีวิตจากการโหมทำงานหนักเกินตัวมาแล้ว ขณะที่จากข้อมูลในการทำวิจัยของหน่วยงานแห่งหนึ่งในจีน 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าเคยทำงานล่วงเวลาอยู่เป็นประจำ และ 26% ทำงานเฉลี่ยมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน
       
       "ในสังคมของเราที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทุกคนพยายามไขว่คว้า ทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต" เจิ้งฉีหวู แห่งคณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเซียะเหมินกล่าว "แต่อย่างน้อยเราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่มีจะกฏหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานอายุน้อย ต้องเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไป"
       
       "ผมคิดว่าการเสียชีวิตของ อ้ายเหว่ยเหว่ย จะเป็นเหมือนสัญญาณสำหรับคนที่ให้ความใส่ใจแต่เรื่องงาน จนละเลยการดูแลสุขภาพ อย่ารอจนกว่าวาระสุดท้าย ถึงจะเรียนรู้ว่าความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตคืออะไร"
       
25  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คลอดแล้ว กฎหมายยุติการยื้อชีวิต ผู้ป่วยโคม่ามีสิทธิที่จะขอตาย เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2011, 08:37:18 am
Mthai News : รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) อนุมัติกฎหมายให้ผู้ป่วยอายุ 18 ปีขึ้นไปสามารถมีสิทธิ์ปฏิเสธการรักษาเพื่อยื้อชีวิตต่อไป เพื่อไม่ต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วย โดยมีผลตั้งแต่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา

จากกรณีที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มาตรา 12 ระบุว่า ให้​บุคคล​มี​สิทธิ​ทำ​พินัยกรรม​แสดง​เจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข ที่เป็นไป เพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้ นั้นเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้างว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมในแง่คุณธรรมและ จริยธรรม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับ บริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ.2553 ซึ่งเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มาตรา 12 แล้ว โดยให้ผู้ป่วยมีสิทธิร้องขอที่จะปฏิเสธการรักษา เพื่อยุติความทรมานจากอาการเจ็บป่วยได้และการกระทำดังกล่าวต้องเป็นไปด้วย ความสมัครใจ ไม่สามารถบังคับได้ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
26  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรม 25-26 มิ.ย.2554 วัดราชสิทธาราม คณะ 5 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 11:14:01 am
ขอเชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ประจำเดือนมิถุนายน

                        ระหว่างวันเสาร์-อาทิตย์ที่25-26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

                 ลงทะเบียน วันเสาร์ที่25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 09.00- 10.00น.

       ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซอยอิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ   

                     (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)   โทร. 084-651-7023

                 รถประจำทาง  สาย 19  40  56 57 149 ผ่านซอยอิสรภาพ 23

กำหนดการ เดือนมิถุนายน 54

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554 แรม 9 ค่ำ เดือน 7

เวลา  09.00-10.00              ลงทะเบียน รับประทานอาหารเช้า

เวลา 10.000-11.00          รับศีล ขึ้นกรรมฐาน  รับประทานอาหารกลางวัน

เวลา  13.00-14.00            ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหา พักดื่มน้ำปานะ

เวลา 14.00-16.30            เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำ  ทำธุระส่วนตัว

เวลา 16.30-17.00            ทำวัตรเย็น   ปฏิบัติธรรม เข้านอน

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2554 แรม 10 ค่ำ เดือน 7

เวลา  06.30-07.00            ทำวัตรเช้า  รับประทานอาหารเช้า

เวลา 07.000-11.00          นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม รับประทานอาหารกลางวัน

เวลา  13.00-14.00            ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหา พักดื่มน้ำปานะ

เวลา 14.00-16.30            เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำ  ทำธุระส่วนตัว

เวลา 16.30-17.00            ทำวัตรเย็น   ลาศีล กลับบ้าน

 

 

ระหว่างวันเสาร์-อาทิตย์ที่25-26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ลงทะเบียน วันเสาร์ที่25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 09.00- 10.00น.

ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซอยอิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ   

(ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)   โทร. 084-651-7023

รถประจำทาง  สาย 19  40  56 57 149 ผ่านซอยอิสรภาพ 23
27  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / “วิสาขบูชาภาวนา อบรมเตรียมตัวตายแบบทิเบต” 12-18 พฤษภาคม 2554 ศูนย์ขทิรวัน หัวหิน เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 10:18:09 am
มูลนิธิพันดาราขอเชิญผู้สนใจเข้ารับการอบรมและร่วมภาวนาเนื่องในวันวิสาขบูชา
เพื่อเตรียมตัวตายอย่างมีสติ เรียนรู้แนวทางในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า
ฝึกสมาธิ และบำเพ็ญบุญกุศลแก่เพื่อนร่วมสังสารวัฏ

ความเป็นมาของกิจกรรม

คำสอนที่เรียกว่า “คัมภีร์มรณศาสตร์” เป็นคู่มืออธิบายชีวิตหลังตายอย่างเป็นระบบ คำสอนนี้ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกและมีผู้นำไปปรับใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วย ระยะสุดท้ายและในการอบรมต่างๆ อาทิ การเผชิญความตายอย่างสงบ ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของคำสอนนี้ มูลนิธิพันดาราจึงได้จัดให้มีการอบรมเรื่องนี้ขึ้นโดยจะทำควบคู่ไปกับการทำ สมาธิภาวนาและปลีกวิเวกในบรรยากาศธรรมชาติ การอบรมนี้เน้นให้มีการเตรียมจิตให้ผ่องแผ้วก่อนวันพระใหญ่ซึ่งจะมีการ บำเพ็ญบุญกุศลด้วยการถวายดวงประทีปเป็นพุทธบูชาที่บริเวณก่อสร้างพระมหาสถูป

เนื้อหาการอบรม : มรณานุสติในพุทธวัชรยาน คัมภีร์มรณศาสตร์ บาร์โดและชีวิตหลังตาย การแตกสลายของธาตุ การบ่มเพาะศรัทธา การเตรียมจิตผู้ป่วยระยะสุดท้าย การปฏิบัติโพวา การทำบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ

รูปแบบการอบรม : บรรยาย สนทนาธรรม ทำสมาธิ 4 ช่วงในแต่ละวัน เดินภาวนา สวดมนตรา ปลีกวิเวก ฝึกโยคะเพื่อเอื้อต่อการทำสมาธิ (2 ครั้งต่อวัน)

นำภาวนา : รศ. ดร. กฤษดาวรรณ หงศ์ลดารมภ์ อาจารย์สอนพุทธวัชรยาน ผู้บรรยายเรื่องการเตรียมตัวตายแบบทิเบตในหลายสถาบัน อดีตอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นำฝึกโยคะ : ครูอ๊อด (ชีวิตสิกขา)

สถานที่อบรม : ศูนย์ขทิรวัน (หัวหิน) ธรรมาศรมแบบทิเบตและสถานก่อสร้างพระศานติตารามหาสถูปอุทิศแด่พระโพธิสัตว์ตา รา ซึ่งนอกจากจะมีความเงียบสงบ งดงาม ยังเป็นสถานที่ที่ได้รับพรจากพระอาจารย์สำคัญหลายท่านของทิเบต

ที่พัก : เต้นท์เดี่ยว เต้นท์ครอบครัว ศาลาที่มีมุ้งลวดกันยุง และเรือนปฏิบัติธรรมรวม (หากเสร็จทันก่อนวันอบรม) ทางมูลนิธิจะเตรียมผ้าห่ม หมอน ถุงนอน ผ้ารองเต้นท์ และเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆให้

อาหาร : อาหารมังสะวิรัติ 3 มื้อต่อวัน (มีน้ำปานะบริการผู้งดอาหารเย็น)

การเดินทาง : เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว หรือโดยรถตู้ที่มูลนิธิจะเช่าให้ มีค่าใช้จ่ายท่านละ 500 บาทสำหรับการเดินทางไปกลับ

บริจาคร่วมกิจกรรม : 2000-4000 บาท เป็นค่าอาหารตลอดการอบรมและค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรม ผู้ที่ไม่สามารถบริจาคร่วมกิจกรรมได้ ทางมูลนิธิจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีไป

หมายเหตุ : (1) ขอให้ผู้เข้าอบรมอยู่ภาวนาจนครบทั้ง 7 วัน เพื่อให้ได้รับผลเต็มที่จากการปฏิบัติ (2) ขอเชิญทุกท่านเวียนเทียน ถวายดวงประทีป ณ บริเวณก่อสร้างพระมหาสถูปและภาวนาเพื่อสันติภาพของโลกในวันวิสาขบูชา

แจ้งความจำนง (พร้อมกรอกใบสมัคร)ได้ที่ 1000tara@gmail.com
โทร 087-829-9387; 083-300-8119

กำหนดการ

วันที่ 12 พฤษภาคม 2554
13.00 น. พบกันที่บ้านมูลนิธิ ออกเดินทางไปศูนย์ขทิรวัน
16.00 น. ถึงศูนย์ขทิรวัน เข้าที่พัก พินิจธรรมชาติยามเย็น
17.00 น. อาหารเย็น
19.00 น. กิจกรรม “ออกจากหลุมอันมืดมิด”
21.00 น. ภาวนา
22.00 น. เข้านอน

วันที่ 13-16 พฤษภาคม 2554
*ประเด็นอบรมเปลี่ยนไปทุกวันตามลำดับของเนื้อหาในคัมภีร์*
5.00 น. ตื่นนอน
5.30 น. กราบอัษฎางคประดิษฐ์ นั่งสมาธิ ทำวัตรเช้า
7.00 น. เครื่องดื่มยามเช้า
7.30 น. เดินภาวนา
8.30 น. อาหารเช้า
9.30 น. อบรมพื้นฐานการภาวนา
11.00 น. โยคะ
12.00 น. อาหารกลางวัน
14.00 น. อบรมการเตรียมตัวตาย
15.30 น. โยคะ
16.30 น. สมาธิ
17.30 น. อาหารเย็น
19.00 น. มรณานุสติแบบทิเบต
21.00 น. มนตราภาวนาและสมาธิ
22.00 น. เข้านอน

วันที่ 17 พฤษภาคม 2554 (วันวิสาขบูชา)
5.00 น. ตื่นนอน
5.30 น. กราบอัษฎางคประดิษฐ์ สมาธิ ทำวัตรเช้า
7.00 น. เครื่องดื่มยามเช้า
7.30 น. เดินภาวนา
8.30 น. อาหารเช้า
10.00 น. อบรมการเตรียมตัวตาย
11.30 น. โยคะ
12.00 น. อาหารกลางวัน
14.00 น. ปลีกวิเวก
15.30 น. โยคะ
16.30 น. สมาธิ
17.30 น. อาหารเย็น
19.00 น. ถวายดวงประทีป 505 ดวงที่บริเวณพระมหาสถูป
21.00 น. แบ่งปันประสบการณ์
22.00 น. เข้านอน

วันที่ 18 พฤษภาคม 2554
5.00 น. ตื่นนอน
5.30 น. กราบอัษฎางคประดิษฐ์ นั่งสมาธิ ทำวัตรเช้า
7.00 น. เครื่องดื่มยามเช้า
7.30 น. สรุปข้อคิดจากการอบรม
9.00 น. อาหารเช้า
10.30 น. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
__________________________________________________________________________

ใบสมัคร
“วิสาขบูชาภาวนา อบรมเตรียมตัวตายแบบทิเบต”
12-18 พฤษภาคม 2554
ศูนย์ขทิรวัน หัวหิน




กรุณากรอกแบบฟอร์มนี้และส่งกลับมายัง 1000tara@gmail.com หรือส่งโทรสารที่ 02 528 5308

ข้อมูลผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิสาขบูชาภาวนา

http://krisadawan.wordpress.com/2011/04/03/tibetan-dying-retreat/
28  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ทำบุญ แล้ว เสียดาย แต่ทำไปแล้ว จะได้บุญหรือไม่คะ เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 07:22:26 pm
มีคนมาขอบริจาคให้ช่วย ผ้าป่า ตอนนั้นก็มีจิตศรัทธา ช่วยเหลือในการดำเนินการ
แต่พอโดนเพื่อนแซว เรื่องผ้าป่า มากๆ คะเช่น มาอีกแล้วผ้าป่า เบื่อจริง ๆ พวกนักบุญ คือ พึ่งทำครั้งแรกคะ
โดนแซวอย่างนี้เป็นต้น นะคะ รู้สึกว่าตนเองเหมือนกำลังมาสร้างความรำคาญ ให้กับเพื่อน ๆ
ก็เลยหมดศรัทธา ไม่อยากจะทำคะ ตอนเก็บซอง ก็เลยไม่เดินไปเก็บคะ คือถ้าใครไม่นำมาให้ก็ไม่ไปเก็บคะ

ไม่ทราบว่า อย่างนี้ยังจะได้บุญ บ้างหรือไม่คะ

 :c017:
29  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อาการหมั่นไส้ คน ที่มารยา นี้จะแก้อย่างไรดีคะ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2011, 12:29:15 pm
คือ ทำงานมาจะ 30 ปีแล้ว พึ่งเห็นอาการเพื่อนรุ่นน้องที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ แสดงอาการ มารยา สาไถย เวลาคุยกับเจ้านาย ประเภทต่อว่า มะพลับ ลับหลังเป็นตะโก พอใจ กระทบเรื่องอย่างนี้ แล้วรับไม่ได้ รู้สึกโมโห แช่งชักหักกระดูก กันทีเดียว เป็นภาษาชาวบ้าน อยากจับเจี๊ยน จริงๆ แท้ที่จริงก็เป็นอาการที่หมั่นไส้ มาก ๆ คะ

  พอกลับมามองที่ตนเอง เห็นว่า ทำไมเราศึกษาธรรมะมาอย่างนี้ แล้ว ทำไมต้องโกรธอย่างนี้ คิดอย่างนี้เหมือนการฝึกฝนธรรมะ  มานั้นยังไม่สามารถรับมือเรื่องนี้ได้

  อยากทราบว่า อาการหมั่นไส้ ที่เกิดขึ้นนี้ มีวิธีการขจัดไปอย่าง คุณธรรม จริง ๆ ทำอย่างไรดีคะ

   :73: :'(
30  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปฏิบัติเนกขัมมะ เพื่อการภาวนา 3 - 10 เม.ย.54 ที่ผ่านมาคะ เมื่อ: เมษายน 30, 2011, 10:06:15 pm
Nekham 3-10 April 11


ชมภาพบรรยากาศ ประกอบเพลง นะคะ

ขอบคุณ : thefreemovieonline24
 :25: :25: :25:
31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชนะ หรือ แพ้ ก็เพียงแค่สมมุติ เมื่อ: เมษายน 26, 2011, 08:49:33 am
เคยรู้สึกกันบ้างหรือเปล่าว่าทุกสิ่งทุกอยางบนโลกใบน ี้ ล้วนแล้วแต่จะนำมาซึ่งความผิดหวังได้ทั้งสิ้นเพราะคว ามผิดหวังหรือความล้ม เหลว มันอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา มันเกิดขึ้นมาจากทุกอย่างรอบตัว มันทั้งหยอกเล่น เอาจริง รังแก หรือแค่ทดสอบเรา จนบางครั้งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งข องชีวิตไปเสียอย่างนั้น

แต่เมื่อเจอกันอีกครั้ง เรากลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มันอยู่ดี หลายคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และทำอย่างไรจึงจะสามารถเอาชนะมันได้สักที

อาจกล่าวได้ว่า ความล้มเหลวและความผิดหวังนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับ เราไม่ต่างจากความสม หวัง เพีงแต่คนเรามักจะสมมติให้ตัวเองพึงพอใจกับความสมหวั งมากกว่าเท่านั้นเอง

ในยามที่สมหวัง เราอาจจะบอกกับตัวเองว่าเป็น "ผู้ชนะ" โดยที่ไม่เคยสนใจว่าได้มันมาอย่างไร หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเก็บรักษาเอาไว้ได้นานอย่างไร

ในทางกลับกัน เมื่อเป็นฝ่ายที่ต้องผิดหวังบ้าง เราก็มักจะตอกย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าเราเป็น "ผู้แพ้" คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามสิ่งสำคัญของชีวิตไป เพราะมัวแต่จดจ้องอยู่แค่คำว่า

แพ้ . . . ชนะ

สำหรับ ผมแล้วมีสิ่งหนึ่งที่คนเราไม่ควรมองข้าม นั่นคือการมีน้ำใจนักกีฬา และการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทัน ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ เมื่อได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว ให้คิดเสียว่าเราแพ้สิ่งหนึ่งเพื่อทำให้รู้ตัวว่า

"เราอาจจะเหมาะกับอีกสิ่งหนึ่งมากกว่า"

จงอย่ามัวเสียดายในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราให้นานนัก จงออกไปค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับการพรรณนาถึงความล้มเหลวอย ่างไร้สติรังแต่จะทำให้ ตัวเองรู้สึกด้อยค่ายิ่งขึ้นเท่านั้น

หากเปรียบชีวิตคนเราเป็นการแข่งขัน โลกนี้ก็คงเป็นสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเข้าร่วมอย่างไม่ม ีเงื่อนไข และก็ใช่ว่าโลกจะจำกัดชนิดกีฬาที่แข่งขัน มีหลากหลายอย่างที่ให้เราเลือกเล่น เราจึงต้องแสดงฝีมือในสิ่งที่ตนเองถนัดอย่างเต็มความ สามารถ จนกว่าระฆังยกสุดท้ายของชีวิตจะดังขึ้น ซึ่งก็จะเป็นการสิ้นสุดการแข่งขันอันยาวนานนั้นลง

และในสนามแข่งขันของเกมชีวิตนั้นจะไม่มีการพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก ที่สำคัญไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ เพราะเราต่างเกิดมาเพื่อที่จะเล่นเกมของตัวเองด้วยตั วเองจนจบ

แม้บางเกมเราจะแพ้หรือชนะ แต่ทุกๆ เกมเกิดจากการตัดสินใจของตัวเราเองทั้งสิ้น เราจึงต้องยืดอกยอมรับต่อผลที่เกิดขึ้นอย่างกล้าหาญ และน่าจะดีกว่าถ้าเราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อจะไม่ต้องเสียใจในภายหลังเมื่อความผิดหวังมาเยื อน

เมื่อพูดอย่างนี้ ก็ใช่ว่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอไป เพราะบางครั้งความพ่ายแพ้ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไ ปกว่ากันเลย แม้ว่าชัยชนะจะเป็นยอดปรารถนาของคนเราก็ตามที แต่เรามักจะได้อะไรดีๆ ในชีวิตจากความพ่ายแพ้มากกว่า เพียงแต่เราต้องทำความรู้จักและเรียนรู้จากมัน เพื่อสามารถนำเอาความผิดพลาดต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในครั้งต่อไป ดังเช่นที่ นโปเลียน นักการเมืองการทหารผู้ยิ่งใหญ่ชาวฝรั่งเศส เคยกล่าวไว้ว่า

"คนที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด ยังห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จนัก"

ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นผู้ชนะฝ่ายเดียว
แพ้เสียบ้างก็เป็นกำไรชีวิตได้เช่นกัน

และ นอกเหนือจากมนุษย์ทุกคนจะต้องการปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิต ความทุกข์ที่เกิดจากความผิดหวังและความพ่ายแพ้ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องพบพานเหมือนกันหมด และเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน ทุกคนต่างก็มุ่งหวังที่จะเป็นผู้ชนะให้ได้

คนส่วนใหญ่จึงอาจจะคิดว่าการเป็นที่หนึ่งนั้นจำเป็นต ้องเอาชนะคนอื่นเท่า นั้น หากแต่แท้จริงแล้ว เกมที่เราแข่งขันอยู่ในสนามชีวิตจริง อาจไม่จำเป็นต้องมีคู่แข่งอื่นใดนอกจากตัวเรา เพราะบางทีเพียงแค่การเอาชนะใจตัวเอง เพราะบางทีเพียงแค่การเอาชนะใจตัวเองมันก็เป็นเรื่อง ที่ยากเย็นเสียนี่กระไร

บางทีหากเราต้องการจะเป็นผู้ชนะตัวจริง จึงไม่ใช่การวิ่งแซงหน้าเพื่อเอาชนะใครต่อใคร หากแต่คือการเอาชนใจตัวเองให้ได้ ก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้วล่ะ
32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปลูกต้นไม้เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ในบ้าน เมื่อ: เมษายน 21, 2011, 08:03:58 am
ปลูกต้นไม้เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ในบ้าน



เริ่มจากใน สำนักงาน ควรปลูก ต้นจั๋ง(Lady Palm)  เพราะ ช่วยปรับสภาพอากาศให้ที่ร่มได้ดี ลดมลภาวะที่เกิดจากเครื่องใช้สำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ น้ำหมึกพรินเตอร์ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ ห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ควรปลูก ยางอินเดีย (Rubber Plant) เพราะมีคุณสมบัติช่วยทำให้อากาศในห้องหมุนเวียนดีขึ้น และยังเพิ่มความชื้นให้อากาศในห้องไม่แห้งจนเกินไป

มาต่อกันที่ ห้องนอน ควรปลูก เยอร์บีรา นอกจากมีความสวยงามแล้ว ต้นไม้ชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชื้น ปรับสภาพอากาศ และดูดกลิ่นอับภายในห้องได้อีกด้วย

ห้องน้ำ ควรปลูก เฟิร์น พลูด่าง เศรษฐีเรือนใน ที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับอากาศเป็นพิษที่เชื้อโรคปล่อยออกมา และสารเคมีจากน้ำยาทำความสะอาดผนังและพื้นห้อง

ห้องครัว ควรปลูก บอสตัน เฟิร์น (Boston Fern) เพราะจะช่วยดูดกลิ่นเขม่าควันจาการทำอาหาร และดูดซับสารเคมีจากน้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องครัว

ปิดท้ายด้วย ทุกห้อง ควรปลูก เดหลี (Peace Lily) ช่วย ดูดซับสารเคมีในอากาศที่มาจากผลิตภัณฑ์และวัสดุตกแต่งบ้าน พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำยาทำความสะอาด เครื่องสำอางบางชนิด เช่น สเปรย์ มูสใส่ผม น้ำยาล้างเล็บ เป็นต้น

เพียงแค่ปลูกต้นไม้ถูกหลัก ในจุดต่างๆนี้ คุณก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศราคาแพง และบ้านก็จะมีอากาศบริสุทธิ์อย่างเป็นธรรมชาติ
หน้า: [1]