ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยังมีรอยพระทนต์สมเด็จพระนเรศวร อยู่ที่ "พระแสงดาบคาบค่าย" คนที่เห็นกับตายืนยัน.!  (อ่าน 1759 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28416
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ภาพเขียนสมเด็จพระนเรศวรทรงปีนค่ายพม่า


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ.! ยังมีรอยพระทนต์สมเด็จพระนเรศวรอยู่ที่ "พระแสงดาบคาบค่าย" คนที่เห็นกับตายืนยัน.!

“พระแสงดาบคาบค่าย” ก็คือพระแสงที่สมเด็จพระนเรศวรทรงคาบขณะที่ปีนค่ายพม่า ซึ่งพระแสงนั้นเป็นเหล็ก จึงไม่น่าที่พระทนต์จะกดลงจนเป็นรอยได้ แต่การปีนค่ายพม่าก็เป็นยุทธวิธีที่สำคัญยิ่งต่อความเป็นเอกราชของชาติไทย ความมุ่งมั่นในพระราชหฤทัยของสมเด็จพระนเรศวรต่อการกู้ชาติ ก็อาจเป็นพลังอันมหาศาลที่แม้แต่เหล็กก็ยังเป็นรอย
       
       จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) ผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทรัชกาลที่ ๖ ได้เขียนเล่าไว้เกี่ยวกับ “พระแสงดาบคาบค่าย” ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงคาบด้วยพระทนต์ ขณะปืนค่ายพม่าที่ยกมาล้อมกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.๒๑๒๙ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำมาถือขณะทรงเครื่อง “มหาพิชัยยุทธ” ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ ตอนลงพระนามประกาศสงครามเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑ ไว้ว่า

        ans1 ans1 ans1

       “...เนื่องจากผู้เขียนได้เคยได้รับหน้าที่เชิญพระแสงองค์นี้เข้ากระบวนในพิธีต่างๆ จึงชอบพิจาณาดูว่าลักษณะมีอะไรสำคัญอยู่บ้าง เพื่อจะได้จดจำไว้เล่าให้ลูกหลานฟังในภายหน้า พระแสงองค์นี้มิได้ประดับประดาอะไรไว้มากมายเช่นพระแสงองค์อื่นๆ เช่นมีการประดับเพชรพลอยไว้ที่ฝักซึ่งเป็นทองคำ เป็นแต่สอดลงในฝักทองเกลี้ยงๆ เก่าๆไม่ขัดมันอย่างไร ที่ด้ามถือมีสลักลวดลายเพื่อให้ทรงจับถนัดไม่ลื่น แต่แล้วเพื่อนๆ มหาดเล็กด้วยกันก็เล่าว่า ที่ตัวพระแสงภายในนั้น มีรอยพระทนต์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอยู่กึ่งกลางพระแสงนั้นด้วย

           สิ่งนี้เป็นจุดสนใจของผู้เขียนเป็นอย่างมาก เพราะอยากจะเห็นด้วยตาตนเอง ว่ารอยพระทนต์นั้นมีจริงหรือไม่ แต่ในหน้าที่ผู้เชิญพระแสงจะชักออกมาจากฝักนั้นจะพึงกระทำมิได้ เป็นการผิดกฎมณเฑียรบาล ถ้าเป็นสมัยโบราณอาจถูกกล่าวว่าเป็นกบฏได้ ด้วยความอยากรู้ วันหนึ่งจึงไปหาเจ้าหน้าที่รักษาพระแสง และขอร้องให้เขานำออกมาทำความสะอาด จึงได้มีโอกาสพิจารณาโดยละเอียด ก็เห็นรอยลางๆ คล้ายฟันอยู่ส่วนกลางประมาณ ๓-๔ ซี่เป็นวงโค้ง”

       

ภาพปั้นทรงปืนค่าย ที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่อยุธยา


       ในสงครามกู้ชาติของสมเด็จพระนเรศวรหลังประกาศอิสรภาพที่เมืองแครงนั้น กองทัพพม่าที่พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงได้ยกมาล้อมกรุงศรีอยุธยา นับเป็นกองทัพที่เข้มแข็งกว่าไทยมาก กองทัพพม่าเกรียงไกรมาตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ และเข้มแข็งยิ่งขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าบุเรงนอง แต่ไทยที่เสียกรุงครั้งแรกในปี ๒๑๑๒ กรุงศรีอยุธยาเหลือแค่เปลือกเมือง ทรัพย์สินและผู้คนถูกกวาดต้อนไปหมด อีกทั้งคนไทยยังเกรงกลัวพม่ามาตลอด หากรบกันในยามที่ทั้งทหารและราษฎรยังเกรงกลัวข้าศึกนั้น โอกาสชนะคงเป็นไปได้ยาก สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงทำสงครามจิตวิทยาเรียกขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารของพระองค์ ให้เห็นว่าพม่านั้นไม่มีความน่ากลัวแต่อย่างใด เมื่อมีโอกาสเหมาะเมื่อใดพระองค์ก็จะนำทหาร ๒๐๐-๓๐๐ คนออกไปปล้นค่ายพม่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน
       
       ครั้งหนึ่งทรงนำทหารออกไปปล้นค่ายพม่า และปะทะกับกองกำลังที่ป้องกันค่าย ทรงไล่ฟันข้าศึกจนถอยร่นไปถึงค่ายหลวงของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง และเมื่อถึงค่ายหลวงแล้วก็ทรงลงจากม้าพระที่นั่ง คาบพระแสงดาบคู่พระหัตถ์นำทหารขึ้นปีนค่ายหลวง จนพระองค์ถูกพม่าแทงตกลงมา ส่วนทหารพม่าหน้าค่ายก็กรูกันเข้ามา แต่พระองค์ก็นำทหารแหวกวงล้อมกลับสู่พระนครได้ ทำให้พระเจ้านันทบุเรงเสียหน้าอย่างมาก


        :sign0144: :sign0144: :sign0144:

       การปีนค่ายพม่าแม้แต่ค่ายหลวงนี้ ดูเป็นการเสี่ยงที่ไม่มีผลต่อสงครามแต่อย่างใด แต่กลับทำให้ขวัญกำลังใจทหารไทยฮึกเหิม ฝ่ายพม่าตกเป็นฝ่ายเสียขวัญจนแตกไปทีละค่าย ต้องถอยทัพกลับไปก่อนที่ทัพหลวงจะถูกตีแตก
       
       พระแสงดาบที่ทรงคาบขึ้นปีนค่ายนี้ จึงได้ชื่อต่อมาว่า “พระแสงดาบคาบค่าย” และใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดมา

       

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯทรงชุดมหาพิชัยยุทธ


       ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศสงครามกับเยอรมันออสเตรียฮังการีในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๐ เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๑ พระแสงดาบคาบค่ายก็มีบทบาทร่วมด้วย
       
       หลังจากลงพระนามประกาศสงครามแล้ว ในวันรุ่งขึ้นทรงจัดขบวนพยุหยาตราเสด็จไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามประเพณีของบูรพกษัตริย์ที่จะไปราชการสงคราม ในการเสด็จครั้งนี้พระองค์ทรงเครื่องด้วยชุด “มหาพิชัยยุทธ” ซึ่งจมื่นอมรดรุณารักษ์ได้บรรยายไว้ว่า
       
       “อันเครื่องทรงดังกล่าวซึ่งมีชื่อ “มหาพิชัยยุทธ” อันเป็นเครื่องสำหรับกษัตริย์ทรงในยามออกศึกสงครามนี้ ประกอบด้วยพระภูษาม่วงไหมสีแดงเลือดนก ทรงนุ่งโจงกระเบนแบบไทยเดิม ฉลองพระองค์แพรสีแดงเช่นเดียวกัน แบบผ่าอกครึ่ง กลัดกระดุมโลหะหัวเม็ด คอตั้งแบบราชการ มีจีบรอบไหล่เล็กน้อย แขนยาวแบบราชการพับปลายข้อมือ ชายฉลองพระองค์นี้ยาวคลุมลงมาเหนือพระชงฆ์เล็กน้อย มีผ้าคาดฉลองพระองค์ผูกห้อยชายไว้ด้านซ้าย ถุงพระบาท รองพระบาทสีแดงทั้งชุด


        :96: :96: :96:

       บนพระอังสาเบื้องขวาสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พระสังวาลนพรัตน์ราชวราภรณ์ พระหัตถ์เบื้องซ้ายทรงถือพระแสงดาบคาบค่าย ทรงทัดใบสน พระหัตถ์ขวาทรงถือใบยอ แต่ไม่ทรงพระมาลา”
       
       นอกจากเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องทรงชุดมหาพิชัยยุทธแล้ว พระแสงดาบคาบค่ายยังถือเป็นพระแสงสำคัญองค์หนึ่งในหมู่พระแสงรายตีนทอง สำหรับให้มหาดเล็กเชิญตามเสด็จในพระราชพิธีใหญ่ๆ ทั้งยังเป็นพระแสงที่ใช้จุ่มลงในหม้อน้ำพระพุทธมนต์ต่อหน้าพระมหามณีรัตนปฏิมากร ในพิธีอ่านโองการแช่งน้ำในวันถือน้ำพิพัฒน์สัตยาอีกด้วย



คอลัมน์ เรื่องเก่า เล่าสนุก โดย โรม บุนนาค 
http://www.manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9590000095560
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
   สององค์ที่ชอบ มากคือ..สมเด็จพระนเรศวร

                 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

  เเกร่งกล้าเกรียงไกร   ปรีชาสามารถ  ปฏิภาณประสบการ์มาก


    เจ๋งชอบมาก ครับสององค์นี้
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์