ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอคำแนะนำ การเจริญอิทธิบาท 4 กับพระกรรมฐาน มัชฌิมา ด้วยคะ  (อ่าน 4007 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอคำแนะนำ การเจริญอิทธิบาท 4 กับพระกรรมฐาน มัชฌิมา ด้วยครับ

มีวิธี การเจริญอย่างไร ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 30, 2010, 01:44:59 pm โดย ประสิทธิ์ »
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อิทธิบาท ๔
๑.ภิกษุในศาสนานี้เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิ
   ปธานสังขาร
๒.เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยะสมาธิปธานสังขาร
๓.เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร
๔.เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิมังสาสมาธิปธานสังขาร



เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิปธานสังขาร
ถ้าภิกษุทำฉันทให้เป็นอธิบดีแล้วจึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิต สมาธินี้เรียกว่าฉันทสมาธิ ภิกษุนั้นทำฉันทให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ทำความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น มิให้เกิดขึ้น ทำฉันทให้เกิด พยายามปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ไม่สาบสูญ ความภิญโญยิ่ง ความไพบูลย์ ความเจริญ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว สภาวธรรมเหล่านี้เรียกว่า ปธานสังขาร



เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยะสมาธิปธานสังขาร
ภิกษุทำความเพียรเป็นอธิบดีแล้วจึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิต สมาธินี้เรียกว่าวิริยสมาธิ ภิกษุนั้นทำฉันทให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ประคองความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น เพื่อละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น ทำฉันทให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิญโญยิ่ง ความไพบูลย์ ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว สภาวธรรมเหล่านี้ เรียกว่า ปธานสังขาร



เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร
ภิกษุทำจิตให้เป็นอธิบดีแล้วจึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิตสมาธินี้เรียกว่า จิตตสมาธิ ภิกษุนั้นทำฉันทให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ประคองความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น เพื่อละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น ทำฉันทให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิญโญยิ่ง ความไพบูลย์ ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว สภาวธรรมเหล่านี้ เรียกว่า ปธานสังขาร



เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิมังสาสมาธิปธานสังขาร
ภิกษุทำปัญญาให้เป็นอธิบดีแล้วจึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิต สมาธินี้เรียกว่า วิมังสาสมาธิ ภิกษุนั้นทำฉันทให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ประคองความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น เพื่อละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น ทำฉันทให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิญโญยิ่ง ความไพบูลย์ ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว สภาวธรรมเหล่านี้ เรียกว่า ปธานสังขาร

ที่มา จากหนังสือ สมถะ วิปัสสนาจากพระไตรปิฏก โดย พระครูสิทธิสังวร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 01, 2010, 05:17:15 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

utapati

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ สาธุ สาธุ
 :25:
บันทึกการเข้า

paisalee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 382
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แล้วความเห็น ส่วนตัว ของ อาจารย์ มีหรือป่าวครับ

อยากอ่านและฟัง ความเห็นครับ จะได้ประเมินการปฏิบัติ ของอาจารย์ ด้วยครับ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า
บุญที่้ข้าพเจ้าได้ทำวันนี้ ขออุทิศให้แก่ บิดาและน้องชายที่ล่วงลับ มารดาที่ยังมีชีวิตอยู่

ban

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 117
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
จะได้ประเมินการปฏิบัติ ของอาจารย์ ด้วยครับ

 จะประเมินไปทำไม ครับ ? ผมว่าคุณอ่านคำตอบของพระอาจารย์ ตั้งแต่คำถามแรก เลยก็ได้

 พระพุุทธเจ้า เท่านั้นที่จะประเมิน กิเลสของพระอริยะ พระอรหันต์ ด้วยกัน ยังทำไม่ได้เลยนะครับ

 ผมว่า ประเมิน กิเลสของเราเองดีกว่า นะครับ

   :smiley_confused1:

 
บันทึกการเข้า