ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วัดพระยาไกร ที่หายไป  (อ่าน 230 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28409
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
วัดพระยาไกร ที่หายไป
« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2022, 06:37:45 am »
0


ภาพถ่ายเก่าของอุโบสถวัดพระยาไกร


วัดพระยาไกร ที่หายไป | มองบ้านมองเมือง

ต่อเนื่องจากเรื่อง จากเอเชียติก มาเป็นเอเชียทีค ที่พาไปมองเมื่อครั้งที่แล้ว เล่าขานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันวาน และมาจบลงตรง วัดพระยาไกร ที่หายไป ในวันนี้

ในปัจจุบัน คนในเขตบางคอแหลม แม้จะคุ้นเคยกับ แขวงวัดพระยาไกร และ สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร แต่คงสงสัยว่า วัดพระยาไกร ที่เป็นที่มาของนาม นั้นอยู่ไหน เพราะไม่ปรากฏว่ามีวัดพระยาไกร ในพื้นที่เขตบางคอแหลม และพื้นที่เขตอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ในแผนที่ประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ พ.ศ.2451 2453 และ 2464 จะระบุตำแหน่งวัดพระยาไกร ว่าอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงตำแหน่งที่ตั้ง เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ในปัจจุบัน และตรงกับตำนานของวัดโบราณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่พระยาไกรโกษาธิบดีมีจิตศรัทธาบูรณะ ชาวบ้านจึงเรียกขานว่า วัดพระยาไกร

เพียงแต่ว่า พระยาไกรโกษาธิบดี ถึงแก่กรรมก่อนที่จะบูรณะวัดแล้วเสร็จ อีกทั้งประสบปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะเป็นหนี้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มากถึงร้อยชั่ง ภรรยาจึงถวายที่ดินชดใช้แทนหนี้ ส่วนวัดที่ยังบูรณะไม่แล้วเสร็จถูกทิ้งร้าง



แผนที่กรุงเทพฯ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. 2453 แสดงให้เห็นวัดพระยาไกร

เมื่อมีการตัดถนนเจริญกรุงผ่านที่ดินแปลงนี้ บริษัท อีสต์เอเชียติก ของฮอลันดา จึงได้ขอเช่าพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสร้างสำนักงาน โกดัง และโรงเลื่อย

ยังมีเรื่องเล่าอีกว่า เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานีนั้น มีการอัญเชิญพระพุทธรูปขนาดใหญ่จากหัวเมือง ที่ชำรุดเสียหายมาบูรณะซ่อมแซม และนำไปประดิษฐานตามพระอารามต่างๆ ซึ่งรวมถึงวัดโบราณ คือวัดโชตนาราม หรือต่อมาคือ วัดพระยาไกร ที่มีการอัญเชิญองค์พระมาถึง 2 องค์

เมื่อกลายเป็นวัดร้างและจะเป็นที่ตั้งของบริษัท อีสต์เอเชียติก กรมการศาสนาจึงให้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสององค์ไปประดิษฐานที่วัดอื่น โดยวัดไผ่เงิน ที่อยู่ไม่ไกล อยู่ในย่านบางคอแหลมนั้น เลือกองค์พระสัมฤทธิ์ไป จึงเป็นที่มาของนามวัดในปัจจุบัน คือ วัดไผ่เงินโชตนาราม

ในขณะที่ วัดไตรมิตรวิทยาราม ที่อยู่ไกลถึงตลาดน้อย เยาวราช ได้องค์พระปูนปั้นชำรุดที่เหลืออยู่ จึงนำไปประดิษฐานในเพิงสังกะสี และเรียกขานว่า หลวงพ่อ (จาก) วัดพระยาไกร ต่อมาเมื่อจะก่อสร้างวิหารหลังใหม่ ต้องโยกย้ายองค์พระปูนปั้น ระหว่างการเคลื่อนย้ายนั้น สายกว้านองค์พระเกิดขาด ทำให้องค์พระตกกระแทกพื้น จนปูนปั้นแตกเสียหาย ทำให้เห็นว่ามีองค์พระทองคำซ่อนอยู่ข้างใน และเป็นที่มาของพระพุทธรูปทองคำหนักสองตัน แห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ที่มีพระนามว่า พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ในปัจจุบัน

แม้ว่าทุกวันนี้วัดโชตนารามจะหายไป แต่ก็มีวัดไผ่เงินโชตนาราม รวมทั้งพระสัมฤทธิ์ก็ยังอยู่ เช่นเดียวกับวัดพระยาไกรที่หายไป แต่หลวงพ่อปูนปั้นวัดพระยาไกร ยังคงอยู่ แต่กลายเป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง เรื่องราวที่เกิดขึ้น คล้ายนิทาน ที่สอนให้เรารู้ว่า ไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอน

ศูนย์การค้าที่สวยงามด้วยแสงสีในวันนี้ เนื้อในเป็นโกดังเก็บสินค้าในวันวาน ส่วนองค์พระปูนปั้นในวันวานนั้น กลับกลายเป็นพระทองคำเปล่งประกายในวันนี้ •



 

ขอขอบคุณ :-
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4-10 พฤศจิกายน 2565
คอลัมน์ : มองบ้านมองเมือง
ผู้เขียน : ปริญญา ตรีน้อยใส
เผยแพร่ : วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2565
URL : https://www.matichonweekly.com/column/article_622215
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 08, 2022, 06:41:58 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ